รีวิว Tibet Kitchen ร้านอาหารทิเบตสูตรชาวทิเบตแท้รสชาติเข้าถึงง่ายราคาไม่แพง อยู่ภายในซอยสุขุมวิท 22
- Food Addicts - เสพติดการกิน

- 9 ธ.ค. 2563
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 14 ก.ค. 2566
"อาหารทิเบต" หลายๆคนอาจจะสงสัยว่ารสชาติมันเป็นอย่างไรแล้วเข้าถึงยากไหม วันนี้เราจะทุกคนพามารีวิวกันที่ร้านชื่อดังตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 22 ชื่อว่า Tibet Kitchen โดยเจ้าของร้านที่เป็นสาวชาวทิเบตแท้ๆ ซึ่งเมนูของร้านนี้ก็คืออาหารทิเบตสูตรต้นตำรับแต่มีการติดป้ายหน้าร้านว่าเป็น Indian-Chinese Fusion Cuisine ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะของอาหารที่เสิร์ฟในร้านได้ทั้งหมด ก่อนจะเข้าไปทานอาหารที่ร้านมาทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนว่าทิเบตเป็นเขตปกครองตนเองอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยมีชายแดนติดกับ 3 ประเทศได้แก่ฎูฏาน/เนปาลและอินเดีย ภูมิประเทศตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยซึ่งเป็นพื้นราบสูงที่สุดในโลกจนได้ฉายาว่า "หลังคาโลก" มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีรวมถึงความกดอากาศสูง/อ๊อกซิเจนต่ำ เพราะฉะนั้นผู้ที่จะมาเที่ยวในทิเบตจะต้องปรับสภาพร่างกายให้แข็งแรงก่อนและด้วยเหตุนี้ประชากรที่อาศัยอยู่ในทิเบตจึงน้อยมากๆ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักไปจะบวชเป็นพระนิกายวัชรยานเกือบหมดเหลือแต่ผู้หญิงที่มีฝีมือในการทำอาหารแค่อยู่ไม่กี่คน นั่นก็หมายความว่าวันนี้เราจะได้ทานอาหารจากหญิงสาวชาวทิเบตที่เดินทางลงมาจากเทือกเขาหิมาลัยเพื่อปรุงเมนูอร่อยๆให้เราได้ทานกันโดยไม่ต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรงแต่อย่างใด อาหารทิเบตเกิดจากการผสมผสานเมนูจีนและเครื่องเทศจากอินเดียเล็กน้อยออกมาเป็นเมนูแบบใหม่ที่คนไทยหลายๆคนคุ้นเคย วิธีการเดินทางมาร้านถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็หาที่จอดภายในซอยใกล้ๆร้านได้เลยแต่ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์หรือ BTS สถานีพร้อมพงศ์แล้วเรียกรถให้มาตาม Google Maps ก็ถึงร้าน ให้สังเกตป้าย TK หน้าร้านสีแดงหน่อยเพราะเล็กมากและด้านหน้าเป็นเหมือนตึกแถวธรรมดาไม่โดดเด่นมากนัก เรามาเปิดดูเมนูหน้าร้านกันก่อนเข้าไปด้านในกันครับ
เมนูที่ร้านมีเพียงไม่กี่หน้ากระดาษหลักๆแบ่งออกเป็นเมนูมังสวิรัติและเมนูใส่เนื้อสัตว์ปกติมีซุป-อาหารเรียกน้ำย่อย/ผัดหมี่/ก๋วยเตี๋ยว/ข้าวผัด/เมนูที่ปรุงจากไก่-หมู/เมนูเนื้อแกะ/เมนูปรุงจากปลาและกุ้ง/เมนูไข่เจียว ราคาจานหลักเริ่มต้นที่ 150 แพงสุดไม่เกิน 270 บาท นอกนั้นเป็นเมนูรูปภาพเผื่อคนที่มาทานอาหารทิเบตครั้งแรกแล้วสงสัยว่าหน้าตาอาหารแต่ละอย่างเป็นยังไง เมนูขายดีสุดอันดับ 1 ของที่นี่คือ Momo หรือเกี๊ยวห่อไส้นึ่ง-ทอดสไตล์ทิเบตซึ่งเราเห็นในโฆษณาของที่ร้านแล้วน่าสนใจพร้อมกับสงสัยในรสชาติมากๆ มีให้เลือกหลายไส้ทั้งผักรวม/ผักโขม+ชีส /เนื้อไก่/เนื้อหมู/เนื้อแกะและแป้งขนมปังนึ่ง ถ้าสั่งแบบเดลิเวอรี่กลับบ้านมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 4 ลูกกับ 8 ลูก หากมาทานที่ร้านมีแค่ไซส์เดียวคือ 8 ลูกแต่สามารถผสมไส้กับราคาที่เท่ากันเป็นจานเดียวได้ มีวิธีการปรุงเสิร์ฟให้หลายแบบทั้งนึ่ง/ทอดนาบกระทะ/ทอดกรอบทั้งชิ้น/ราดด้วยแกงและเกี๊ยวน้ำ ราคาเริ่มต้นที่ 160-220 บาท ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งน้ำเปล่า/ชาอินเดีย/ชาทิเบต/น้ำผลไม้/มิลค์เชค/น้ำหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท ดูจากรูปในเมนูแล้วมีความคล้ายอาหารจีนอยู่หลายรายการ จะอร่อยหรือไม่เราเข้าไปชิมในร้านพร้อมกันเลยครับผม
ข้างในร้านพื้นที่ค่อนข้างเล็กจึงมีให้บริการแค่เพียงไม่กี่โต๊ะแนะนำว่าถ้าอยากมาทานอาหารทิเบตปรุงแบบร้อนๆในร้านให้โทรมาจองก่อน (ที่ร้านมีพนักงานรับโทรศัพท์สามารถสื่อสารภาษาไทยได้) ใครที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสารครับ บรรยากาศภายในร้านเหมือนนั่งโซฟา-เก้าอี้นุ่มๆทานข้าวที่บ้านเพื่อน ใช้ไฟสีส้มและของตกแต่งที่ทางร้านนำมาจากธิเบตดูอบอุ่นสบายตาไม่เหมือนใคร หาที่นั่งให้เรียบร้อยแล้วมาเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
เมนูที่เราสั่งมาชิมเป็นอันดับแรกคือ Momo คือเกี๊ยวห่อไส้สไตล์ทิเบตเพราะเป็นเมนูขายดีอันดับ 1 น่าจะอร่อยและปลอดภัยสุดสำหรับการเริ่มต้นชิมอาหารที่เราไม่รู้จักมาก่อน เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส 4 ชนิดไว้ทานคู่กับเกี๊ยวคือ 1.ซอสสวีทชิลลี่ รสชาติหวานคล้ายๆกับน้ำจิ้มไก่บ้านเรา 2.ซอสศรีราชามาโย เป็นซอสพริกศรีราชาผสมมายองเนสฉุนพริกหอมมันขึ้นจมูก 3.ซอสชิลลี่การ์ลิค ซอสพริกผสมกระเทียมรสหวานเผ็ดฉุนกระเทียมกลมกล่อม 4.ซอสอินเดียชิลลี่ เป็นพริกหวานผสมหัวหอมผัดกับเครื่องเทศอินเดียแล้วปั่นให้เป็นซอส ส่วนเกี๊ยวทิเบตชุดแรกเริ่มจากแบบมังสวิรัติสั่งมาอย่างละ 4 ชิ้นรวมกันคือ "ไส้ผักรวมผสมไส้ผักโขมชีสแบบนึ่ง" ราคา 160 บาท เป็นเกี๊ยวคล้ายๆกับอาหารจีนแป้งบางแต่เหนียวนุ่มห่อไส้ผักรวม (แครอท/กระหล่ำปลี) รสชาติหวานฉ่ำน้ำผักกลมกล่อมตามธรรมชาติ ส่วนไส้ผักโขมผสมชีสก็หอมมันเค็มชีสนวลเนียนในปาก ทานคู่กับซอสทั้ง 4 ชนิดเปลี่ยนรสชาติไปได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อ
ต่อมาเป็นเมนู Momo แบบสอดไส้เนื้อสัตว์สั่งมา 3 ชนิดรวมกันคือ "เกี๊ยวนึ่งไส้ไก่" 4 ชิ้นคิดเป็นไซส์เล็ก ราคา 95 บาท ส่วนอีก 2 ไส้สั่งมาอีกอย่างละ 2 ชิ้นคือ "เกี๊ยวนึ่งไส้เนื้อหมูกับเนื้อแกะ" ราคาเท่ากันจึงสั่งแบบรวมกันได้ก็คิดเป็นไซส์เล็ก ราคา 115 บาท รวมจานนี้ราคา 210 บาท โดยเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสัตว์สไตล์ทิเบตนี้ถือว่ามีการปรุงรสไม่ซับซ้อนเป็นเนื้อสัตว์บดผสมกับหัวหอมช่วยให้มีรสหวานอ่อนๆและเพิ่มความอูมามิตามธรรมชาติ มีแค่สัมผัสของเนื้อสัตว์ที่แตกต่างกัน โดยเนื้อไก่จะสัมผัสร่วนๆ/ส่วนเนื้อแกะจะฉ่ำมีกลิ่นบางๆและเนื้อหมูจะเป็นก้อนเหมือนหมูสับในไส้ซาลาเปาแบบที่เราคุ้นเคย โดยรวมก็คือเกี๊ยวนึ่งจีนทานคู่กับซอสใหม่ๆจนเกิดเป็นรสชาติสไตล์ทิเบตนั่นเองครับ
โดยรวมแล้วชอบเกี๊ยว Momo ไส้ไก่สุดแต่อยากทานแบบทอดบ้างเลยสั่งมาเป็น "เกี๊ยวทิเบตทอดไส้ไก่" 8 ชิ้น ราคา 170 บาท เป็นเกี๊ยวแบบเดียวกันกับที่ชิมเมื่อกี้แต่เปลี่ยนจากการนำไปนึ่งเอาไปทอดกรอบทั้งชิ้นแทนแต่ยังคงความอร่อยชุ่มฉ่ำของไส้ได้เหมือนเดิม นั่งทานไปเรื่อยๆเจ้าของร้านแนะนำว่าบนโต๊ะมีเครื่องปรุงพิเศษเพื่อเอาใจคนไทยนั่นก็คือ น้ำมันพริกผัดเอาไว้ใส่ผสมกับซอส 4 ชนิดช่วยเพิ่มความเผ็ดหอมสะดุ้งลิ้นได้เป็นอย่างดี (แนะนำว่าให้ผสมกับสวีทชิลลี่หรือชิลลี่การ์ลิคจะได้รสหวานเผ็ดช่วยลดความเลี่ยนจากไขมันสัตว์ในเกี๊ยวได้เป็นอย่างดี) ถ้าหากมีเด็กมาทานด้วยหรือต้องการเพิ่มความเค็มลงในอาหารที่ร้านมีโชยุให้จิ้มกับเกี๊ยวหรือปรุงรสและพริกขี้หนูในน้ำส้มสายชูแบบไทยเอาไว้ปรุงรสเมนูบะหมี่หรือผสมกับโชยุกลายเป็นซอสเปรี้ยวไว้จิ้มกับเกี๊ยวพร้อมกัดพริกสดเผ็ดๆไปพร้อมกันก็ได้ เรียกได้ว่ามีวิธีการทานหลายอย่างผสมผสานกันไปได้เรื่อยๆรับรองว่าอร่อยได้เพลินๆแน่นอนครับผม
ไหนๆเจ้าของร้านก็ออกมาแล้วสอบถามเลยว่านอกจากเมนูเกี๊ยวที่เราสั่งไปเบื้องต้นแล้วมีอะไรที่เป็นจานแนะนำสำหรับคนไทยอย่างเราที่อยากลองบ้าง (ถ้าไม่หมดเดี๋ยวห่อกลับไปทานที่บ้านต่อ) เริ่มจาก"เกี๊ยวไส้ผักรวมเสิร์ฟกับซอสแกงอินเดีย" ราคา 195 บาท เป็นเมนูสำหรับทานคู่กับข้าวโดยซอสที่ใช้ราดเป็นพริกหวานผัดกับหอมหัวใหญ่ใส่มะเขือเทศและเครื่องเทศอินเดียเล็กน้อยพอมีกลิ่นอ่อนๆรสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อมเข้ากับเกี๊ยวไส้ผักรวมได้เป็นอย่างดี เมนูต่อไปยกมานึกว่าเป็นอาหารเม็กซิกันคือ "Pepper Corn Cheese Roll" ราคา 180 บาท แป้งรูปทรงกระบอกสอดไส้พริกหวาน 3 สีผัดกับข้าวโพดและโรยด้วยชีส ทานกับน้ำจิ้มสวีทชิลลี่ที่คล้ายๆน้ำจิ้มไก่เพิ่มรสเปรี้ยวหวานตัดความเค็มมันและแป้งทอดกรุบกรอบเหมือนทานปอเปี๊ยะทอดแบบจีนผสมความเป็นเม็กซิกันได้อย่างลงตัว
เมนูต่อมาเป็นอาหารทิเบตแท้แต่มีความคล้ายกับอาหารเกาหลีคือ "Honey Chicken Chilli" ราคา 180 บาท เป็นไก่ส่วนสะโพกเนื้อฉ่ำๆชุบแป้งทอดกรอบคลุกกับซอสรสชาติหวานเผ็ดกลมกล่อม เพิ่มความอูมามิด้วยหอมแขกผัดลงไปในซอสผสมน้ำผึ้งเข้มข้นไว้ทานเป็นกับข้าวมากกว่าไว้ทานเล่นแบบไก่ทอดเกาหลี ส่วนรสชาติโดยรวมถือว่าคล้ายๆกันครับ เมนูต่อไปก็ยังคงเป็นไก่ทอดคือ "Chicken Chilli" ราคา 180 บาท เป็นไก่ชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่ๆนำไปคลุกกับซอสพริกผัดน้ำมันคล้ายๆกับที่อยู่ในกระปุกสีดำบนโต๊ะ ปรุงรสชาติให้หวาน-เค็มกลมกล่อมเพิ่มต้นหอม/หอมแขกลงไปช่วยเพิ่มความกรุบกรอบ โดยรวมแล้วจานนี้รสชาติเค็มเผ็ดคล้ายกับอาหารจีนเสฉวนมากกว่าครับผม
เมนูต่อมาเป็นลูกชิ้นแบบมังสวิรัติสไตล์ทิเบตคือ "Veg Manchurian Gravy" ราคา 180 บาท เป็นแป้งผสมกับผักทอดเหมือนทานโกะยากิของญี่ปุ่นที่เนื้อด้านในสุกดี นำไปทอดจนมีกลิ่นหอมคล้ายๆกับลูกชิ้นกุ้งแล้วคลุกกับซอสรสหวานอมเปรี้ยวใส่หอมใหญ่/หอมแขกสับละเอียดผสมกับขิง ถ้าไม่บอกว่าเมนูนี้เป็นมังสวิรัติก็นึกว่าลูกชิ้นกุ้งทอดปรุงรสครับผม เมนูต่อไปเป็นอาหารทานเล่นของชาวทิเบตแต่มีการปรุงรสและใช้วัตถุดิบคล้ายๆกับเกาหลีผสมฝรั่งคือ "Honey Chilli Potato" ราคา 160 บาท มันฝรั่งทอดกรอบแบบเดียวกับขนมมันเคลือบด้วยซอสรสชาติหวานเผ็ดคล้ายไก่ทอดจานแรกแต่ผัดแห้งกว่า ได้ความกรุบกรอบและหวานเผ็ดทานเพลินๆเหมาะเป็นกับแกล้มสุดๆ
เมนูชุดต่อมาเป็นเส้นหมี่ผัดและข้าวผัดสไตล์ทิเบตเอาไว้ทานคู่กับรายการอาหารที่สั่งไปก่อนหน้าก็คือ "TK Spl (Chick&Egg) Chowmein" ราคา 190 บาท มันคือผัดหมี่ซั่วไก่ใส่ไข่แบบจีนเพิ่มพริกหวานรสชาติเค็มกลมกล่อมมีกลิ่นพริกหวานฉุนขึ้นมานิดๆเอาไว้ทานคู่กับไก่ทอดและลูกชิ้นที่สั่งไปก่อนหน้าเข้ากันได้เป็นอย่างดี จานต่อไปก็เป็นข้าวผัดแบบจีนคือ "Egg Fired Rice" ราคา 150 บาท เป็นข้าวผัดไข่เม็ดร่วนๆแต่ใช้ข้าวบาสมาติของอินเดียแทน รสชาติก็คือข้าวผัดจีนแค่สัมผัสเหนียวหนึบเคี้ยวสนุกกว่า ถ้าคุณเป็นคนชอบทานอาหารจีนอยู่แล้วทานได้ง่ายๆครับ
เมนูจานสุดท้ายเป็นอาหารทิเบตสไตล์อเมริกัน (คล้ายๆกับบ้านเราที่มีเมนูข้าวผัดอเมริกัน) นั่นคือ "American Chopsuey" ราคา 220 บาท เป็นเส้นสปาเก็ตตี้ต้มแล้วนำไปทอดกรอบแบบอาหารจีนราดด้วยซอสมะเขือเทศผสมหอมใหญ่/แครอทและเนื้อไก่สไตล์อเมริกันเสิร์ฟพร้อมไข่ดาวอีก 1 ฟอง รสชาติก็คือสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศใส่เนื้อไก่ที่เส้นกรอบๆช่วยซึมซับน้ำซอสแบบเดียวกับโกยซีหมี่ของจีนได้เป็นอย่างดี เป็นอาหารที่ใช้เทคนิคของจีนผสมฝรั่งกลายมาเป็นอาหารทิเบตจานใหม่รสชาติที่คุ้นเคยทานได้ง่ายเด็กๆต้องชอบอย่างแน่นอนครับ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มอินเดีย 2 เมนูคือ "Lassi" โยเกิร์ตปั่นแบบสมูทตี้รสหวานอมเปรี้ยวดื่มง่ายๆและ "Indian Tea" ราคา 50 บาท ที่ร้านเสิร์ฟมาแก้วใหญ่หอมมันกลิ่นเครื่องเทศอินเดียผสมขิงบางๆดื่มง่าย มากับน้ำตาลซองเพิ่มความหวานได้ตามใจ
มา 2 คนสั่งไป 10 กว่าอย่างยังไงก็ทานไม่หมดแต่ทางร้านก็มีบริการห่อกลับบ้านให้โดยไม่คิดค่าแพ็คกลับบ้าน มื้อนี้สั่งไป 16 รายการ 2,325 บาท รวม Vat. 7% กับ Service Charge อีก 10% เป็น 2,736.53 บาท ส่วนตัวว่าไม่แพงเพราะปริมาณอาหารที่สั่งมามื้อนี้นั่งทานได้ 4-6 คน ให้เยอะและชามใหญ่มากๆ (โดยเฉพาะเมนูช่วงหลังๆนอกจากเมนูเกี๊ยวไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้) ปรุงรสชาติมาดีทุกๆจาน ตั้งแต่การใช้พื้นฐานแบบเดียวกับอาหารจีนผสมผสานด้วยเทคนิคจากชาติใกล้เคียงจนกลายมาเป็นอาหารทิเบตแท้ที่คนไทยสามารถเข้าถึงความอร่อยได้อย่างง่ายๆ สำหรับร้าน Tibet Kitchen ได้รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : เลขที่ 627 ซอยสุขุมวิท 22 แขวงคลองเตยเหนือ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวัน จ.) เวลา 11.00-22.30 น. โทร. 095-519-0532
Facebook : https://www.facebook.com/tibetkitchenbkk
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘




















































































link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link link