top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิวร้าน "ย่างงาย" ยากินิคุเนื้อวากิวราคาประหยัดเริ่มต้นแค่ถาดละ 39 บาท อยู่บนถนนราชพฤกษ์-ตลิ่งชัน~

อัปเดตเมื่อ 9 ก.ค. 2566



หากนึกถึงร้านยากินิคุสไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟเนื้อวากิวคุณภาพสูงหลายๆคนคงคิดว่าต้องเป็นร้านสุดหรูราคาแพงตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่วันนี้เราพามาร้านที่ฉีกกฎนิยามเดิมๆเหล่านั้นด้วยเนื้อวากิว A3 ราคาเริ่มต้นแค่ถาดละ 39 บาท ชื่อร้านว่า "ย่างงาย" ตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ช่วงแขวงบางเชือกหนัก-เขตตลิ่งชัน ถ้าใครขับรถบนถนนเส้นนี้บ่อยๆมักจะคุ้นกับร้าน "แพนนา" บุฟเฟ่ต์เนื้อย่างกระทะร้อนและอาหารอีสานซึ่งได้ปิดกิจการไปแล้วแต่มีร้านนี้มาเปิดใหม่แทนจุดเดิม วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตามแผนที่บนมือถือสามารถจอดรถได้ที่ริมถนนหน้าร้านยาวตลอดทั้งแนว ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะจะนั่ง BTS หรือ MRT ก็ได้มาลงสถานีบางหว้าแล้วเรียกรถเข้ามาที่ร้านอีกประมาณ 5 กิโลเมตร จุดสังเกตเป็นป้ายสีขาวขนาดใหญ่และรูปน้องวัวจมูกโตนั่งขมวดคิ้วอยู่หน้าเตาถ่านแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ สำหรับใครที่เป็นลูกค้าเก่าร้านแพนนาที่คุ้นกับรูปปั้นวัวหน้าร้านก็ไม่ได้หายไปไหนแต่ถูกย้ายตำแหน่ง-ทาสีใหม่ทำให้ดูดีกว่าเดิมขึ้นหลายเท่า ตอนนี้ร้านเพิ่งเปิดเข้าไปด้านในกันเลยครับ

บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ Loft พื้นปูนเปลือย-ผนังไม้-หลังคาเห็นโครงสร้างผสมกับ Vintage ย้อนยุคด้วยของตกแต่ง-กระจกสี-ไฟกลมสีส้ม โดยรักษาโครงร้านเก่าเอาไว้เกือบ 80% และขยายโต๊ะ-เก้าอี้นั่งให้เต็มพื้นที่มากยิ่งขึ้น โซนแรกเป็นแบบ Outdoor เปิดโล่งรับลมธรรมชาตินั่งชิลล์ๆมองท้องฟ้าและรถยนต์วิ่งบนถนนราชพฤกษ์ผ่านไป-มา (หากใครอยากนั่งตรงนี้ต้องรีบมาหน่อยเพราะมีแค่ 4 โต๊ะ) โซนที่สองคือด้านในหลังคาขนาดใหญ่สามารถรองรับลูกค้าได้กลุ่มใหญ่กว่าด้านนอก ส่วนระบบระบายอากาศของร้านนี้เป็นแบบเปิดพัดลมยักษ์เพื่อให้ควันและกลิ่นออกไปทางหลังร้านไม่ได้มีระบบท่อดูดอาจต้องทำใจเรื่องกลิ่นและควันติดหัวหน่อย อุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นต่อการทานปิ้งย่างถูกวางเอาไว้บนโต๊ะทั้งกรรไกร-ที่คีบ-ถ้วยน้ำจิ้ม-จาน-ตะเกียบไม้จิ้มฟัน-ใบสั่งอาหารและผ้าให้ทำความสะอาดบนโต๊ะด้วยตัวเอง มาถึงก็ขอดูเมนูของที่ร้านก่อนเลยว่ามีอะไรให้เราสั่งบ้างมาดูไปด้วยกันครับ

เมนูของที่ร้านมีให้สั่งไม่เยอะมากและขายราคาไม่แรงนักเริ่มจากหน้าแรกเป็นเนื้อบริสเกตวากิว A4 ถาดละ 49 บาท/Outside flat หรือเนื้อพับนอกวากิว A3 ราคาถาดละ 39 บาท/เนื้อวัวนำเข้าจาก U.S.A. ตรงส่วนท้องราคาถาดละ 39 บาท/ลิ้นวัวอาร์เจนติน่าราคาถาดละ 39 บาท/เนื้อส่วนโหนกจากโคขุนไทยราคาถาดละ 39 บาท/เนื้อวัวส่วนริปอายโคขุนราคาถาดละ 39 บาท หน้าต่อไปเป็นหมูคุโรบูตะ/เบคอนรมควัน/หมูสามชั้น/สันนอกหมู/สันคอหมูราคาถาดละ 39 บาท ซีฟู๊ดมีทั้งหอยเชลล์/ปลาหมึก/หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และกุ้งสดราคาถาดละ 39 บาท เครื่องเคียงต่างๆราคา 19-59 บาท อาหารทานเล่นเริ่มต้นที่ 49-129 บาท เครื่องดื่มต่างๆเริ่มต้นที่ 15 บาท สุดท้ายเป็นของหวานมีแค่ 2 เมนูราคา 29 และ 79 บาท อยากทานอะไรก็เขียนจำนวนลงในใบสั่งแล้วยื่นให้พนักงานได้เลยครับ

ก่อนอาหารจะมาเสิร์ฟน้องพนักงานก็เอาผ้าแช่เย็นกลิ่นหอมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาให้เช็ดมือ-เช็ดหน้าก่อนจะนำน้ำจิ้มสูตรต่างๆมาวางให้บนโต๊ะประกอบไปด้วย น้ำจิ้มยากินิคุสไตล์ญี่ปุ่นสูตรทำเองของทางร้าน/น้ำจิ้มแจ่ว/น้ำจิ้มซีฟู๊ดพร้อมพริกสด-กระเทียมให้ปรุงรสเองได้ตามใจ นอกจากนี้บนโต๊ะยังมีเกลือสีชมพู (หิมาลายัน) และพริกไทยดำให้บิดลงบนเนื้อต่างๆได้ด้วยตัวเอง ส่วนเตาย่างของที่นี่ใช้ถ่านไม้ก้อนเล็กกลมจึงทำให้ไฟแรงทั่วถึงทั้งหน้าเตาวางลงบนกระถางใจกลางโต๊ะตามมาด้วยวัตถุดิบต่างๆที่เราสั่งไป จะคุณภาพดีแค่ไหนมาดูไปพร้อมๆกันเลยครับผม

ถาดแรกเป็น "เนื้อ U.S.A" ราคาถาดละ 39 บาท เป็นส่วนท้องที่แทรกไขมันเหมือนเบคอนเนื้อวัวรสชาติเข้มข้นกลิ่นหอมตามแบบฉบับเนื้ออเมริกา "เนื้อบริสเกตวากิว A4" ราคาถาดละ 49 บาท เป็นส่วนเสือร้องไห้ปกติจะค่อนข้างเหนียวแต่ด้วยความเป็นวากิวจึงมีความนุ่มและหอมละมุนกว่าปกติสมกับเป็นวัตถุดิบที่พรีเมี่ยมสุดในร้าน "เนื้อส่วน Outside Flat A3" ราคาถาดละ 39 บาท เป็นเนื้อวัวส่วนพับนอกที่ปกติจะมีไขมันน้อยรสชาติเข้มข้นแต่ด้วยความเป็นวัววากิวจึงทำให้มีมันแทรกละเอียดเคี้ยวนุ่มขึ้นไปอีกขั้น โดยเนื้อวากิวทั้งหมดที่ใช้ในร้านเป็นเลือดผสมจากพ่อพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำและแม่พันธุ์ไทยโพนยางคำจึงทำให้ได้ข้อดีของแต่ละสายพันธุ์คงอยู่ในรสชาติและไขมันของเนื้ออย่างครบถ้วน ถาดต่อมาเป็นเนื้อไทยโคขุนอย่าง "เนื้อโหนก" ราคาถาดละ 39 บาท ดูในรูปเหมือนจะไขมันน้อยแต่ของจริงถือว่าแทรกไขมันสวยงามและมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับเนื้อไทยและความนุ่มไม่แพ้วากิวของทางร้านเลยครับ

ถาดต่อมาเป็นเนื้อจากอาเจนติน่าอย่าง "ลิ้นวัว" ราคาถาดละ 39 บาท ค่อนข้างจะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่รุนแรงหากคนไม่เคยทานมาก่อนหรือฝึกทานเนื้อวัวใหม่ๆอาจจะไม่ค่อยชอบแต่แทรกไขมันละเอียด-เคี้ยวกรุบกรอบสู้ฟันดีครับ "เนื้อริปอาย" ราคาถาดละ 39 บาท เป็นเนื้อส่วนด้านในท้องติดกับซี่โครงมีไขมันน้อยแต่รสชาติเข้มข้น/น้ำเนื้อชุ่มฉ่ำเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานเนื้อวัวที่มีชั้นไขมันมากนัก เมนูต่อไปเป็น "สันคอหมู" และ "เบคอนรมควัน" ราคาถาดละ 39 บาท ดูด้วยสายตาถือว่าสีสวยงาม-มีชั้นไขมันแทรกคุณภาพดีถึงแม้จะเป็นร้านที่เน้นเฉพาะเมนูเนื้อย่างก็ตาม

ถาดต่อมาเป็น "หมูสามชั้น" ราคาถาดละ 39 บาท ทางร้านนำไปม้วนเป็นวงกลมก่อนจะนำมาสไลด์ลงถาดมีชั้นไขมันเยอะกว่าเนื้อและไม่ติดหนังแข็งย่างเกรียมๆอร่อยเด็ดเลยครับ "หมูสันนอก" ราคาถาดละ 39 บาท ไขมันน้อยแต่ไม่เหนียวมีความชุ่มฉ่ำของเนื้ออยู่ "หมูคุโรบูตะ" ราคาถาดละ 39 บาท เสิร์ฟมาแค่ 2 แผ่นแต่มีชั้นไขมันสวยงามกว่าสันคอหมูปกติและความนุ่มก็บอกได้เลยว่าคนละเรื่องเลยครับ สำหรับซีฟู๊ดวันนี้ปลาหมึกหมดเลยสั่งมา 3 เมนูก็คือ "หายเชลล์" ราคาถาดละ 39 บาท เป็นหอยเชลล์จากทะเลไทยไซส์ขนาดกลางๆวางบนเปลือกราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้านพร้อมกับเนยสดก้อนเล็กๆและโรยต้นหอมพร้อมย่างออกมาเป็นเมนูหอยเชลล์อบเนยได้ทันทีครับ

ตามมาด้วย "หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์" ราคาถาดละ 39 บาท เสิร์ฟมา 2 ตัวใหญ่เนื้อแน่นเต็มฝาราดซอสพร้อมย่างได้ทันที วัตถุดิบสดอย่างสุดท้าย "กุ้งสด" ราคาถาดละ 39 บาท เป็นกุ้งแก้วเนื้อเด้งกรุบกรอบๆขนาดเล็ก 5 ตัว เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปแล้วส่วนตัวถือว่ารับได้อยู่ นำไปย่างบนเตาถ่านพอสุกทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่เต็มไปด้วยพริกเขียวกระเทียมรสเปรี้ยวเค็มอมหวานนิดๆเรียกได้ว่าแซ่บ หรือจะจิ้มกับเนื้อเป็น "เนื้อมะนาว" ก็อร่อยไปอีกแบบครับ

ส่วนเนื้อวัวต่างๆของที่ร้านนี้บอกได้เลยว่าดีสมกับคำร่ำลือในกลุ่มชมรมคนรักเนื้ออย่างแท้จริง ท้ั้งความหอมนุ่มชุ่มฉ่ำไขมันและเตาถ่าน ทานกับน้ำจิ้มยากินิคุสูตรทำเองของทางร้านที่มีรสชาติหวานนำเค็มตามพอกลมกล่อมหอมกลิ่นโชยุผสมน้ำมันงาและขิงอ่อนๆอย่างลงตัว เพิ่มความเผ็ดแซ่บสไตล์ไทยด้วยพริกสด-กระเทียมตัดเปรี้ยวสดชื่นด้วยน้ำมะนาวอีกหน่อย (สามารถขอเพิ่มจากพนักงานได้) ช่วยลดความเลี่ยนของไขมันทำให้ทานได้เรื่อยๆไม่มีสะดุด

หากใครไม่ถนัดสไตล์ญี่ปุ่นก็ทานกับน้ำจิ้มแจ่วแบบไทยรสชาติเค็ม-เปรี้ยวอมหวานหอมน้ำมะขามเปียกผสมกับพริกป่นและข้าวคั่วได้ความเป็นเนื้อย่างสไตล์อีสานขึ้นมาทันที สายซีเรียสอยากได้รสของเนื้อที่แท้จริงก็โรยแค่เกลือหิมาลายันกับพริกไทยและคีบเข้าปากสไตล์สเต็กเนื้อก็ดีงาม ส่วนลิ้นวัวอาเจนติน่าแนะนำว่าให้ย่างเกรียมหน่อยช่วยเพิ่มความกรุบกรอบและลดกลิ่นเฉพาะตัวแค่บีบน้ำมะนาวลงไปอีกนิดช่วยเพิ่มความหอมสดชื่นทานได้อีกหลายถาด เสียดายที่ร้านนี้ไม่มีซัมจังเกาหลีให้ห่อกับผักแต่สามารถสั่ง "ผักกาดหอม" ราคา 19 บาท มาทานคู่กันได้อีกแบบนึง

ทานเนื้อย่างไปนานๆก็ยากซดซุปร้อนๆเลยสั่งมา 2 เมนูคือ "ซุปมิโสะ" ราคา 29 บาท เป็นผงซุปแบบสำเร็จรูปเอามาเสิร์ฟให้รสชาติกลางๆซดร้อนๆได้อารมณ์ญี่ปุ่นดี "ซุปกิมจิ" ราคา 59 บาท อันนี้ถือว่าเด็ดเพราะเผ็ดร้อนอมเปรี้ยวกิมจิใส่เครื่องอื่นๆลงไปทั้งเต้าหู้/เห็ดเข็มทองและไข่ไก่ต้มสุกพอเยิ้มๆละลายลงไปในน้ำซุปช่วยเพิ่มความอูมามิ แนะนำว่าถ้าใครเป็นสายดื่มนั่งลากยาวๆแล้วรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นให้สั่งเมนูนี้มาซดคั่นเวลารับรองว่าตื่นแน่นอนครับ

ติดใจกิมจิของที่ร้านเลยต้องสั่งมาเพิ่มเป็นแบบแยกคือ "กิมจิ" ราคาถ้วยละ 29 บาท เป็นกิมจิผักกาดขาวกรุบกรอบรสเปรี้ยวเค็มเผ็ดกลมกล่อมเคี้ยวฉ่ำน้ำเสิร์ฟมาแบบเย็นๆ ทานเป็นเครื่องเคียงหลังจากทานเนื้อย่างส่วนที่มีไขมันมากช่วยรีเฟรชให้สดชื่นพร้อมทานเนื้อย่างทำต่อไปไม่มีสะดุด นอกจากจะมีวัตถุดิบและเครื่องเคียงสไตล์เกาหลี-ญี่ปุ่นแล้วก็ยังมีเมนูกับแกล้มแบบไทยๆเริ่มจาก "ยำเนื้อ" ราคาจานละ 79 บาท เป็นยำเนื้อไขมันหอมเคี้ยวหนึบทานกับแตงกวา/มะเขือเทศ/หอมใหญ่/กระเทียมโทนดองเคี้ยวกรุบกรอบในน้ำยำรสเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อมเผ็ดกลางและมีกลิ่นฉุนของใบขึ้นฉ่ายช่วยเพิ่มความหอมสดชื่นสมเป็นยำสไตล์ไทยเสิร์ฟมาจานใหญ่ แนะนำว่าต้องสั่งเลยครับ

จานต่อมาเป็นของทานเล่นที่เหมาะกับสายดื่มอย่าง "หมูพันคะน้า" ราคา 59 บาท เป็นเนื้อหมูสไลด์พันกับก้านอ่อนคะน้าลวกกรุบกรอบวางบนกระหล่ำปลีซอยราดน้ำจิ้มซีฟู๊ดท๊อบปิ้งด้วยกระเทียมสดสไลด์บางๆ หากยังไม่เผ็ดสะใจอีกยังมีน้ำจิ้มซีฟู๊ดให้ราดเพิ่มอีกในจานเดียวกัน ได้ความนุ่มของเนื้อหมูตัดกับความกรอบหวานอ่อนๆของคะน้าและน้ำจิ้มซีฟู๊ดพร้อมกระเทียมสดฉุนขึ้นจมูกถือเป็นกับแกล้มชั้นดีได้เลยครับ จานต่อมาเป็นเมนูอาหารจานเดียวคือ "ข้าวกะเพราเนื้อ" จานใหญ่ให้เยอะแบบนี้ราคาแค่ 79 บาท เป็นเนื้อวัวสับผสมไขมันเอามาผัดกะเพราแบบแห้งปรุงรสมาเค็มอมหวานเข้มข้นเผ็ดสะใจเข้ากับข้าวสวยได้เป็นอย่างดี ถ้ายังไม่สะใจพอยังมีพริกน้ำปลาให้เพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีกขั้น ส่วนตัวติดว่าถ้ามาร้านนี้แล้วไม่อยากทานเนื้อย่างแต่สั่งแค่กะเพราเนื้อจานนี้ก็คุ้มค่าที่จะมาแล้วครับผม

ของหวานที่ร้านมีให้สั่งแค่ 2 รายการคือ "ชุดมาร์ชเมลโล่ฟองดูว์" ราคา 79 บาท ประกอบไปด้วยมาร์ชเมลโล่กับกล้วยหอมทานกับช็อกโกแลตเข้มข้นละลายบนเตาจิ๋วแบบฟองดูว์หวานกำลังดี หากช็อกโกแลตยังไม่หมดแต่ยังอยากทานต่อสามารถสั่ง "มาร์ชเมลโล่" ราคา 29 บาท หรือ "กล้วยหอม" ราคา 19 บาทมาทานเพิ่มได้อีก เมนูของหวานสุดท้ายของวันนี้ก็คือ "ไอศครีมกะทิ" ราคา 29 บาท เป็นแบบสูตรโฮมเมดทำเองของทางร้านจึงเนื้อไม่ได้นวลเนียนแต่ได้ความหอมมันจากมะพร้าวแบบเต็มที่ในทุกๆคำและหวานกำลังดีทานแล้วสดชื่นปิดท้ายมื้อนี้ได้เป็นอย่างดี มื้อนี้ทานกัน 2 คนสั่งไปทั้งหมด 29 รายการจ่ายไปแค่ 1,177 บาท ไม่มี Vat. และ Service Charge มาบวกเพิ่มถือว่าคุ้มดีมากๆ ใครกำลังมองหาร้านเนื้อย่างยากินิคุเสิร์ฟวากิวคุณภาพดีในราคาสุดประหยัดที่นี่ตอบโจทย์เลยครับ

ทานไปเรื่อยๆพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าภายในร้านเปิดไฟสีส้มทำให้บรรยากาศในการนั่งย่างเนื้อฟินห์ขึ้นไปอีกขั้น ถือว่าเป็นร้านที่อร่อย-ราคาถูกและบรรยากาศดีถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดเล็กๆน้อยๆแต่โดยรวมก็ยังถือว่าเด็ดอยู่ดี สำหรับวันนี้ร้าน "ย่างงาย" บนถนนราชพฤกษ์นี้รับคะแนนความอร่อยคุ้มไป 5 ดาวเต็มเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : เลขที่ 35/15 ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170

เปิดให้บริการ (หยุดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 15.00 - 21.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 095-367-5374

Facebook : www.facebook.com/YangNgaiRatchaphruek

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 876 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page