top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "เถ้าแก่เนี้ยชาบู" บุฟเฟ่ต์ทานไม่อั้นกว่า 60 เมนูแค่คนละ 329฿ Net. อยู่ในลานจอดรถโลตัสพระราม 1

อัปเดตเมื่อ 22 มิ.ย. 2566



วันนี้ครอบครัวฝั่งแฟนผมพาออกมาลุยชาบูบุฟเฟ่ต์ร้านลับๆตั้งอยู่ภายในลานจอดรถห้างโลตัสสาขาพระราม 1 เนื่องจากวันก่อนหนีการจราจรอันแสนสาหัสแวะซื้อของใช้และทานจนอิ่มแน่นก่อนเดินทางกลับบ้านนั่นก็คือ "เถ้าแก่เนี้ยชาบู" จุดเด่นอยู่ที่เลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบสดใหม่ซีฟู้ดตัวใหญ่พร้อมอาหารทานเล่นปรุงสำเร็จร้อนๆรวมเครื่องดื่มรีฟีลกับขนมหวานเรียบร้อยกว่า 60 เมนู มีเวลาให้นั่งฟินยาวๆนานถึง 2 ชั่วโมงเต็มราคาเพียงคนละ 329 บาท สิ่งที่เราชอบมากๆเลยก็คือร้านกว้างใหญ่เปิดรับแสงสว่างดูสะอาดแถมเสิร์ฟของได้รวดเร็วทันใจตอบโจทย์สายเร่งด่วนที่กำลังโมโหหิวจัดได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดบนแผนที่มาเลยที่ห้างโลตัสสาขาพระราม 1 จอดฟรีไม่คิดเงิน 3 ชั่วโมงแรก หากใช้บริการขนส่งสาธารณะให้ลงบีทีเอสสถานีสนามกีฬาแห่งชาติฝั่งเดียวกับโรงแรม Ibis สยามแล้วออกแรงเดินมายังจุดหมายอีกประมาณ 600 เมตร สถานที่ตั้งนั้นถือว่าลับจริงๆเพราะอยู่ตรงข้ามกับเสา A5 ภายในลานจอดรถซึ่งไม่มีประตูทางเข้า-ออกอื่นที่เชื่อมจากข้างในหรือถนนบรรทัดทองได้ถึงแม้จะมองเห็นได้เมื่อวิ่งผ่านเส้นนั้นก็ตาม (ต้องเป็นคนที่เคยเข้ามาก่อนหรือตั้งใจหาจริงๆถึงจะเจอร้านนี้) โดยมีจุดสังเกตง่ายๆก็คือป้ายไฟสีขาวสว่างไสวยาวพิเศษพร้อมชื่อเขียนตัวอักษรสีแดงกับแสง LED กะพริบเป็นจังหวะๆสะดุดตาหน้าประตูทางเข้าและหน้าต่างกระจกบานใหญ่มองทะลุไปเห็นพบบรรทัดทองแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ

เดินเข้ามาภายในร้านจะพบกับเคาน์เตอร์พร้อมน้องพนักงานคอยยืนต้อนรับ/กล่าวคำสวัสดีและพาเราไปนั่งโต๊ะตามจำนวนคน เนื่องจากวันนี้พากันมาตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิดจึงยังไม่มีลูกค้าคนอื่นๆเลยขอเวลานอกเพื่อถ่ายรูปและเก็บบรรยากาศโดยรอบกันก่อน พื้นที่ภายในร้านถือว่าค่อนข้างกว้างขวางสามารถรองรับลูกค้าได้หลากหลายรูปแบบทั้งมาด้วยกันเป็นคู่รัก-กลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวใหญ่ได้สบายๆ หากมาเพียงคนเดียวก็มีเคาน์เตอร์ยาวพิเศษริมกระจกพร้อมช่องใส่หม้อน้ำซุปแบบเดี่ยวขนาดเล็กๆชวนนั่งสบายใจโดยไม่ต้องแคร์สายตาลูกค้าคนอื่นๆ การตกแต่งภายในร้านเน้นโทนสีขาวสะอาดเปิดรับแสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาอย่างทั่วถึงดูสว่างไสวส่วนโต๊ะทุกๆตัวทาด้วยสีดำสนิทเจาะรูตรงกลางเอาไว้วางหม้อน้ำซุปพร้อมเก้าอี้โครงเหล็กแข็งแรงนั่งสบาย ผนังข้างในร้านแบ่งเป็นโซนสีขาวกับสีดำพร้อมรูปวาดภูเขาสูงและนกกระเรียนพู่กันสไตล์จีนให้มีความเป็นหยิน-หยางตัดกันได้อย่างสวยงามทันสมัย ส่วนในไลน์อาหารกับเครื่องดื่มรีฟีลที่ต้องบริการด้วยตัวเองจะมีอะไรที่น่าสนใจให้เราตักบ้างเดินไปดูพร้อมกันๆเลยครับผม

เริ่มต้นกันที่เครื่องดื่มรีฟีลรวมในราคาบุฟเฟ่ต์เรียบร้อยแล้วเลือกกดได้เองตามใจทั้ง น้ำอัดลมยี่ห้อ Est. โคล่า/น้ำแดง/เลมอนไลม์/ชาจีนจืด/ชามะนาว/ชาเขียวมะลิ/ชาไทย/พั้นซ์และโอเชียนบลูให้กดเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆเมื่อหมดแก้วแล้ว ข้างๆกันเป็นไลน์น้ำจิ้มขนาดใหญ่ให้ตักแล้วปรุงรสชาติด้วยตนเองรวมทั้งหมด 9 ซอสนั่นก็คือ 1. น้ำจิ้มสุกี้สูตรต้นตำรับ 2. น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรไทย 3. น้ำจิ้มแจ่วอีสาน 4. น้ำจิ้มพอนสึญี่ปุ่น 5. น้ำจิ้มงาขาวบด โดยที่กล่าวมาทั้ง 5 สูตรแรกสำหรับทานกับชาบูชาบูใส่พริกสด/กระเทียมสับ/น้ำมะนาว/ต้นหอมซอยลงไปเพิ่มความแซ่บได้อีก ส่วนที่เหลืออีก 4 น้ำจิ้มคือ 6. ซอสมะเขือเทศ 7. ทาร์ทาร์ซอส 8. น้ำจิ้มไก่ และ 9. โชยุ สำหรับกินคู่กับอาหารทานเล่นทั้งเห็ดเข็มทองทอดกรอบ/ไก่คาราเกะ/เฟรนซ์ฟรายส์/ข้าวเกรียบกุ้ง/ไก่จ๊อพร้อมซูชิหน้าต่างๆ โดยเราสามารถเขียนลงบนกระดาษใบสั่งเพื่อส่งให้น้องพนักงานครัวเตรียมปรุงให้ร้อนๆเพื่อจะได้รับความอร่อยแบบสดใหม่ ก็ช่วยกันตักน้ำจิ้มสูตรต่างๆใส่ถ้วยขาวขนาดเล็กไปวางรอบนโต๊ะเสร็จแล้วเรามาเริ่มสั่งวัตถุดิบสดอื่นๆที่อยากจะกินกันเลยครับผม

อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าร้านนี้มีอาหาร-เครื่องดื่มให้เลือกสั่งกว่า 60 เมนู ราคาคนละ 329 บาท ไม่มีบวกเงินเพิ่มแม้แต่บาทเดียว (ยกเว้นจะสั่ง A La Carte กับชีสมาเพิ่ม) เด็กส่วนสูงน้อยกว่า 90 ซม.ทานฟรี เด็กส่วนสูงตั้งแต่ 90-120 ซม.คิดเพียงครึ่งราคา โดยเมนูของทางร้านแบ่งเป็นหมวดๆเริ่มต้นที่ 1. น้ำซุปเลือกได้คนละ 1 หม้อจากทั้งหมด 7 รายการ 2. น้ำจิ้มทั้งหมด 9 อย่างไปตักเองได้เลยที่บาร์ 3. ซูชิกับอาหารญี่ปุ่นทั้งหมด 5 รายการ 4. อาหารกินเล่นปรุงใหม่จากในครัว 6 รายการ 5. วัตถุดิบสดต่างๆทั้งเนื้อวัว/หมู/ไก่/เครื่องใน/ลูกชิ้นกับซีฟู้ดทั้งหมด 22 รายการ 6. ผักสด/เห็ด/สาหร่ายและเต้าหู้รวม 13 รายการ 7. ข้าว/เส้นต่างๆสำหรับทานกับชาบู 6 รายการ 8. ขนมหวานทั้งแตงโมสด/เฉาก๊วย/ไอศครีม 3 รสชาติและเครื่องดื่มรีฟีล อยากสั่งอะไรบนโต๊ะมีกระดาษพิมพ์รายการอาหารทุกอย่างลงตารางเอาไว้อย่างครบถ้วน เพียงเขียนจำนวนที่ต้องการด้วยดินสอลงในช่องว่างแล้วยื่นให้กับน้องพนักงานเพื่อส่งออเดอร์ไปถึงครัวได้ทันที เลือกมาทุกอย่างแบบไม่ต้องคิดแป๊ปเดียวก็ทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะแล้วครับ

ส่วนประกอบอย่างแรกที่ถือเป็นหัวใจหลักของชาบูนั่นก็คือน้ำซุปซึ่งที่ร้านเถ้าแก่เนี้ยมีให้เลือกทั้งหมด 7 สูตรคือ 1. น้ำซุปใสไก่ 2. น้ำซุปเห็ดหอม 3. น้ำซุปมิโสะ และวันนี้เรามาทานบุฟเฟ่ต์กัน 4 คนเลยสั่งได้ทั้งหมด 4 น้ำซุปก็คือ 4. ซุปต้มยำน้ำใสสีแดงไปด้วยพริกรสเผ็ดเปรี้ยวกลมกล่อมหอมเครื่องสมุนไพรไทย 5. ซุปต้มแซ่บที่เบสพื้นฐานเป็นน้ำซุปไก่ปรุงรสใส่พริกสด/หอมแดงและข้าวคั่วตามตำรับอีสานแท้ 6. ซุปหม่าล่าที่ทางร้านแนะนำว่ามาแล้วต้องลองเพราะเป็นสูตรคั่วพริกกับสมุนไพรแห้งลงในกระทะจากนั้นบดให้ละเอียดก่อนเทลงในน้ำซุปไก่จนมีกลิ่นหอมแทนการทอดน้ำมันจึงซดแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนมากเกินไปสุดท้าย 7. ซุปดำสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นรสชาติหวานนำเค็มกลมกล่อมด้วยคัตสึโอะบูชิผสมคอมบุและโชยุสุดอูมามิอย่างลงตัว ใส่ลงหม้อแบ่งฝั่งข้างละ 2 ซุปแล้วยกมาวางตรงหลุมที่มีเตาไฟฟ้าอยู่ตรงกลางอีกทั้งยังสามารถปรับระดับความเดือดพล่านได้ด้วยตัวเองจากปุ่มกดข้างโต๊ะก็พร้อมลุยกันแล้วครับ

วัตถุดิบสดต่างๆถูกยกมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็วทันใจจึงจัดการแยกประเภทเป็นหมวดหมู่เพื่อถ่ายรูปให้ง่ายต่อการเขียนรีวิวมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นกันที่เนื้อวัวมีให้เลือก 2 ส่วนคือ "เนื้อลาย" ที่ดูจากชั้นไขมันแล้วคาดว่าน่าจะเป็นส่วนเสือร้องไห้จับม้วนเป็นวงกลมก่อนเอามาสไลด์บางเหมาะสำหรับคนที่ชอบเนื้อติดมัน / "เนื้อแดง" ส่วนที่มีชั้นไขมันแทรกเล็กน้อยและไม่ติดเอ็นซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นส่วนสันคอที่นุ่มทานนานๆแล้วไม่เลี่ยน ใครไม่ทานเนื้อวัวที่ก็ร้านมีหมูสไลด์อนามัยให้สั่ง 3 ส่วนคือ "สันคอหมู" แทรกไขมันราวกับหินอ่อนเคี้ยวนุ่มๆมีปริมาณเนื้อสีแดงกับสีขาวสมดุลกันพอดี / "เบคอน" หรือหมูสามชั้นตรงส่วนท้องโดยทางร้านคัดมาเฉพาะไขมันน้อยพร้อมลอกหนังแข็งชวนติดฟันออกจึงกินง่ายไม่รู้สึกจุกอกเร็ว / "หมูสันนอก" มีเนื้อแดงเยอะกว่าไขมันเหมาะสำหรับคนที่ชอบสัมผัสได้เคี้ยวสนุกสู้ฟัน / "หมูลาวาไข่เยิ้ม" ทำจากหมูบดเด้งหมักน้ำมันงาหรือบะช่อคลุกกับไข่ไก่สดก่อนลงหม้อ / "หมูหมักพริกไทยดำ" เป็นเมนูที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใหม่เนื้อนุ่มเด้งเคี้ยวง่ายหอมกลิ่นพริกไทยดำ / "หมูหมักน้ำมันงา" สัมผัสนุ่มเด้งเหมือนกับถาดที่แล้วแต่เปลี่ยนกลิ่นเป็นหอมน้ำมันงาแบบหมูหมักโบราณตามร้านสุกี้แทน / "ไก่หมักงา" คัดมาแต่เนื้ออกไก่ล้วนแบบไม่ติดหนังหั่นชิ้นนำมาหมักกับน้ำมันงาและโรยงาขาวหอมๆเนื้อเด้งสู้ฟันและทานเยอะๆไม่รู้สึกเลี่ยนไขมันเท่าหมูครับ

ถาดต่อไปเป็น "หมูบะช่อ" หรือหมูสับเด้งปรุงรสปั้นเป็นก้อนเล็กๆก่อนเอาลงหม้อ / "ลูกชิ้นชีสลาวา" ใช้ยี่ห้อดีมีเปลือกนอกเป็นเต้าหู้ปลาสอดไส้มอสซาเรลล่าชีสเข้มข้นไม่เหลวเป็นน้ำ / "ลูกชิ้นไส้ไข่กุ้ง" ทำจากปลาบดละเอียดสอดไส้ไข่กุ้งผสมกระเทียมเจียวเคี้ยวระเบิดในปาก / "ไก่ห่อสาหร่าย" คล้ายๆกับขนมจีบไก่นึ่งพันด้วยสาหร่ายที่ต้มนานแล้วเนื้อแน่นไม่เละ / "เส้นมาม่า" ทางร้านใช้ของเกาหลีเหนียวนุ่มไม่อืด / "เต้าหู้ปลา" มีคุณภาพตามมาตรฐานทั่วไป / "ไส้กรอกรมควัน" ทำจากเนื้อไก่หนังกรุบกรอบเคี้ยวสนุก / "กุ้งสด" เป็นแบบไม่ปอกเปลือกมาให้ไซส์ขนาดกลางๆเนื้อแน่นสดหัวไม่หลุดจากลำตัว / "หอยแมลงภู่ชิลี" ถึงตัวจะเล็กกว่าของนิวซีแลนด์แต่เนื้อมันทานอร่อยกว่า "ปลาหมึก" ทางร้านคัดมาเฉพาะหมึกกระดองเนื้อแน่นต้มแล้วไม่หดเหลือตัวนิดเดียว / "แมงกะพรุน" มาชิ้นกำลังดีเคี้ยวกรุบกรอบต้มนานๆแล้วไม่หดหายละลายไปในหม้อ / "ปลาหมึกกรอบ" ชิ้นใหญ่ๆเนื้อหนา-เด้งเคี้ยวสนุกดีครับ

ตามมาด้วย "ปลาดอลลี่" เนื้อสีขาวสะอาดสัมผัสแน่นสู้ฟันต้มนานแล้วไม่เละหายละลายไปในหม้อ / "เส้นท้องปลาแซลมอน" หรือครีบส่วนท้องติดกระดูกต้มให้สุกแล้วดูดเฉพาะเนื้อกับหนังได้ความหอมมันของไขมันแซลมอน / "เนื้อไก่" ทางร้านคัดมาเป็นส่วนอกไม่ติดหนังสไตล์บางๆกินง่ายได้โปรตีนแบบเน้นๆ / "ไข่ไก่" สำหรับใส่ในหม้อชาบูหรือจิ้มกับสุกี้น้ำดำสไตล์สุกี้ยากี้ญี่ปุ่นแทนน้ำจิ้ม นอกนั้นก็เป็นผักสด-เห็ดและเส้นต่างๆทั้ง ผักบุ้งจีน/กวางตุ้ง/ผักกาดขาว/กะหล่ำปลีซอย/แครอท/เห็ดเข็มทอง/เห็ดชิเมจิ/เห็ดออรินจิสไลด์/ต้นหอมญี่ปุ่นซอย/หัวไชเท้า/สาหร่ายวากาเมะ/สาหร่ายแห้ง/วุ้นเส้นและเต้าหู้ไข่ให้ทางร้านจัดมาแบบรวมอย่างละนิดหน่อยจนดูแน่นถาดอย่างที่เห็นครับผม

ระหว่างรอวัตถุดิบสดต่างๆในหม้อสุกพร้อมทานเพื่อไม่ให้ความอร่อยขาดตอนก็ต้องสั่งอาหารกินเล่นมาก่อนซึ่งทางร้านมีให้บริการหลากหลายเมนูทั้งอาหารญี่ปุ่นอย่าง "ยำสาหร่าย" รสชาติหวานสัมผัสเคี้ยวกรุบกรอบหอมกลิ่นน้ำมันงา / "ปูอัดซาชิมิ" แบบผสมแป้งนิดหน่อยตามมาตรฐานทั่วไป / "ไข่หวานซาชิมิ" เนื้อเนียนละเอียดหวานหอมกลิ่นซุปปลากลมกล่อม / "กุนกังโกลด์" หรือซูชิพันสาหร่ายหน้าปูอัดมายองเนสท็อปปิ้งด้วยเม็ดบุกสีส้มเคี้ยวกรุบๆ / "ซูชิหน้าแมงกะพรุนกิมจิ" รสหวานอมเปรี้ยวเคี้ยวกรุบกรอบเข้ากับสาหร่ายและข้าวสวยญี่ปุ่นปรุงรสได้เป็นอย่างดี / "กุนกังยำสาหร่าย" หรือซูชิยำสาหร่ายเหมือนกับที่เสิร์ฟเป็นถ้วยพร้อมวาซาบิส่วนโชยุมีให้บริการตรงไลน์น้ำจิ้มครับ ตามมาด้วยของทอดเสิร์ฟแบบร้อนๆทั้ง "เห็ดเข็มทองทอด" ให้สัมผัสเหมือนเฟรนซ์ฟรายส์กรุบกรอบที่ทานเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกอิ่มเพราะเคี้ยวเพลินสุดๆ / "ข้าวเกรียบกุ้ง" ตำรับปักษ์ใต้เผ็ดร้อนพริกไทยดำผสมกุ้งเข้ากับน้ำจิ้มไก่รสหวานอมเปรี้ยว / "เฟรนซ์ฟรายส์" ใช้แบบแท่งใหญ่ทอดใหม่ร้อนๆกรอบนอกเนื้อในเป็นครีมเข้ากับซอสมะเขือเทศได้เป็นอย่างดี / "ไก่จ๊อ" เสิร์ฟมาพร้อมกับ "ไก่คาราเกะ" จะกินเปล่าๆหรือจิ้มกับทาร์ทาร์ซอสสูตรพิเศษของทางร้านก็เข้ากันได้ดีมาก ใครที่เป็นสายขาดคาร์โบไฮเดรตไม่ได้ให้สั่ง "ข้าวญี่ปุ่น" แนะนำให้นำเนื้อวัวหรือหมูสไลด์ลงไปตุ๋นในน้ำซุปดำราดข้าวคือฟินมาก / "ข้าวผัดกระเทียม" หอมกลิ่นเนยรสชาติเค็มตัดหวานพอกลมกล่อม และ "บะหมี่ผัก" เส้นสีเขียวลวกพอสุกกำลังดีท็อปปิ้งด้วยหอมเจียวไม่ใช่กระเทียมแบบร้านอื่นๆซึ่งส่วนตัวว่าเข้ากันได้ดีกว่ามากครับ

อาหารทุกอย่างมาครบแล้วก็จัดการจับวัตถุดิบต่างๆที่อยากทานลงในหม้อน้ำซุปที่เราชอบซึ่งมีเคล็ดลับหน่อยก็คือ 1. ให้ใส่ผักที่มีความแข็งหรือสุกยากลงไปก่อนเช่นแครอทหรือหัวไชเท้าเพื่อให้น้ำซุปรสชาติหวานกลมกล่อมมากขึ้นแล้วตามด้วยเห็ดและใบผักอื่นๆเพื่อไม่ให้เปื่อยจนเกินไป 2. ตามด้วยลูกชิ้นเพราะถึงต้มนานๆก็ไม่ทำให้สัมผัสเด้งสู้ฟันลดลง 3. หมูหมักหรือหมูเด้งต้องลงหม้อจนมั่นใจว่าสุกไม่สามารถทานสีอมชมพูๆเหมือนเนื้อวัวได้ 4. เนื้อสัตว์ที่สไลด์บางค่อยๆคีบด้วยตะเกียบเอาลงไปทีละชิ้นหรือถ้ารีบมากก็รีบลวกพอสุกแล้วนำขึ้นมาทานทันที 5. พวกซีฟู้ดต่างๆให้วางในตะกร้อเพื่อป้องกันการหายลงไปในน้ำซุปจนงมหาไม่เจอ 6. เนื้อวัวสไลด์อย่าลวกสุกมากจนเกินไปจะทำให้กระด้างไม่ค่อยอร่อย 7. เมื่อน้ำเดือดพล่านแล้วควรลดไฟลงเพราะฝั่งซุปหม่าล่าเครื่องสมุนไพรเยอะมากๆอาจไหม้ก้นหม้อได้ 8. เปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆไม่มีเบื่อกับน้ำจิ้มทั้งหมด 6 สูตรเด็ดของทางร้านเถ้าแก่เนี้ยซึ่งมีดังต่อไปนี้

สำหรับสายสุกี้ยากี้น้ำดำตัวจริงเพียงแกว่งเนื้อวัวสไลด์บางลงในซุปเดือดๆให้พอสุกสีอมชมพูจิ้มกับ "ไข่ไก่ดิบ" เพื่อลดอุณหภูมิและเพิ่มความหอมมันกลมกล่อมชวนไหลลื่นลงคอตามแบบต้นฉบับสูตรแดนอาทิตย์อุทัยแท้ๆ มาต่อกันด้วย "น้ำจิ้มพอนสึ" เป็นโชยุผสมกับน้ำส้มสายชูรสชาติเปรี้ยวนำเค็มตัดหวานเล็กน้อย เหมาะสำหรับเนื้อสัตว์ที่มีไขมันเยอะเพื่อตัดความเลี่ยนให้ทานได้เรื่อยๆไม่มีสะดุด "น้ำจิ้มงาขาว" เป็นซอสครีมสลัดแบบญี่ปุ่นผสมกับเมล็ดงาขาวคั่วรสชาติหวานมันกลมกล่อมเหมาะสำหรับจิ้มเนื้อสัตว์ส่วนที่มีไขมันน้อยให้อร่อยเด็ดยิ่งขึ้น "น้ำจิ้มสุกี้" สูตรต้นตำรับเถ้าแก่เนี้ยรสชาติหวานเค็มอมเปรี้ยวละมุนโดดเด่นด้วยกลิ่นรากผักชีกับน้ำกระเทียมดองอย่างลงตัวไม่เหมือนใคร "น้ำจิ้มแจ่ว" สูตรใส่น้ำมะขามเปียกสไตล์อีสานรสเปรี้ยวอมหวานหอมพริกป่นกับข้าวคั่วได้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งอยู่ในร้านจิ้มจุ่ม สุดท้าย "น้ำจิ้มซีฟู้ด" ทำจากพริกสดสีแดงกับกระเทียมปั่นหอมกลิ่นน้ำมะนาวแท้ๆรสชาติเปรี้ยวเค็มตัดหวานเล็กน้อยพอกลมกล่อมแต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป จึงทานได้ง่ายๆถึงแม้จะเป็นคนที่กินเผ็ดไม่เก่งก็ตามครับ

ตอนนี้เริ่มใกล้จะอิ่มแล้วอย่าลืมเผื่อพื้นที่ภายในกระเพาะบางส่วนเอาไว้ปิดท้ายด้วยขนมหวานซึ่งมีให้ตักด้วยตัวเองบนไลน์บุฟเฟ่ต์คือ "ไอศครีม" ทางร้านใช้ของยี่ห้อ I-Scoop เป็นเครือเดียวกับแบรนด์ ETE วางไว้เป็นตู้แช่เย็นขนาดใหญ่พร้อมถ้วยและช้อนโดยวันที่เราเข้าไปทานมีให้บริการทั้งหมด 3 รสชาตินั่นก็คือ 1. เชอร์เบตมะนาวสีเขียวอ่อนรสชาติหวานอมเปรี้ยวช่วยเติมความสดชื่นหลังจากทานชาบูร้อนเลี่ยนไขมันหนักๆได้เป็นอย่างดี 2. ชาไทยแบบเข้มข้นรสชาติหวานมันหอมกลิ่นใบชาอัสสัมตีขึ้นจมูกเพิ่มปริมาณคาเฟอีนให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า 3. เผือกสีม่วงอ่อนราวกับเอาหัวมานึ่งบดละเอียดกลายเป็นไอศครีมหอมมันผสมชิ้นเผือกหั่นเต๋าขนาดเล็กเพิ่มความเคี้ยวหนึบแทรกอยู่ทั่วเพลิดเพลินในทุกๆคำ ซึ่งแต่ละวันจะมีการสับเปลี่ยนรสชาติไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อซ้ำซากจำเจ แต่ถ้าอยากทานรสชาติไหนเป็นพิเศษแนะนำว่าให้โทรมาสอบถามกับทางร้านก่อนว่ามีไหมดีจะได้ไม่เสียเที่ยวครับผม

ขนมหวานอย่างอื่นก็สามารถสั่งเพิ่มให้น้องพนักงานเอามาเสิร์ฟจากในครัวได้อีกทั้ง "เฉาก๊วย" เป็นวุ้นสีดำสนิทเนื้อเหนียวหนึบหั่นชิ้นเล็กแบบสีเหลี่ยมลูกเต๋าขนาดพอคำแช่ในน้ำเชื่อมทำจากน้ำตาลทรายแดงหวานกลมกล่อมเพิ่มน้ำแข็งก้อนเล็กอีกนิดซดแล้วเย็นชื่นใจ / "เจลลี่ถ้วย" รสบลูฮาวายและรสพั้นซ์หวานกำลังดี / "แตงโม" ทางร้านหั่นมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยมสวยงามขนาดพอดีคำโดยใช้สายพันธุ์ที่มีเมล็ดน้อย-เนื้อแน่นหวานฉ่ำและแช่ตู้เย็นมาก่อนเสิร์ฟ โดยขนมหวานทุกอย่างที่เห็นเราสามารถสั่งเพิ่มได้อีกเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกพอใจหรือสิ้นสุดเวลาบุฟเฟ่ต์ 2 ชั่วโมง มาปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มรีฟีลซึ่งทางร้านจะให้แก้วขนาดใหญ่ประจำตัววางไว้บนโต๊ะเปลี่ยนน้ำได้เองไม่จำกัดแต่ต้องดื่มแก้วเดิมให้หมดก่อนเติมใหม่ห้ามเททิ้งเฉยๆนะครับ (แนะนำว่าให้ชิมก่อนกดเต็มแก้วจะดีที่สุด) ตอนนี้ทุกคนรู้สึกแน่นท้องแทบเดินไม่ไหวอีกทั้งสิ้นสุดเวลาบุฟเฟ่ต์แล้วได้เวลาเอาบิลบนโต๊ะไปจ่ายที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์หน้าประตูกันครับ

มื้อนี้เรามากันทั้งหมด 4 คน จ่ายไป 1,316 บาท (ไม่มี Vat. กับ Service Charge มาบวกเพิ่มถึงแม้จะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ภายในห้างก็ตาม) จุดเด่นอยู่ตรงที่ความสะอาดเสิร์ฟอาหารรวดเร็ว/ทันใจในบรรยากาศอันปลอดโปร่งโล่งชวนนั่งสบาย ส่วนทางด้านรสชาติคิดว่าน่าจะเหมาะสำหรับที่คนไม่ชอบรสหวานนำแบบชาบูบุฟเฟ่ต์ร้านอื่นๆ ในเรื่องของวัตถุดิบถือว่าใช้ของเกรดคุณภาพสูงสอดคล้องกับราคา-สถานที่ใจกลางกรุงเทพมหานครแบบนี้ ได้รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวครับผม🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : ลานจอดรถห้างโลตัสพระราม 1 เสา A5 เลขที่ 831 ถ.บรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม. 10330

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 10.30-21.15 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 096-762-4876

Facebook : www.facebook.com/Taokaeniashabu

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 3,856 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page