สำหรับใครที่แวะเดินเล่นแถวตลาดพลูนอกจาก Street Food เจ้าเก่าแก่มากมายให้เลือกทานเยอะแล้วนั้นก็ยังมีหมูกระทะบุฟเฟ่ต์อีกแห่งนึงซึ่งเปิดมายาวนานมากๆแต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันคือ "@ตลาดพลูปิ้งย่าง&สุกี้" โดยวันก่อนขี้เกียจรอคิวร้านดังข้างๆเลยเลือกกินที่นี่แทน บอกเลยว่าอร่อยเด็ดติดใจจนต้องหยิบกล้องตัวโปรดออกมาถ่ายรูปรีวิวด้วย จุดเด่นเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในละแวกนี้ 1. บุฟเฟ่ต์ราคาถูกเริ่มต้นเพียงหัวละ 239 บาท (ไม่รวมค่าน้ำดื่มรีฟีลอีกคนละ 39 บาท) 2. วัตถุดิบใช้เกรดพรีเมี่ยมระดับเดียวกับ A La Carte เพราะจัดขายเป็นชุดสำหรับคนที่กินน้อยด้วย 3. น้ำจิ้มสูตรโคราชอันเป็นเอกลักษณ์หาได้เพียงไม่กี่เจ้าในกรุงเทพฯ 4. เรียกเตาปิ้งย่างพร้อมหม้อชาบูได้เมื่อเลือกบุฟเฟ่ต์ราคา 279 บาทขึ้นไป (สั่งอาหารได้ตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งแต่สามารถนั่งชิลยาวถึง 2 ชั่วโมงเต็ม) วิธีการเดินทางถ้าขับรถยนต์ส่วนตัวมาเองเลือก Loction ที่อยากจอดได้ในลิงก์นี้ >> https://bit.ly/3x5Q4KR << ซึ่งส่วนตัวแนะนำให้ใช้ระบบขนส่งสาธารณะจะสะดวกกว่า ลง BTS สถานีตลาดพลูแล้วเรียกแท็กซี่ตรงยังจุดหมายอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร จะพบป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่ใกล้จุดกลับรถใต้สะพานลอยแบบนี้แสดงว่าถึงแล้วครับผม
มาถึงก็เปิดชมเล่มเมนูหน้าร้านกันก่อนเริ่มต้นด้วยบุฟเฟ่ต์มีให้เลือก 3 ราคาก็คือ 1. 239 บาท สั่งอาหารได้รวมทั้งหมด 17 รายการ 2. 279 บาท สั่งอาหารได้รวมทั้งหมด 19 รายการ สูงสุดที่ 3. 329 บาท สั่งอาหารได้รวมกว่า 28 รายการทั้งหมู/วัว/ซีฟู้ด/ลูกชิ้นพร้อมบาร์ผักสด-เส้นต่างๆตักได้เองไม่อั้น โดยมีเงื่อนไขอีกเล็กน้อยคือต้องทาน 2 คนขึ้นไป/เสิร์ฟรอบละไม่เกิน 5 ถาด/กินเหลือปรับราคาถาดละ 60 บาทเท่า A La Carte สำหรับเด็กเล็กอายุไม่เกิน 4 ขวบทานฟรี/อายุ 4-6 ขวบคิดครึ่งราคาถ้าอายุมากกว่า 7 ขวบต้องจ่ายเต็ม (บุฟเฟ่ต์ทุกๆราคาที่กล่าวเบื้องต้นยังไม่รวมค่าน้ำรีฟีลอีกท่านละ 39 บาท) ตอนนี้ทางร้านมีชุดโปรโมชั่นซุปน้ำดำญี่ปุ่นสูตรเข้มข้นราคาเริ่มต้น 219 ถึง 329 บาท พร้อมสั่งหมู,เนื้อวัว,เนื้อออสฯพรีเมี่ยมเพิ่มได้ราคาถาดละ 99-149 บาท สุดท้ายเหมาะสำหรับใครที่ทานน้อยหรือเน้นนั่งนานๆคือชุดหมูกระทะไซส์ S และ L พร้อมผักสด/น้ำอัดลมราคา 200-300 บาท วัตถุดิบอื่นๆคิดราคาถาดละ 60 บาทยกเว้นผักกับเส้นต่างๆเมนูละ 30 บาท (เท่าที่สังเกตได้รับความนิยมในร้านอยู่ไม่น้อย) โดยครั้งก่อนเรามาลองชิมแค่ 239 มีกุ้งไซส์จับโบ้ให้กินก็ว่าประทับใจมากๆแล้ว วันนี้ขอจัดเต็มตัวแพงสุดไปเลยครับผม
บรรยากาศภายในเน้นความปลอดโปร่งโล่งสบายล้อมรอบด้วยกำแพงปูน,มุงหลังคาเสริมโครงเหล็กพร้อมปูพื้นด้วยกระเบื้องดูแข็งแรงทนทาน,ติดผ้าใบข้างหน้าเพื่อกันละอองน้ำสาดกระหน่ำในช่วงหน้าฝน สำหรับเก้าอี้ใช้เป็นไม้จริงซึ่งสามารถรองรับน้ำหนักได้เยอะแม้คนตัวใหญ่ๆอย่างผมยังนั่งได้สบาย ส่วนโต๊ะก็เจาะรูตรงกลางเอาไว้วางเตาถ่านจึงไม่บดบังพื้นที่ตั้งวงสนทนากับกลุ่มเพื่อนๆและวางแผ่นเหล็กสแตนเลสอีกชั้นเพื่อรักษาความสะอาด/ดูแลง่ายมากขึ้นจึงไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคในระยะยาว เพิ่มความอบอุ่นชวนนั่งสบายด้วยโคมไฟโทนสีเหลืองกับพัดลมขนาดใหญ่พิเศษหมุนไปมาช่วยถ่ายเทอากาศได้ดีเวลาคนแน่นร้าน โดยทุกๆที่นั่งถูกวางตะเกียบ,หลอดดูดน้ำ,ปากกาเคมี,กระดาษทิชชู่,กาน้ำซุปกระดูกหมูและน้ำจิ้มขวดใหญ่ให้บริการด้วยตัวเองซึ่งจะมีการเปลี่ยนใหม่ทุกๆวัน เมื่อเรามาถึงก็เลือกจุดอยากนั่งตามจำนวนสมาชิกพร้อมแจ้งน้องพนักงานได้เลยว่ามื้อนี้จะลุยบุฟเฟ่ต์หรือชุดสุดคุ้มครับผม
สำหรับวันนี้เรามาด้วยกัน 2 คนเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์ราคา 329 บาททางร้านก็จะวางใบสั่งอาหารนั่นก็คือเล่มเมนูที่วางอยู่ข้างหน้า โดยน้องพนักงานจะแจ้งเลขที่โต๊ะให้เราทราบแล้วเขียนด้วยปากกาเคมีตรงมุมซ้ายมือบนสุดซึ่งแต่ละรายการจะมีช่องสี่เหลี่ยมสีขาวเล็กๆให้เขียนจำนวนเฉพาะตัวเลขเพียง 1-5 เท่านั้น (หากสั่งมากกว่านั้นก็ยกเสิร์ฟให้ไม่เกิน 5 ถาดตามเงื่อนไขตามบรรทัดสีแดงข้างล่างสุด) พร้อมยื่นให้กับน้องพนักงานคนไหนก็ได้ ระหว่างนี้ยังมีเวลาเหลือมาสำรวจตรงไลน์ผักสด-เส้นต่างๆในรูปแบบบริการตัวเองโดยหยิบที่คีบพร้อมตะกร้าพลาสติกใส่ได้ทั้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป/บะหมี่หยก/บะหมี่ไข่/วุ้นเส้น/ข้าวโพดหวาน/ข้าวโพดอ่อน/เห็ดออเร็นจิ/เห็ดชิเมจิ/เห็ดหูหนูดำ/เห็ดเข็มทอง/ไข่ไก่สด/กวางตุ้งฮ่องเต้/ผักกาดหอม/ผักราคาแพงอย่างกรีนคอส/กะหล่ำปลี/ผักกาดขาว/ผักบุ้งจีนกับตั้งโอ๋ล้างสะอาดเรียงอย่างสวยงามดูสดใหม่ ส่วนเครื่องดื่มนอกจากจะขายยกขวดทั้งน้ำเปล่า/น้ำอัดลมหรือเบียร์ต่างๆก็ยังมีเครื่องของ EST. ให้บริการในรูปแบบรีฟีลแค่คนละ 39 บาทมีทั้งโคล่า/น้ำส้ม/ครีมโซดา/สตรอว์เบอร์รี่/เลมอนไลม์พร้อมน้ำแข็งฟรีเพราะมีเครื่องผลิตเป็นของตัวเองให้เติมได้เรื่อยๆถึงแม้จะหมดเวลาสั่งอาหารแล้วก็ตามครับผม
วัตถุดิบสดที่สั่งเราไปก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะเรื่อยๆเริ่มต้นด้วยหมูสไตล์เกาหลีคือ "สามชั้นหมักซอสโคชูจัง" ชิ้นหนาลอกหนังแข็งออกปริมาณชั้นไขมันกับเนื้อสมดุลพอดีเคลือบตัวซอสโคชูจังปรุงรสพิเศษมาอย่างเข้าเนื้อสีแดงสดสวยงาม / "สามชั้นหมักออริจินอล" เหมือนถาดที่แล้วแค่เปลี่ยนซอสเป็นคันจังรสหวานเค็มกลมกล่อมซึมเข้าเนื้อสีชมพูอมน้ำตาลอ่อนๆ / "หมูหมักนุ่ม" ทางร้านเลือกใช้เฉพาะส่วนสะโพกหั่นเป็นชิ้นๆขนาดพอดีคำแล้วทำให้นุ่มโดยกระบวนการธรรมชาติแทนเบคกิ้งโซดาหรือผงฟูจึงไม่เด้งปลอมเหมือนเยลลี่เวลาเคี้ยวหอมน้ำมันงาลงตัว / "คอหมูย่าง" ถือเป็นวัตถุดิบราคาแพงแต่กล้าเอามาเสิร์ฟให้กินไม่อั้นซึ่งใช้คอหมูแท้ไม่ใช่สามชั้นจำแลงแบบร้านอาหารอีสานข้างทางทั่วไปเรียกได้ว่าใจถึงพอตัว / "หมูสามชั้น" สไตล์ร้านหมูกระทะไทยชิ้นหน้าติดหนังแข็งตรงขอบๆเล็กน้อยไขมันมากกว่าเนื้อนิดหน่อยชวนย่างให้เกรียมกรอบหน่อยอร่อยสุดๆ / "เบคอน" ได้มองครั้งแรกนึกว่ายกมาผิดแต่น้องพนักงานยืนยันว่าถูกแล้วเพราะมันก็คือสามชั้นลอกหนังแข็งออกรมควันสูตรทำเองแบบไม่ผสมดินประสิวจึงสีสันไม่ค่อยสวยงามแต่รสชาติอร่อยเค็มกลมกล่อมผสมกลิ่นควันจากไม้เผาหอมละมุน / "สันคอหมู" สไลด์บางแผ่นใหญ่มีชั้นไขมันแทรกเพียงเล็กน้อยจึงเคี้ยวนุ่ม,ทานง่ายจะเอาไปทานเป็นปิ้งย่างหรือชาบูก็อร่อยเคี้ยวเต็มคำสะใจดีครับผม
ตามมาด้วย "ชีส" ทางร้านใช้มอสซาเรลล่าของแท้เคี้ยวเหนียวหนึบคล้ายหมากฝรั่งซึ่งแตกต่างจากของปลอมๆตามบุฟเฟ่ต์ราคาถูกทั่วไปที่มักจะมีเปอร์เซ็นต์ไขมันปาล์มสูงกว่านมวัวจึงเข้มข้นไม่เท่ากัน / "ท้องปลาแซลมอน" หั่นเอาส่วนครีบแข็งออกเหลือแต่พุงติดหนังและเนื้อสีส้มแทรกชั้นไขมันสวยงามชวนย่างกรุบกรอบเข้ากับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บได้อย่างลงตัว / "กุ้งสด" เลือกเฉพาะตัวใหญ่เนื้อแน่นไม่แบ่งเกรดว่าจะกินแบบบุฟเฟ่ต์หรือ A La Carte แต่ก็จำกัดให้สั่งไม่เกินครั้งละ 5 ถาดซึ่งส่วนตัวถูกใจมากๆครับ / "ปลาหมึกกรอบ" กับ "แมงกะพรุน" หั่นเสิร์ฟชิ้นหนาๆเคี้ยวกรุบกรอบเต็มคำเมื่อย่างหรือลงต้มในหม้อน้ำซุปชาบูแล้วไม่ละลายหายไป / "ปลาหมึกสด" ใช้ตัวขนาดกลางๆล้าง-ทำความสะอาดจนไม่มีกลิ่นเหม็นหืนเอาแกนพร้อมดวงตาออกให้พร้อมกินและเมื่อผ่านความร้อนแล้วไม่หดตัวเล็กจนน่าเกลียดเกินไป / "เนื้อปลาสด" ใช้แพนกาเซียสดอรี่แช่แข็งทำละลายพร้อมหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆก่อนจัดลงใส่ในถาด / "หอยแมลงภู่" เลือกสายพันธุ์ชิลีตัวเล็กแต่เนื้อมันอัดแน่นเต็มฝาคุณภาพสูงเกินราคาบุฟเฟ่ต์ไปมากแล้วครับ
ครั้งที่แล้วรู้เลยว่าพลาดเพราะไม่ได้มาลองเนื้อโคขุนพรีเมี่ยมคุณภาพเกินราคาสุดทั้ง "ส่วนโหนก" แทรกไขมันสีขาวสลับชมพูสวยงามราวกับหินอ่อนให้สัมผัสนุ่มละลายในปากชวนฝันแบบไม่มีข้อติ / "ส่วนใบพาย" สไลด์บาง,ชิ้นใหญ่มีชั้นไขมันน้อยลงมาหน่อยแต่ยังคงความนุ่มกลิ่นหอมเต็มปากเวลาเคี้ยว / "ส่วนริปอาย" ซึ่งมีรสชาติเข้มข้นแต่ก็ทานง่ายๆแบบเดียวกับที่เสิร์ฟในร้านสเต๊กชั้นนำ / "ส่วนสันคอ" เนื้อสีแดงล้วนแทบไม่มีไขมันแทรกแต่คงความนุ่มเอาไว้เหมือนเดิมเหมาะสำหรับสายลีนเน้นลุยโปรตีนเป็นหลัก / "ส่วนเสือร้องไห้" ทางร้านเอาเอ็นเหนียว,พังพืดออกเหลือแต่ส่วนที่นุ่มแทรกไขมันย่างสุกบนเตาถ่านให้กลิ่นหอมสไตล์อีสาน / "ส่วนสามชั้น" ม้วนให้เป็นก้อนกลมๆก่อนสไลด์บางๆเนื้อแดงแทรกไขมันอย่างลงตัวหรือจะเรียกว่าเบคอนเนื้อก็ยังได้ / "ส่วนน่องลาย" ปกติต้องเอาไปตุ๋นแต่พอนำมาเสิร์ฟในรูปแบบชาบูก็เคี้ยวกรุบกรอบไม่เหนียวอย่างที่จินตนาการเอาไว้ตอนแรก / "เต้าหู้ปลา" ชิ้นสี่เหลี่ยมจตุรัสเท่ากันทุกลูกคุณภาพ,รสชาติได้มาตรฐานร้านหมูกระทะ/ชาบูทั่วไปเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าสมเหตุผลครับ
ลูกชิ้นต่างๆมีก็ให้สั่งอีกมากมายเริ่มต้นด้วย "ชิกุวะไส้ชีส" เป็นปลาหมึกหลอดสอดไส้ชีสคลุกเกล็ดขนมปังทอดแนะนำให้ย่างจนร้อนจะกลายเป็นเหมือนของทอดใหม่ๆแต่ถ้าต้มชีสกับแป้งจะละลายลงไปในน้ำซุปแทน / "ลูกชิ้นไส้ไข่ปลา" รูปร่างเหมือนหยดน้ำสีขาวทำจากเนื้อปลาเคี้ยวหนึบสอดไส้ไข่ปลาบินปรุงรสสีส้มพร้อมระเบิดแตกความในปาก / "ปูอัด" เหมือนลูกชิ้นปลารสปูทาด้วยสีขาวแดงต้มหรือย่างนานๆแล้วไม่แตกตัวเป็นเส้นเหมาะสำหรับการกินภายในร้านชาบูหรือหมูกระทะอย่างยิ่ง / "เต้าหู้ชีส" ด้านนอกคือเต้าหู้ปลาปั้นรูปหยดน้ำสอดไส้มอสซาเรลล่าชีส ซึ่งเกรดผสมไขมันปาล์มเทียบกับของแท้ไม่ได้แต่ก็เข้าใจเพราะอยู่ในเมนูระดับราคา 239 บาทด้วย / รายการพิเศษเพิ่งถูกเสริมเข้ามาใหม่ "กุ้งดองน้ำปลากวน" ทางร้านใช้กุ้งสดไซส์ใหญ่ๆคัดพิเศษที่มีอยู่แล้วแกะเปลือก,ผ่าหลังแล้วล้างให้สะอาดด้วยโซดาดองในน้ำปลารสชาติหวานเค็มกลมกล่อม พร้อมโรยพริกขี้หนูสดๆ-กระเทียมสไลด์บางช่วยเพิ่มสีสันสวยงามก่อนยกเสิร์ฟ ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรโฮมเมดทำเองอันเปรี้ยวแซ่บหน่อยบอกได้เลยว่าเด็ดสุดครับผม
สุดท้ายมองโต๊ะอื่นๆเขาสั่งกันเป็นชุดดูปริมาณเยอะและสวยงามดีเลยขอให้น้องพนักงานช่วยจัดมาให้เราหน่อยเพราะอยากถ่ายรูปด้วยคือ "ชุดหมูกระทะไซส์ L" ปกติราคา 300 บาท ประกอบไปด้วยวัตถุดิบสดอัดแน่นเต็มจานทั้ง ไข่ไก่/หมูหมักนุ่ม/ตับหมูหมัก/หมูสามชั้น/แมงกะพรุน/ปลาหมึกกรอบ/ปลาหมึกสด/กุ้งสด/ปูอัดและมันหมูแข็งพร้อมชุดผักสด-เส้นต่างๆประกอบไปด้วย วุ้นเส้น//เห็ดเข็มทอง/กะหล่ำปลี/ผักกาดขาว/ผักบุ้งจีนกับตั้งโอ๋อีกถาดฟรีน้ำอัดลมขนาด 1.25 ลิตรให้อีกขวด เหมาะสำหรับคนอยากนั่งทานแบบชิลๆสั่งชุดนี้ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มไม่แพ้กันครับ ตอนนี้เราไปทางร้านกำลังมีโปรโมชั่นแถมฟรีเนื้อวากิวออสเตรเลียคนละ 1 เมนูเลยเลือกมาเป็น "ริปอาย AUS" กับ "พื้นท้อง UK" ราคาจานละ 149 บาท เกรด Grass Fed เลี้ยงปล่อยทุ่งหญ้าคุณภาพสูงจึงได้เนื้อสีแดงสดสวยงามสลับชั้นไขมันสีขาวอมเหลืองนิดๆ ย่างแล้วมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวค่อนข้างแรงและให้สัมผัสตอนเคี้ยวที่นุ่มนวลกว่าโคขุนสายพันธุ์ไทยอย่างเห็นได้ชัด โดยทางร้านแนะนำให้ลองในรูปแบบชาบูจะอร่อยสุดๆ (มีขายในชุดซุปน้ำดำญี่ปุ่นสูตรเข้มข้น) ราคา 329 บาทได้ลองชิมครบทั้ง 3 ส่วน ซึ่งในบุฟเฟ่ต์นั้นเราก็สามารถเปลี่ยนน้ำซุปได้ครับผม
เตาของทางร้านมีให้เลือก 2 แบบก็คือ 1. หมูกระทะแบบไทยสุดคลาสสิก 2. กระทะเหล็กดำมีหม้อใส่น้ำซุปตรงกลางสไตล์เกาหลี ซึ่งวันนี้เราขอเป็นอย่างหลังมาเพราะอยากลองซุปน้ำดำด้วยหรือจะสั่งข้อ 1. แล้วเพิ่มหม้อชาบูจิ๋วแทนก็ได้ไม่เสียเงินเพิ่ม (เฉพาะบุฟเฟ่ต์ราคา 279 บาทขึ้นไปเท่านั้น) ปกติราคา 50 บาท วางอั้งโล่ใส่ถ่านก้อนสีแดงสุดร้อนแรงตรงรูกลางโต๊ะพร้อมกระทะ จากนั้นน้องพนักงานก็ใส่หอมหัวใหญ่กับเห็ดหอมลงไปผัดให้สุกก่อนค่อยเทสุกี้ยากี้สูตรเข้มข้นตามลงไปเหมือนภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ เรามีหน้าที่แค่เตรียมน้ำจิ้มสูตรโคราชเพิ่มความเผ็ดแซ่บด้วยพริกสด/กระเทียมสับ/มะนาวสดหั่นซีกบีบลงไปอีกหน่อยบอกเลยว่าเด็ด สำหรับใครอยากได้อารมณ์ชาบูๆสไตล์ไทยแท้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นน้ำซุปกระดูกหมูธรรมดาได้เอง (เทใส่กาอะลูมิเนียมมีประจำการให้ทุกโต๊ะอยู่แล้ว) ส่วนอุปกรณ์ปิ้ง-ย่างอื่นๆอันสำคัญทั้งกรรไกรไว้ติดหมู,เนื้อชิ้นใหญ่ให้กินง่ายขึ้นและที่คีบจะได้จับอย่างถนักมือนั้นมีให้บริการมากมายอยู่ข้างๆไลน์ตะกร้าใส่ผักให้หยิบด้วยตัวเอง ตอนนี้ทุกๆอย่างพร้อมแล้วก็มาเริ่มลุยกันเลยครับผม
เนื่องจากการใช้เตาอั้งโล่ใส่ถ่านไม้รองไว้ด้านล่างจึงกระจายความร้อนได้ดีตั้งแต่จุดกลางหม้อจนถึงขอบกระทะช่วยให้น้ำซุปเดือดไวมากๆ อีกทั้งยังเคลือบสารกันติดจึงย่างง่ายไม่ติดกระทะเลยไม่ต้องขอเปลี่ยนบ่อยให้เสียจังหวะความอร่อย จัดการวางวัตถุดิบทุกอย่างที่เราสั่งมาเรียงลงไปทั้งเนื้อหมู/เนื้อวัว/ซีฟู้ด/ลูกชิ้นต่างๆและสำหรับชีสทางร้านมีถ้วยอะลูมิเนียมขนาดจิ๋วให้ใส่หรือโรยลงไปในกระทะทำเป็น "หมูย่างห่มมอสซาเรลล่าชีส" สไตล์เกาหลีซึ่งตอนนี้กำลังได้รับความนิยมก็ได้ (เพราะกระทะเคลือบด้วยเทฟลอนอยู่แล้ว) สำหรับน้ำซุปสุกี้ยากี้เนื่องจากทำสูตรเข้มข้นพิเศษรสชาติหวานนำเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นสาหร่ายคอมบุและปลาคัตสึโอะตากแห้งคล้ายๆภัตตาคารญี่ปุ่นชั้นนำ น้องพนักงานจึงแนะนำให้ปรับความเบาบางลงด้วยซุปกระดูกหมูด้วยตนเองเพราะเตาถ่านไฟแรงมากจนอาจจะรู้สึกเค็มจัดเมื่อนั่งทานนานๆ เนื้อสัตว์สไตล์บางเอามาลวกในหม้อกินแบบชาบูแต่มีข้อควรระวังอีกเล็กน้อยก็คือ "อย่าจิ้มไข่ดิบ" เพราะไม่ใช่เกรดทานได้สดๆจึงไม่อยากแนะนำอย่างยิ่ง ส่วนหมู,เนื้อวัวที่หั่นชิ้นหนาๆก็เอาลงย่างให้เกรียมสุกกรอบพร้อมพักไว้ในจานแล้วเตรียมมาอร่อยกับวิธีการซึ่งจะช่วยให้บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง,สุกี้มื้อนี้พิเศษมากขึ้นกว่าเดิมครับ
สำหรับวิธีการทานมื้อนี้ให้อร่อยยิ่งขึ้น 1. ซุปสุกี้ยากี้น้ำดำสูตรเข้มข้นมีรสชาติในตัวอยู่แล้วสามารถลวกแล้วเข้าปากได้ทันที 2. ปิ้งย่างหรือชาบูถ้าอยากกินน้ำจิ้มมีให้เลือก 2 สูตรคือ "น้ำจิ้มหมูกระทะสูตรโคราช" ต้นตำรับดั้งเดิมรสชาติหวานเค็มเผ็ดกลมกล่อมใส่พริกสด,กระเทียม,ถั่วลิสงบดผสมงาขาวคั่วเปรี้ยวด้วยน้ำกระเทียมดองและผักชีซอยชิ้นเล็กๆสัมผัสใสไม่ค่อยเข้มข้นซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากร้านทั่วไปที่ใช้ซอสพริกหรือซอสมะเขือเทศเป็นส่วนผสมหลัก จุดเด่นเลยก็คือความหอมสดชื่นจิ้มแบบฉ่ำๆก็ไม่รู้สึกเลี่ยนทำให้ทานได้เรื่อยๆแบบไม่มีสะดุดหากรู้สึกชอบมากเขาบรรจุใส่ขวดแช่เย็นขายกลับบ้านขนาด 250 มล.ในราคา 69 บาท "น้ำจิ้มซีฟู้ด" ทำจากพริกสีเขียว,กระเทียมสับปรุงรสด้วยมะนาวผสมน้ำปลาให้เค็มเปรี้ยวตัดหวานพอกลมกล่อมแซ่บสะดุ้ง เหมาะสำหรับอาหารทะเลสด,ตัวใหญ่ของทางร้านหรือจะเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์ย่างธรรมดาเป็นยำมะนาวห่อผักกรอบๆก็อร่อยไปอีกแบบ 3. สามชั้นชิ้นหนาสไตล์เกาหลีทางร้านหมักมาเข้มข้นเข้าเนื้ออยู่แล้วสามารถใช้กรรไกรตัดห่อผักกาดแล้วเทน้ำจิ้มสูตรโคราชเล็กน้อยก็เข้าปากได้ทันทีก็อร่อยครบทุกรสชาติโดยไม่ต้องถามหาซัมจังเพิ่ม 4. หมูห่อมอสซาเรลล่าชีสแท้รสเค็มมันเคี้ยวหนึบแบบที่กำลังได้รับความนิยมในร้านเกาหลียุคปัจจุบันทางร้านก็ตอบโจทย์เปลี่ยนความอร่อยไปได้เรื่อยจนอิ่มแน่นครับ
มื้อนี้มาทานด้วยกัน 2 คน สั่งเป็นบุฟเฟ่ต์ระดับสูงสุด 329 บาท กับน้ำรีฟีลอีก 39 บาท (ไม่มี Vat.7% หรือว่า Service Charge 10% คิดเพิ่ม) รวมแล้วอยู่ที่ 736 บาทสุทธิ ถึงแม้จะไม่มีขนมหวานให้เลยแต่ก็อย่าคิดมากเกินไปเพราะร้านอยู่ท่ามกลางตลาดพลูซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมขนมหวานชื่อดังอีกหลายเจ้าทั้งอร่อย,ราคาถูกสุดๆ โดยรวมแล้วชอบมากเพราะเขาใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจริงไม่ว่าคุณจะสั่งแบบบุฟเฟ่ต์หรือ A La Carte ก็ตาม ส่วนเรื่องน้ำจิ้มนั้นส่วนตัวอร่อยถูกปากเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสชาติหวานนำและมีสัมผัสเข้มข้นเหนียวหนืด เรื่องการบริการน้องๆพนักงานทุกคนยิ้มง่ายดูคล่องแคล่วรวดเร็วดีแต่อาจจะช้านิดหน่อยตอนลูกค้าแน่นร้านมากๆก็ถือว่าพอรับได้ มีข้อที่ควรปรับปรุงแก้ไขอีกเล็กน้อยคือปล่อยให้บุคคลจากภายนอกเดินเข้ามาขายของหาบเร่ในร้านเยอะมาก-ไม่มีการติดป้ายห้ามเอาไว้อีกด้วย ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบหรือรู้สึกขัดใจเพราะถูกขัดจังหวะเวลากำลังกินโดยส่วนตัวถือว่าเป็นเสน่ห์ของตลาดพลูอันดูวุ่นวายไปอีกแบบ รับคะแนนความอร่อยคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : ใกล้สะพานกลับรถตลาดพลู เลขที่ 854/8 ซอยเทอดไท 25 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 16.00 - 23.45 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 097-025-6671
นอกจากนี้ยังมีอีกสาขาอยู่ตรงข้ามซอยอิสรภาพ 29 หลังป้ายรถเมล์หน้าวัดใหม่พิเรนทร์ใกล้ที่ไหนลองไปชิมดูครับ
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
コメント