ห่างหายกันไปนานพอสมควรกับร้านบุฟเฟ่ต์ยากินิคุคุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมเสิร์ฟเนื้อวัวนำเข้าหลากหลายชนิดได้แก่ Wagyu A4-F1/Australia Prime/Agentina/Black Angus ใหม่หมูสายพันธุ์ไอเบริโกจากสเปน/คุโรบูตะแท้ของญี่ปุ่นพร้อมซีฟู้ดสดตัวใหญ่/ซาชิมิ-ซูชิวัตถุดิบเกรดโอมากาเสะและขนมหวานสไตล์คาเฟ่จัดเต็มกว่า 150 รายการนั่นก็คือ "Tora Yakiniku X Café" ปัจจุบันเปิดสาขาล่าสุดที่ Crystal Design Center หรือ CDC เลียบด่วนรามอินทราบริเวณลานกิจกรรมชั้น 1 (ฝั่งเดียวกับแม๊กซ์แวลู) ไม่ต้องไปไกลยัน Lasalle's Avenue หรือ หมู่บ้านซิตี้คอนเนคตรงถนนกัลปพฤกษ์เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวค้นหาชื่อ,ปักหมุดขับตามระบบแผนที่ในมือถือมีลานจอดขนาดใหญ่ให้ฟรีพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยทั่วบริเวณห้าง ถ้าใช้บริการขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีลาดพร้าวก็ต่อแท็กซี่-มอเตอร์ไซค์รับจ้างมายังจุดหมายอีกประมาณ 6.5 กิโลเมตรเท่านั้น ด้านหน้าโทนสีดำสนิทตลอดแนวติดป้ายชื่อร้านกับสัญลักษณ์เสือโคร่งหน้าดุดันที่คอผูกโบว์หูกระต่ายสีทองสุดโดดเด่นเห็นแต่ระยะไกลและสามารถชมเมนูเพื่อตัดสินใจก่อนเข้าใช้บริการเริ่มต้นด้วย Standard 699 บาท++ (823 Net.) / Premium 1,099 บาท++ (1,294Net.) / Grand 1,399 บาท++ (1,647Net.) / Elite 1,799 บาท++ (2,118 Net.) รอสักพักพี่สาวผมซึ่งเป็นเพื่อนสมาชิกร่วมโต๊ะอีกคนก็มาถึงแล้วเข้าไปด้านในกันเลยครับผม
บรรยากาศภายในร้านยังคงเน้นสีดำสนิทเหมือนสาขาอื่นๆแต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไปเพราะเว้นพื้นที่ตรงเพดานเอาไว้ค่อนข้างสูงพร้อมติดตั้งบานกระจกใสขนาดใหญ่พิเศษช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติให้สาดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึงแลดูสบายตาและเพิ่มความ Luxury ให้เหมาะสมกับสถานที่ตั้งใหม่มากขึ้นด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างๆทั้งโต๊ะหินอ่อนสีขาวทั้งแผ่นเจาะรูตรงกลางไว้วางเตาถ่าน,เดินระบบท่อดูดอากาศข้างล่างเพื่อป้องกันกลิ่นควันและอาหารติดเส้นผมหรือเสื้อผ้าส่วนเก้าอี้กับโซฟาทั้งหมดนั้นใช้วัสดุจากไม้แท้ทาสีดำบุเบาะหนังชวนนั่งสบายๆ สำหรับฝาผนังคุมโทนมืดสลับกระเบื้องลายมาร์เบิ้ลลงรายละเอียดเล็กน้อยด้วยตราสัญลักษณ์รูปหัวเสือผูกโบว์ทรงหูกระต่าย,ของตกแต่งสีทองตามธีมสุดหรูหราพร้อมสร้างอารมณ์อันแสนอบอุ่นด้วยดวงไฟสีเหลืองอมส้มเหมาะแก่การใช้เวลาร่วมมื้อกับคนสำคัญ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆในการลุยบุฟเฟ่ต์วางไว้บนโต๊ะครบทุกอย่างทั้งขวดบรรจุน้ำจิ้มถึง 3 สูตร/เกลือหิมาลายัน/พริกไทยดำบดเอง/โชยุ (ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น)/กระดาษทิชชู่/จานแบ่งอาหารส่วนตัว/ถ้วยใส่น้ำจิ้ม/ตะเกียบไม้ใช้แล้วทิ้งบรรจุลงถุงพลาสติกโปร่งใส วิธีสั่งอาหารนั้นเปลี่ยนจากเขียนตัวเลขลงในใบรายการด้วยดินสอเป็นสแกน QR Code เพื่อออเดอร์ส่งตรงถึงห้องครัวเลยทันที ก่อนเริ่มน้องพนักงานจะเดินมาแจ้งเงื่อนไขว่าบุฟเฟ่ต์สามารถสั่งได้ตลอด 1.45 นั่งยาวถึง 2 ชม.เต็ม เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 100 ซม. ฟรี/ระหว่าง 100-130 ซม. คิดราคา 50% ถ้าซุกซ่อน-ทานไม่หมดหรือกระทำการใดๆซึ่งแสดงถึงเจตนาปกปิดขอปรับจริงตามเมนู A La Carte นะครับ
ชุดแรกสั่งแต่เนื้อราคาแพงในบุฟเฟ่ต์ระดับ Elite 1,799 บาท++ (2,118 Net.) มาก่อนเริ่มต้นกันด้วย "Jyou Karubi Wagyu" สายพันธุ์ทาจิมะหรือลูกครึ่งญี่ปุ่นผสมออสเตรเลียคัดเฉพาะ MSA ระดับ 8-9 ซึ่งคุณภาพเทียบเท่า A5 ฝั่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ส่วนท้องบริเวณช่วงอกมีปริมาณไขมันแทรกละเอียด/กลิ่นหอมรสชาติเข้มข้นเพราะได้ดึงจุดเด่นของพ่อกับแม่วัวเอาไว้ในตัว จานถัดไปนั่นก็คือ "Japanese Wagyu F1" เกิดจากมิยาซากิวากิวขนดำแท้ผสมท้องถิ่นทั่วไปของประเทศญี่ปุ่นผสานวิธีการเลี้ยงแบบพิเศษของฟาร์มฝีมือดีจนได้เนื้อที่คุณภาพสูงเทียบเท่าระดับ A3 สัมผัสนุ่มนวลเคี้ยวละลายให้กลิ่นกับรสชาติสุดคมชัดกระจายปาก อยากลองความพรีเมี่ยมของมิยาซากิสายเลือดบริสุทธิ์แท้ๆต้องรีบสั่ง "Japanese Wagyu A4" หรือคุโรเกะขนสีดำส่วน Chuck Rib สันคอติดซี่โครงซึ่งทางร้าน "Tora Yakiniku X Café" ได้นำเข้าจากฟาร์มที่เคยขึ้นรับรางวัลการันตีโดยรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมประทับตรา "วากิวสากล" รับประกันความนุ่มนวลกลิ่นละมุนชวนเพ้อจนต้องเก็บไปนอนฝันหวานอย่างแน่นอน "Zabuton Wagyu" บริเวณสันคอส่วนบนของทาจิมะเนื้อสีแดงสดใสกว่าจานอื่นเพราะผ่านกระบวนการ Dry Aged ถึง 360 วันตัดแต่งตรงขอบด้านนอกจนเหลือแต่ตรงกลางที่นุ่มอร่อย-เข้มข้นสุดก่อนยกเสิร์ฟ "Australian Short Ribs" ซี่โครงวัวออสเตรเลียเกรด USDA Prime ติดกระดูกย่างแทะเพลินเหนียวติดฟันเล็กน้อยแต่ก็อร่อยไปอีกแบบครับ
จานถัดไปให้อารมณ์เหมือนได้เดินทางไปกินเนื้อ ณ ประเทศญี่ปุ่นทางร้านได้จัดเรียงอย่างสวยงามหลากหลายชิ้นส่วนนั่นก็คือ "Tora Wagyu Set" ใช้ทาจิมะหรือลูกครึ่งท้องถิ่นออสเตรเลียผสมพ่อพันธุ์วากิวดินแดนอาทิตย์อุทัย MSA ระดับ 4-5 (เทียบเท่า A3) แทรกไขมันปานกลางมีกลิ่นหอมชัดเจนรสชาติเข้มข้นส่วนความนุ่มนวลก็แตกต่างกันถึง 4 รูปแบบได้แก่ 1. Rosu สันนอกตัดแต่งบริเวณตรงขอบออกเหลือแต่เนื้อสีแดงและสัดส่วนไขมันกำลังพอดีปกตินิยมเอาไปย่างสเต๊กแต่สไลด์สไตล์ยากินิคุแบบนี้ก็อร่อยฉ่ำไม่แพ้กัน 2. Brisket เสือร้องไห้หรือสามชั้นของวัวอยู่ตรงพื้นท้องด้านล่างซึ่งภายในครัวตัดแต่งเอาไขมัน-เอ็นเหนียวส่วนเกินออกจึงเหลือเฉพาะเนื้อล้วนแต่ก็ยังแทรกไขมันเยอะกว่าส่วนอื่นๆจึงนุ่มที่สุด 3. Misuji มีอีกชื่อว่าใบพายอยู่ระหว่างสันคอกับท้องจุดเด่นก็คือเส้นคอลลาเจนพาดยาวตลอดแนวพร้อมเส้นลายไขมันแทรกกระจายทั่วทั้งชิ้นจึงนุ่มแต่ไม่ค่อยเลี่ยนทานง่ายๆ 4. Jyou Karubi ซึ่งค่อนข้างลีนกว่าเมนูแรกเพราะอยู่ในบุฟเฟ่ต์ระดับ Grand 1,399 บาท++ (1,647 Net.) สไลด์วางบนจานอย่างละ 3-4 ชิ้น เพิ่มความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นด้วย Yakiniku Sauce โดยน้องพนักงานแนะนำว่าให้นำลงไปเคลือบซอสก่อนลงย่างบนเตาถ่านพอสุกจะได้รสชาติหวานเค็มกลมกล่อมพร้อมนำเข้าปากทันทีแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลยครับผม
ส่วนตัวอยากทานปิ้งย่างแต่เพื่อนชอบกินชาบูก็ไม่ต้องเถียงกันเพราะที่ร้าน "Tora Yakiniku X Café" ได้เพิ่มเมนูใหม่ล่าสุดอย่าง "Tora Sukiyaki" เลือกได้ทั้งหมูหรือเนื้อวัวสไลด์บางเมื่อสั่งบุฟเฟ่ต์ระดับ Premium 1,099 บาท++ (1,294 Net.) ขึ้นไปเท่านั้น เสิร์ฟใส่หม้อเหล็กสีดำมีหูหิ้วสไตล์ญี่ปุ่นด้านในบรรจุผักหลากหลายชนิดทั้งผักกาดขาว/กวางตุ้งฮ่องเต้/แครอท/ต้นหอมจีน/เห็ดหอมสด/เห็ดออเร็นจิ/เต้าหู้นิ่มพร้อมเทน้ำซุปสุกี้ยากี้รสชาติหวานเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นปลาคัตสึโอะ,คอมบุเข้มข้นโชยุ,มิริน,สาเกด้านล่าง จุดเตาให้ความร้อนด้วยเจลแอลกอฮอล์ทนนานพิเศษ (ควรวางเว้นพื้นที่จากฝาผนังร้านเพื่อป้องกันเหตุอัคคีภัย) รอจนเนื้อสุกสีชมพูอ่อนๆก็ทานได้ทันทีหรือจะกินคู่น้ำจิ้มซอสหมูเผ็ดหวานอมเปรี้ยวบนโต๊ะให้อารมณ์สุกี้ไทย สัมผัสความอร่อยของวากิวคุณภาพดีสไตล์ยำดิบด้วย "Wagyu Yukke" เนื้อวัวสายพันธุ์มิยาซากิสีแดงสดใสผสมไขมันสับสีขาวละเอียดซึ่งมีตรารับรองโดยรัฐบาลญี่ปุ่น คลุกซอสรสชาติหวานเค็มกลมกล่อมหอมน้ำมันงาเพิ่มความนัวด้วยไข่แดงโมริทามะเกรดทานสด/ต้นหอม/งาขาวคั่วผสมให้เข้ากันเป็นยำก่อนตักเข้าปากไหลลื่นลงคอหรือห่อพร้อมใบโอบะกลิ่นฉุนเฉพาะตัวก็ฟินไปอีกแบบครับ
บุฟเฟ่ต์ระดับราคาสูงสุดอย่าง Elite จ่ายไป 1,799 บาท++ (2,118Net.) ก็ไม่ได้เน้นหนักแค่เหล่าเนื้อวัววากิวคุณภาพสุดพรีเมี่ยมเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพราะทางร้านได้อัปเกรดจากหมูสายพันธุ์คุโรบูตะธรรมดาซึ่งถูกเสิร์ฟในภัตตาคารทั่วไปเป็น "Iberico Pork" ส่วนสันคอนำเข้าจากประเทศสเปนมีจุดเด่นพิเศษไม่เหมือนใครได้แก่ถูกเลี้ยงบริเวณแถบคาบสมุทรไอบีเรียระหว่างสเปนกับโปรตุเกสลักษณะทางภูมิศาสตร์ทุ่งหญ้ากว้างเชิงภูเขาสูงจึงขึ้นชื่อว่าเจ้าหมูอารมณ์ดี,มีรสชาติยอดเยี่ยมที่สุดในโลก เพราะต้องให้ลูกโอ๊กสดใหม่เป็นอาหารหลักใช้เวลาดูแลยาวนานกว่า 4-5 ปีจนโตเต็มวัยปริมาณไขมันจะอยู่ราวๆ 25-30% ของน้ำหนักตัวทั้งหมดและเป็นยังไขมันดีชนิดเดียวกับน้ำมันมะกอกตามธรรมชาติจึงตอบโจทย์ด้านสุขภาพมากกว่าเก่า นอกนั้นยังนำเนื้อหมูมาหมักด้วยหัวเชื้อโคจิหรือกากข้าวเหลือในกระบวนการผลิตเหล้าสาเกท้องถิ่นนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยใช้จุลินทรีย์ช่วยในการย่อยโปรตีนจนนุ่มนิ่มเคลือบซอสเข้มข้นไม่เหมือนใครทั้ง "KojiButa Truffle" ทรัฟเฟิลกลิ่นหอมเฉพาะตัว / "KojiButa Doenjang" เต้าเจี้ยวเกาหลีโฮมเมดเค็มละมุนกลมกล่อม / "Kurobuta Mala" ผงพริกหม่าล่าตำรับเสฉวนแท้ในไหทรงลึกเผ็ดร้อนชาลิ้น พร้อมเมนูเสียบไม้สไตล์อิซากายะใหม่ล่าสุด "Kushiyaki" ทาเกลือสมุทรน้ำมันงาบางๆรวม 3 ชนิดก็คือ สะโพกไก่/หมูสามชั้น/วากิวย่างจนสุกเกรียมบีบเลมอน-ยูซุผสมพริกเขียวบดตัดเลี่ยนเล็กน้อยอร่อยได้ทันทีครับผม
เห็นนักรีวิวเพจอื่นแวะเข้ามาแล้วสั่งชุดรวมซีฟู้ดหลายๆชนิดเรียงกันสามชั้นขนาดใหญ่สวยงามดูอลังการเลยขอให้น้องพนักงานช่วยจัดแบบเดียวกันยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เริ่มต้นจากชั้นบนสุดประกอบไปด้วย "หอยหวาน" แต่ความจริงมันเป็นหอยหมากตัวใหญ่เนื้อแน่นไร้กลิ่นเหม็นแอมโมเนียหรือแช่ยาฟอร์มาลีนจึงทานได้อย่างสบายใจ / "กุ้งขาวแกะเปลือก" พร้อมย่างแล้วกินทันทีเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบปอกเปลือกเองมีเนื้อสัมผัสเด้ง-กรุบกรอบสู้ฟันเพราะผ่านการน็อกน้ำแข็งกับเกลือสมุทรมาก่อน ชั้นที่สองถัดลงมาอีกหน่อยได้แก่ "หอยนางรมเกาหลีซอสปอนสึ" โรยต้นหอมซอย / "หอยนางรมเกาหลีซอสโชยุ" ตกแต่งด้วยไข่ปลาบินสีดำคล้ายคาเวียร์เกรดย่างก่อนทานเท่านั้น / "หอยเชลล์ไทย" ตัวขนาดเล็กคัดเฉพาะเนื้อล้วนไม่ติดเปลือกสุกง่ายย่างเพียงไม่นานนัก / "หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์" เนื้อสีส้มสดใสอัดแน่นเต็มฝา / "ปลาหมึกสายบูลโกกิ" หรือ Jukkumi ก่อนลงย่างเคลือบซอสบูลโกกิหวานเผ็ดร้อนแซ่บโดนใจสไตล์เกาหลี ชั้นล่าสุดเต็มไปด้วยซีฟู้ดตัวใหญ่ๆคัดพิเศษมากมายทั้ง "หอยโฮตาเตะย่างเนยโชยุ" ตำรับญี่ปุ่น / "หอยโฮตาเตะย่างเนยกระเทียมชีส" แบบตะวันตก / "กุ้งแดงอาร์เจนติน่า" เนื้อเนียนละเอียดรสชาติหวานฉ่ำกรุบกรอบตามธรรมชาติ / "ปลาหมึกกล้วย" สดใหม่เอาไส้กับแกนตรงกลางออกทำความสะอาดดีไม่ผ่านการแช่สารอุ้มน้ำจึงย่างแล้วไม่หดจนดูน่าเกลียด / "กุ้งก้ามกราม" ผ่าตรงกลางหลังย่างง่ายเห็นทั้งเนื้อสีขาวและไขมันบนหัวอย่างชัดเจน เรียงอย่างเป็นระเบียบบนน้ำแข็งรักษาอุณหภูมิรองแผ่นไม้เพื่อกันลื่นหมุนไปมาดูเอาใจใส่ดีมากๆเลยครับผม
นอกจากเตาถ่านขนาดใหญ่วางตรงหลุมกลางโต๊ะสำหรับย่างเนื้อสัตว์ต่างๆแล้วยังมีอันจิ๋วไว้สำหรับปิ้งของทานเล่นเล็กน้อยเริ่มต้นด้วย "Wagyu Hoba" เนื้อวากิวออสเตรเลียส่วนสันนอกสไลด์แผ่นบางพิเศษวางบนใบไม้โฮบะราดซอสเทริยากิตกแต่งด้วยไข่ปลาแซลมอน/ไข่ปลาบินสีส้มโรยต้นหอมย่างไม่ให้สัมผัสความร้อนโดยตรงเพื่อรักษาน้ำเนื้อชุ่มฉ่ำติดกลิ่นหอมไหม้เล็กน้อยเคี้ยวอร่อยเพลินๆ "Zuwai Kani Miso" มิโสะมันปูหิมะญี่ปุ่นหรือซูไววางบนกระดองย่างเพื่อกำจัดน้ำส่วนเกินออกให้สัมผัสเข้มข้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพิ่มไข่ปลาบินสีส้มโรยต้นหอมซอยละเอียดตักเข้าปากอุ่นสบายท้องหรือจะสั่ง "ข้าวญี่ปุ่น" สักถ้วยมาเทคลุกผสมก็ดีงามไปอีกแบบ "Lobster Miso Aka-Ebi" มิโสะมันหัวกุ้งล็อบสเตอร์เข้มข้นพร้อมเนื้อกุ้งแดงญี่ปุ่นเนื้อหวานสดเด้งและไข่ปลาแซลมอนย่างให้สุกทานพร้อมกันทั้งหมดในคำเดียวอัดแน่นรสกุ้งระเบิดกระจายเต็มปาก เมนูใหม่ล่าสุดเพิ่งเพิ่มเข้ามาในบุฟเฟ่ต์ระดับ Premium ขึ้นไปได้แก่ "Tamako Okonomikaki" ไข่หวานย่างฉ่ำน้ำซุปดาชิผสมคอมบุกลมกล่อมราดซอสพิซซ่าญี่ปุ่นโรยผงโนริ/คัตสึโอะตากแห้งขูดด้านบนจำนวนมากได้อารมณ์เหมือนโอโคโนมิยากิสูตรไร้แป้งทานง่ายๆแถมโปรตีนสูงครับผม
สายปลาสีส้มตัวจริงถึงแม้จะแวะมาร้าน "Tora Yakiniku X Café" ซึ่งเน้นเนื้อวากิวย่างสไตล์ญี่ปุ่นก็สามารถฟินกับมื้อนี้ได้ง่ายๆทั้ง "Salmon Tarare" แซลมอนสับละเอียดคลุกซอสพิเศษสูตรเฉพาะเพิ่มความญี่ปุ่นและกลิ่นอายสไตล์ตะวันตกด้วยไข่ปลาบินสีดำสนิทคล้ายคาเวียร์/ไข่ปลาแซลมอนเม็ดใหญ่/ต้นหอมซอยสีเขียว/เมล็ดข้าวคั่วหรือเก็นมัย วิธีการทานเพียงนำวัตถุดิบทุกๆอย่างวางลงบนแผ่นสาหร่ายหากต้องการความกรอบยิ่งขึ้นสามารถย่างโนริอีกครั้งก่อนห่อเข้าปากจะยิ่งอร่อยโดนใจมากขึ้น ในชุดเสิร์ฟพร้อม "Tora Grand Sashimi" เมื่อเลือกบุฟเฟ่ต์ระดับ Grand 1,399 บาท++ (1,647 Net.) ขึ้นไปเท่านั้น ประกอบไปด้วยแอตแลนติกแซลมอนปริมาณไขมันน้อยแต่ให้กลิ่นและรสชาติชัดเจนเคี้ยวสนุกแถมเลี่ยนยากช่วยให้กินได้คุ้มยิ่งขึ้น,โทโร่แซลมอนส่วนท้องแล่ชิ้นหนามีน้ำมันปลาไหลระเบิดล้นเต็มปาก,อากะเอบิหรือกุ้งแดงหวานญี่ปุ่นตัวโตเนื้อเด้งสัมผัสเนียนละเอียด,โฮตาเตะหอยเชลล์นำเข้าจากจังหวัดฮอกไกโดวางบนเลมอนฝานบางตกแต่งด้วยไข่ปลาแซลมอนเนื้อนุ่มเด้งคล้ายเจลลี่กลิ่นซีตรัสเบาบางแค่แตะวาซาบิ-โชยุเพียงเล็กน้อยก็อร่อยเพราะวัตถุดิบสดมากอยู่แล้ว เมนูใหม่ล่าสุดตามกระแสเอาใจวัยรุ่นทุกท่าน "Salmon Korean Sauce" หรือแซลมอนดองสูตรเกาหลีใช้คันจังรสชาติเค็มอมหวานกลมกล่อมหอมน้ำมันงาวางแอตแลนติกแซลมอนเกรดเดียวกับซาชิมิลงไปจนซึมเข้าเนื้อเสิร์ฟแบบเย็นใส่พริกสด/กระเทียมแผ่นบางตกแต่งด้านบนอีกเล็กน้อยพร้อมกินทันที วางบนข้าวสวยญี่ปุ่น/ห่อสาหร่ายโนริ/ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปฉ่ำๆก็ดีงามทุกรูปแบบครับ
สำหรับคนที่ชื่นชอบซูชิมากเป็นพิเศษทางร้านก็เอาใจใส่โดยหยิบเทคนิคการเตรียมวัตถุดิบและจัดเสิร์ฟของเชฟในภัตตาคารโอมากาเสะระดับชั้นนำแล้วรังสรรค์ออกมาหลากหลายเมนู เริ่มต้นด้วย "Akami Karasumi" อากามิหรือทูน่าส่วนเนื้อแดงสดไร้ไขมันสายพันธุ์บลูฟิน (มากุโร่) ราชาแห่งท้องทะเล ผ่านกระบวนการ Dry Aged เพื่อลดกลิ่นเลือดและช่วยให้เอนไซม์ตามธรรมชาติเติบโตสร้างความอูมามิ เพิ่มรสชาติด้วยการสึเกะดองในโชยุปรุงเองสูตรเฉพาะเค็มกลมกล่อมท็อปปิ้งไข่ปลากระบอกตากแห้งขูดฝอย (คาราสุมิ) ของขึ้นชื่อ-ราคาแพงจากจังหวัดนางาซากิหอมมันคล้ายไข่แดงจึงนัวอร่อยจึงเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์แบบจบเพียงคำเดียว "Akami Zuke" มีขั้นตอนการเตรียมทุกอย่างเหมือนรายการก่อนวางบนข้าวซูชิแดงโบราณปรุงหวานอมเปรี้ยวง่ายๆแต่ได้รสชาติกับกลิ่นของวัตถุดิบคุณภาพดีชัดเจนกว่าเดิม "Akaebi Karasumi" กุ้งแดงอาร์เจนติน่าตัวใหญ่คัดพิเศษสัมผัสกรุบกรอบเด้งสู้ฟันดองซีอิ๊ว-โรยคาราสุมิอย่างหนักหน่วง "Akaebi Truffle & Caviar" กุ้งแดงอาร์เจนติน่าเบิร์นไฟผิวนอกสุกเล็กน้อยราด Black Truffle Paste ตกแต่งให้ดูหรูหราขึ้นด้วย Lumpfish Caviar แปะแผ่นทองคำเปลวเล็กน้อย "Hotate Saikyo Karasumi" โฮตาเตะฮอกไกโดเกรดเดียวกับซาชิมิหั่นชิ้นหนาย่างถ่านเคลือบซอสไซเคียวสูตรเคี่ยวนานข้ามวันโรยผงคาราสุมิขูดลงไปแบบไม่หวงของวางบนสาหร่ายพร้อมอร่อยทันทีแบบไร้ข้าว "Edomae Hotate Yaki" วิธีการเตรียมคล้ายกันเปลี่ยนเป็นเคลือบปอนสึกับงาขาวคั่ว 5 สีสดใสนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นครับ
ถ้าเข้าไม่ถึงแก่นแท้แห่ง Omakase หรืออยากกินแค่ซูชิหน้าธรรมดาแต่ใช้วัตถุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมในบุฟเฟ่ต์ระดับ Grand 1,399 บาท++ (1,647 Net.) ก็มีให้เลือกฟินอีกมากมาย แต่เราออเดอร์เฉพาะหน้าที่ชอบเท่านั้นเริ่มต้นกันด้วย "Unagi" หรือปลาไหลย่างซีอิ๊วตัดเสิร์ฟชิ้นหนาวางบนข้าวซูชิพันสาหร่ายโนริปั้นมือคำโตๆเคี้ยวเต็มปากสะใจ / "Engawa" ครีบปลาตาเดียวลนไฟราดซอสปอนสึเค็มเปรี้ยวช่วยตัดเลี่ยนท็อปปิ้งไข่ปลาบินสีส้มสดใสแตกระเบิดไขมันเข้มข้นกระจายทั่วโสตประสาท / "Salmon Toro Truffle" แอตแลนติกแซลมอนส่วนท้องมีไขมันมากเกรดเดียวกับซาชิมิวางบนข้าวปั้นลนไฟเคลือบ Black Truffle Paste ตกแต่งให้สวยงาม-หรูหราด้วยไข่ปลาบินสีดำคล้ายคาเวียร์ / "Hotate" หอยเชลล์ญี่ปุ่นเนื้อเนียนนุ่มคล้ายเจลลี่วางบนซูชิเพิ่มวาซาบิดองซึ่งเปรี้ยว,เผ็ดฉุนขึ้นจมูกอีกเล็กน้อยกระตุ้นความอยากอาหารได้อีกไม่รู้จบ สัมผัสศิลปะผสานรสชาติกับสีสันได้อย่างลงตัวจากวัตถุดิบตามฤดูกาลในเมนู "Tora Kaiseki Set" ไคเซกิคือวัฒนธรรมการเสิร์ฟอาหารเป็นชุดของชาวญี่ปุ่นโดยแต่ละอย่างจะถูกปรุงอย่างพิถีพิถันคำนึงถึงรสชาติและความสวยงามเป็นหลัก จัดเสิร์ฟให้เพียงวันละ 4 รายการสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆอย่างวันนี้มี ครีบปลากระเบนตากแห้งย่างบนเตาถ่าน/สาหร่ายฮิจิกิผัดเมล็ดถั่วเหลืองหมัก/ผักจักรพรรดิสดต้มสุกปรุงรสคลุกน้ำมันงา/สาหร่ายโมโซกุยูซุดองเปรี้ยวเพิ่มเปลือกส้มยูซุขูดละเอียดวางบนภาชนะหรูดูมีระดับครับ
อาหารกินเล่นใหม่ล่าสุดอีกเมนูที่สั่งมาลองคือ "Mentaiko Gyoza" เกี๊ยวซ่าไส้หมูผสมไก่สไตล์ญี่ปุ่นทอดจนสีเหลืองกรอบทั่วทั้งชิ้นราดซอสครีมเมนไทโกะมาโยรสชาติเค็มหอมมันกลมกล่อมเบิร์นให้ไฟติดไหม้นิดๆพร้อมทานรับประทานทันที เครื่องเคียงต่างๆออเดอร์เพิ่มเพื่อลดความเลี่ยนจากเนื้อวัววากิวไขมันเยอะมีทั้ง "Chuka Wakame" ยำสาหร่ายวากาเมะกรุบกรอบ,หวานอมเปรี้ยวละมุนน้ำมันงาเย็นฉ่ำ / "Kimchi" กิมจิผักกาดขาวล้วนตำรับเกาหลีเปรี้ยวนำเค็มเผ็ดร้อนปลายลิ้นช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร / "Edamame" หรือถั่วแระญี่ปุ่นใส่เกลือสมุทรเมล็ดอวบอ้วนเคี้ยวเพลินถ้วยเดียวไม่เคยพอ สุดท้าย "Butter Corn" ข้าวโพดหวานธรรมชาติคัดแต่เมล็ดล้วนใส่ในชามทองเหลืองพร้อมเนยเค็มอีกก้อนละลายบนเตาถ่านไว้กินเล่นๆระหว่างรอวัตถุดิบย่างสุกหรือทานแทนขนมหวานก็ยังได้ สำหรับน้ำจิ้มของร้าน "Tora Yakiniku X Café" นั้นมีทั้งหมด 4 สูตรได้แก่ 1. ยากินิคุต้นตำรับรสชาติบางเบาไม่จัดจ้านจึงไม่รบกวนกลิ่นอันแท้จริงของเนื้อพรีเมี่ยม 2. น้ำจิ้มหมูเผ็ดจัดจ้านสไตล์ไทยฉุนกระเทียม-พริกกะเหรี่ยงหวานอ่อนๆไม่มีกลิ่นน้ำมันงาแบบน้ำจิ้มสุกี้ช่วยลดความมันเลี่ยนของไขมันได้เป็นอย่างดี 3. น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวตัดหวานเผ็ดหอมกลิ่นน้ำมะนาวคั้นสด/พริกขี้หนู/กระเทียมสุดชัดเจน 4. โชยุ,วาซาบิเอาไว้ฟินกับซูชิ/ซาชิมิหรือจะแตะเล็กน้อยลงบนเนื้อวากิวย่างที่สุกนิดหน่อยก็อร่อยฉุนขึ้นจมูกไปอีกแบบ นอกจากนี้ก็ยังมีเกลือหิมาลายันสีชมพู/พริกไทยดำ/พริกสด/กระเทียมสับและน้ำมะนาวให้ปรุงเองตามใจชอบเปลี่ยนรสชาติไปได้เรื่อยๆไม่เบื่ออย่างแน่นอนครับ
เมนูทุกอย่างที่เราออเดอร์ไปทั้งหมดถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะอย่างครบถ้วนแล้วไม่รอช้ารีบเอาเนื้อวัววากิวคุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมต่างๆวางเรียงลงบนเตาปิ้งจนสุกตามระดับที่แต่ละท่านชื่นชอบ โดยทางร้านใช้เฉพาะถ่านกะลามะพร้าวอัดแท่งเกรดบริสุทธิ์สูงซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษก็คือให้ความร้อนถึง 800 องศาเซลเซียสและเผาไหม้หมดจดไร้เขม่าสีดำเกาะบนตัวอาหารจึงช่วยลดปัจจัยเสี่ยงจากโรคมะเร็ง พร้อมติดตั้งระบบท่อดูดควันด้านล่างโต๊ะขนาดใหญ่มีกำลังมอเตอร์แรงสูงกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์เกาะติดเส้นผมหรือเสื้อผ้าชุดเก่งนั่งรับประทานเรื่อยๆอย่างสบายใจ เหมาะสำหรับการใช้ในร้านปิ้งย่างยากินิคุสไตล์ญี่ปุ่นมากที่สุดเพราะอาหารสุกรวดเร็วทันใจแถมยังคงรักษาความชุ่มฉ่ำภายในวัตถุดิบเอาไว้อร่อยฟินยิ่งขึ้น เคลียร์เตารอบแรกให้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาต่อกันด้วยเหล่าซีฟู้ดไซส์จัมโบ้ซึ่งปกติจะต้องใช้เวลานานมากๆกว่าจะได้กินแต่เนื่องจากเป็นถ่านกะลามะพร้าวอัดแท่งเกรดบริสุทธิ์สูงจึงช่วยย่นระยะเกินครึ่งนึง ระหว่างนั้นก็ฟินกับจานทานเล่นต่างๆสลับน้ำจิ้มทั้ง 4 สูตรไปเรื่อยๆจนเริ่มแน่นท้องก็หยุดแต่ห้ามจุกเด็ดขาดเพราะขนมหวานของร้าน "Tora Yakiniku X Café" นั้นมีเยอะต้องเผื่อพื้นที่กระเพาะเอาไว้ส่วนหนึ่งด้วยครับ
เนื่องจากมื้อนี้เราสองคนพี่น้องเลือกบุฟเฟ่ต์ระดับ Elite ราคาคนละ 1,799 บาท++ (2,118 Net.) ได้รับสิทธิ์พิเศษ Elite Privilege เลือกขนมหวานสุดพรีเมี่ยมได้เพียง 1 จากทั้งหมด 5 รายการ มาเริ่มต้นกันด้วย "Matcha Ceremony Set" ชุดขนมดังโงะเสียบไม้สามสีขนาดจิ๋วๆราดน้ำเชื่อมดำญี่ปุ่นหรือคุโรมิสึของดีจากจังหวัดโอกินาว่ากับผงถั่วเหลืองคินาโกะให้รสชาติหวานมันกลมกล่อม กินคู่กับผงชาเขียวมัทฉะบดละเอียดเทน้ำร้อนในกระติกลงไปผสมแล้วใช้ฉะเช็น (ไม้แปรง) คนเรื่อยๆแบบสลับฟันปลาจนมีฟองอากาศเม็ดเล็กละเอียดลอยเต็มหน้าก็พร้อมดื่มได้เลยทันที โดยรวมถึงแม้จะไม่หวานแต่ได้กลิ่นหอมธรรมชาติผสมสัมผัสนุ่มละมุนดื่มง่ายๆไหลลื่นลงคอเข้ากันได้ดีกับขนมในชุดซึ่งเข้าถึงแก่นแท้แห่งวัฒนธรรมการชงชา อีกเมนูคือ "Signature Matcha Terrine" เป็นขนมชนิดหนึ่งมีจุดกำเนิดอยู่ ณ ประเทศฝรั่งเศสลักษณะภายนอกคล้ายคัสตาร์ต ส่วนผสมหลักได้แก่ไวท์ช็อกโกแลต/น้ำตาล/ไข่ไก่/มัทฉะสกัดแห่งจังหวัดชิซุโอะกะเข้มข้น (อาจเพิ่มวิปครีม/เนยสด/แป้งข้าวโพดแล้วแต่สูตร) เทลงในแม่พิมพ์ก้อนใหญ่ตัดเสิร์ฟเป็นชิ้นนำเข้าปากทันทีหรือปาดแบบสเปรดวางบนแผ่นบิสกิตช่วยเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบปิดท้ายด้วยลูกพีชเชื่อมสีเหลืองรสชาติหวานอมเปรี้ยวแช่เย็นๆบนจานช่วยรีเฟรชความสดชื่นพร้อมลุยต่ออีกหลายรายการเลยครับ
ครั้งที่แล้วเรายกชายฉกรรจ์มาถล่มร้าน "Tora Yakiniku X Café" มากถึง 4 คนเลยได้ลองชิมเมนูคาว,หวานไปหลายอย่าง (อ่านรีวิวเก่า> https://bit.ly/3Vcwdo2 <) รอบนี้จึงตั้งใจสั่งเฉพาะรายการใหม่เท่านั้นเริ่มต้นด้วย "Yakimochi Set" ก้อนโมจิญี่ปุ่นย่างบนเตาถ่านให้พองกรอบนอกเคี้ยวหนึบคล้ายชีสเทน้ำเชื่อมมัทฉะคุโรมิสึคลุกผงคินาโกะและถั่วแดงบดสไตล์โบราณ / "Vanilla Peach Roll" บัตเตอร์โรลเค้กแป้งสัมผัสนุ่มแน่นกลิ่นวานิลลาราดวิปปิ้งครีมล้นหน้ากับลูกพีชเชื่อมหั่นชิ้นลูกเต๋ารสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวช่วยตัดความเลี่ยนของมันนม / "Double Cheese Scone" หรือสโคนเป็นขนมยอดนิยมขึ้นโต๊ะผู้ดีอังกฤษสำหรับมื้อน้ำชายามบ่ายซึ่งปกติร้านอื่นๆจะใช้สูตรแป้งร่วนชวนฝืดคอแต่ที่นี่อบได้กรอบนอกฉ่ำเนยหอมกลิ่นชีสพร้อมท็อปปิ้งมอสซาเรลล่าข้างบนอีกชั้นนึง วิธีการกินเพียงผ่าครึ่งตรงกลางปาดวิปปิ้งครีมผสมแยมบลูเบอร์รี่แล้วจับประกบกันก่อนนำเข้าปากคำโตคล้ายแฮมเบอร์เกอร์ "Tora Honey Toast" อัปเกรดจากสูตรเดิมให้มีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้นด้วยขนมปังหนาพิเศษผ่าตารางหมากรุกเก้าช่องสอดไส้เนยอบจนกรอบปาดวิปปิ้งครีมสดเพิ่ม Caramelized Banana หรือกล้วยเคลือบน้ำตาลคาราเมลกรอบไม่เหมือนใครส่วนไอศครีมนั้นเปลี่ยนรสชาติได้ทั้งช็อกโกแลต-วานิลลา-ชาเขียวมัทฉะตามใจ / "Molten Chocolate Cake" เฉพาะบุฟเฟ่ต์ระดับ Grand กับ Elite วันนี้ถึง 30 พ.ย. 2565 เท่านั้น เค้กช็อกโกแลตราดมูสช็อกโกแลตฉ่ำๆโรยผงโกโก้ของดีจากร้าน “Groon” ชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่เสิร์ฟเพียงคนละ 1 ที่และจำนวนจำกัดต่อวันครับ
ชุดสุดท้ายออเดอร์เฉพาะขนมหวานและเครื่องดื่มใหม่เท่านั้นเริ่มต้นกันที่ "Rose Jelly" ขนมเยลลี่เนื้อเจลาตินสุดนุ่มทำจากน้ำลิ้นจี่หวานอมเปรี้ยวผสมกลิ่นกุหลาบให้สีชมพูอ่อนหอมละมุนในปากพร้อมชิ้นเนื้อคว้านเมล็ดแช่เย็นสดชื่นสวยงาม "Cold Brew Coffee" เมล็ดกาแฟสดคั่วระดับกลางมีรสขมน้อยติดเปรี้ยวคล้ายเบอร์รี่ปลายลิ้นใส่น้ำแข็งก้อนกลมสไตล์ On The Rock เพิ่มอโรม่าสุดพิเศษด้วย Edible Perfume โทนซีตรัสคล้ายๆเปลือกส้มเข้ากันได้เป็นอย่างดี "Blue Ade" หรือบลูเลมอนเนดน้ำมะนาวโซดาเพิ่มน้ำเชื่อมบลูฮาวายสีน้ำเงินสดใสให้อารมณ์ฤดูร้อน "Oolong Yuzu" ใบชาอู่หลงจากจีนสกัดประสานส้มยูซุของญี่ปุ่นกลิ่นหอมเฉพาะตัวหวานน้อยดื่มง่ายลื่นไหลลงคอเผลอเพียงแป๊บเดียวก็หมดแก้ว "Peach Please" เก๊กฮวยตากแห้งสกัดผสมน้ำเชื่อมกลิ่นพีชท็อปปิ้งลูกพีชเชื่อมหั่นชิ้นเต๋าก่อนเสิร์ฟเติมน้ำแข็งแบบเกล็ดสัมผัสกรุบกรอบเคี้ยวเพลินทั้ง 3 สูตร หันไปมองนาฬิกาด้านบนผนังร้านใกล้จะครบ 2 ชั่วโมงตามกำหนดแล้วรีบสั่งเมนูอื่นๆที่อยากลองเพิ่มแล้วเรียกน้องพนักงานมาเช็กบิลกันเลยครับ
มื้อนี้เราสองคนมาทานบุฟเฟ่ต์ระดับ Elite ราคาคนละ 1,799 ฿++ (2,118 Net.) รวม 4,235 บาทถ้วน โดยส่วนตัวถือว่ายังคงมาตรฐานอันดีงามเอาไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่พี่สาวของผมเพิ่งมาครั้งแรกยังชื่นชอบสุดๆ อีกทั้งรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคแบบเราซึ่งได้ปรับเพิ่มเมนูอาหารกับวัตถุดิบต่างๆให้หลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทุกๆคนไม่ใช่เน้นเพียงแค่เนื้อวากิวญี่ปุ่นและขนมหวานสไตล์คาเฟ่เหมือนครั้งก่อนหน้านี้ ได้รับคะแนนความอร่อยคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มเช่นเคยครับผม🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : 1448/19 คริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ เลขที่ D114 ซ.ลาดพร้าว 87 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. 10240
เปิดบริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 090-909-2491
Facebook : www.facebook.com/ToraYakinikuCafe
"Tora Yakiniku X Café เปิดให้บริการอีก 2 แห่งที่ Lasalle's Avenue กับ หมู่บ้านซิตี้คอนเนค ถ.กัลปพฤกษ์"
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments