top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "Zeta Cafe" โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สุขุมวิท 22 บุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดและอาหารนานาชาติดีๆตลอด 4 ชั่วโมงเต็ม

อัปเดตเมื่อ 17 ก.ย. 2566

พิเศษเมื่อจองห้องอาหาร "Zeta Cafe" ผ่านลิงก์นี้ > https://citly.me/316Cx < รับสิทธิพิเศษมา 4 จ่าย 3 เฉลี่ยเพียงคนละ 862.50 บาท และโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์อื่นๆอีกมากมายเริ่มต้นที่ท่านละ 429 บาทสุทธิ จัดยาวจนถึงวันที่ 09 พฤษจิกายน 2566


วันนี้เราได้รับการรับเชิญจาก PR ของโรงแรมฮอลิเดย์อินน์สุขุมวิท 22 ให้มารีวิวบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ด-อาหารนานาชาติแบบจัดเต็มนั่งทานได้ตลอด 4 ชั่วโมงทุกวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. ที่ "Zeta Cafe" ชั้น 8 ราคาคนละ 1,150 บาท เด็กอายุ 1-5 ขวบทานฟรี 6-12 ปีจ่ายเพียง 575 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษมา 4 จ่าย 3 เฉลี่ยเพียงคนละ 862.50 บาทและเฉพาะผู้ถือบัตร IHG One Rewards เท่านั้นรับส่วนลดค่าอาหารอีกทันที 20% (ถ้าไม่มีก็สามารถสมัครได้ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับลูกค้าชั้น 1) วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวปักหมุดขับตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดขนาดใหญ่ในตึกบริการฟรี ถ้าเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีอโศกหรือ MRT สถานีสุขุมวิทแล้วเรียกรถยนต์-เดินเท้าต่ออีกประมาณ 800 เมตรก็จะถึงจุดหมายปลายทาง เข้ามาด้านในล็อบบี้เลือกลิฟต์ตัวไหนก็ได้ขึ้นไปที่ชั้น 8 ออกจากประตูจะพบกับห้องอาหารติดสระว่ายน้ำส่วนกลางของโรงแรม โดยวันนี้เราตั้งใจถึงก่อนเวลาเพื่อถ่ายรูปบรรยากาศกับไลน์อาหารก่อนว่ามีอะไรให้ทานบ้างรอชมพร้อมๆกันเลยครับ

บรรยากาศภายในห้องอาหารเน้นความปลอดโปร่งโล่งสบายด้วยประตูกระจกบานใหญ่ติดตั้งยาวตลอดทั้งแนวช่วยเปิดรับแสงแดดธรรมชาติให้สอดส่องเข้ามาอย่างนุ่มนวลและทั่วถึง แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลักเรียงจากทางซ้ายไปขวามือสุดเริ่มต้นด้วย 1. โซนรองรับแขกของโรงแรมที่จะลงมาเล่นสระว่ายน้ำของส่วนกลางเป็นโต๊ะไม้-เก้าอี้โครงเหล็กรองเบาะนุ่มบางๆเสิร์ฟเฉพาะอาหารทานเล่นพร้อมเครื่องดื่มร้อนเย็นสไตล์ร้านคาเฟ่ เหมาะสำหรับนั่งพูดคุยทำงานหรือจัดประชุมกลุ่มขนาดเล็กๆไม่ได้เป็นทางการมากนัก 2. โซน A La Carte แบบทางการถ้าหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาอร่อยได้เพราะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ส่วนโต๊ะที่ใช้เป็นหินอ่อนแผ่นใหญ่สีดำสนิทแข็งแรง-ทำความสะอาดง่ายและไม่สะสมเชื้อโรค เก้าอี้รองเบาะหนานุ่มพร้อมที่วางแขนสำหรับนั่งทานอาหาร,ดื่มด่ำกับบรรยากาศไปนานโดยไม่ต้องกลัวเมื่อยล้า 3. โซนบุฟเฟ่ต์ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเช้าสำหรับแขกที่พักโรงแรม/กลางวัน/เย็น/ซันเดย์บรันซ์วันพฤหัสบดี-อาทิตย์ (ตารางเวลาดูได้ที่หน้าเพจหรือโทรสอบถามประชาสัมพันธ์) เลือกนั่งได้ทั้งโซนโต๊ะหรือโซฟายาวมีหมอนอิงให้บริการตลอดทั้งแนวหิวก็กินเมื่อยก็พักยิงนานถึง 4 ชั่วโมงได้สบายๆครับ

ถ้าเริ่มรู้สึกว่าเมื่อยล้าหรือแน่นท้องต้องการสถานที่เดินเล่นเพื่อย่อยอาหารในกระเพาะสามารถออกมาด้านนอกประตูกระจกจะพบกับสระว่ายน้ำส่วนกลางของโรงแรมเพื่อเปิดรับสายลมเย็นสดชื่นจากธรรมชาติและมองวิวชมตึกสำนักงานขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ มองลงไปด้านล่างจะเจอเส้นทางวิ่งรถไฟฟ้า BTS พร้อมถนนสุขุมวิทยามเย็นที่มีการจราจรอันแสนวุ่นวาย แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วนหลักอีกเช่นเคยคือ 1. ชุดเก้าอี้สไตล์โซฟาสนามสำหรับนั่งรับประทานอาหารและพูดคุยในบรรยากาศ Outdoor ซึ่งเราสามารถสั่งของกินเล่นเรียกน้ำย่อย/เครื่องดื่มร้อน,เย็นได้จากพนักงานของ "Zeta Cafe" ตลอดระยะเวลาที่เปิดให้บริการ 2. เตียงสำหรับเอนหลังลง-โซฟากลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำโดยส่วนนี้สงวนไว้เฉพาะแขกที่พักบนตึกเท่านั้นแต่เราก็สามารถเดินเล่น,ถ่ายรูปรอบๆได้ 3. โซนชายคาติดห้องอาหารหลักล้อมรอบด้วยโซฟายาวรูปตัว U ไว้รองรับลูกค้าที่ต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นโดยแลกกับอากาศของเมืองไทยซึ่งเอาแน่นอนไม่ได้ ก่อนแขกท่านอื่นจะมาถึงไปสำรวจไลน์อาหารกันก่อนดีกว่าครับ

ออกจากประตูลิฟต์ขึ้นมาชั้น 8 มองไปทางขวามือก็จะพบกับไลน์บุฟเฟ่ต์ของห้องอาหาร "Zeta Cafe" ซึ่งเป็นถนนเส้นยาวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยอาหาร/เครื่องดื่มและขนมหวานอีกมากมายตลอดทั้งแนว แบ่งโซนออกเป็นมุมต่างๆให้ลูกค้าเลือกตักได้ง่ายยิ่งขึ้นทั้ง 1. Seafood On Ice อันเป็นพระเอกหลักของมื้อนี้จัดเรียงวัตถุดิบจากทะเลหลากชนิดอย่างสวยงามอลังการ 2. Steak & Grill Station สั่งเนื้อสัตว์หรือซีฟู้ดสดใหม่ที่อยากพร้อมแนบระดับความสุกเขียนลงบนใบตารางเมนูที่โต๊ะก่อนส่งให้พนักงานมาเสิร์ฟอย่างสะดวกสบาย 3. Japanese Station รวมซูชิ/ซาชิมิกับซุปมิโสะในหม้ออุ่นร้อนตลอดเวลา 4. Hot Dish Station เต็มไปด้วยอาหารไทย-ฝรั่งปรุงสดใหม่นึ่งรอบนเตาไฟฟ้าให้พร้อมตักทานหลากหลายเมนู 5. Salad & Cold Cut เต็มไปด้วยผักสดราดน้ำสลัดสูตรโฮมเมดคลุกผสมเครื่องต่างๆเองได้ตามใจและยำพร้อมทานไปจนถึงเหล่าแฮม/โบโลน่า/ชีส/ขนมปังสไตล์ยุโรปอย่างจัดเต็ม 6. Western & Asian Station รวมพิซซ่าอิตาลี/ไก่อบทั้งตัว/ซุปข้นหนืดสไตล์ตะวันตก/ซุปน้ำใสรสชาติเผ็ดร้อนแบบไทย 7. Beverage & Dessert เต็มไปด้วยขนมหวาน/ผลไม้สด/ไอศครีมพร้อมเครื่องดื่มมากมายนอกจากน้ำเปล่าซึ่งจะมีน้องพนักงานเดินไปเทให้ถึงโต๊ะแล้วก็มีน้ำอัดลม/ชาร้อน/กาแฟสดดูหลากหลายละลานตามากๆครับผม

เริ่มต้นรีวิวกันด้วยมุม Seafood On Ice เต็มไปด้วยวัตถุดิบตัวใหญ่สดใหม่จากท้องทะเลวางลงบนน้ำแข็งเพื่อรักษาอุณหภูมิให้พร้อมทานอยู่ตลอดเวลาทั้ง "กุ้งต้ม" โดยทางโรงแรมใช้เฉพาะแชบ๊วยไซส์ใหญ่สุกกำลังดีเนื้อหวานเด้งกรุบกรอบสู้ฟันสุดๆ / "หอยนางรมเกาหลี" ขนาดกลางๆแต่เนื้ออ้วนแน่นเต็มฝาสีขาวสะอาดรสชาติหวานอ่อนๆตามธรรมชาติไหลลื่นเนียนนุ่มลงคอ / "หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์" คัดเฉพาะขนาดจัมโบ้เนื้อหนาแน่นดูอวบอิ่มลวกสุกให้สัมผัสตอนเคี้ยวเหนียวหนึบมันอร่อยทุกตัว / "ปูม้า" ผสมกันทั้งตัวผู้เนื้อหวานแน่นและตัวเมียเต็มไปด้วยไข่สีส้มต้มแกะกระดองกับปอดออก-ผ่าครึ่งซีกพร้อมคีบไปทานบนโต๊ะได้ทันที ติดๆกันเต็มไปด้วยน้ำจิ้มหลากหลายสูตรให้เลือกตักเองเริ่มกันที่ 1. Lemon สำหรับบีบเพิ่มรสเปรี้ยวมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวขึ้นจมูก 2. Red Shallot Vinegar หรือหอมแดงซอยในน้ำส้มสายชูบัลซามิกเพิ่มรสเปรี้ยวฉุนอมหวานเข้ากับอาหารทะเลสไตล์ฝรั่ง 3. น้ำพริกเผาผสมหอมแดงเจียวของไทยใช้ปรุงรสให้หอยนางรมสดอร่อยครบเครื่องมากยิ่งขึ้น 4. น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพริกสีเขียวแน่นด้วยพริกขี้หนูสด,กระเทียมสับหอมกลิ่นน้ำมะนาวคั้นรสชาติหวานอมเปรี้ยวเผ็ดจี๊ดจ๊าดถูกปากทุกๆคนอย่างแน่นอนครับ

ซุ้มต่อไปวางไม่ห่างจากโซนแรกนักนั่นก็คือ Salad & Cold Cut เริ่มต้นด้วยยำสไตล์ไทยและสลัดผักแบบฝรั่งปรุงสำเร็จพร้อมทานได้ทันทีหลากหลายเมนูทั้ง 1. "ยำวุ้นเส้น" ใส่หมูสับ/หมูยอเพิ่มเห็ดหูหนูดำเคล้าเครื่องสมุนไพรหัวหอมใหญ่/ตั้งโอ๋/ต้นหอม/มะเขือเทศคลุกกับวุ้นเส้นเหนียวนุ่มแช่น้ำลวกจนสุกกำลังดีผสมน้ำยำสูตรจัดจ้านตำรับไทยแท้ 2. "สลัดมักกะโรนีเย็น" ต้มแบบ Al dente ใส่พริกหยวกสามสี/แฮมหมู/เห็ดออเร็นจิหั่นเป็นชิ้นเต๋าเล็กๆมายองเนสราดลงไปแบบฉ่ำๆตกแต่งด้วยหัวแรดิชจิ๋วและดอกไม้จัดวางด้านบนอย่างสวยงาม 3. "ส้มตำปูม้า" แบบสุกใช้เส้นมะละกอดิบ/แครอทและเครื่องตำไทยมีถั่วฝักยาว/มะเขือเทศ/ถั่วลิสงคั่วปรุงรสชาติหวานอมเปรี้ยวกินง่ายได้ทั้งชาวไทย-ต่างชาติ 4. "ลาบหมูสับ" ตำรับอีสานแท้หอมพริกป่น/ข้าวคั่ว/น้ำมะนาวคั้นสดหนักเครื่องสมุนไพรซอยละเอียด (หอมแดง/ผักชีใบเลื่อย) ถ้ายังเผ็ดร้อนไม่พอด้านบนสุดท็อปปิ้งด้วยพริกแห้งทอดกรอบเพิ่มความเผ็ดแซ่บโดนใจ 5. "กรีกสลัด" ใส่ส่วนประกอบมากมายทั้งแตงกวาญี่ปุ่น/มะเขือเทศ/หัวหอมใหญ่/มะกอกดำ/ชีสเฟต้า ปรุง รสชาติด้วยเกลือ/พริกไทย/น้ำส้มสายชูบัลซามิกเปรี้ยวกรอบผักสดนุ่มหนึบชีสจัดเสิร์ฟแบบแช่เย็นสดชื่นดีมากครับ

เมนูต่อไปไม่ใช่สลัดแต่เป็นเครื่องจิ้มสไตล์ไทยที่ตั้งอยู่ถัดมาก็คือ "แคปหมู-น้ำพริกหนุ่ม" แคปหมูทอดใหม่ก่อนเสิร์ฟใส่กระปุกแก้วใสวางพร้อมน้ำพริกหนุ่มสูตรเมืองเหนือแบบลำแต้ๆปรุงรสชาติให้เค็มกลมกล่อมหวานหอมพริกหนุ่มย่างไฟบนเตาถ่านไม้พร้อมผักสดและต้มสุกต่างๆทั้งดอกกะหล่ำ/บล็อคโคลี่/แครอท/ผักกาดหอม/ผักกาดขาวกับแตงกวาหยิบเพิ่มลงจานได้เองตามใจ ถ้าเหล่าสลัดพร้อมทานที่เชฟของห้องอาหาร "Zeta Cafe" ปรุงไว้ยังรู้สึกไม่ค่อยหลากหลายพอก็มีชามไม้กับบาร์สลัดให้ตักคลุกเคล้าเองมากมายเริ่มต้นกันที่ กะหล่ำปลีผสมกะหล่ำปลีม่วง/แครอท/แตงกวา/มะเขือเทศ/หอมหัวใหญ่/บัตเตอร์เฮด/ผักกาดแก้ว/กรีนโอ๊กผสมเรดโอ๊ก ใส่ขนมปังกรอบ/พาร์เมซานชีสขูดฝอย/แตงกวาดองแล้วราดน้ำสลัดรวมกว่า 6 สูตร 1.ซีซ่าร์ผสมเคเปอร์/แอนโชวี่ดอง/มัสตาร์ตรสเปรี้ยวเค็มเข้มข้นน่าจะถูกปากคนไทยที่สุด 2.เทาน์สันไอส์แลนด์หรือครีมสลัดใส่ซอสมะเขือเทศรสชาติหวานมันกลมกล่อม 3.สลัดครีมแบบคลาสสิกรสชาติหวานมันเปรี้ยวเล็กน้อยลงตัวแบบที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่เด็ก 4.บัลซามิกผสมน้ำมันรสเปรี้ยวหวานน้ำส้มสายชูหมักจากองุ่นหอมกลิ่นจากมะกอกสกัด 5.อิตาเลียนเดรสซิ่งน้ำแบบน้ำใสใช้น้ำมันมะกอกผสมสมุนไพรสับเปรี้ยวบัลซามิกหวานน้ำผึ้ง 6.น้ำมันมะกอกเข้มข้นช่วยเปลี่ยนความอร่อยได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อครับผม

ตัดมาที่เหล่า Cold Cut นอกจากโบโลน่าหมูและไก่สไลด์แผ่นบางๆเรียงอย่างสวยงามบนไลน์สลัดทำเองแล้วก็ยังมีขนมปังบาร์เก็ตเนื้อแข็งสไตล์ยุโรปวางเขียงกับมีดให้หั่นแบ่งเอาเองกับขนมแป้งอบแท่งกรอบไว้ทานคู่เนยสดแช่เย็น-ชีสรวม 3 ชนิดนั่นคือ 1. Brie Cheese เปลือกด้านนอกแข็งแต่ข้างในชุ่มฉ่ำเนื้อเนียนหอมนมละลายในปากซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มหัดลองใหม่ๆ 2. Gouda Cheese นำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์เนื้อสีเหลืองเข้มสัมผัสแน่นมีไขมันมากรสชาติเค็มนำหวานเล็กน้อยกลิ่นหอมเฉพาะตัว 3. Swiss Cheese นำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์จุดเด่นอยู่ตรงรูโพรงเล็กๆมากมายเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดพิเศษรสชาติมันนุ่มกรอบเค็มละมุนเหมาะสำหรับทานเล่นเปล่าๆ พร้อมเครื่องเคียงสไตล์ Cheese Board อีกมากมายทั้งแผ่นแครกเกอร์อบกรอบ/ลูกเกดสีดำ,สีทอง/เมล็ดทานตะวันกะเทาะเปลือก/ผลไม้ตัดแต่งเพิ่มความหวาน-เปรี้ยวลดเค็มมันของชีสแต่ละชนิดได้อร่อยลงตัวยิ่งขึ้นครับ

อีกโซนซึ่งเป็น Highlight สำคัญอีกอย่างหนึ่งของห้องอาหาร "Zeta Cafe" นั่นคือ Steak & Grill Station โดยวิธีการสั่งอาหารนั่นก็คือแต่ละโต๊ะจะมีกระดาษใบเล็กพิมพ์ตารางวัตถุดิบต่างๆลงไปทั้งกุ้งแม่น้ำ/เนื้ออกไก่/เนื้อหมู/เนื้อวัว/เนื้อปลากะพง/ปลาหมึก/ฟัวกราส์ เพียงเขียนจำนวนที่ต้องการลงในช่องว่างขวามือสุดกับหมายเหตุเช่นระดับความสุกที่ต้องการ/ชิ้นใหญ่-เล็กด้วยดินสอพร้อมการ์ดเลขที่เรานั่ง จากนั้นเดินมาตักซอสจิ้มต่างๆด้วยตนเองหลากหลายสูตรเริ่มต้นด้วย 1. เลมอนบัตเตอร์หอมกลิ่นเนยรสเปรี้ยวช่วยตัดความเลี่ยนไขมันเหมาะสำหรับราดบนซีฟู้ดย่าง 2. บาร์บีคิวสูตรเข้มข้นพิเศษเต็มไปด้วยเครื่องสมุนไพรของฝรั่งแบบเข้มข้นไว้ทานคู่กับไก่/หมู/เนื้อย่าง 3. เกรวี่ผสมเห็ดออเร็นจิสัมผัสเหนียวข้นหอมกลิ่นซุปไก่ผสมพริกไทยดำเอาไว้ราดบนชิ้นสเต๊กเหมือนร้านอาหารสุดหรู 4. ซอสมะเขือเทศแบบ Ketchup รสชาติเปรี้ยวอมหวานอัดแน่นด้วยเนื้อมะเขือเทศแบบเต็มๆ 5. ซอสพริกศรีราชารสชาติเผ็ดเปรี้ยวฉุนขึ้นจมูกตามแบบฉบับไทย 6. ซอสแม็กกี้/ทาบาสโก้/ซอสHP/มัสตาร์ต/พริกไทยดำบดเองปรุงเพิ่มได้ตามใจ จากนั้นน้องพนักงานจะยกจานวัตถุดิบที่เราสั่งไว้มาวางบนโต๊ะโดยไม่ต้องยืนรอรับเองให้เสียเวลาครับ

โซนต่อไปเอาใจสายปลาดิบกับ Japanese Station อันเต็มไปด้วยอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนูมาเริ่มต้นกันที่ 1. ซาชิมิปลาแซลมอนนอร์เวย์เนื้อสีส้มนวลตาแทรกชั้นไขมันสวยงามอย่างเห็นเด่นชัดหั่นชิ้นพอคำเรียงลงถาดอย่างเป็นระเบียบ 2. ซาชิมิหนวดปลาหมึกยักษ์หรือทาโกะลวกสุกกำลังดีจับมาแล่ให้บางเฉียบรสชาติหวานฉ่ำไร้ซึ่งความเหนียวชวนติดฟัน 3. ซาชิมิปูอัดทำจากปลาเนื้อขาวทาสีแดงปรุงรสหวานและแต่งกลิ่นให้เหมือนปูโดยทางเชฟได้คัดมาเฉพาะเกรดดีที่สุดจัดวางลงบนเรือโบราณซึ่งหล่อเย็นด้วยน้ำแข็งข้างล่างช่วยคงความสดใหม่เอาไว้อย่างยาวนาน 4. ซุปมิโสะอยู่ในหม้อต้มรักษาอุณหภูมิใช้เบสพื้นฐานทำจากปลาคัตสึโอะตากแห้งกรองเอาแต่รสชาติอูมามิกับกลิ่นหอมผสมมิโสะละลายน้ำปรุงรสชาติให้เค็มกลมกล่อม ส่วนประกอบอื่นๆถูกแยกเอาไว้สำหรับตักเพิ่มเองภายหลังทั้งต้นหอมญี่ปุ่นซอยบาง/สาหร่ายวากาเมะ/เต้าหู้เนื้อนิ่ม อยากกินเยอะหรือน้อยแค่ไหนก็กำหนดได้ด้วยตัวเองครับผม

ต่อกันด้วยซูชิซึ่งทางห้องอาหาร "Zeta Cafe" เน้นแบบรูปมากิมากกว่านิกิริรวมกว่า 6 เมนูก็คือ 1. ฟูโตะมากิหรือข้าวปรุงรสชาติเปรี้ยวอมหวานห่อด้วยสาหร่ายโนริสอดไส้ปลาทูน่า/ไข่หวาน/แตงกวา/ปูอัดม้วนเป็นโรลชิ้นหนาเคี้ยวเต็มๆคำ 2. แคลิฟอร์เนียโรลมากิสอดไส้เหมือนเมนูที่แล้วแต่ม้วนด้านข้าวซูชิออกมาคลุกไข่ปลาบินปรุงรสสีส้มราดมายองเนสเพิ่มความหวานมันกลมกล่อม 3. มากิโรลหน้ายำสาหร่ายญี่ปุ่นสีเขียวสดใสให้สัมผัสหวานกรุบกรอบหอมกลิ่นน้ำมันงาวางบนข้าวม้วนสอดไส้ห่อสาหร่ายแบบกลับด้าน 4. มากิซูชิหน้าแซลมอนสดไฟราดซอสสไปซี่สูตรเด็ดรสเปรี้ยวมันเผ็ดช่วยตัดเลี่ยนจากไขมันปลาที่เยอะมากได้เป็นอย่างดี 5. ข้าวห่อสาหร่ายไส้ทูน่า และ 6. ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปูอัดแบบชิ้นเล็กพอดีคำ วางอุปกรณ์ถ้วยซุป/จาน/ตะเกียบ/ถ้วยน้ำจิ้ม/วาซาบิ/เหยือกใส่โชยุ/ขิงดองน้ำผึ้งสีชมพูครบทุกความต้องการสำหรับอาหารญี่ปุ่น โดยทางหัวหน้าเชฟได้จัดซูชิกับซาชิมิเรียงจานอย่างละนิดหน่อยตกแต่งให้ดูมีศิลปะยกมาเสิร์ฟถึงโต๊ะพร้อมชวนเราถ่ายรูปเพื่อใช้ประกอบในบทความรีวิวอย่างสวยงามอีกด้วยครับ

โซนต่อไปเหมาะสำหรับท่านที่กำลังหิวจัดและต้องการอาหารปรุงร้อนสดใหม่แบบไม่ต้องรอคอยนานๆเพียงเดินตรงมายัง Hot Dish Station ก็มีให้เลือกตักหลากหลายเมนูเริ่มต้นกันด้วยเมนูผัดเส้นซึ่งเป็นตัวแทนอันดับ 1 ของประเทศไทย "ผัดไทยกุ้งสด" ใช้เส้นจันท์คลุกซอสมะขามเปียกผสมน้ำตาลปีบและน้ำปลาปรุงรสชาติให้หวานเปรี้ยวกลมกล่อมใส่เครื่องลงไปตามแบบสำรับไทยแท้ๆมีทั้งไข่ไก่/หัวหอมแดง/ไชโป๊ดองหวาน/กุยช่าย/เต้าหู้แข็ง/ถั่วงอก/กุ้งแห้งกับกุ้งสด ผัดในกระทะให้หอมกลิ่นไหม้เล็กน้อยวางในถาดรักษาอุณหภูมิให้ร้อนพร้อมทานอยู่ตลอดเวลาและเครื่องเคียงต่างๆมีถั่วงอกดิบ/ใบกุยช่ายสด/ถั่วลิสงคั่วบด/พริกป่น/น้ำตาลทราย/น้ำมะนาวคั้นให้ใส่เพิ่มด้วยตัวเอง ปกติพาสต้าที่ห้องอาหารโรงแรมอื่นมักจะผัดใหม่แต่ "Zeta Cafe" ลดขั้นตอนด้วยเมนูเดียวคือ "เพนเน่ผัด Aglio e Olio" ใช้เส้นเพนเน่ท่อนกลมใหญ่ผัดใส่น้ำมันมะกอก/พริกแห้ง/กระเทียม/เห็ดแชมปิญอง/เนื้อไก่/มะเขือเทศ/ใบโหระพาปรุงรสชาติแค่เกลือพริกไทย ถ้าต้องการความกลมกล่อมแบบอิตาลีแค่โรยพาร์เมซานชีสเล็กน้อยก็อร่อยขึ้นอีกหลายเท่า ตามมาด้วยเมนูกับข้าวแบบไทยนั่นก็คือ "ปูม้าผัดผงกะหรี่" ใช้เกรดเดียวกับที่วางอยู่ในไลน์ Seafood On Ice ผัดใส่ไข่ไก่/น้ำมันพริกเผา/นมข้นจืด/ผงกะหรี่ปรุงรสชาติให้หวานเค็มนัวเข้ากับข้าวสวยร้อนๆได้ดีมากครับ

ถ้าพูดถึงตัวแทนอาหารไทยที่ชาวต่างชาติทั่วโลกส่วนใหญ่รู้จักกันมากอีกอย่างนึงก็คือ "แกงเขียวหวานไก่" เข้มข้นด้วยพริกแกงผัดกลิ่นหอมฉุนเครื่องสมุนไพรผสมกะทิใส่เนื้อไก่/มะเขือเปราะ/มะเขือพวงกับหน่อไม้สดกรุบกรอบ ปรุงรสชาติเค็มอมหวานแค่พอกลมกล่อมเผ็ดร้อนอยู่ในระดับกลาง เหมาะสำหรับตักราดลงบน "ข้าวสวย" หุงใหม่สีขาวเรียงเมล็ดอย่างสวยงามพร้อมควบคุมอุณหภูมิให้พร้อมทานอยู่ตลอดเวลาในไลน์ Hot Dish Station ของห้องอาหาร ถ้ารู้สึกว่ายังขาดอะไรไปทางหัวหน้าเชฟก็ได้เตรียม "พริกน้ำปลา" ซึ่งขาดไม่ได้เลยสำหรับคนไทยภายในถ้วยมีทั้งกระเทียมสไลด์,พริกสด,น้ำปลาตัดรสชาติให้ละมุนยิ่งขึ้นด้วยน้ำตาล,น้ำมะนาวอีกเล็กน้อย สำหรับเหยาะลงบนข้าวสวยเปล่าๆหรือกับข้าวสไตล์ไทยได้เกือบทุกเมนู ต่อกันด้วย "ข้าวผัด" สูตรของโรงแรมใส่ผักลงไปหลายๆอย่างอาทิเห็ดชิเมจิ/เห็ดออเร็นจิ/บล็อดโคลี่/เห็ดหอม/แครอท/พริกสด รสชาติเค็มหวานพอกลมกล่อมหอมกลิ่นควันเล็กน้อยไว้ทานเปล่าๆหรือราดด้วยกับข้าวแทนข้าวสวยปกติ นอกจากนี้ยังมีเมนูอุ่นร้อนๆสไตล์ยุโรปให้ตักอีก 2 รายการก็คือ 1. สเต๊กหมูสันคอฉ่ำๆราดซอสบาร์บีคิว,ผัก 2. มันผรั่งอบเนยราดชีสหลายชนิดล้นละลายเต็มหน้านั่นเองครับ

เดินเข้าสู่โซนต่อไปคือ Western & Asian Station ก็เต็มไปด้วยอาหารปรุงสำเร็จพร้อมตักไปกินที่โต๊ะได้เลยง่ายๆเริ่มต้นด้วย "ไก่อบทั้งตัวสไตล์อิตาเลียน" ทานเคียงมะเขือเทศกับมันฝรั่งอบโดยทางเชฟคัดเลือกเฉพาะไก่ไซส์ใหญ่พิเศษตัวอ้วนกลม เลาะใต้ผิวหนังให้เป็นโพรงยัดเครื่องสมุนไพรและเนยสดลงไปจำนวนมากก่อนมัดให้เป็นทรงสวยงามย่างทั้งตัวเวลานานจนกว่าจะสุกแบบกรอบสีน้ำตาลด้านนอกเนื้อชุ่มฉ่ำข้างใน แจ้งพนักงานให้ช่วยหั่นเฉพาะส่วนที่เราต้องการราดซอสอร่อยได้ถึง 4 แบบ 1. ราด Pili Pili Oil หรือน้ำมันมะกอกแช่สมุนไพรรสเผ็ดแบบอิตาลี 2. ซอสเกรวี่เข้มข้น 3. ซอสพริกศรีราชาไทย และ 4. ซอสมะเขือเทศเข้มข้นแบบ Ketchup ส่วนเมนูที่วางเอาไว้ใกล้กันก็คือ "พิซซ่าหน้าเบคอน" แป้งหนานุ่มท็อปปิ้งเบคอนหั่นเส้นชิ้นหนา/พริกหยวกสามสี/มะเขือเทศและชีสแบ่งเป็นแผ่นๆโรยพริกป่น/ออริกาโน/พาร์เมซาชีสเพิ่มรสชาติ-ความหอมอีกขั้น หม้อซุปก็อยู่ไม่ห่างกันเลือกได้ 2 เมนูคือ 1. ซุปฟักทองสัมผัสเข้มข้นรสชาติเค็มหวานหอมกลิ่นครีมกลมกล่อม 2. ต้มยำไก่โดยในหม้อเต็มไปด้วยเครื่องสมุนไพรรสชาติเปรี้ยวเผ็ดเค็มสูตรน้ำใสซดคล่องคอช่วยตัดเลี่ยนจากอาหารยุโรปสุดเลี่ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆครับ

ปิดท้ายกันด้วยโซน Beverage & Dessert เริ่มต้นกันที่ของหวานซึ่งมีให้เลือกมากมายทั้ง บลูเบอร์รี่เค้ก/ขนมทีรามิสุ/สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก/เยลลี่สตรอว์เบอร์รี่ผลไม้สด/ชูครีมไส้วานิลลา-ช็อกโกแลต/ป๊อบคอร์นสตรอว์เบอร์รี่กับเกลือและช็อกโกแลต/ขนมอาลัวหลากสีสัน/เค้กอัญชันครีม/แยมโรลบัตเตอร์บลูเบอร์รี่/ท๊อฟฟี่เค้ก/ทองหยอด/ทองหยิบ/ลูกชุบรูปผลไม้ต่างๆ/ผลไม้ตัดแต่งพร้อมทานได้แก่แตงโมเนื้อแดง,แคนตาลูปส้ม,แก้วมังกรสีขาว สุดท้ายคือขนมเข่งทำจากแป้งข้าวเหนียวชวนเคี้ยวหนึบรักษาอุณหภูมิให้อุ่นพร้อมทานตลอดเวลา รสชาติขนมหวานโดยรวมเน้นไปทางหวานน้อยกินง่ายเข้มข้นครีมนมอัดแน่นด้วยเนยอย่างชุ่มฉ่ำไม่วางทิ้งเอาไว้นานจนแห้งฝืดคอนั่นก็แสดงให้เห็นว่าเบเกอรี่ของ "Zeta Cafe" นั้นทำสดใหม่ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีไอศครีมวางแยกใส่ถ้วยให้หยิบไปกินเองง่ายๆแบบไม่ต้องออกแรงตักเองถึง 3 รสชาติคือวานิลลา/ช็อกโกแลตและสตรอว์เบอร์รี่ ราดด้วยท็อปปิ้งเพิ่มอีก 4 อย่างทั้งซอสคาราเมล/ซอสช็อกโกแลต/ซีเรียลฮันนี่สตาร์รสน้ำผึ้ง/อัลมอนด์สไลด์บางๆอบเนยได้จนกว่าจะพอใจครับผม

สำหรับเครื่องดื่มนอกจากน้ำเปล่าซึ่งน้องพนักงานจะคอยเดินไปรินให้ถึงที่โต๊ะอยู่แล้วในไลน์อาหารก็ยังมีเครื่องกดน้ำอัดลมสีแดงของบริษัทน้ำทิพย์ได้แก่โค้กกับแฟนต้ารสชาติต่างๆอยู่ข้างถังน้ำแข็ง พร้อมกาแฟสดแบบอัตโนมัติเพียงแค่สั่งผ่านหน้าจอสัมผัสทั้งเอสเปรสโซ่/ดับเบิ้ลช็อต/แบล็คคอฟฟี่/อเมริกาโน/คาปูชิโน่/คาเฟ่ลาเต้/นมอุ่นร้อนและน้ำร้อนสำหรับชงชา โดยทางโรงแรมใช้เฉพาะยี่ห้อ Dilmah แบรนด์เก่าแก่ชั้นนำระดับโลกนำเข้าจากประเทศศรีลังกาถึง 3 ชนิดด้วยกันคือ 1.Beautiful Breakfast Tea รสชาติเข้มข้นกลิ่นหอมที่สุดเหมาะดื่มผสมนมสดร้อนๆ 2.Natural Green Tea สีเขียวขมอ่อนๆหอมยอดใบชาธรรมชาติสดชื่น 3. Enticing Earl Grey หนักแน่นเครื่องเทศตามแบบฉบับอังกฤษดื่มได้ทั้งแบบผสมนมหรือน้ำเปล่า ถ้าต้องการรสชาติหวานมันยิ่งขึ้นมีน้ำตาลทราย/สารให้ความหวาน/ครีมเทียม/ช้อนให้คนจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ใครเป็นสายแอลกอฮอล์ถึงจะไม่รวมในบุฟเฟ่ต์แต่ก็สั่งได้ในราคาพิเศษซื้อ 1 แถม 1 ทุกรายการตั้งแต่เบียร์ขวด/ไวน์แก้ว/ค็อกเทล ทุกวันเวลา 16.00-21.00 น. ครับผม

กลับมานั่งที่โต๊ะทานของต่างๆที่เพิ่งตักและสั่งมาหลายรายการซึ่งในรีวิวนี้เราจะโฟกัสไปที่ Seafood เพราะคุณ PR ประจำโรงแรมฝากมาว่าให้ช่วยเน้นหน่อยเริ่มต้นจาก "หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์" ตัวใหญ่เนื้อสีส้มอัดแน่นเต็มๆฝาแต่ส่วนตัวแล้วชอบตัวเล็กกว่าที่วางข้างกันคือ "หอยแมลงภู่ชิลี" ขนาดพอดีคำให้ความมันอร่อยกว่าแบบคนละเรื่อง ส่วน "กุ้งต้ม" ทางห้องอาหารใช้สายพันธุ์แชบ๊วยตัวใหญ่เนื้อแน่นหวานปรุงสุกมากำลังดีทานเปล่าๆหรือจิ้มซอสซีฟู้ดแซ่บซี้ดก็เด็ดไม่แพ้กัน / "ปูม้าต้ม" ตัวเมียไข่แน่นเต็มกระดองส่วนเพศผู้ก็เนื้อแน่นหวานกว่าโดยเชฟได้แกะกระดองเอาปอดทิ้งแล้วหั่นครึ่งก่อนเสิร์ฟจึงแกะง่ายไม่เจ็บมือมากนัก สำหรับ "หอยนางรมสด" อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่ามีเฉพาะของเกาหลีตัวขนาดกลางๆเนื้อหวานละมุนสีขาวดูสะอาดแค่บีบเลมอนก่อนเข้าปากก็เด็ดหรือจะใส่เครื่องให้ครบเครื่องสไตล์ไทยแท้ก็ฟินจนฉุดไม่อยู่ อีกหนึ่ง Signature ที่มาแล้วต้องสั่งคือ "สเต๊กฟัวกราส์" ชิ้นหนากำลังดีทอดในกระทะจนกรอบนอกนุ่มในวางลงผักบัตเตอร์เฮดสีเขียวสดใหม่ราดซอสบัลซามิกเข้มข้นรสชาติหวานเปรี้ยว ช่วยตัดเลี่ยนจากไขมันและกลิ่นเฉพาะตัวของตับห่านฝรั่งเศษให้ลดลงจึงกินง่ายสั่งเบิ้ลได้อีกหลายจานๆเลยครับผม

ของหวานอีกโซนต้องปรุงสดใหม่ตั้งเป็นเคาน์เตอร์ติดล้อเลื่อนได้อย่างอิสระอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องอาหารนั่นคือ "Crepe Suzette" ทำจากแผ่นเครปแป้งบางนุ่มเหนียวหนึบหอมกลิ่นเนยต้มในน้ำส้มคั้นสดผสมเปลือกส้มและบรั่นดีจนซึมซาบเข้าไปด้านในเกือบทั้งหมดพร้อมจุดไฟเพื่อไล่กลิ่นแอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนเกินออกเหลือแต่ความหอมหวาน ท็อปปิ้งด้วยผลไม้สดกับแยมต่างๆมีให้เลือกมากมายทั้งแยมบลูเบอร์รี่/ซอสคาราเมล/ซอสดาร์คช็อกโกแลต/เนื้อแคนตาลูป/แก้วมังกรสีขาว/กีวีสีทองหั่นเต๋าชิ้นเล็กๆจัดวางลงบนแป้งเครปร้อนๆหลากหลายสีสันดูสวยงาม ถ้าต้องการความอร่อยฟินเพิ่มขึ้นอีกขั้นแนะนำให้กินคู่กับไอศครีมรสชาติที่ตัวเองชื่นชอบจะได้รับความเย็นผสมอุ่นช่วยเปิดสัมผัสสุดแปลกใหม่ในปาก ได้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งทานขนมหวานอยู่ในร้านสไตล์คาเฟ่สุดหรูมากเลยครับผม

มื้อค่ำคืนนี้ผมมากับแฟน 2 คนได้แสดงความคิดเห็นกันว่าค่อนข้างคุ้มเพราะทางห้องอาหารใช้วัตถุดิบคุณภาพดีปรุงรสชาติิอาหารแต่ละอย่างออกมาอร่อยจัดจ้านถูกปากแถมยังนั่งได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมงเต็ม ยิ่งมีโปรโมชั่นสุดพิเศษมา 4 จ่าย 3 เฉลี่ยเพียงคนละ 862.50 บาทก็ช่วยให้ตัดสินใจในการเลือกใช้บริการครั้งต่อไปง่ายขึ้น เหมาะกับนัดดินเนอร์เป็นกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา สำหรับ "Zeta Cafe" โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สุขุมวิท 22 วันนี้ก็ได้รับคะแนนไป 5 ดาวเต็มเลยครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ ชั้น 8 เลขที่ 1 ซอยสุขุมวิท 22 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

บริการบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดมื้อเย็นทุกวันพฤ.-อา.เวลา 18.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

สอบถามรายละเอียดหรือสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 02-683-4888 และ 02-683-4721

Facebook : www.facebook.com/Holidayinnbangkoksukhumvit

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘

พิเศษเมื่อจองห้องอาหาร "Zeta Cafe" ผ่านลิงก์นี้ > https://citly.me/316Cx < รับสิทธิพิเศษมา 4 จ่าย 3 เฉลี่ยเพียงคนละ 862.50 บาท และโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์อื่นๆอีกมากมายเริ่มต้นที่ท่านละ 429 บาทสุทธิ จัดยาวจนถึงวันที่ 09 พฤษจิกายน 2566


ดู 3,997 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page