ตอนนี้มีร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมเสิร์ฟแบบ Fine Dining เปิดใหม่และกำลังมาแรงนั่นก็คือ Wisdom International Buffet ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะไม่ต้องจองคิวล่วงหน้าเป็นเวลานานและอยู่จุดที่ร้านตั้งอยู่นั้นเดินทางมาได้สะดวกมากๆเพราะอยู่ในห้าง Siam Square One ชั้น 5 ใกล้กับบันไดเลื่อนด้านในสุดฝั่งขวามือของตึก หากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวพื้นที่รอบๆมีที่จอดรถให้บริการอยู่มากมายและถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะก็ยิ่งสะดวกเพราะ BTS สถานีสยามมีจุดทางเดินเชื่อมต่อเข้ามาภายในห้างได้ทันที จุดเด่นของร้านนี้อย่างที่บอกไปเบื้องต้นนั่นก็คือ "บุฟเฟ่ต์นานาชาติระดับ Fine Dining" นั่นหมายความว่าเราไม่ต้องเดินไปตักหรือสั่งเมนูต่างๆเพียงแค่นั่งสบายๆอยู่ที่โต๊ะความอร่อยก็มาเสิร์ฟถึงที่ วัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่ร้านนี้นำมาปรุงเป็นเมนูมากมายทั้งเนื้อวากิว/ฟัวกราส์/ทูน่า/เห็ดทรัฟเฟิล/หอยเชลล์ญี่ปุ่น/หอยนางรม Fin De Clare/หอยนางรมเกาหลีกับสุราษฎร์ธานี/แซลมอน/เอนกาวะ/ปลาไหลญี่ปุ่น/กุ้งแม่น้ำ/กั้งกระดานรวมกันกว่า 110 เมนู นั่งทานได้ 2 ชั่วโมงเต็ม (มีเวลาสั่ง 1.30 ชม.) ราคาคนละ 999++ หรือ 1,176 Net. เด็กเล็กส่วนสูงไม่เกิน 100 ซม. ทานฟรี หากสูงตั้งแต่ 100-140 ซม. คิดราคาคนละ 499++ หรือ 588 Net. และส่วนสูงมากกว่า 140 ซม. ขึ้นไปคิดราคาผู้ใหญ่ วันนี้เรามากันวันธรรมดาช่วงบ่ายๆหวังว่าคนจะน้อยแต่ก็แน่นเต็มร้านเลยทีเดียว มาถึงก็ต้องจองคิวกันก่อนครับผม
วันนี้ผมมาทานกับแฟน 2 คนกดบัตรคิวได้ที่ A019 ใช้เวลารอไม่นานเพียงแค่ 3 คิวเท่านั้น (ถ้าเป็นวันหยุด ส.-อา. หรือนักขัตฤกษ์คาดว่าคนน่าจะเยอะว่านี้มากๆ) ระหว่างรอเรามาดูป้ายชมเมนูต่างๆที่น่าทานกันก่อน ทางร้านได้แบ่งหมวดหมู่ของรายการอาหารออกเป็น 5 ประเภทคือ 1.เมนูสเต็กพรีเมี่ยมและอาหารตะวันตก 2.เมนูซูชิกับซาชิมิและอาหารญี่ปุ่น 3.เมนูซีฟู๊ดและอาหารไทย 4.เมนูอาหารจีนระดับเหลา และ 5.เมนูของหวานทำสดใหม่สไตล์ร้านคาเฟ่ นับแล้วมีให้สั่งรวมกันกว่า 114 เมนู รายการอื่นๆที่อยู่นอกจากในป้ายนี้คือเครื่องดื่มซึ่งรวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์คนละ 999++ เรียบร้อยแล้ว รอไม่นานตอนนี้พนักงานก็เรียกให้เข้าไปภายในร้านไปชมบรรยากาศพร้อมกันเลยครับ
บรรยากาศภายในร้านมีลูกค้าแน่นทุกโต๊ะแต่ทุกคนนั่งทานอาหารกันสบายๆเพราะพนักงานคอยเดินเสิร์ฟอาหารให้ตลอดเวลา (ไม่ต้องเดินไปสั่งหยิบเองมาที่โต๊ะให้วุ่นวาย) บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยโทนเข้มสีดำสลับกับสีน้ำตาลใช้วัสดุเป็นหนังและหินอ่อนดูหรูหราสมกับเป็นร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติคุณภาพระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยม โต๊ะด้านในร้านก็มีให้บริการหลายขนาดทั้งมาเป็นคู่ 2 คน/ครอบครัว 4-6 คนและเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่เลือกได้ทั้งโซนโต๊ะเดี่ยวหรือโซฟานุ่มๆนั่งสบาย สามารถมองเห็นภายในครัวของซึ่งเป็นแบบกระจกใสมองเห็นได้จากภายนอกและบาร์เครื่องดื่ม-ขนมหวานกับไอศครีมทำสดใหม่ ทุกโต๊ะมีที่รองจานพร้อมอุปกรณ์ในการทานครบทั้งช้อนขนาดใหญ่/ส้อม/มีด/ตะเกียบ/ช้อนขนมหวาน/ถ้วยใส่โชยุพร้อมโชยุขวด/เกลือสีชมพู-พริกไทยดำเอาไว้ปรุงรส/แก้วน้ำและกระดาษทิชชู่พร้อมทุกๆอย่างสำหรับการลุยบุฟเฟ่ต์ต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง เมนูเมื่อกี้เราเล็งไว้แล้วว่าจะสั่งอะไรบ้างมาเริ่มกันเลยครับ
วิธีการสั่งอาหารของที่ร้าน "Wisdom International Buffet" นี้ง่ายๆไม่ซับซ้อนและไม่ต้องเสียเวลาคอยให้พนักงานมารับออเดอร์ที่โต๊ะเพราะกดสั่งได้เองจาก Tablet (ที่ร้านใช้ของ Samsung เป็นจอ Amoled สีสันสดใส) วางเอาไว้บนแท่นยึดเข้ากับโต๊ะสามารถดึงออกมาสั่งได้สบายๆเสร็จแล้วก็นำกลับไปหนีบเก็บไว้ที่เดิม สั่งอาหารเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินไปสั่งเครื่องดื่มถึงหน้าร้านมีจุดวัดอุณหภูมิกับเจลล้างมือแอลกอฮอล์แล้วแต่เวลาออกจากโต๊ะต้องใส่ผ้าปิดปากทุกครั้ง บริเวณบาร์เครื่องดื่มนี้จะมีพนักงานคอยใส่ถุงมือสะอาดยืนกดน้ำให้เลือกทั้งชาเขียวกลิ่นมะลิ/ชานมสูตรไต้หวัน/น้ำผลไม้รวมหรือพั้นซ์/อัญชันมะนาวโซดา/ยูสุน้ำผึ้งโซดา/กุหลาบโซดา/น้ำอัดลมและน้ำเปล่า ถ้าอยากได้เครื่องดื่มร้อนก็มีกาแฟ/ช๊อกโกแลตร้อน/นมร้อนให้สั่งอีกรวมกว่า 9 เมนู อยากดื่มเมนูอะไรก็ยื่นแก้วให้น้องพนักงานพร้อมกับสั่งให้เรียบร้อยแล้วรับแก้วไปวางไว้ที่โต๊ะดื่มหมดก็เดินมาสั่งได้เรื่อยๆรวมในราคาบุฟเฟ่ต์แล้วครับ
จานแรกเป็นเมนูอาหารไทยทานง่ายๆคือ "วากิวน้ำตก" สั่งมาเป็นแบบเกาเหลาโดยน้ำซุปที่ร้านนี้เน้นกลิ่นเครื่องเทศค่อนข้างรุนแรงใส่พริกป่นคั่วเผ็ดร้อนสะใจทานคู่กับเนื้อวากิวหมกพอสุกอมชมพูนุ่มๆตัดกับผักบุ้งไทยด้านใหญ่เคี้ยวกรุบกรอบได้อย่างลงตัว ชามต่อมาก็คือ "ซุปเห็ดทรัฟเฟิล" เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังปิ้งกรอบๆฉ่ำเนย สัมผัสของตัวซุปค่อนข้างข้นใส่เนื้อทรัฟเฟิลเยอะจึงมีกลิ่นหอมสดชื่นไม่เลี่ยนจนเกินไปซดได้แบบเพลินๆเมื่อเทียบกับร้านคู่แข่งที่ใส่ครีมค่อนข้างหนักหน่วงมากกว่าถือว่าดีคนละแบบครับ ตามมาด้วยขบวนซีฟู๊ดทั้ง "กั้งเผา" เป็นกั้งกระดานแกะเปลือกเผยให้เห็นเนื้อสุกฉ่ำและมันที่หัวพร้อมทาน เพียงแค่ใช้ส้อมจิ้มออกมาเนื้อก็หลุดเป็นก้อนทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสเปรี้ยว/เผ็ด/หวานหอมกลิ่นถ่านอบอวลในปากดีวามสุดๆ จานต่อไปคือ "กุ้งแม่น้ำเผา" เสิร์ฟมาแบบผ่ากลางทานง่ายๆตัวไม่ใหญ่แต่หัวมันสีส้มทุกตัวเนื้อเด้งๆ มีบางตัวก็เนื้อเละบ้างแต่สัดส่วนตัวที่สดเยอะกว่าถือว่ารับได้ครับ
ต่อมาเป็นเมนูราคาแพงที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟให้ทานเป็นบุฟเฟ่ต์คือ "กุ้งดองซีอิ๊ว" และ "ปลาแซลมอนดองซีอิ๊ว" รสชาติน้ำดองปรุงมาเค็มอมหวานกลมกล่อมใช้วัตถุดิบอย่างดีทั้งกุ้งตัวใหญ่รสหวานเนื้อแน่นเคี้ยวเต็มปากและเนื้อปลาแซลมอนหั่นมาแบบซาชิมิหนาๆเห็นชั้นไขมันเรียงกันอย่างสวยงามเด่นชัด ตัดความเลี่ยนของดิบๆด้วยกระเทียมจีนสไลด์กับพริกสดเผ็ดฉุนจี๊ดจ๊าดขึ้นสมองหรือจะราดน้ำจิ้มซีฟู๊ดลงไปทานคู่กันแบบกุ้งแช่น้ำปลา-เนื้อแซลมอนแช่น้ำปลาก็อร่อยแซ่บไปอีกแบบ ตอนแรกหอยนางรมสุราษฎร์ธานีในหน้าจอสั่งอาหารบอกว่าหมดเลยกดมาเป็น "หอยนางรมเกาหลี" ตัวใหญ่ปรุงรสใส่เครื่องราดน้ำจิ้มพอนสึมาพร้อมทาน เกรดที่นำมาเสิร์ฟให้ก็ถือว่าพรีเมี่ยมไม่ได้แตกต่างจากในไลน์บุฟเฟ่ต์โรงแรมหรูๆแถมยังปรุงรสพร้อมทานเหลือแค่เทใส่ปากเท่านั้นสะดวกสบายมากๆเลยครับผม
จะกดสั่งอาหารอีกครั้งตอนนี้วัตถุดิบที่ขาดไปถูกนำออกมาเติมเรื่อยๆนั่นก็คือ "หอยนางรมสุราษฎร์ธานี" โดยเกรดที่ทางร้านนำมาเสิร์ฟไม่ได้ตัวใหญ่มากนัก (มองผ่านๆนึกว่าหอยนางรมอ่างศิลา) ใส่น้ำพริกเผา/หอมเจียว/ยอดกระถินลงไปในฝาหอยให้พร้อมราดน้ำจิ้มซีฟู๊ดหรือบีบเลมอนสดรับประทานได้ทันที ถึงแม้จะตัวเล็กแต่เนื้อแน่นเอ็นหอยเคี้ยวกรุบแบบหอยนางรมสุราษฎร์ธานีแท้ๆ (ซึ่งถือว่าดีเพราะแฟนผมกลัวหอยตัวใหญ่เห็นแล้วไม่กล้าทานครับ) จานต่อไปเรากดสั่ง 3 เมนูทางร้านได้เอามารวมเป็นจานเดียวก็คือ "กุ้งขาวต้ม"/"หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์"และ"หอยหวาน" เสิร์ฟมาพร้อมน้ำแข็งกับเลมอนแบบ Seafood On Ice โดยรวมต้มมาสุกกำลังดีเนื้อสดเด้งหวานเด้งทั้งกุ้งและหอยหวานหรือหอยหมากไม่มีกลิ่นเหม็นแอมโมเนียทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรเด็ดของทางร้านส่วนตัวให้ผ่านครับ
จานต่อมาเป็นซีฟู๊ดระดับพรี่เมี่ยมคือ "หอยเชลล์อบชีส" สูตรที่ร้านนี้ใช้โฮตาเตะตัวใหญ่สไลด์ใส่ในเปลือกหอยก่อนจะราดด้วยไวท์ซอสและชีสผสมอบจนสีเหลืองกรอบพร้อมทาน รสชาติชีสเค็มมันตัดกับหอยเนื้อเด้งหวานดีงามมากครับ ตามมาด้วยซาชิมิชุดใหญ่อย่าง "วิสดอมซาชิมิเซ็ต" เป็นปลาดิบชุดพิเศษที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมทั้ง ฮามาจิ/แซลมอนส่วนท้อง/หอยเชลล์โฮตาเตะ/กุ้งหวานยักษ์/ไข่หวานและไข่ปลาแซลมอนในชามวาซาบิมาให้ผสมกับโชยุบนโต๊ะพร้อมรับประทานได้ทันที ของทุกๆอย่างเนื้อเด้งสดหวานแฝงกลิ่นเลมอนกับเปลือกส้มยูสุช่วยให้หอมสดชื่นมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้นสมกับเป็น Signature ของทางร้าน เมนูต่อไปเป็นซีฟู๊ดปรุงสุกนั่นคือ "กุ้งโบตันเอบิเมนไทโกะ" หรือกุ้งโบตันตัวใหญ่ย่างราดซอสไข่ปลาเมนไทโกะรสเค็ม-มันๆหอมกลิ่นย่างถ่านมีสัมผัสไข่แตกปรุในปากเข้ากันได้ดีกับเนื้อกุ้งสดเด้งๆมากครับ เริ่มเข้าสู่เมนูอาหารจีนจานแรกเป็นซุปคือ "กระเพาะปลาน้ำแดงเป๋าฮื้อ" กระเพาะปลาชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำใส่เห็ดหอม-เนื้อเป๋าฮื้อกระป๋องกับไข่นกกระทาต้มในน้ำซุปแดงสไตล์จีนรสเค็มอมเปรี้ยวมีกลิ่นเหล้าจีนบางๆพอกลมกล่อม เพราะทางร้านใส่จิ๊กโฉ่วมาให้พร้อมรับประทานจบได้ในถ้วยเดียวเลยครับ
ใครมีความไฝ่ฝันอยากทานหมูกรอบไม่อั้นที่ร้าน Wisdom นี้ถือว่าตอบโจทย์ได้เกินคาดเพราะเขาเสิร์ฟให้เป็น "หมูกรอบ" สูตรฮ่องกงเนื้อชุ่มฉ่ำแทรกไขมันสวยงามแต่หนังด้านนอกสุดสีทองฟูกรอบทานคู่กับซอสหวานสไตล์หมูหันและมัสตาร์ตช่วยตัดความเลี่ยนทำให้ทานได้เรื่อยๆคีบเข้าปากได้ไม่มีสะดุดครับ เมนูต่อมาส่วนตัวไม่เคยลองทานมาก่อนคือ "เป็ดทอดซอสฮ่องกง" มันคือเนื้อเป็ดติดหนังหั่นชิ้นพอคำเอาไปชุบแป้งทอดจนกรอบเคลือบด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยวคล้ายกับซอสส้มแบบอาหารฝรั่งทานคู่กับผักสลัดกรอบๆเข้ากันได้ดีแถมไม่มีกลิ่นสาปของเป็ดเหลือในปากแม้แต่น้อยถือว่าดีมากๆครับ จานต่อไปเป็นเมนูที่คนไทยคุ้นเคยแต่ที่นี่ทำรสชาติมาพิเศษสุดๆก็คือ "หมูแดง" สูตรฮ่องกงเนื้อหมูติดมันหมักเครื่องเทศบาร์บีคิวจนเข้าเนื้อรสหวานเค็มหอมกลิ่นน้ำผึ้งแบบเข้มข้น เสิร์ฟมาคู่กับผักกวางตุ้งลวกและซอสซีอิ๊วดำใส่พริกชี้ฟ้าอมเปรี้ยวนิดๆเข้ากับหมูแดงรสเข้มข้นได้ดีสุดๆ อาหารจีนเสิร์ฟในเข่งถัดไปดูหรูหราสุดๆนั่นก็คือ "ฮะเก๋าฟัวกราส์ชาโคล" เป็นฮะเก๋ากุ้งเนื้อเน่นเด้งกรอบๆใส่ฟัวกราส์เพิ่มความหอมนัวแทนมันกุ้งเพิ่มความหรูหราด้วยแผ่นแป้งสีดำสนิทผสมชาโคลปิดแผ่นทองดูสวยงาม เพิ่มรสชาติด้วยจิ๊กโฉ่วรสเค็มเปรี้ยว/ซอสพริกเสฉวนสำหรับทานกับติ่มซำรสเผ็ดแซ่บลดความเลี่ยนจากฟัวกราส์ที่สอดไส้อยู่ด้านในได้ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ
ต่อกันด้วเมนูอาหารจีนนึ่งเสิร์ฟในเข่งกันแบบรัวๆทั้ง "กุ้งนึ่งมะนาว" เนื้อหมูเด้งๆผสมกุ้งราดน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสแซ่บเปรี้ยวอมหวานสไตล์ไทย "ซี่โครงหมูนึ่งเต้าซี่" ที่ร้านใช้ซี่โครงหมูติดกระดูกอ่อนหมักกับซอสเต้าซี่รสชาติหวาน-เค็มกลมกล่อมนึ่งจนเนื้อเปื่อยนุ่มกระดูกเคี้ยวง่ายสุดๆ "ขนมจีบกุ้งเป๋าฮื้อ" เป็นขนมจีบไส้หมูเด้งผสมกุ้งเนื้อกรอบท๊อบปิ้งด้วยเป๋าฮื้อกระป๋องเพิ่มรสชาติหอมหวานสัมผัสแน่นเค็มปากเต็มคำเวลาเคี้ยวดีมาก ตามมาด้วย "ซาลาเปาไส้ชาโคลลาวา" ซาลาเปาเนื้อแป้งฟูนุ่มสีดำสัมผัสบางเบารสหวานอ่อนๆตัดกับไส้ในรสแดงเค็มหอมมันเข้มข้นได้อย่างเข้ากันสุดๆ และเมนูพิเศษที่มักจะเสิร์ฟในภัตตาคารอาหารจีนราคาแพงแต่ Wisdom เอามาเสิร์ฟให้ทานไม่อั้นเป็นแบบบุฟเฟ่ต์คือ "เป็ดปักกิ่ง" เลาะเอาแต่หนังเป็ดฟูกรอบวางบนแป้งใส่แตงกวากับต้นหอมพร้อมราดน้ำจิ้มมาให้เหลือแค่ม้วนเป็นโรลเอาเข้าปากเพียงอย่างเดียว น้ำจิ้มส่วนตัวว่ารสอ่อนไปหน่อยแต่สำหรับคนไม่ชอบทานหวานถือว่าดีครับ
มาต่อกันด้วยเมนูอาหารไทยจานแรกนั่นก็คือ "ข้าวกระเพราเนื้อวากิวไข่ดอง" เป็นกระเพราเนื้อวัววากิวติดมันปรุงรสหวาน-เค็มกลมกล่อมเผ็ดกำลังดี เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบด้วยกระเทียมทอดและใบกระเพราทอดกรอบทานกับไข่ดองน้ำปลาและข้าวสวยหอมมะลิให้ความเค็ม-มันนุ่มนวลหอมน้ำปลาอ่อนๆ โดยไม่ต้องเรียกหาพริกน้ำปลาเพิ่มก็อร่อยไม่แตกต่างกันครับ ตามมาด้วย "ต้มยำกุ้งแม่น้ำ" เป็นแบบน้ำข้นรสชาติเปรี้ยวเค็มตัดหวานนิดๆพอกลมกล่อมหอมเครื่องสมุนไพรไทย ใส่กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ 1 ตัวต่อชามทำให้มีกลิ่นหอมของมันกุ้ง+เปลือกกุ้งผสมเข้ากับน้ำซุปซดแล้วสดชื่นช่วยลดความเลี่ยนจากอาหารไขมันเยอะๆได้เป็นอย่างดี จานต่อไปเป็นเมนูที่มักจะเสิร์ฟกันริมทะเลอแต่ที่ร้านนี้ยกมาให้ทานบนห้างคือ "น้ำพริกไข่ปู" เสิร์ฟมาในครกจิ๋วพร้อมผักสด-ผักลวกหลากหลายรายการ ตัวน้ำพริกรสชาติเปรี้ยวเผ็ดเค็มหอมมันไข่ปูผสมกุ้งแห้งป่นรสเข้มข้นจัดจ้านแบบไทยสามารถนำไปทานกับข้าวสวยได้อีกครับ
มาต่อกันด้วยเมนูอาหารปักษ์ใต้สุดเผ็ดร้อนอย่าง "ขนมจีนน้ำยาปู" นำแกงกะทิปักษ์ใต้ผสมเนื้ออกกับกรรเชียงปูชิ้นโตราดลงบนเส้นขนมจีนแบบสดพร้อมผักเคียงและพริกทอดครบในชามเดียว รสชาติเผ็ดเค็มหอมมันกะทิหวานเนื้อปูเข้ากันได้ดีกับเส้นขนมจีนนุ่มลื่นและผักสดกรุบกรอบทานแล้วเผ็ดสะใจสุดๆ เข้าสู่เมนูอาหารญี่ปุ่นเมนูแรกทางร้านต้องยกเตาถ่านมาวางไว้ให้บนโต๊ะก่อนคือ "เนื้อวากิวใบโฮบะ" หรือเนื้อวากิวสไลด์ย่างบนใบหูกวางราดซอสกับไข่ปลาแซลมอนเพิ่มความสดชื่นด้วยไชเท้าขูดกับต้นหอมย่างให้พอสุกฉ่ำก็นำเข้าปากได้ทันที ตัวใบไม้ช่วยเพิ่มความหอมและกักน้ำเนื้อไม่ให้ไหลลงตะแกรงจึงได้รสของไขมัน+น้ำเนื้อผสมกับซอสหวานและไข่ปลาแซลมอนรสเค็มแตกในปากฟินห์ถึงใจ ต่อไปคือเมนูที่ต้องย่างอีกอย่างคือ "คานิมิโสะ" หรือมิโสะมันปูสูตรที่ร้านใช้มันปูซูไวหรือปูหิมะใส่ไข่กุ้งกับต้นหอมซอยย่างบนถ่านให้หอมกลิ่นเปลือกและไล่เอาน้ำส่วนเกินออกให้เหลือแต่มันปูข้นๆไว้ทานเปล่าๆหรือคลุกกับข้าวสวยในกระดองก็อร่อยสะใจสุดๆ ตามมาด้วยซูชิเนื้อวากิวแพยักษ์คำโตๆอย่าง "ซูชิวากิวฟัวกราส์" แผ่นเนื้อวากิวบางใหญ่วางคลุมข้าวซูชิคำจิ๋วลนไฟพอสุกราดด้วยซอสโชยุหวาน+มายองเนส+ฟัวกราส์+ไข่ปลาบินปรุงรสและต้นหอมซอย ใช้ตะเกียบคีบตรงกลางเพื่อนำเข้าปากในคำเดียวได้ทั้งความนุ่ม/มันหอมเนื้อวากิวกับฟัวกราส์เต็มปาก ส่วนข้าวซูชิรสหวานอมเปรี้ยว-ซอสกับไข่กุ้งช่วยเพิ่มสัมผัสกับรสชาติให้เกิดความบันเทิงในปากมากยิ่งขึ้นครับ
