เลื่อนมือถือเล่นสังคมโซเชียลเพื่อค้นหาข่าวสารข้อมูลต่างๆไปเรื่อยเปื่อยจนพบโฆษณาร้านอาหารทิเบตเพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดตั้งอยู่ใจกลางซอยสุขุมวิท 33 ชื่อว่า "Tibet Gate" จุดเด่นนั่นก็คือตัวภัตตาคารตกแต่งสไตล์ศิลปะท้องถิ่นโบราณคล้ายเมืองลาซาซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,200 เมตรพร้อมลานเวทีกว้างขวางสำหรับฟังดนตรีสดและการแสดงโดยจัดเป็นรอบแห่งแรกในประเทศไทยอีกทั้งพ่อครัวกับพนักงานนั้นเดินทางลงมาจากพื้นที่ราบบริเวณ "หลังคาโลก" เก็บเกี่ยวเอาความรู้-เทคนิคเพื่อปรุงเมนูแต่ละจานตามแบบต้นตำรับแท้ๆ 100% ถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุดค้นหาขับตามแผนที่จอดริมถนนด้านหน้าวันคู่-ฝั่งตรงข้ามเฉพาะวันคี่เท่านั้นหรือบนตึก UBC II อัตราค่าจอดจักรยานยนต์ครั้งละ 10 บาทรถยนต์ทุกๆขนาดคิดราคาชั่วโมงละ 50 บาท บริการขนส่งสาธารณะแนะนำว่าลง BTS สถานีพร้อมพงษ์บันไดทางออก 5 ฝั่งห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์เดินย้อนอีกหน่อยประมาณ 300 เมตรก็จะพบอาคารพาณิชย์สองคูหาสูง 4 ชั้นทาสีเหลืองสลับสีม่วงสดใสสร้างซุ้มประตูเมืองคล้ายพระราชวังจำลองตามวัฒนธรรมทิเบตสุดอลังการแลดูแปลกตาโดดเด่นไม่เหมือนตึกอื่นๆรอบด้าน ช่วงที่เรามารีวิวทางแบรนด์กำลัง Soft Opening ก่อนเปิดจริงวันที่ 17 มิถุนายน 66 เหลือแค่ติดตั้งระฆังยักษ์ใต้ชายคาเท่านั้นเข้าไปข้างในกันเลยครับผม
บรรยากาศด้านในร้าน "Tibet Gate" ซอยสุขุมวิท 33 ตกแต่งสไตล์พระราชวังโบราณจำลองเมืองหลวงลาซาบนเทือกเขาซึ่งอยู่บริเวณเขตปกครองตนเองมณฑลซีจ้างหรือทิเบตอันมีศิลปะวัฒนธรรมแนวจีนผสมภูฏานกลิ่นอายอินเดียและเนปาลเล็กน้อยสะท้อนวิถีชีวิตผู้คนไปจนถึงอาหารการกินต่างๆ โดยเฟอร์นิเจอร์พร้อมของประดับทุกชิ้นถูกส่งตรงจากแหล่งต้นกำเนิดสุดประณีตแลดูสวยงามอลังการงานสร้างออกแบบเวทีลานกว้างอยู่กึ่งกลางล้อมรอบด้วยโต๊ะวัสดุไม้แท้-เก้าอี้โครงเหล็กหนาแข็งแรงกับโซฟาหุ้มหนังนุ่มนั่งสบายสามารถมองเห็นการแสดงอย่างเด่นชัดไร้ศีรษะผู้อื่นขวางกั้นสายตา สำหรับกลุ่มเพื่อนฝูงถ้าต้องการหากิจกรรมสนุกทำร่วมกันเดินขึ้นมาบริเวณชั้น 2 เขามีบริการสนุกเกอร์วางอุปกรณ์ครบเปิดเล่นฟรีเฉพาะลูกค้าเท่านั้น (ปกติคิดราคารอบละ 20 บาท) สายดื่มแนะนำเดินลงไปชั้นล่างใต้บันไดจะพบเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่เพราะเมื่อก่อนสถานที่แห่งนี้เป็นผับกลางคืนก่อนปรับโฉมใหม่ล่าสุดสั่งได้ทั้งค๊อกเทล/ม๊อกเทล/รัม/วอดก้า/จิน/เตกิล่า/วิสกี้/เบียร์สด/คราฟต์เบียร์/น้ำผลไม้/น้ำอัดลม/ซังกริอา สำหรับรายการอาหารเสิร์ฟเมนูตำรับทิเบต-ไทยเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายกดรับชมเล่มเต็มฉบับออนไลน์> https://citly.me/w9c2g <จะมีจานไหนอร่อยถูกปากบ้างเดี๋ยวรอชิมด้วยกันเลยครับผม
รายการแรกเราเลือกเมนูระดับพื้นฐานเมื่อชาวไทยหลายคนนึกถึงอาหารทิเบตมาลองชิมก่อนนั่นก็คือ "Kothey Momo" ราคา 250 บาท แผ่นแป้งเกี๊ยวทำเองตำรับโฮมเมดสอดไส้หมูสับซึ่งปรับเปลี่ยนได้เองตามใจลูกค้าเช่นเนื้อวัว/ไก่สับ/มังสวิรัติอยากเน้นกลิ่นกระเทียมหรือขิงสดชัดเจนก็ระบุกับพนักงานตอนออเดอร์ ห่อจับจีบอย่างสวยงามวางบนกระทะเหล็กเปิดไฟใส่น้ำมันเล็กน้อยพอให้พื้นผิวด้านนอกกรอบฟูแล้วราดน้ำซุปปิดฝาอบจนสุก 100% ก่อนจะยกเสิร์ฟ วิธีการรับประทานนำใส่เข้าปากทันทีเพื่อสัมผัสแป้งด้านนอกทะลักน้ำผสมไขมันหมูไหลฉ่ำทะลักเต็มๆคำถ้าเริ่มรู้สึกเลี่ยนแนะนำว่าควรจิ้มซอส "Tibetan Sepen" หรือน้ำมันพริกแห้งเจียวสมุนไพรหลากชนิดอันประกอบไปด้วยพริกป่น/กระเทียม/ขิง/ซวงเจีย/ยี่หร่า/เมล็ดผักชี/น้ำมันงารสชาติเค็มอมหวานกลมกล่อมแตะเพียงเล็กน้อยก็จี๊ดจ๊าดถูกใจคนชอบกินเผ็ดอย่างเราสุดๆ จานถัดไปวิธีการปรุงคล้ายกันแค่เปลี่ยนแป้งห่อภายนอกนิดหน่อยได้แก่ "Shabaleb" ราคา 250 บาท สอดไส้หมูสับล้วนเน้นกระเทียมเด่นชัดชิ้นจัมโบ้อวบอ้วนเต็มคำตัวแป้งแบ่งออกเป็นส่วนนอกกับข้างในคล้ายๆกะหรี่ปั๊บแห่งเมืองสระบุรีห่อบิดเกลียวรูปทรงเสี้ยวพระจันทร์ที่เราคุ้นเคยทอดจนสีเหลืองกรอบโอบอุ้มความอร่อยอัดแน่นเทราดน้ำมันพริกเพื่อสลับเปลี่ยนประสบการณ์ด้านรสชาติแบบใหม่ไม่มีเบื่อครับผม
ขยับจากเมนูกินเล่นเรียกน้ำย่อยทางเข้าสู่หมวดอาหารจานเดียวซึ่งชาวทิเบตมักปรุงเพื่อรับประทานกันตามครัวเรือนในชีวิตประจำวันได้แก่ "Mokthuk" ราคา 200 บาท ถ้าต้องนิยามก็เหมือนนำโมโม่มาใส่ในน้ำซุปใสกลมกล่อมคล้ายเกี๊ยวน้ำซึ่งเราสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นไส้ต่างๆเช่นหมูสับ/เนื้อวัว/ไก่บด/มังสวิรัติแต่สูตรนี้จะเน้นกลิ่นหอมขิงให้อารมณ์สไตล์ภัตตาคารจีนซึ่งได้รับความนิยมมากจนเผยแพร่เข้าสู่เนปาล-อินเดียตอนเหนือ วิธีฟินแค่ตักชิ้นเกี๊ยวซดพร้อมสต๊อกพื้นฐานสกัดจากผักหลากหลายชนิดจำนวนมากต้มเวลานานจนหวานอูมามิตามธรรมชาติเข้มข้นปรุงรสด้วยเกลือหิมาลายันพอกลมกล่อมเพิ่มกวางตุ้งฮ่องเต้ลวกเคี้ยวกรุบกรอบเหมาะแก่การยกซดร้อนบนภูเขาสูงช่วงอากาศหนาวจัดบริเวณพื้นที่อันถูกเรียกว่า "หลังคาโลก" รายการต่อไปส่วนตัวเพิ่งเคยลองชิมครั้งแรกแต่ตกหลุมรักทันทีนั่นก็คือ "Thenthuk" ราคา 220 บาท นำแป้งเหลือจากการห่อโมโม่ตำรับโฮมเมดทำเองของทางร้านจับรีดแผ่นบางๆตัดรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสต้มลงในน้ำซุปใสแบบชามก่อนจนสุกเหนียวนุ่มเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่พิเศษ ท็อปปิ้งเนื้อวัวโคขุนตุ๋นส่วนสะโพกมัดกล้ามเนื้อแน่นไขมันแทรกน้อยหั่นชิ้นโตกับกวางตุ้งฮ่องกงโรยผักชีก่อนยกเสิร์ฟถ้ารู้สึกว่ายังไม่ค่อยโดนใจแนะนำว่าขอน้ำมันพริกแห้งคั่วสมุนไพรเทลงไปรับรองเผ็ดจี๊ดจ๊าดถูกปากคนไทยแน่นอนครับ
เนื่องจากบนภูเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 4,200 เมตรบริเวณที่ราบสูงตรงหลังคาโลกมีออกซิเจนเพียงแค่น้อยนิดชาวทิเบตจึงนิยมเลี้ยงปศุสัตว์มากกว่าการเกษตรเพราะปลูกพืชได้ไม่กี่ชนิดเอามาปรุงอาหารแบบง่ายๆแต่แลดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั่นก็คือ "Labsha" ราคา 260 บาท ต้นตำรับของแท้ต้องใช้เนื้อวัวเท่านั้นแต่เนื่องจากมีคนไทยบางกลุ่มงดเว้นจึงเพิ่มหมูเข้ามาใช้ส่วนสะโพก-สันนอกไขมันแทรกน้อยหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าตุ๋นพร้อมหัวไชเท้า/มันฝรั่งท่อนโตเคี้ยวเต็มคำจนน้ำซุปหวานเค็มอูมามิเข้มข้นซึมซับเข้าทุกส่วนของวัตถุดิบซดตอนร้อนๆช่วยให้อุ่นท้องเหมาะสำหรับช่วงฤดูอากาศหนาวเย็นสุดโหดร้ายแห่งเมืองลาซา รายการต่อไปเอาไว้กินรองท้องเล่นหรือรับประทานสไตล์กับแกล้มเพลินๆหน้าตาโดยรวมคล้ายภัตตาคารจีนแต่วิธีปรุงแตกต่างกันได้แก่ "Shogo Sipsip" ราคา 200 บาท หัวมันฝรั่งสายพันธุ์พิเศษสไลซ์แผ่นบางก่อนซอยเส้นขนาดเล็กคล้ายส้มตำแช่น้ำเพื่อกำจัดแป้งส่วนเกินออกทิ้งผัดลงในกระทะไฟแรงสูงปรุงรสชาติด้วยน้ำมันคั่วเมล็ดซวงเจียแห้ง (พริกไทยเสฉวน) เกลือหิมาลายัน/น้ำตาลทรายและน้ำส้มสายชูสะบัดแทนการใช้ตะหลิวเพื่อคงรูปร่างสวยงามจนสุกครบถ้วน 100% โรยต้นหอมซอยแล้ววางเสิร์ฟดูง่ายๆตอนเคี้ยวสัมผัสกรุบกรอบหอมไหม้ติดปลายจมูกแปลกใหม่ซึ่งไม่สามารถสั่งมือให้หยุดคีบเข้าปากได้ครับผม
ตอนแรกคิดว่าคงมีแต่คนจีนบริเวณมณฑลเสฉวนที่นิยมรับประทานเมนูหม่าล่าแต่น้องพนักงานแจ้งว่าชาวทิเบตนั้นก็กินเช่นเดียวกันเพราะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นโดยมีสูตรค่อนข้างแตกต่างกันจึงอยากให้ลองชิมเลยออเดอร์มาเพิ่มอีกเป็น "Soen Laphing" ราคา 250 บาท เลือกใช้บะหมี่แก้วหรือวุ้นเส้นสกัดจากมันเทศลักษณะภายนอกโปร่งใสแต่สัมผัสเหนียวนุ่มสู้ฟันกัดขาดยากความหนาระดับปานกลางต้มในเครื่องเทศหม่าล่าก้อนเจียวน้ำมันวัว (พริกแห้ง/โต้วป้าน/กานพลู/กระเทียม/โป๊ยกั๊ก/กระวานดำ/ยี่หร่า/อบเชย/ซวงเจีย) ผสมต้นหอมน้ำมันงากับขิงสับจำนวนมากกลิ่นจึงเด่นชัดตั้งแต่ระยะไกลๆท็อปปิ้งถั่วลิสงทอด,ผักกวางตุ้งฮ่องเต้หมูสามชั้นหรือสะโพกโคขุนตุ๋นสไลซ์แผ่นบางเรียงเต็มชามน้ำซุปสีแดงฉานเข้มข้นแบบคลุกขลิกเผ็ดร้อนแสบลำไส้ชาลิ้นสะใจ รายการถัดไปอร่อยง่ายๆแถมยังได้ประโยชน์ถูกปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่นั่นก็คือ "Chicken Munchurian" ราคา 220 บาท ส่วนสะโพกติดหนังชุบแป้งทอดกรอบผัดพริกระฆังหวานสามสีแดง/เหลือง/เขียวปรุงสุกพอหวานกรุบกรอบกำลังดี รสชาติซอสเค็มละมุนหอมน้ำมันงากลมกล่อมเหนียวข้นคล้ายเมนูราดหน้าเต้าซี่ตามภัตตาคารชื่อดังของประเทศไทยโรยต้นหอมซอย,งาขาวคั่วใหม่ๆ ต้นกำเนิดจากร้านอาหารจีนในอินเดียคิดค้นขึ้นช่วงประมาณปี 2518 ก่อนกระจายเต็มรอบภูมิภาคแห่งนี้ครับ
ติดใจก๋วยเตี๋ยวหม่าล่าแต่เหลือบไปเห็นในเล่มเมนูมีอีกรายการใช้วัตถุดิบคล้ายกันแต่ให้ปริมาณเยอะจุใจยิ่งกว่านั้นก็คือ "Tibetan Hot Pot" ราคา 280 บาท หรือมีอีกชื่อเฉพาะตัวเรียกว่า "Gyakhog" ปกติจะต้องเสิร์ฟอย่างอลังการบนหม้อไฟสไตล์โบราณใส่วัตถุดิบหลายอย่างอัดแน่นจัดเต็มสวยงามแต่ทางร้าน "Tibet Gate" ปรับขนาดใหม่ให้ปริมาณเหมาะสำหรับ 1-2 ท่านโดยใช้น้ำซุปหม่าล่าเหมือน "Soen Laphing" สูตรเผ็ดน้อยลงกลิ่นขิงยังจัดเต็มเปลี่ยนวุ้นเส้นมันเทศโปร่งใสเป็นบะหมี่ Thukpa (ทุกปา) นวดแป้งเส้นยืดเองฝีมือเชฟชาวทิเบตเหนียวนุ่มสู้ฟันด้านหลังครัวท็อปปิ้งเนื้อสะโพกวัวตุ๋นแทรกไขมันน้อย/แครอท/ถั่วงอก/กวางตุ้งฮ่องกง/ต้นหอมซอยละเอียดพร้อมจุดเตาแอลกอฮอล์เพื่อรักษาอุณหภูมิร้อนซดคล่องคอแสบลำไส้จนถึงคำสุดท้าย เมนูต่อจากนี้น้องพนักงานหนุ่มชาวทิเบตแท้หน้าตาดีคุ้นๆเพราะเคยเห็นบนวิดีโอโฆษณาค่อนข้างบ่อยหยิบจานแถมฟรีมาให้ลองชิม 2 อย่างเริ่มต้นกันที่ "Laphing" ปกติราคา 80 บาท แม้จัดอยู่ประเภทเส้นแต่ให้ปริมาณเล็กน้อยเหมาะสำหรับเรียกน้ำย่อยตัวเส้นนึ่งสุกผสมสีผสมอาหารเหลืองคลุกเคล้าแป้งนึ่งหั่นชิ้นเล็กแทนเนื้อสัตว์ปรุงซีอิ๊วขาว,น้ำส้มสายชู,กระเทียม,ต้นหอม,น้ำมันพริกคั่วเปรี้ยวเผ็ดเค็มชามเดียวไม่พอ / "Tingmo" ปกติละ 50 บาท คล้ายๆหมั่นโถวรีดแผ่นไว้กินแทนข้าวครับผม
ถ้าคุณกำลังกังวลว่าเพื่อนสมาชิกร่วมโต๊ะจะไม่ถูกจริตกับอาหารสไตล์ทิเบตแท้ทางร้าน "Tibet Gate" ยังเปิดครัวตำรับไทยเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าอันหลากหลายโดยจ้างพ่อครัวฝีมือดีรังสรรค์เมนูรสชาติเข้มข้นจัดจ้านถูกปากอีกมากมายเริ่มต้นกันที่ "Massaman Kai" ราคา 290 บาท หนึ่งในเมนูแกงโดยได้รับการโหวตจากนักชิมทั่วโลกว่าอร่อยอันดับ 1 เมื่อปี 2021 จากสำนักข่าว CNN เครื่องมัสมั่น (พริกแห้ง/พริกไทยขาว/ข่า/ตะไคร้/ผิวมะกรูด/ลูกผักชี/ลูกจันทร์/กานพลู/อบเชย/กระวาน/เมล็ดยี่หร่า/กระเทียม/หอมแดง/รากผักชี/กะปิ) เคี่ยวหัวกะทิจนแตกมันใส่สะโพกไก่ทั้งชิ้นตุ๋นเปื่อยนุ่มเพิ่มมันฝรั่งโรยถั่วลิสงทอดเคี่ยวเวลานานจนขลุกขลิกเข้มข้นปรุงเค็มหวานเปรี้ยวมะขามเปียกกลมกล่อมเข้ากับข้าวสวยหรือจะจิ้มแป้งนึ่ง "Tingmo" แทนโรตีก็อร่อยแปลกใหม่ดี อีกรายการตัวแทนแห่งเมืองด้ามขวานที่นักท่องเที่ยวต่างรู้จักกันนั่นก็คือ "Tom Yum Kung" ราคา 300 บาท คัดกุ้งขาวขนาดจัมโบ้ดึงหัวปอกเปลือกกรีดเส้นกลางหลังทิ้งเหลือเฉพาะเนื้อติดปลายหางโยนลงหม้อต้มยำสีแดงน้ำข้นหอมมันกะทิหนักสมุนไพรพร้อมเห็ดฟางหอมแดงอัดแน่นเต็มถ้วยวางยอดผักชีตกแต่งเพื่อความสวยงามอีกนิดหน่อยตักซดตอนร้อนสดชื่นคล่องคอหรือจะสั่ง "Plan Rice" สายพันธุ์หอมมะลิชั้นดีเพิ่มราคาจานละ 30 บาท ทานคู่กันก็ดีงามครับ
ปิดท้ายด้วยขนมหวานตอนแรกเปิดมองหาในเล่มรายการอาหารเผื่อจะพบเมนูทิเบตน่าสนใจแต่ไม่เจอมีเพียงแค่ "Water Chestnut In Coconut Milk" ราคา 89 บาท ชื่อภาษาไทยนั่นก็คือทับทิมกรอบน้ำกะทิซึ่งวันที่เราเข้าไปรีวิวยังอยู่ช่วงเวลา Soft Opening เลยยังไม่พร้อมให้บริการจึงออเดอร์ "Mango Sticky Rice" ราคา 180 บาท มาแทนโดยหัวหน้าพ่อครัวของทางร้าน "Tibet Gate" เลือกใช้เฉพาะข้าวเหนียวสายพันธุ์เขี้ยวงูเชียงรายคุณภาพดีชั้นเลิศนึ่งสุกหุงเรียงเมล็ดแวววาวสวยงาม ก่อนคลุกเคล้ากะทิ/น้ำตาลทรายและเกลือสมุทรอีกเล็กน้อยพอหวานมันลงตัวเสิร์ฟคู่มะม่วงน้ำดอกไม้หรืออกร่องขึ้นอยู่กับฤดูกาลนั้นๆสุกสีเหลืองงอมอมเปรี้ยวสดชื่นหั่นชิ้นขนาดเคี้ยวเต็มคำครึ่งลูกวางบนใบตองสีเขียวตกแต่งช่อดอกกล้วยไม้สีม่วงโรยถั่วทองอบกรอบแลดูสดใสสวยงามเหมาะแก่การสั่งไว้ต้อนรับแขกบ้านเมือง วิธีรับประทานเพียงราดซอสหัวกะทิเคี่ยวแป้งข้าวโพดสัมผัสเหนียวข้นเค็มละมุนเทลงไปบนจานก่อนประกอบร่างนำทุกส่วนรวบบนช้อนก่อนตักเข้าปากจบในคำเดียวอร่อยมัดใจลูกค้าง่ายๆ ก่อนเรียกคิดเงินมีโอกาสพูดคุยเล็กน้อยสรุปความว่าตัวเจ้าของเป็นสาวไทยแต่งงานร่วมชีวิตกับหนุ่มทิเบตลงทุนสร้างภัตตาคารแห่งนี้ซึ่งเมื่อก่อนคือผับนำญาติๆทั้งสองฝั่งมาช่วยกันบริหาร (สื่อสารภาษาอังกฤษได้แต่มีพนักงานคนไทยประจำอยู่ด้วย) สามารถปิดเลี้ยงฉลอง,จัดงานมงคลต่างๆและอนาคตจะเปิดคอร์สนั่งสมาธิสไตล์ทิเบตเมื่อไหร่ต้องคอยติดตามครับ

มื้อนี้ยกเพื่อนมาอร่อยด้วยกัน 4 คนสั่งอาหารไปรวมกว่า 15 อย่าง รวม 2,609 บาทถ้วน (ไม่มี Vat. 7% กับ Service Charge 10% คิดเพิ่ม) อาหารบางเมนูยังไม่บรรจุลงระบบช่วง Soft Opening เลยคิดรายการอื่นๆที่มีราคาใกล้เคียงกันแทน โดยรวมถือว่าอาหารอร่อยสถานที่สวยงามกว้างขวางตอบโจทย์ทุกกลุ่มแต่ดีสุดนั่นก็คือพนักงานชาวทิเบตมีแต่หนุ่มหล่อหน้าตาดีตาโตผิวขาวคิ้วดกคมเข้มไว้ชวนคุย-เล่นบิตเลียตแก้เหงาถูกใจสาวๆอย่างแน่นอน รับคะแนนเต็มไป 5 ดาวอย่างไม่ต้องสงสัยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : เลขที่ 1/1 ซอยสุขุมวิท 33 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เปิดบริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-21.30 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 063-228-0356
Facebook : https://www.facebook.com/tibetgate
ทางร้าน "Tibet Gate" จัดบุฟเฟ่ต์อาหารพร้อมการแสดงพื้นบ้านทิเบตเป็นรอบๆต้องคอยติดตามหน้าเพจนะครับ
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments