top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิวห้องอาหาร The Library โรงแรม U Sathorn อร่อยกับพิซซ่า 3 สูตรพิเศษ/เครื่องดื่มไอเดียไม่เหมือนใคร

อัปเดตเมื่อ 31 ต.ค. 2566



วันนี้ได้รับการรับเชิญจาก PR ของโรงแรม U Sathorn ให้เข้ามารีวิวที่ห้องอาหาร The Library กับเมนูใหม่อย่างพิซซ่าหน้าพิเศษที่ทางโรงแรมคิดค้นขึ้นใหม่ 3 เมนู และกาแฟสูตรใหม่อีก 3 เมนู รสชาติต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนถึงเชิญเรามา ส่วนวิธีการเดินทางเข้ามาในโรงแรม หากไม่มีรถส่วนตัวสามารถรอรถรับ-ส่ง เข้ามาที่โรงแรมได้ที่สถานี MRT ลุมพินี (ฝั่งหน้าตึกแลนด์แอนด์เฮ้าส์) จะมีรถบริการรับส่งออกมารับทุกๆ 1 ชั่วโมง ตัวโรงแรมนั้นเรียกได้ว่าอยู่ลึก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีโรงแรมอยู่ข้างใน พอเข้ามาถึงก็มีความรู้สึกเหมือนเป็นรีสอร์ทที่ดูสงบ แต่กลับอยู่ใจกลางเมือง ไม่มีตึกใหญ่แบบโรงแรมอื่น ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรีสอร์ทต่างจังหวัด ดู Private มากๆเลยครับ

บรรยากาศภายในโรงแรมดูเงียบสงบ ที่ล๊อบบี้ตกแต่งค่อนข้างหรู ตัดความสนุกด้วยตุ๊กตารูปสัตว์ ที่ลงสีสันฉูดฉาด(ส่วนจะเป็นตัวอะไรบ้างก็แล้วแต่คนจะจินตนาการ) เดินถัดมาจากล็อบบี้ด้านหลังจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่โดยรอบเป็นห้องพักทั้งหมด ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพักตากอากาศอยู่ที่ต่างจังหวัด ทั้งๆที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง ดูแล้วการปลูกสร้างโรงแรมนี้ค่อนข้างจะใช้พื้นที่เยอะอยู่เหมือนกัน ราคาห้องพักต่อคืนคงไม่ใช่ราคาถูกอย่างแน่นอน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเราไปดูห้องอาหาร The Library ของที่โรงแรมนี้กันครับ ว่าอยู่ตรงไหนของโรงแรมนะ

สอบถามพนักงานที่ล็อบบี้ว่าห้องอาหารอยู่ไหน ? ได้คำตอบว่าให้เลี้ยวซ้ายก็จะพบกับห้องอาหารแล้วครับผม (ป้ายห้องอาหารอันเล็กนิดเดียว) มีในส่วนของ Outdoor ที่สามารถมองวิวสวนและสระน้ำของทางโรงแรม และโซน Indoor ที่ด้านในตกแต่งด้วยพื้นหินอ่อน และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้ดูเป็นสไตล์ยุโรปที่มีระดับ มีตั้งแต่โต๊ะเล็กๆสำหรับมากับคู่รัก/คุยธุรกิจ และใครที่มากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ที่นี่ก็มีเป็นห้องส่วนตัว(แยกพิเศษ) ให้บริการเช่นเดียวกัน มาถึง PR ก็เชิญเราให้นั่งที่โต๊ะที่จัดไว้ให้ ส่วนเมนูวันนี้ที่เราจะได้ทานมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูเลยครับ

ก่อนอื่นที่จะสั่งอาหาร แค่เล่มเมนูของที่นี่ก็หน้าตาไม่เหมือนกับเล่มเมนูทั่วไปในโรงแรมอื่นๆแล้ว เป็นเหมือนกับนิตยสาร Free Copy โดยด้านในจะเป็นเมนูอาหารต่างๆพร้อมราคา ให้เราเลือกสั่งได้ตามใจ(ราคาเรียกได้ว่า"ไม่ถูก"แต่ก็ถือว่าเป็นเรทราคาปกติของโรงแรมทั่วไป) โดยวันนี้ทางโรงแรมได้จัดเป็นพิซซ่าสูตรพิเศษ 3 หน้าและกาแฟเย็นสูตรไทยอีก 3 แก้ว พร้อมกับชุดชาแบบ Signature Style ที่ขายดีที่สุด มาเสิร์ฟให้กับเราได้ทาน/รีวิวมื้อนี้ครับ

มาแล้วครับ เมนูแรกเป็นชุดชา/กาแฟยามบ่าย ที่ขายดีที่สุดของห้องอาหารนี้มีชื่อว่า Signature Edition ในชุดประกอบด้วย(ชั้นบนเป็นของคาว) ปอเปี๊ยะทอด ถุงทองไส้กุ้ง ราดด้วยซอสหวานเผ็ดสไตล์ไทย (แป้งกรอบไส้แน่นรสชาติเข้มข้น) แซนวิชไข่ต้ม ขนมปังหน้าสโมคแซลมอน ทาร์ตไส้ไข่และเบคอน (ชั้นล่างเป็นของหวาน)ประกอบ ด้วยสโคนลูกเกด ครีมบูเล่ ทาร์ตผลไม้ ขนมไทยต่างๆ คัพเค้ก เสิร์ฟมาพร้อมกับวิปปิ้งครีม/แยมบลูเบอรี่/แยมส้ม ในชุดนี้สามารถทานได้ 2 คน (แต่ละเมนูมีให้ทานอย่างละ 2 ชิ้น) และสามารถสั่งเครื่องดื่มอย่างชา/กาแฟได้คนละ 1 ที่ วันนี้ผมเลยสั่งเป็นชา English Breakfast รสชาติหอมเข้มข้นทานกับของคาวหรือของหวานก็เข้ากันได้ดีครับ ลืมบอกไปว่าชุดนี้ราคา 699 บาท เท่ากับว่าถ้ามาทาน 2 คนก็ตกคนละ 350 บาท ที่สำคัญทุกเมนูที่ห้องอาหารนี้ไม่มี Vat. และ Service Charge ถ้าใครเป็นสายถ่ายรูปเน้นเอาความหรูหราสวยงามลง IG ถือว่าคุ้มค่ามากครับ

พิซซ่าทั้ง 3 หน้ามาเสิร์ฟที่โต๊ะแล้ว เริ่มรีวิวจากเมนูแรก เป็นพิซซ่าหน้ากระเพราหมูราคา 350 บาท ประกอบไปด้วยหมูสับ/กระเทียม/พริก/ใบกระเพรา/ไข่แดงตรงกลาง/โรยด้วยมอสซาเรลล่าชีส ซิมเข้าไปครั้งแรกรสชาติก็คือกระเพราหมูเลย รสเข้มข้นเผ็ดอ่อนๆ เพราะความมันของชีสและไข่แดง ทำให้พิซซ่าถาดนี้มีรสกระเพราที่นุ่มนวลมากขึ้น ถูกใจผมเป็นอย่างมากครับ แต่ด้วยความที่เป็นแป้งอิตาเลียนบางกรอบ เมื่อทานไปจนถึงขอบแล้วอารมณ์ที่กำลังนั่งทานกระเพราอยู่ก็กลายเป็นทานพิซซ่าไปซะงั้น เหมือนอารมณ์ค้าง แต่ก็ประทับใจเมนูนี้มากครับ โดนในสุด

พิซซ่าถาดออกมาชื่อว่าโฟร์ชีสและ Boscaiola ราคาถาดละ 390 บาททั้งคู่ เริ่มชิมจากโฟร์ชีส เป็นการนำทั้งมอสซาเรลล่าชีส/Smoked Scamorza Cheese/Taleggio Cheese/Cheddar Cheese มาผสมในอัตราส่วนลับของทางโรงแรม ตัดเลี่ยนด้วยการราดซอสมะเขือเทศสดด้านล่าง ตามด้วยกระเทียมและพาสลี่สด รสชาติหนักหน่วง ได้ความเค็มหอมมันของชีสแบบเต็มๆ แต่ก็มีความเปรี้ยวสดชื่นของซอสมะเขือเทศและเครื่องสมุนไพรทำให้รู้สึกว่าทานได้เรื่อยๆ อีกถาดเป็นพิซซ่าหน้า Boscaiola ประกอบไปด้วยไส้กรอกสไตล์อิตาเลียน/มอสซาเรลล่าชีส/เห็ด/มะเขือเทศอบแห้ง/น้ำมันมะกอกและผักRocket มีหลายสัมผัสเวลาเคี้ยว ได้ทั้งความกรอบบางของตัวพิซซ่า ความเป็นเนื้อแน่นๆของไส้กรอกอิตาเลียน/เห็ด/อมเปรี้ยวมะเขือเทศอบแห้ง หอมกลิ่นน้ำมันมะกอกแบบ Extra Virgin และสดชื่นด้วยผักร๊อกเก็ต เป็นรสชาติสไตล์อิตาเลียนที่ทานได้ง่ายๆ แต่ส่วนตัวแล้วยังไงก็ชอบพิซซ่าหน้ากระเพราหมูอยู่ดี ลืมบอกไปว่าพิซซ่าของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นไซส์เดียวคือ 6 ชิ้นต่อ 1 ถาด ใครที่จะมาทานพิซซ่าที่นี่ก็อย่าลืมยกเพื่อนมากันเยอะๆนะครับ เพราะถ้าเหลือแล้วเอากลับไปทานต่อที่บ้านไม่อร่อยนะจะบอกให้

ต่อกันด้วยเมนู UR Thai Coffee 3 เมนูพิเศษแก้วละ 220 บาท แก้วแรกเป็น Sai Mai ก็คือกาแฟสายไหมนี่แหละ ด้านล่างสุดเป็นกาแฟผสมกับไซรัป ชั้นที่ 2 เป็นนมผสมกับนมข้นหวาน top ด้านบนสุดด้วยวิปปิ้งครีมและสายไหมก่อนเสิร์ฟ รสชาติกาแฟเข้มข้นหอมมัน ไม่หวานจนเกินไปได้ความกรุบกรอบของเส้นสายไหมที่ใส่ลงไปเพิ่มได้ความแปลกใหม่ดีครับ แก้วที่ 2 เป็น Cococino ด้านล่างสุดเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่ผสมกับน้ำมะพร้าว ท็อปปิ้งด้วยคาราเมลซอส เนื้อมะพร้าว และไอศครีมรส Salted caramel กลิ่นของมะพร้าวเข้ากันได้ดีกับความหวานของคาราเมลเป็นกาแฟที่รสชาติแปลกใหม่อีกสูตรครับ แก้วสุดท้ายมีชื่อว่า Sensation เป็นกาแฟเอสเปรสโซ่ผสมกับวนิลาไซรัป ด้านบนท็อปปิ้งด้วยวิปปิ้งครีมและไอศกรีมวนิลาด้านบนสุดประดับด้วยขนมฝอยทองและลูกชุบ แนะนำว่าให้ทานขนมด้านบนให้หมดก่อนไม่งั้นจะทานได้ยากลำบากมากเพราะจะลงไปนอนกองอยู่ที่ก้นแก้วกันหมด แต่ยังดีที่มีช้อนยาวให้ตักทานได้ระหว่างดูดกาแฟไปด้วย ใครอยากลิ้มลองกาแฟไทยที่แปลกใหม่แต่ลงตัว ก็มาที่นี่เลยครับ

ถ้าเดินออกจากห้องอาหารของทางโรงแรม โดยที่ไม่ทานเมนูข้าวกระเพราหมูสับของที่นี่ต้องรู้สึกอารมณ์ค้างไปทั้งวันแน่ๆ เลยขอคุณ PR ว่าสั่งกระเพราหมูไข่ดาวเพิ่มสักจานได้ไหมครับ ราคาก็ระดับโรงแรมเลย 290 บาท เสิร์ฟมาพร้อมไข่ดาวที่ด้านนอกกรอบ ด้านในยังไม่สุกแบบเยิ้มๆ และพริกน้ำปลาดอง ใส่ทั้งพริกสดแดงและมะนาวหั่นเป็นแว่นๆ จับราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ ทานกับกระเพราหมูสับรสเผ็ดอ่อนๆ หอมกลิ่นใบกระเพราเข้มข้น เข้ากันสุดๆครับ (สูตรพิเศษของกระเพราหมูที่นี่คือ"หมูสับ"ไม่ได้เหมือนกับหมูสับที่เราทานทั่วไป เหมือนมีการหมักหมูสับให้นุ่มให้มีรสชาติอมหวานนิดๆ แบบหมูในราดหน้า) ถูกจริตคนชอบทานกระเพราที่มีรสอมหวานหน่อยๆแบบผมมากครับ

ห้องอาหาร The Library โรงแรม U Sathorn กับเมนูใหม่ที่ทางโรงแรมอยากจะนำเสนอ ต้องขอบอกเลยว่าแต่ละเมนูนั้นทำได้ดี ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แต่ที่ถูกใจมากที่สุดกลับเป็นเมนูอาหารไทยของที่นี่ (ในชุดน้ำชายามบ่ายก็มีอาหารไทยอยู่ 2 เมนูแทรกมาในชุดเช่นเดียวกัน รสชาติบอกเลยว่าไม่ธรรมดา) ส่วนอาหารฝรั่งอย่างพิซซ่าหน้าต่างๆหรือขนมถือว่าทำมาอยู่ในระดับคุณภาพที่ดี เมื่อเทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าปกติเพราะทุกโรงแรมราคาก็ประมาณนี้ทั้งนั้น ถ้าใครกำลังมองหาร้านอาหารที่มีบรรยากาศสวยงาม อาหารอร่อย ราคาสมเหตุสมผล เหมาะแก่การพาเพื่อนหรือคู่รักมาถ่ายรูปลงไอจีเก๋ๆ แนะนำห้องอาหาร The Library โรงแรม U Sathorn เลยครับตอบโจทย์ที่สุดแล้ว สำหรับวันนี้เอาคะแนนความอร่อยและคุ้มไปเลย 5 ดาวแบบไม่ต้องสงสัยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 105 และ 105/1 ซอยงามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120

ห้องอาหาร The Library เปิดทุกวัน 10.00 - 24.00 น. โทร. 02-119-4888

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 1,072 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page