เมนูต่อมาคือซูชิที่ใช้วัตถุดิบระดับพรี่เมี่ยมเริ่มจาก "ซูชิฟัวกราส์" ข้าวซูชิปั้นมาขนาดกำลังดีปรุงรสให้หวานอมเปรี้ยวท๊อบปิ้งด้วยฟัวกราส์ย่างพอสุกราดด้วยซอสโชยุหวาน/เค็มและเปลือกส้มยุสุ ส่วนตัวว่าถ้าย่างฟัวกราส์ให้สุกเกรียมอีกหน่อยจะอร่อยมากๆแต่แบบนี้ก็ได้ความเนียนนุ่มละลายในปากเคล้ากับซอสผสมข้าวซูชิหอมเปลือกส้มยูสุคลุ้งในปากไหลลงคอแบบไม่ต้องออกแรงเคี้ยว และเทคนิคการใช้เปลือกส้มยูสุที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวขมอ่อนๆแบบนี้ช่วยตัดความเลี่ยนไขมันฟัวกราส์ได้ดีมากๆไม่เหมือนร้านอื่นที่เคยทานมาเลยครับ จานต่อไปก็เป็นของโปรดของเราอีกอย่างคือ "ซูชิปลาไหลฟัวกราส์" ปลาไหลญี่ปุ่นย่างที่ร้านนี้เลือกใช้มีเนื้อนุ่มฟูผสมกับซอสรสหวานเพิ่มความหอมมันด้วยฟัวกราส์กับไข่ปลาบินปรุงรสแตกปรุๆในปากเวลาเคี้ยวแถมหั่นปลาไหลเป็นแนวเต็มปากเต็มคำดีสุดๆ สาวกปลาไหลแบบผมถูกใจสุดๆเลยครับผม จานต่อไปแฟนผมเป็นสาวกไข่ปลาแซลมอนเลยสั่งเป็น "ซูชิไข่ปลาแซลมอน" ขนาดลูกเล็กสีเข้มดองโชยุมารสเค็มกำลังดี (ไม่เค็มจัดจนทานได้น้อยแบบหลายร้าน) ถือว่าอร่อยโดนใจเช่นกันครับ
จานต่อไปเป็นซาชิมิที่เราสั่งมาเพิ่มเติมเพราะอยากลองชิมคือ "แซลมอนซาชิมิ" เนื้อสีส้มแทรกไขมันละเอียดนุ่มนวลละลายในปากและ "ซาชิมิปลาหมึกขาว" เนื้อหวานเด้งกรุบกรอบสู้ฟันเพิ่มสัมผัสพิเศษและกลมกล่อมด้วยไข่กุ้งสีส้มวางบนน้ำแข็งทานแบบเย็นจัดๆอร่อยสดโดนใจ จานต่อไปปกติไปทานร้านอาหารญี่ปุ่นราคาชามละร้อยกว่าบาทแต่ที่ร้านนี้มีให้สั่งไม่อั้นคือ "วากิวสุกี้ยากี้" เป็นเนื้อวากิวกับหอมใหญ่ตุ๋นในซอสสุกี้ยากี้แบบญี่ปุ่นจนเข้าเนื้อแบบเข้มข้นพิเศษเพิ่มสัมผัสเคี้ยวกรุบกรอบด้วยกระเทียมทอดและไข่แดงไก่เพื่อให้ความหวานของซอสนุ่มนวลลงมา ส่วนตัวรู้สึกว่าจานนี้รสชาติเข้มข้นเกินไปที่จะทานเปล่าควรจะหาเมนูข้าวมาทานด้วยกันจะอร่อยพอดีเลยครับ ทานแต่จานที่เต็มไปด้วยไขมันเลี่ยนๆมาเยอะพักยกด้วยเมนูเบาๆอย่าง "ไข่ตุ๋นไข่ปลาแซลมอน" รสชาตินุ่มนวลหอมกลิ่นซุปปลา/สาหร่ายคอมบุเข้ากับไข่เนื้อพุดดิ้งลื่นไหลลงคอ ด้านล่างใส่เครื่องเป็นปูอัดและกุ้งท๊อบปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอนกับต้นหอมเสิร์ฟมาร้อนๆทานแล้วรู้สึกอุ่นท้องสบายลิ้น เบื่อซุปมิโสะธรรมดาแล้วสั่งไข่ตุ๋นมาแทนก็ถือเป็นความคิดที่ดีครับ
หมวดต่อไปคืออาหารยุโรปเป็นเมนูโปรโมชั่นพิเศษประจำเดือนคือ "ฟัวกราส์สเต็ก" หรือตับห่านฝรั่งเศสหั่นมาชิ้นหนาและใหญ่ย่างบนกระทะพอสุกวางคู่กับขนมปังทอดเนยกรอบๆราดด้วยซอสไวน์แดงและสตรอเบอรี่ จัดเสิร์ฟมาอย่างสวยงามไม่แพ้ร้าน Fine Dining แต่อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่าร้านนี้ย่างมาไม่ค่อยเกรียม (อาจจะถูกใจสายสุขภาพบางท่าน) ทำให้รสชาติที่เกิดจากการย่างค่อนข้างอ่อนไปเล็กน้อย ส่วนกลิ่นของฟัวกราส์ที่เลือกใช้นั้นไม่เหม็นข้าวโพดหรือธัญพืชทำให้ทานได้ง่ายๆยิ่งทานคู่กับซอสผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่ราดเพื่อตกแต่งจานช่วยตัดความมันเลี่ยนไขมันลงไปได้เยอะเลยครับ (โปรโมชั่นนี้หมดไปตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. 2564) จานต่อไปหลายคนเปิดประเด็นถกเถียงกันเยอะมากว่าร้านนี้กับคู่แข่งที่ไหนจะเนื้อดีกว่ากันคือ "สเต็กวากิวท๊อบฟัวกราส์" มีจุดแตกต่างกันอย่างแรกที่สัมผัสได้เลยคือเนื้อคนละกลิ่นกับรสชาติเบากว่าทำให้ทานง่ายและนุ่มกว่าเยอะ ปรุงรสมาหนักเกลือพริกไทยเคลือบด้านนอกทอดเป็นสัมผัสกรุบกรอบสามารถเลือกระดับความสุกได้ตามใจ (วันนี้เลือกเป็นแบบ Medium Well ก็ได้ดั่งใจหวัง) ทานคู่กับซอสพริกไทยดำและฟัวกราส์ทอดเคียงกับผักสีสันสดใสสวยงามได้อย่างลงตัว ใครเป็นสายเนื้อออสเตรเลียมีไขมันรสเข้มข้นกลิ่น Grain Fed ชัดเจนไม่น่าจะถูกใจเนื้อวากิวของที่นี่ แต่ถ้าหากต้องการเนื้อวัววากิวที่เคี้ยวได้นุ่มนวลรสชาติปานกลางมีกลิ่นหอมละมุนทานง่ายหรือกำลังฝึกทานเนื้อวัวอยู่ที่ร้านนี้ถือว่าตอบโจทย์ครับ
ใครไม่ทานเนื้อวัวไม่ชอบกลิ่นของแกะแต่ก็เบื่อจะทานหมูหรือไก่ธรรมดาๆแนะนำว่าให้สั่งจานนี้คือ "สเต็กทูน่า" เป็นเนื้อปลาทูน่าส่วน Akami ไร้ไขมันเอามาทอดให้ด้านนอกกรอบเนื้อในสีชมพูกึ่งๆซาชิมิทานกับน้ำสลัดญี่ปุ่นและผักสดโรยด้วยงาคั่ว ตอนแรกเราไม่ได้คาดหวังรสชาติมากเพราะหลายร้านที่มักจะเอาปลาโอราคาถูกเนื้อเหม็นคาวเลือดมาปรุงให้ทานแต่ร้านนี้กล้าฟันธงเลยว่าใช้ทูน่าของจริง เพราะสัมผัสของเนื้อปลาตอนเคี้ยวเหมือนสเต็กเนื้อวัวที่ไม่มีกลิ่นและไขมันของวัวแถมยังรู้สึกสดชื่นทานง่ายดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะมากๆแนะนำให้สั่งเลยครับผม จานต่อไปใครที่ชอบทานเมนูนี้อยู่แล้วต้องถูกใจเพราะร้านอาหารทั่วไปขายค่อนข้างแพงแต่ที่นี่เสิร์ฟให้ไม่อั้นนั่นคือ "ซี่โครงหมูบาร์บีคิว" ตัดแบ่งมาทีละ 2 ท่อนใหญ่ตุ๋นจนเนื้อหลุดออกจากกระดูกแล้วย่างด้วยซอสบาร์บีคิวจนเข้าเนื้อดีแต่ค่อนข้างเข้าข้นเกินไปหน่อย ถ้าใครอยากทานอร่อยๆแนะนำให้สั่งมาตั้งแต่ช่วงแรกๆนะครับตอนท้ายๆต่อมรับรสเริ่มอ่อนล้ารับรสชาติไม่ค่อยไหวแล้ว ตามมาด้วยสปาเก็ตตี้ 2 อย่างสุดท้ายคือ "สปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้งแม่น้ำ" และ "สปาเก็ตตี้ทรัฟเฟิลฟัวกราส์" รสชาติเข้มข้นถึงใจเครื่องต้มยำและไวท์ซอสทรัฟเฟิลโดนใจสุดๆแถมเสิร์ฟคำเล็กจิ๋วแบบนี้ทำให้เหลือพื้นที่ในกระเพาะไว้ไปทานเมนูอื่นได้อีกเพียบ ตอนนี้เริ่มอิ่มแล้วแต่ของหวานที่ร้านนี้ก็เด็ดกดสั่งมารัวๆเลยครับ
เริ่มด้วยขนมหวานฟิวชั่นสไตล์ไทยนั่นก็คือ "ไอศครีมอัญชันข้าวเหนียวดำ" เป็นข้าวเหนียวดำปรุงรสหวานเบาๆทานกับไอศครีมกะทิอัญชันและราดกะทิรมควันปรุงรสเค็มอ่อนๆเสิร์ฟในกระทะทองเหลืองทรงลึกที่นำความร้อนได้ดีจนละลายเร็วสุดๆและทานยากมากๆต้องคอยประคองอีกมือไม้ให้หม้อหมุนไป-มาเวลาใช้ช้อนตักแต่ก็อร่อยดีครับ ตามมาด้วยของหวานสไตล์เกาหลีอย่าง "บิงซูมะม่วงชีสเค้ก" เป็นบิงซูรสนมหอมๆใส่ชีสเค้กหั่นเต๋า/พุดดิ้งมะม่วง/ครีมรสมะม่วงเสิร์ฟพร้อมนมข้นหวานผสมนมข้นจืดและซอสมะม่วยเปรี้ยวอมหวานทานแล้วเย็นสดชื่น ถ้าไม่ชอบรสเปรี้ยวแนะนำให้สั่งเป็น "บิงซูเมลอนชีสเค้ก" เนื้อเมลอนก้อนกลมหวานฉ่ำทานกับชีสเค้กและครีมรสเมลอนเขียวบนเนื้อบิงซูนมหอมๆเพิ่มรสชาติได้ด้วยซอสนมข้นหวานผสมนมข้นจืดและซอสเมลอนรสชาติหวานหอมเย็นสดชื่ีนถึงใจ มาต่อกันด้วยขนมอบร้อนๆทานกับไอศครีมเย็นๆอย่าง "คัพซี" เป็นบราวนี่อบร้อนหน้ากรอบในถ่วยทานกับไอศครีมวนิลา/วิปครีมและสตรอเบอรี่สดชิ้นใหญ่ ได้ 2 สัมผัสทั้งร้อน-เย็นช๊อกโกแลตขมผสมไอติมหวานๆครบในถ้วยเดียว
ของหวานยังไม่หมดเพียงแค่นั้นเราสั่งมาเพิ่มอีกคือ "พานาคอตต้า" เป็นครีมนมใส่ฝักวนิลาแท้ๆรูปทรงเป็นถ้วยเพราะผสมเจลลาตินลงไปรสหวานหอมกลิ่นนมสัมผัสเด้งดึ๋งนวลเนียนในปาก ทานกับซอสราสเบอรี่และครัมเบิ้ลกรอบๆช่วยตัดรสชาติและสัมผัสให้พิเศษมากยิ่งขึ้น จานสุดท้ายไม่ค่อยตรงปกแต่ก็ไม่แย่คือ "แพนเค้กซูเฟล่" เป็นเมนูแพนเค้กฟูสไตล์ญี่ปุ่นที่ร้านทำมาค่อนข้างเหี่ยวไปหน่อยแต่ก็พอทานได้ไม่เหม็มกลิ่นไข่ขาว ทานคู่กับไอศครีมวนิลา/วิปปิ้งครีม/ครัมเบิ้ลและราสเบอรี่สดราดด้วยซอสเมเปิ้ลไซรัปใส่มาในเหยือกเล็กๆก็ถือว่าใช้ได้ไม่พิเศษมากมายครับ
มื้อนี้มาทานกัน 2 คน ราคาอาหารคนละ 1,176 บาทรวม 2,351.65 บาท สั่งเมนูไปกว่า 80 รายการ เฉลี่ยมื้อนี้จ่ายไปเพียงแค่จานละ 29.50 บาท ถือว่าคุ้มราคาสุดๆเพราะวัตถุดิบที่ใช้คุณภาพสูงจริงไม่จกตา/รสชาติอาหารแต่ละจานปรุงออกมาได้ดีแถมยังมีตัวเลือกให้ทานหลากหลายมากถึง 114 เมนู แล้วไม่ต้องจองคิวนานเป็นเดือนๆเพื่อจะให้ได้ทานเพราะแค่เดินทางมาให้เร็วกว่าปกติหน่อยก็ได้เข้าร้านแน่ๆ ถือเป็นอีกร้านที่อร่อยคุ้มสมกับราคาที่ตั้งสุดๆรับคะแนนรีวิววันนี้ไปเต็ม 5ดาวเลยครับผม🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : Siam Square One ชั้น 5 เลขที่ 388 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. 10330
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. โทร. 02-007-4774
Facebook : https://www.facebook.com/WisdomBuffetTH
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments