วันนี้เงินเดือนออกเลยนัดเพื่อนๆที่ทำงานชวนกันมาทานบุฟเฟ่ต์กันที่ "Tora Yakiniku X Café" ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านซิตี้คอนเนคถนนกัลปพฤกษ์ ตอนนี้เขาได้ออกเมนูใหม่ Elite Buffet ราคาคนละ 1,799 บ.++ เพิ่มวัตถุดิบคุณภาพสูงระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมมาให้สั่งอีกเพียบตลอด 2 ชั่วโมง เริ่มจากเนื้อวากิวไขมันแทรกสวยงามนำเข้าจากหลากหลายประเทศทั้งระดับ A4/ F1/ Dry-Aged 360 Days/ Marble Score 8/9 หมูคุโรบูตะสายพันธุ์แท้นำเข้าตรงจากญี่ปุ่น/อาหารทานเล่น/ซูชิ-ซาชิมิที่ใช้วัตถุดิบดีราคาแพงและขนมหวานปรุงสดใหม่จัดเสิร์ฟอลังการแบบเดียวกับคาเฟ่สุดหรูใจกลางเมือง ส่วนตัวเคยมาทานร้านนี้หลายรอบแล้วเพราะอยู่ใกล้บ้านเดินทางค่อนข้างสะดวก-มีลานจอดรถกว้างขวางให้บริการฟรี ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลงบีทีเอสสถานีวุฒากาศแล้วเรียกรถแท็กซี่ต่อเข้ามาตามจุดปักหมุดบนแผนที่ในมือถืออีกประมาณ 5.8 กิโลเมตร ก็จะพบกับตัวร้านเป็นอาคารพาณิชย์สีดำสนิท 3 ชั้น ขนาด 2 คูหาและสัญลักษณ์หัวเสือโคร่งหน้าดุดันที่คอผูกโบว์หูกระต่ายแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ
ช่วงที่พวกเรามาทานกำลังเข้าสู่เดือนธันวาคมจึงมีการตกแต่งภายในร้านให้เป็นธีม "เทศกาลคริสต์มาส" ตลอดเดือน แต่ยังคงความดั้งเดิมด้วยสไตล์ Loft สมัยใหม่เปิดให้เห็นโครงสร้างของร้านเพิ่มความดุดันด้วยตะแกรงเหล็กสีดำสนิท เก้าอี้ทุกที่นั่งเป็นแบบโซฟายาวบุนวมแข็งแรงมั่นคงสามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 4-10 คน ส่วนโต๊ะก็ทำด้วยหินอ่อนสีขาวแผ่นใหญ่ดูสะอาดตา เจาะรูตรงกลางสำหรับลงเตาถ่านพร้อมวางระบบดูดกลิ่น-ควันกันหัวเหม็นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่ามองจากภายนอกเหมือนจะเป็นแค่ร้านเล็กๆแต่มีชั้น 2 เปิดให้บริการอีกโซนนึงด้วย ตอนที่ผมมาถึงสมาชิกท่านอื่นกำลังเดินทางอยู่เลยจัดการเลือกโต๊ะและดูเมนูอาหารกันก่อนว่ามีอะไรให้สั่งบ้างระหว่างรอครับ
มาถึงนั่งที่โต๊ะน้องพนักงานก็จะนำเล่มเมนูออกมาให้เราเลือก ปัจจุบันร้าน "Tora Yakiniku X Café" มีราคาบุฟเฟ่ต์ให้เลือกทั้งหมด 4 ระดับได้แก่ 1. Standard 599 บ.++ (706 Net.) 2. Premium 999 บ.++ (1,176 Net.) 3. Grand 1,299 บ.++ (1,529 Net.) และ 4. Elite 1,799 บ.++ (2,118 Net.) ที่เราเลือกมาทานกันในวันนี้ถือว่าราคาค่อนข้างสูงจึงต้องนัดกับเพื่อนมาทานกันในช่วงเงินเดือนออกใหม่ๆ ดูรายการอาหารทั้งหมดของทางร้านเป็นแบบไฟล์ E-Book ได้ในลิงค์นี้ https://bit.ly/3G3ZMAh บุฟเฟ่ต์ทุกๆราคาสามารถนั่งทานได้ 2 ชั่วโมงเต็ม เด็กเล็กที่มีส่วนสูงต่ำกว่า 100 ซม.ทานฟรี/ส่วนสูงระหว่าง 100-130 ซม. ลดราคา 50% หากสูงมากกว่านั้นคิดเป็นราคาผู้ใหญ่ อยากทานเมนูอะไรบนโต๊ะมีใบสั่งอาหารพร้อมดินสอให้เขียนจำนวนที่ต้องการลงไปแล้วยื่นให้กับน้องพนักงานได้เลย ส่วนกระดาษรองจาน/ตะเกียบ/ถ้วยน้ำจิ้มและที่คีบใส่ถุงพลาสติกปิดซีลมาเป็นอย่างดีวางไว้ให้บนโต๊ะแกะพร้อมใช้งานได้เลยทันที วันนี้สมาชิกขอเน้นเนื้อวากิวและซีฟู๊ดเป็นพิเศษก็สั่งกันไปแบบจุกๆเลยสิครับผม
ขณะนี้ทุกคนมากันครบแล้วก็บอกให้น้องพนักงานเริ่มเสิร์ฟอาหารที่สั่งเอาไว้แล้วจับเวลาได้เลย เมนูจานแรกคือ "Tora Wagyu Set" ประกอบไปด้วยเนื้อวัวส่วนต่างๆนำเข้าจากอเมริกาและออสเตรเลียทั้ง U.S. Choice Shot Plate/ Wagyu Jyou Rosu/ Wagyu Jyou Rosu และ Wagyu Misuji เรียงมาในจานหินสีดำขนาดใหญ่เนื้อสีแดงสดแทรกชั้นไขมันสีขาวละเอียดสวยงามเด่นชัด สัมผัสเคี้ยวนุ่มชุ่มฉ่ำมีรสเนื้อที่เข้มข้นแต่ไม่รุนแรงตามแบบฉบับลูกครึ่งวากิว ชุดต่อมาเป็นเนื้อวัวที่เพิ่มมาใหม่ในบุฟเฟ่ต์ระดับ Elite นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและส่วนพิเศษจากเนื้อวากิวออสเตรเลียก็คือ 1. Wagyu F1 Super Karubi เป็นลูกครึ่งวากิวผสมพันธุ์พื้นเมืองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมีระดับไขมันเทียบเท่ากับ A3 แต่กลิ่นเนื้อจะค่อนข้างชัดกว่าวากิวเลือดบริสุทธิ์ 2. Japanese Wagyu A4 แท้ๆมีเครื่องหมาย "วากิวสากล” รับประกันว่าเป็นเนื้อวัวที่เกิดและเลี้ยงดูภายในประเภทญี่ปุ่น มีชั้นไขมันที่แทรกละเอียดเคี้ยวนุ่มละลายพร้อมกลิ่นที่บางเบาทานง่ายกว่าจานก่อน 3. Wagyu Jyou Zabuton หรือเนื้อวัวที่ผ่านการ Dry-Aged นานถึง 360 วันจึงทำให้มีรสชาติของเนื้อและไขมันเข้มข้นกว่าที่เสิร์ฟในเมนู Grand แต่คงคงความนุ่มเอาไว้เช่นเคย 4. Wagyu Marble Score 8/9 เป็นเนื้อวากิวออสเตรเลียคุณภาพสูงสุดที่ทางร้านคัดมาเสิร์ฟ ซึ่งก็ยังคงความนุ่มแทรกไขมันแต่ไม่ถึงกับละลายและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์นุ่มนวลอร่อยไม่ด้อยไปกว่าจานอื่นๆ ทางร้านแนะนำว่าให้ทาน 2 แบบนั่นก็คือ จุ่มในซอสยากินิคุสูตรพิเศษหรือจะนำลงบนเตาถ่านย่างเลยเลือกได้ตามใจครับผม
นอกจากเนื้อวัววากิวคุณภาพระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมแล้วในเมนู Elite ยังได้เพิ่มหมูคุโรบูตะที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาให้สั่งอีก 2 รายการคือ 1. Tora Kojibuta Set หรือเนื้อหมูโคจิบูตะหมักซอสเข้มข้นสูตรพิเศษประกอบไปด้วยหมาล่า/ฟัวกราส์และทรัฟเฟิลใส่มาในถ้วยเล็กๆ หมูที่ใช้เป็นส่วนคอแทรกไขมันละเอียดเคี้ยวนุ่มเด้งซอสรสชาติซึมเข้าไปถึงด้านในเนื้อทั้ง 3 สูตรอร่อยไม่เหมือนใครและไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนแน่นอนครับ 2. Kagoshima Pork หรือหมูคุโรบูตะสายพันธุ์แท้จากคาโกชิม่าประเทศญี่ปุ่น ทางร้านตัดเสิร์ฟเป็นส่วนสันคอมีเนื้อสีชมพูและไขมันสีขาวสวยงาม จุดที่แตกต่างจากหมูคุโรบูตะสายพันธุ์ที่เลี้ยงในฟาร์มไทยคือความเด้งของเนื้อที่ดีดตัวในปากให้ความสะใจเวลาเคี้ยวมากกว่าและน้ำเนื้อชุ่มฉ่ำไม่มีความเลี่ยนไขมันทำให้กินได้เรื่อยๆสมกับเป็นราชาแห่งเนื้อหมูของแท้เลยครับ
เนื้อวัวจานต่อไปถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในรายการ Elite แต่เราสั่งมาด้วยเพราะว่าชอบเป็นการส่วนตัวนั่นคือ "Tora Super Steak" เป็นเนื้อ Meltique Beef นำเข้าจากประเทศออสเตรเลียที่กลุ่มคนรักเนื้อบางคนแอนตี้แต่เราชอบมากๆเพราะไขมันนุ่มละลายในปากแถมไม่มีกลิ่นเนื้อรุนแรงทานง่ายและได้เคี้ยวเนื้อแบบเต็มปากเต็มคำดี จานต่อไปก็คือ "Smoked Duck" หรืออกเป็ดรมควันมีกลิ่นหอมคล้ายกับแฮมเนื้อแน่นติดชั้นไขมันเคี้ยวกรุบๆรสเข้มข้น ราดด้วยซอสรสหวานอ่อนๆย่างให้หนังเกรียมหน่อยบอกเลยว่าอร่อยสุดๆไม่มีกลิ่นสาบแบบเป็ดสดอย่างแน่นอนครับผม
เมนูต่อไปเป็นซีฟู๊ดรวมทุกอย่างที่ทางร้านจัดมาเสิร์ฟให้อย่างอลังการวางเรียงลงถาด 3 ชั้น เริ่มจากชั้นบนสุดมีกุ้งขาวแกะพร้อมทานกับหอยหวานเนื้อเด้งกรุบกรอบ ชั้นที่ 2 เป็นปลาหมึกสายซอสบูลโกกิ/หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่เนื้อเต็มฝาและหอยเชลล์สดเนื้อขาวใส ชั้นล่างสุดเป็นกุ้งก้ามกรามผ่าครึ่งหัวมันพร้อมย่าง/หอยนางรมจากเกาหลีราดซอสโชยุสำหรับย่างเท่านั้น (ทางร้านไม่แนะนำให้กินสด) โฮตาเตะย่างเนย+โชยุกับโฮตาเตะชีส/ปลาหมึกตัวใหญ่และกุ้งแดงอาเจนติน่าเนื้อหวานเด้งวางบนน้ำแข็งเย็นๆช่วยรักษาอุณหภูมิทำให้ความสดคงอยู่ยาวนาน โดยรวมซีฟู๊ดของที่ร้านถือว่าตัวใหญ่-สดไร้กลิ่นคาวหรือแช่น้ำยา มีความพรีเมี่ยมสมกับราคาที่จ่ายไปมากๆเลยครับผม
จับวัตถุดิบต่างๆที่อยากกินลงบนเตาทานคู่กับน้ำจิ้มทั้งหมด 4 สูตร วางเป็นขวดให้เติมได้เองบนโต๊ะก็คือ 1. น้ำจิ้มเนื้อหรือยากินิคุซอสบางเบาไม่จัดจ้านเท่าร้านอื่นจึงไม่ค่อยรบกวนกลิ่นกับรสชาติที่แท้จริงของเนื้อพรีเมี่ยม 2. น้ำจิ้มหมูหรือซอสเผ็ดสไตล์ไทยมีกลิ่นฉุนคล้ายกับพริกกระเหรี่ยงรสหวานอ่อนๆไม่มีกลิ่นน้ำมันงาแบบน้ำจิ้มสุกี้ช่วยลดความมันเลี่ยนของเนื้อหมูย่างได้เป็นอย่างดี 3. น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวตัดหวานเผ็ดหอมกลิ่นพริกสด-กระเทียมชัดเจนทานกับซีฟู๊ดย่างหรือซาชิมิเป็นแบบเมนูแช่น้ำปลาก็อร่อยแซ่บจัดจ้านดี 4. ซอสโชยุกับวาซาบิเอาไว้ทานกับซูชิ/ซาชิมิหรือจะแปะวาซาบิสดเล็กน้อยลงบนเนื้อวากิวย่างที่สุกแล้วจิ้มโชยุหน่อยก็อร่อยฉุนขึ้นจมูกไปอีกแบบ นอกจากนี้ก็ยังมีเกลือ-พริกไทย/พริกสดกับกระเทียมสับและน้ำมะนาวสด ให้ปรุงน้ำจิ้มแต่ละสูตรได้เองจนกว่าจะถูกปากด้วยครับ
ตามมาด้วยเมนูซาชิมิที่เสิร์ฟในเมนูระดับ Grand คือ "Tora Grand Sashimi" เป็นชุดแซลมอนสับปรุงรสห่อทานกับสาหร่ายแผ่นใส่ท๊อบปิ้งต่างๆทั้ง คาเวียร์/ต้นหอม/ไข่ปลาแซลมอนและข้าวพองญี่ปุ่นได้หลากหลายสัมผัสในคำเดียว ด้านล่างเป็นซาชิมิปลาแซลมอน/แซลมอนส่วนท้อง/กุ้งหวานตัวใหญ่กับหอยโฮตาเตะ ส่วนเมนูระดับ Elite มีเพิ่มขึ้นมาเป็น "Hotate Saikyo Foiegras Karasumi" หรือหอยเชลล์ตัวขนาดใหญ่พิเศษเพิ่มซอสฟัวกราส์ลนไฟโรยด้วยเกล็ดไข่ปลากระบอกตากแห้งแบบเดียวกับร้านโอมากาเสะราคาแพงกับ "Edomae Hotate Yaki หรือหอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวใหญ่ลนไฟโรยด้วยงา 5 สีสไตล์ญี่ปุ่น ทั้ง 2 เมนูวางแผ่นสาหร่ายไว้ด้านล่างพร้อมหยิบใส่ปากได้เลยทันที ถ้าเทียบกับบุฟเฟ่ต์ร้านอื่นในราคาระดับเดียวกันอาจจะได้ทานโอโทโร่/ไข่หอยเม่นไปแล้วแต่ในกลุ่มมีเพื่อนผมที่ไม่ทานเลยไปเอาความฟินห์กับเนื้อวากิวคุณภาพสูงกับเมนูระดับโอมากาเสะแบบนี้แทนถือว่าโอเคมากเลยครับ
จานต่อไปเป็นเมนูซูชิที่อยู่ในหมวด Elite สั่งมาลองอย่างละคำรวม 5 เมนูก็คือ 1. Four Kings Gunkan เป็นซูชิโรล 4 กษัตริย์ทั้ง เอนกาวะ/ฟัวกราส์/อูนางิและคาเวียร์ราดด้วยซอสฟัวกราส์สูตรพิเศษของที่ร้าน 2. Volkano Gunkan เป็นซูชิโรลเอนกาวะสอดไส้สอดซอสเมนไทโกะท๊อบปิ้งด้วยโฮตาเตะ/เนื้อแซลมอนและอิคุระ 3. Engawa Hotate Spicy Yuzu ทุกอย่างเหมือนเมนูที่แเล้วแค่เปลี่ยนท๊อบปิ้งเป็นหอยเชลล์ญี่ปุ่นทั้งตัวและเปลือกส้มยูสุกลิ่นหอมๆแทน 4. Akaebi Karasumi หรือซูชิหน้ากุ้งหวานวางบนก้อนข้าวปรุงรสพิเศษและเกล็ดไข่ปลากระบอกตากแห้งรสเค็มหอมมันนัวๆ 5. Akaebi Truffle & Caviar หรือซูชิกุ้งหวานตัวใหญ่แบบเดียวกับคำที่แล้ว แต่ราดด้วยซอสทรัฟเฟิลเข้มข้นแล้วท๊อบปิ้งคาร์เวียร์แทน นอกจากนี้สั่งซูชิในเมนู Grand Buffet มาชิมเพิ่มอีกทั้ง ฟัวกราส์ชิ้นหนาคำโต/ท้องแซลมอนลนไฟราดซอสทรัฟเฟิลและชิ้นเนื้อฟัวกราส์/อูนางิหรือปลาไหลญี่ปุ่นย่างราดซอสและโฮตาเตะหรือหอยเชลล์-วาซาบิดอง ข้าวซูชิปรุงรสชาติมากลมกล่อมชิ้นไม่ใหญ่มากส่วนหน้าวัตถุดิบชิ้นโตสะใจดีครับผม
ซูชิหน้าต่อไปเป็นของโปรดผมแต่บุฟเฟ่ต์หลายๆร้านไม่ค่อยเสิร์ฟก็คือ "Anago" หรือซูชิหน้าปลาไหลทะเลย่างซอสตัวยาวพิเศษชิ้นใหญ่ข้าวน้อยได้ทานเนื้อปลาไหลนุ่มฟูฉ่ำซอสแบบเต็มๆคำสะใจมากครับ และเมนูซูชิคำใหญ่อีกอย่างที่เรามักจะสั่งมาชิมทุกร้านคือ "Wagyu Sushi" เป็นเนื้อวากิวสไตล์บาง 4 แผ่นวางบนข้าวซูชิลนไฟราดซอสเทริยากิ/ต้นหอม/ไข่ปลาบินสีส้มกับดำ ได้รสของเนื้อวากิวผสมไขมันและซอสเทริยากิแน่นเต็มปากตามด้วยสัมผัสของไข่ปลาบินปรุงที่ค่อยๆแตกตัวเวลาเคี้ยวและข้าวซูชิที่ให้ความรู้สึกเนียนนุ่มไหลลงคอ คำเดียวไม่พอแน่นอนครับ
จานต่อมาเป็นโรลซูชิอยู่ในหมวดของ Premium สั่งมาลองชิม 2 เมนูคือ 1. Mini Foiegras Roll เป็นข้าวซูชิห่อสาหร่ายสอดไส้แตงกวาและขิงดองสีชมพู ท๊อบปิ้งด้วยฟัวกราส์ลนไฟ/ซอสสไปซี่และไข่ปลาแซลมอน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแป้งทอดเทมปุระราดซอสเทริยากิก่อนเสิร์ฟ 2. Edomae Saba Roll เป็นซูชิโรลแบบเดียวกันจานที่แล้วแต่เปลี่ยนท๊อบปิ้งด้านบนเป็นเนื้อปลาซาบะดองชิ้นใหญ่ๆลนไฟให้หอมราดซอสเทริยากิเคี้ยวเต็มคำดีมากครับ
มาต่อกันด้วยเมนูย่างถ่านบนเตาขนาดจิ๋วเริ่มจากที่เสิร์ฟใน Elite Buffet นั่นคือ 1. Lobster Miso Hotate Caviar เป็นมันหัวกุ้งล๊อปสเตอร์กับหอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวใหญ่และคาเวียร์ 2. Lobster Miso Akaebi ยังคงเป็นมันจากหัวกุ้งล๊อปสเตอร์กับกุ้งหวานตัวใหญ่และไข่ปลาแซลมอน ส่วน 3. Zuwai Kani Miso หรือมันปูหิมะญี่ปุ่นย่างท๊อบปิ้งด้วยไข่ปลาบินปรุงรสสีส้มหอมมันเสิร์ฟในเมนู Grand Buffet 4. Wagyu Hoba Yaki หรือเนื้อวากิวย่างบนใบโฮบะราดซอสเทริยากิ/ไข่ปลาบิน/ไข่ปลาแซลมอน/ต้นหอมและโรยด้วยงาขาวย่างพอสุกก็เข้าปากได้เลยทันที
สั่งของทานเล่นมาปิดท้ายก่อนที่จะไปลุยขนมหวานกันต่อเริ่มจาก "Tora Kaiseki Set" เมนูพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาเฉพาะ Elite Buffet เท่านั้น เรียกว่าชุดไคเซกิหรืออาหารทานเล่นที่คัดเลือกวัตถุดิบดีสุดของแต่ละฤดูกาลมาเสิร์ฟ 4 อย่าง ทั้งหนังแซลมอนทอดกรอบ/หนวดทาโกะยักษ์ต้มซีอิ๊ว/สาหร่ายสดดองรสเปรี้ยวใส่เปลือกยูสุและเต้าหู้เย็นราดซอสโชยุผสมขิง ตามมาด้วย "Akaebi Mentaiko Yaki" หรือกุ้งหวานลนไฟย่างราดซอสเมนไทโกะมาโย และเมนูของทอดทานง่ายๆอย่าง "Truffle Fires" เป็นมันหวานทอดกรอบแบบเฟรนซ์ฟรายส์ทานคู่กับซอสทรัฟเฟิลมาโยและชีสดิบอร่อยจิ้มเพลินจนฉุดไม่อยู่ และ "BBQ Chicken Wings" หรือปีกบนไก่บาร์บีคิวย่างหมักมามีรสชาติเข้มข้นเข้าเนื้อคล้ายๆกับเมนูไก่นิวออลีนส์ที่เสิร์ฟภายในร้านพิซซ่าแบรนด์ชั้นนำบนห้างสรรพสินค้าทั่วไปเลยครับผม
แนะนำว่าอย่าเพิ่งลุยของคาวจนอิ่มเพราะของหวานร้านนี้เด็ดมาก เริ่มจาก Elite Buffet สั่งได้เพิ่มอีก 1 อย่างต่อคน วันนี้เราเลยเลือกมา 4 จากทั้งหมด 5 เมนูคือ "Matcha Ceremony Set" เป็นชุดขนมดังโงะ/ชงมัทฉะตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม วิธีการชงก็คือเทน้ำร้อนในกระติกที่ทางร้านตวงมาแล้วลงในถ้วยที่มีผงมัทฉะจนหมดแล้วใช้ที่คนลงไปแกว่งแบบสลับฟันปลาจนละลายและมีฟองเล็กๆลอยเต็มหน้าถ้วย ชาเขียวเข้มข้นทานกับขนมดังโงะซอสโคคุโตะ (น้ำตาลโบราณ) และผงถั่วเหลืองได้อารมณ์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ "Traditional Japanese Dessert Set" หรือชุดขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นมี 4 เมนู รวมกันในจานเดียวก็คือ 1. วุ้นใส่กลีบดอกซากุระ 2. ชิราทามะยูสุ 3. วาราบิโมจิคลุกผงถั่วเหลือง 4. พุดดิ้งเต้าหู้ราดซอสโคคุโตะและผงคินาโกะ โดยรวมถือว่าอร่อยดีทุกอย่างและไม่หวานจนเกินไป ซึ่งเมนูจานนี้ต้องใช้เวลาเตรียมการก่อนเสิร์ฟเป็นเวลายาวนานถึง 15 นาที ยังไงก็เผื่อเวลาไว้ด้วยนะครับผม
เมนูต่อมาเสิร์ฟปริมาณไม่เยอะแต่หน้าตาดูอลังการดีคือ "Cold Brew X Bubble" เป็นกาแฟสดสกัดเย็นมาคู่กับบิสกิสต่างๆทั้งแบบเนยสด/คาราเมลและ Stroopwafel ปิดหน้าแก้วด้วยฟองสบู่รมควัน ก่อนจะดื่มก็แค่เจาะให้ฟองสบู่ระเบิดออกเพื่อลิ้มรสของกาแฟคั่วระดับกลางเหมือนเมล็ดจากแถบเอธิโอเปียมีกลิ่นหอมคล้ายกับเครื่องเทศลอยเด่นขึ้นมาเตะจมูก ส่วนบิสกิตที่ทางร้านคัดมาเสิร์ฟภายในชุดก็เลือกมาแบบหอมเนยเคี้ยวกรุบกรอบๆคุณภาพดี ดูเผินๆแล้วจานนี้เหมือนไม่ค่อยมีอะไร แต่พอได้ลองทานจริงจะมองเห็นการเอาใส่ใจในทุกรายละเอียดดีมากครับผม
เมนูของหวานจานต่อไปยังคงอยู่ในหมวด Elite Buffet แต่ต้องใช้เวลารอนานถึง 20 นาที คือ "Homemade French Croffle" เป็นแป้งครัวซองค์ที่เอาไปใส่ในเครื่องทำวาฟเฟิลจนกรอบราดด้วยเมเปิลไซรัป/ซอสวิปครีมและผลไม้สดทั้งบลูเบอรี่-สตรอเบอรี่ที่ให้รสเปรี้ยวตัดความเลี่ยนจากครัวซองค์กรอบนอกนุ่มในเนื้อฉ่ำเนย ถือว่าคุ้มกับการรอคอย 20 นาทีมากๆครับ นอกนั้นเป็นเมนูขนมหวานที่สั่งได้ไม่อั้นและจะเติมอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เริ่มด้วย "Mochi Waffle" เป็นแป้งโมจิอบในเครื่องวาฟเฟิลกรอบนอกเหนียวหนึบด้านในราดซอสน้ำตาลทรายแดง/ผงถั่วเหลืองกินคู่กับถั่วแดงบดและไอศครีมชาเขียว "Mizu Shingen Mochi" หรือโมจิหยดน้ำทานคู่กับซอสน้ำตาลทรายแดงและผงถั่วเหลืองแบบเดียวกันที่ขายบนห้างราคาแพง "Shiratama Kinako Kuromitsu" หรือโมจิข้าวก้อนกลมๆราดซอสน้ำตาลทรายแดงเข้มข้นและผงถั่วเหลือง คลุกให้เข้ากันก่อนทานเคี้ยวหนึบมีรสหวานหอมมันถั่วอร่อยดีครับผม
จานต่อมาเป็นน้ำแข็งใสสไตล์ญี่ปุ่นที่ร้านมีให้สั่ง 2 เมนูคือ "Strawberry Kakigori" เป็นนมเย็นเกล็ดหิมะมาพร้อมซอสสตรอเบอรี่รสหวานอมเปรี้ยวให้ราดเองลงบนครีม ด้านในสอดไส้ด้วยชีสเค้กก้อนใหญ่เนื้อแน่นเคี้ยวหนึบ "Dalgona Kakigori" เป็นนมเย็นเกล็ดหิมะแบบเดียวกับชามที่แล้วแต่เปลี่ยนจากครีมเป็นกาแฟตีกับน้ำตาลจนฟูเพิ่มความหวานด้วยซอสนมข้นภายในสอดไส้เวเฟอร์กรุบกรอบ มาต่อกันด้วย "Ume Golden Jelly" หรือว่าวุ้นน้ำเก็กฮวยผสมเนื้อบ๊วยสดชิ้นเล็กๆหวานอมเปรี้ยวทานแล้วสดชื่นดี "Strawberry Panna Cotta" หรือเยลลี่รสนมผสมกลิ่นวนิลาเนื้อเด้งๆราดด้วยซอสสตรอเบอรี่หวานอมเปรี้ยวเสิร์ฟแบบแช่เย็นจัดๆอร่อยหอมมันลงตัวดีมากครับ
ขนมหวานยังคงทยอยออกมาจากในครัวอีกเรื่อยๆทั้ง "Tora Honey Toast" ขนมปังอบกรอบก้อนใหญ่ชุ่มฉ่ำด้วยเนยราดน้ำผึ้งทานคู่กับไอศครีมวนิลา/กล้วยหอมและวิปปิ้งครีมอร่อยไม่ต่างจากร้านดังบนห้างเลยครับ ตามมาด้วย "Homemade Waffle" เป็นวาฟเฟิลอบใหม่กรอบนอกนุ่มในราดน้ำผึ้งทานกับไอศครีมวนิลา/กล้วยหอมและวิปปิ้งครีมแบบเดียวกับจานที่แล้ว "Chocolate Lava" เป็นเค้กลาวาไส้ช็อกโกแลตเบลเยี่ยมคุณภาพดีโรยน้ำตาลไอซิ่งทานคู่กับไอศครีมวนิลาและครัมเบิ้ลกรอบๆอร่อยลงตัวสุดๆ "Dark Chocolate Brownie" บราวนี่แป้งหนึบฉ่ำช็อกโกแลตอบมาร้อนๆราดซอสวิปครีมทานคู่กับไอศครีมรสวนิลาและครัมเบิ้ล ทุกเมนูสามารถเปลี่ยนไอศครีมได้ 3 รสชาติก็คือ 1. วนิลา 2. ช๊อกโกแลต และ 3. ชาเขียว จับคู่ไอศครีมที่ชอบกับขนมหวานที่ใช่ตามใจตัวเองเลยครับ
ขนมหวานชุดสุดท้าย "Tora Popsicle" เป็นไอศครีมหวานเย็นรสบลูฮาวายผสมเนื้อบ๊วยใส่ในพิมพ์รูปพี่เสือที่เป็นสัญลักษณ์ของทางร้านเสียบไม้ลงไปให้พร้อมหยิบทานได้ทันที "Framboise Chococake" เป็นมูสเค้กครีมรสโกโก้ด้านล่างรองด้วยเค้กช๊อกโกแลตเข้มข้นตัดหวานอมเปรี้ยวด้วยซอสสตรอเบอรี่อร่อยลงตัว จานสุดท้าย "Tora Blueberry Cake" เป็นบัตเตอร์เค้กที่หอมกลิ่นเนยเนื้อสัมผัสแน่นราดด้วยซอสวิปครีมรวหอมมันนมทานคู่กับแยมบลูเบอรี่คุณภาพสูงที่ผสมเนื้อผลไม้ลงไปเป็นชิ้นรสชาติหวานอมเปรี้ยวเข้ากับบัตเตอร์เค้กได้เป็นอย่างดีเลยครับผม
เครื่องดื่มที่ทางร้านเสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์ไม่ได้มีแค่น้ำเปล่า/น้ำอัดลมหรือชาเขียวรีฟีลธรรมดาๆ แต่เป็น "Shizuoka Matcha Latte" ไม่หวานแต่หอมชาเขียวชิซูโอกะผสมนม "Honey Comb Coffee" นมสดเย็นท๊อบปิ้งด้วยกาแฟตีกับน้ำตาลเป็นดัลโกน่าและเกล็ดน้ำตาลเคี้ยวกรุบกรอบ "The Scent Of Lady Gray" หรือชาเลดี้เกรย์เลมอน-โซดาหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นใบชาสดชื่น "Lychee Earl Grey" เป็นชาเอิร์ลเกรย์กลิ่นหอมใส่เนื้อกับน้ำลิ้นจี่ให้รสเปรี้ยวเบาๆพอดื่มแล้วสดชื่น "Strawberry Bubblegum Soda" ไซรัปสตรอเบอรี่ผสมน้ำเชื่อมกลิ่นบับเบิ้ลกัมเทโซดาลงไปและปิดท้ายด้วยน้ำแข็งสีเขียวรสมินต์ สุดท้าย "Cold Brew Coffee" เสิร์ฟมาในขวดแบนให้เทดื่มกับน้ำแข็งก้อนกลม ถ้าเทียบกับกาแฟที่อยู่ในเมนู Elite Buffet ถือว่ากลิ่นเบากว่าแต่รสเข้มกว่ามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน วันนี้เราจัดหนักกันทั้งเนื้อวากิว/ซีฟู๊ดและของหวานกันอย่างสะใจแล้วเรียกน้องพนักงานมาคิดเงินได้เลยครับ
มื้อนี้มาทานกัน 4 คน จ่ายไป 8,470 บาท เฉลี่ยคนละ 2,118 บาท ถ้าเน้นเรื่องความหลากหลายส่วนตัวว่ายังสู้เจ้าอื่นไม่ได้ แต่ถ้าให้เทียบกันเรื่องความพรีเมี่ยมของเนื้อวัววากิวที่ร้านเลือกใช้ให้ไปเลยอันดับ 1 หั่นมาชิ้นหนาเคี้ยวเต็มคำ รวมถึงบอกแหล่งที่มาของเนื้อแต่ละส่วนอย่างชัดเจนตรงไปตรงมาดี ส่วนเรื่องขนมหวานก็มีให้สั่งเยอะมากสมกับที่เคลมร้านว่าเป็น Yakiniku X Café ถ้าหากคุณเป็นคนคลั่งเนื้อวากิวและขนมหวานที่ Tora ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน รับคะแนนอร่อยคุ้มไปเลย 5 ดาวจ้า 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 55/88-89 หมู่บ้านซิตี้คอนเนค หมู่ 8 ถ.กัลปพฤกษ์ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. 10150
เปิดบริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 090-986-2996
Facebook : www.facebook.com/ToraYakinikuCafe/
<นอกจากนี้ยังมีอีกสาขาตั้งอยู่ภายใน "โครงการลาซาลอเวนิว" ใกล้ที่ไหนก็ไปใช้บริการกันได้เลยครับ>
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments