top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "Sushi Ichizu" (ถ.เพชรบุรี) โอมากาเสะ Top 100 ระดับเอเชีย 4 ปีซ้อน คอร์ส 14 เมนู คนละ 4,000฿++

อัปเดตเมื่อ 17 มิ.ย. 2566



เริ่มต้นปีแบบสายกินตัวจริงด้วยคอร์สโอมากาเสะสุดหรูที่ร้าน "Sushi Ichizu" ถนนเพชรบุรีตัดใหม่จุดเด่นคือได้รับรางวัล OAD หรือ Opinionated About Dining โดยถูกจัดอันดับจากนักชิมเกือบ 200,000 คนทั่วโลกให้ติด Top 100 ภัตตาคารอร่อยเด็ดห้ามพลาดประจำภูมิภาคเอเชียรวม 4 ปีซ้อนพร้อมอีกหลากหลายสำนักชื่อดังทั้งไทยและต่างประเทศการันตีความดีงาม สำหรับการจองแนะนำว่าควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 1-2 วันน้องพนักงานจะได้จัดเตรียมวัตถุดิบใหม่ล่วงหน้าตามระดับราคาผ่านลิงก์นี้> https://bit.ly/3x1YUJX <ซึ่งมีรายละเอียด-นโยบายต่างๆที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนรับประสบการณ์มื้อสุดพิเศษ วิธีเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุดแล้วขับตามระบบของแผนที่บนมือถือจะพบลานจอดขนาดกว้างขวางอยู่ภายในโครงการ Degree Square รับบัตรเพื่อประทับตราฟรีสูงสุด 2 ชั่วโมงเต็ม ถ้าใช้ขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีเพชรบุรีต่อแท็กซี่,มอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตรให้สังเกตกำแพงไม้ระแนงสีขาวสลับสีดำมีประตูบานเลื่อนตรงด้านซ้ายมือแบบนี้แสดงว่าถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว เปิดแค่วันละ 3 ครั้งตั้งแต่ 12.00/17.30/20.00 น. โดยวันนี้ผมตั้งใจมารอบแรกสุดเพราะไร้ลูกค้าท่านอื่นๆร่วมโต๊ะอาหารบรรยากาศเหมือน Fine Dining ส่วนตัวเฉพาะสองเราเท่านั้นครับผม

คำว่า "Sushi Ichizu" (鮨いちづ) แปลว่าวิถีแห่งซูชิการตกแต่งภายในภัตตาคารจึงเน้นสไตล์เรียบง่ายแต่ดูทันสมัยผสมความเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัยตามมุมต่างๆได้อย่างลงตัว เดินผ่านประตูเลื่อนจะพบห้องโถงสีดำสนิทมีผลงานเครื่องปั้นแบบศิลปะโบราณวางอยู่บนแท่นตรงกลางแล้วเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่พื้นที่รับรองสำหรับนั่งดื่มชาเขียวร้อนและเย็นพร้อมพูดคุยเล่นระหว่างรอหัวหน้าเชฟจัดเตรียมวัตถุดิบสดจนเสร็จสรรพเพียงไม่นานนักก็ถูกเชิญให้นั่งเก้าอี้ตรงเคาน์เตอร์บาร์ยาวพร้อมรับประสบการณ์ทางรสชาติอันสุดพิเศษ บรรยากาศโดยรวมเน้นโทนสีสว่างสดใสสบายตาโดดเด่นด้วยแจกันไม้ประดับจัดแบบญี่ปุ่นตามวิถีแห่ง "Ikebana" (生け花) เปลี่ยนตามฤดูกาลไปเรื่อยๆเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุดิบที่เสิร์ฟตามคอร์สนั่นก็คือหน้าร้อน,หนาว,ใบไม้ผลิ,ใบไม้ร่วงซึ่งแปลว่ามาทานแต่ละรอบก็จะได้รับชมสไตล์ใหม่ตลอด รายการอาหารของทางร้านแบ่งออกตามราคารวม 3 ระดับทั้ง Nigiri 4,000 บาท++ / Mini Omakase 6,000 บาท++ / Omakase Full Course 8,000 บาท++ ถ้าอยากทราบเมนูล่วงหน้าแนะนำว่าสอบถามผู้ดูแลผ่าน Inbox เพจหรือ Line Official Account เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนใช้บริการและผู้มีประวัติแพ้หรือไม่กินอะไรบางอย่างตอนจองรบกวนแจ้งต่อพนักงานเพื่อเปลี่ยน-ทดแทนตามความเหมาะสมครับผม

โอมากาเสะวันนี้เราเลือกเป็นคอร์ส Nigiri เสิร์ฟรวม 14 เมนูราคาคนละ 4,000 บาท++ ด้านหน้าวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆเอาไว้ครบครันทั้งหลอดเจลล้างมือแอลกอฮอล์,กระดาษเปียกเช็ดมือ,ผ้ารองตักลายญี่ปุ่นสีสันสดใส,ช้อนไม้สำหรับตักซดน้ำซุป,ตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้ง,กล่องไม้จิ้มฟันและกระดาษทิชชู่แผ่นหนานุ่มพร้อมชื่อของเหล่าอาหารที่จะจัดเตรียมเรียงตามรายการบนแผ่นกระดาษใบนี้ ไม่รอช้าหัวหน้าเชฟแนะนำตัวชื่อคุณ "แนท ธิติ โพธิ์รัง" อยู่มาตั้งแต่ภัตตาคาร "Sushi Ichizu" เปิดใหม่เมื่อปี 2017 รับตำแหน่งมือขวาของ "Sues Chef" ฝีมือขั้นเทพระดับมิชลินสตาร์มากมายจึงสะสมเทคนิคประสบการณ์เต็มไว้เปี่ยม ระหว่างกำลังอธิบายพนักงานด้านหลังก็ยื่นแก้วทรงแชมเปญให้เราเปิดต่อมรับรสชาติด้วย "Yuzu Shu" เครื่องดื่มต้อนรับ Komasa No Yuzushu น้ำส้มยูสุจากประเทศญี่ปุ่นผสมน้ำผึ้งมีแอลกอฮอล์เล็กน้อยรสชาติหวานอมเปรี้ยวซ่าสะกิดปลายลิ้นกลิ่นหอมขึ้นจมูกเย็นสดชื่น สำหรับใครดื่มน้ำเยอะมากๆเหมือนเราทางร้านเขายังมีชาเขียวมัทฉะการ้อน-ใส่น้ำแข็งกับผ้าแช่ม้วนกลิ่นหอมฟรีไม่คิดเงินเพิ่มเหมือนโอมากาเสะเจ้าก่อนที่เคยลองแม้จะเป็นแค่บริการเพียงเล็กน้อยแต่ส่วนตัวประทับใจมากครับ

รายการอาหารในวันนี้ประกอบไปด้วย 1 จานเรียกน้ำย่อย/นิกิริกับมากิซูชิรวมกว่า 10 คำ/น้ำซุปช่วยเพิ่มความสดชื่นคล่องคอ 1 ถ้วยและขนมหวานปิดท้ายอีก 2 แบบรวม 14 เมนูใช้เวลาจัดเสิร์ฟต่อรอบประมาณ 1.30 ชั่วโมง โดยหัวหน้าเชฟของร้าน "Sushi Ichizu" อธิบายต่อว่ามื้อนี้เราจะได้ชิมวัตถุดิบอะไรกันบ้างพร้อมขูดวาซาบิจากหัวเตรียมกันสดใหม่ไม่นานนักก็เริ่มจัดเตรียมเมนูแรกเลยนั่นคือ "Katsuo" หรือคัตสึโอะปลาโอสายพันธุ์ท้องลายแถบวงศ์ตระกูลเดียวกับทูน่าซึ่งมักนำไปตากแห้งทั้งตัวจับจากเกาะฮอกไกโดภูมิภาคเหนือของประเทศญี่ปุ่นมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีทำให้เนื้อสีแดงสดใสไขมันแทรกปริมาณเยอะกว่าปกติ ผ่านกรรมวิธี Shoyu Zuke (โชยุสึเกะ) หรือดองซอสซีอิ๊วญี่ปุ่นสูตรเฉพาะตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้นท็อปปิ้งเนงิโชงะต้นหอมยักษ์คัดเฉพาะปลายสีเขียวบดผสมขิงสับละเอียดด้านบนนิดหน่อยเรียงลงบนจานลายศิลปะซับซ้อนแลดูแปลกตา วิธีการฟินง่ายๆเพียงจับคีบทานเลยทันทีได้สัมผัสนวลเนียนหอมสดชื่นสมุนไพรเบาบางช่วยตัดเลี่ยนแล้วค่อยปิดท้ายด้วยหัวไชเท้าดองสีขาว-เหลืองหวานอมเปรี้ยวเคี้ยวกรุบกรอบเย็นชุ่มฉ่ำพร้อมขิงสไลซ์แผ่นบางเฉียบดองน้ำผึ้งเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเล็กน้อย (เติมไม่อั้น) เพื่อล้างกลิ่นคาวปลาในช่องปากแบบหมดจดก่อนจะเข้าสู่รายการถัดไปครับผม

ซูชิคำแรกสุดเสิร์ฟในรูปแบบของมากิซึ่งเป็น Signature ประจำ Nigiri Course ของที่ร้าน "Sushi Ichizu" ได้แก่ "Saba Roll" คัดเลือกเฉพาะสายพันธุ์ Ma Saba หรือปลาซาบะหลังลายจุดตระกูลเดียวกับแมคเคอเรลตัวขนาดใหญ่พิเศษแบบไม่คิดว่าช่วงชีวิตนี้จะพบเจออีกซึ่งรสชาติอร่อยเข้มข้นที่สุดช่วงฤดูกาลปัจจุบันเนื่องจากมีไขมันแทรกเยอะแลดูอวบอ้วนหนังสีเงินไร้รอยขีดข่วนเหมือนกำลังส่องแสงเปล่งประกายผ่านกระบวนการบ่มสไตล์เอโดะโบราณย้อนยุคเพื่อสร้างจุลินทรีย์เพิ่มความอูมามิ/กำจัดกลิ่นเหม็นคาวเลือดอันไม่พึงประสงค์ประมาณ 3-4 วัน วิธีการปรุงทางเชฟนั้นเอาไปแล่แผ่นหนาเพื่อทําโรลเรียงลงแผ่นสาหร่ายโนริย่างผ่านไฟกรุบกรอบพร้อมใบโอบะสด/ขิงดองน้ำผึ้งสูตรเฉพาะตัว/ต้นหอมบันโดเนงิสีเขียวสดใสนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นม้วนแล้วค่อยหั่นชิ้นขนาดกำลังพอดีคำวางบนจานอย่างสวยงามคล้ายผลงานศิลปะชั้นสูง สำหรับวิธีการฟินนั้นคุณแนทแนะนําว่าคำนี้ค่อนข้างเลี่ยนต้องแตะหัววาซาบิขูดสดใหม่ของจังหวัดชิสึโอกะลงไปจำนวนมากโดยไม่ต้องกลัวจะเผ็ดจี๊ดฉุนแสบขึ้นจมูกจนทนแทบไม่ไหวเพราะมีความหวานตามธรรมชาติมากกว่าจึงสดชื่นช่วยเปิดประสบการณ์อร่อยแปลกใหม่ปราศจากข้าวครับผม

เริ่มไล่เรียงลำดับความเข้มข้นจากวัตถุดิบเนื้อสีขาวไปสู่แดงสดใสด้วยซูชิสไตล์นิกิริคำแรกนั่นก็คือ "Aori Ika" หรือปลาหมึกหอมไซส์ยักษ์เนื้อหนาพิเศษจับตรงแถวเกาะคิวชูทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่นโดยถูกยกย่องว่ามีรสชาติอร่อยที่สุด วางบนข้าวสวยปั้นก้อนรูปทรงสวยงามขนาดกำลังพอดีคำปรุงเปรี้ยวฉุนน้ำส้มสายชูอมหวานกลมกล่อมสูตรเฉพาะของทางร้าน "Sushi Ichizu" น้ำบีบมะนาวซึดาจิของจังหวัดโทคุชิมะกลิ่นฟุ้งกระจายคล้ายๆผลเกรปฟรุ๊ตแล้วโรยเกลือโมชิโอสกัดจากสาหร่ายคอมบุซึ่งเค็มละมุนช่วยดึงความอูมามิออกมาจนถึงขั้นขีดสุดก่อนวางเสิร์ฟตรงหน้าพร้อมหยิบรับประทานทันที รายการถัดไป "Hotate" หอยเชลล์ขนาดใหญ่เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อขยับฝาสองข้างช่วยในการขับเคลื่อนเพื่อค้นหาอาหารตามแนวพื้นทรายใต้ท้องทะเลน้ำลึกแสนเย็นจัดเกือบตลอดทั้งปีแห่งภูมิภาคฮอกไกโดซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างสูงจึงถูกจัดอยู่ในหมวดวัตถุดิบราคาแสนแพง จับแล่ผ่าชิ้นครึ่งตามแนวยาวทั้งตัววางบนข้าวขึ้นรูปอย่างประณีตแบบเอโดะโบราณปรุงง่ายๆเพียงบีบน้ำผลมะนาวซึดาจิเหมือนคำก่อนและซอสซีอิ๊วโชยุปาดพอเบาบางไม่หวือหวาอะไรนักแต่ดึงความหวานตามธรรมชาติออกมาเต็มเปี่ยมครับผม

เนื่องจาก Nigiri Sushi ทุกคำถูกตัดแต่งวัตถุดิบเตรียมการไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกจึงใช้ไม่นานนักก็พร้อมเสิร์ฟรายการถัดไปอย่างรวดเร็วนั่นก็คือ "Madai" มาไดหรือปลากะพงสีแดงสัญลักษณ์แห่งความมงคลประจำงานเฉลิมฉลองต่างๆของประเทศญี่ปุ่นเกรดจับตามธรรมชาติคุณภาพชั้นหนึ่งราคาสุดแพงจากเกาะคิวชูทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนอาทิตย์อุทัย จุดสังเกตอยู่ตรงบริเวณผิวหนังถ้ามีสีชมพูอ่อนแสดงว่าอยู่ในน้ำลึกเห็นมัดกล้ามเนื้อเด่นชัดต้องใช้เทคนิคมีดขั้นสูงเพื่อแล่เพราะอาจโดนเส้นเอ็นทำให้เหนียวเคี้ยวติดฟันได้ บ่มสไตล์เอโดะโบราณระยะเวลา 1 สัปดาห์เต็มปล่อยเอนไซม์อูมามิตามธรรมชาติทำงานอย่างเต็มที่วางบนข้าวปรุงรสชาติเปรี้ยวอมหวานทาซอสโชยุธรรมดาเพียงนิดหน่อยก็อร่อยสัมผัสเด้งสู้ฟันกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไม่จืดชืดเหมือนหน้าตา "Chima Aji" ปลาทูหางแข็งติดหนังสีเงินสะท้อนแสงสวยงามตัวขนาดใหญ่พิเศษ ณ อ่าวคาโกชิมาทางตอนภูมิภาคใต้สุดช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาซึ่งสะสมไขมันเอาไว้เต็มเปี่ยม เนื้อสีขาวสลับสีแดงบรรจงปั้นเป็นซูชิปาดโชยุเล็กน้อยก่อนนำเข้าปากคำโตๆก็กรุบกรอบหวานฉ่ำละลายหายราวกับความฝันโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนหรือกระบวนการเพิ่มเติมอะไรมากมายนักครับผม

วัตถุดิบระดับราชาแห่งท้องทะเลได้เวลาเปิดตัวเข้าสู่คำถัดไปนั่นก็คือ "Maguro" หรือทูน่าครีบสีน้ำเงินเนื้อแดงล้วนเรียกว่าส่วนอากามิ (Akami) ซึ่งมีชั้นไขมันแทรกน้อยสุด ทางร้าน "Sushi Ichizu" เลือกใช้เฉพาะของแบรนด์ Yamayuki คุณภาพยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของโลกโดยผู้ผลิตจะเลือกจำหน่ายแก่ภัตตาคารที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกตามมาตรฐานเท่านั้น พร้อมขอข้อมูลสายพันธุ์ข้าวกับสูตรน้ำส้มสายชูที่เชฟใช้เพื่อจัดส่งปลาทูน่าตัวที่เหมาะสมมาให้จากผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์หลายสิบปีจึงปรุงเพียงทาซอสโชยุเบาบางนิดหน่อยก็ได้รับความอร่อยฟินลงตัวขั้นสูงสุดแล้ว รายการต่อไป "Ama Ebi" หรือกุ้งหวานคัดเฉพาะเกรดตัวใหญ่อวบอ้วนพิเศษแห่งภูมิภาคฮอกไกโดด้านเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นดินแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งน้ำทะเลคลื่นใหญ่ไหลเย็นเชี่ยวตลอดปี ผ่านกระบวนการบ่มสไตล์เอโดะโบราณประมาณ 2-3 วันในอุณหภูมิต่ำจนได้เนื้อกุ้งขาวอมส้มสีสันสดใสสวยงามอีกทั้งเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงไร้ไขมันสัมผัสเด้งกรุบกรอบสู้ฟัน วางบนข้าวซูชิปั้นก้อนขนาดกำลังดีผ่านฝีมืออันประณีตแบบนิกิริรสชาติเปรี้ยวนำกับซีอิ๊วโชยุแค่เล็กน้อยก็ช่วยดึงความหวานชุ่มฉ่ำตามธรรมชาติออกมากระจายเต็มปากอย่างเด่นชัดมากขึ้นครับผม

ระดับของรสชาติหลังจากนี้จะเริ่มเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆมาต่อกันด้วย "Kinmedai" หรือคินเมะไดอยู่ตระกูลเดียวกับปลากะพงลักษณะภายนอกหนังสีแดงเปล่งประกายตากลมโตสดใสหายากพิเศษเพราะต้องค้นหาจากทะเลน้ำลึกประมาณ 200-800 เมตรเท่านั้น ซึ่งตัวนี้ถูกจับบริเวณอ่าวแถวจังหวัดชิบะช่วงฤดูหนาวจึงมีชั้นไขมันปริมาณมากเป็นพิเศษก่อนเสิร์ฟแล่ชิ้นหนาวางบนข้าวปั้นแล้วนำไปผ่านกระบวนการอะบุริ (Aburi) ย่างผ่านถ่านสีขาวราคาแสนแพงบินโจตัน (Bincho-Tan) อุณหภูมิสูงถึง 1,000 องศาเซลเซียสเฉพาะส่วนหนังติดไหม้ผสมกลิ่นเฉพาะตัวหอมฟุ้งกระจายทั่วห้องแต่ยังไม่หยิบเข้าปาก ทาซอสโชยุกับท็อปปิ้งง่ายๆเพียงปาดคาราชิ (からし) เมล็ดมัสตาร์ดญี่ปุ่นบดพอแตกด้านบนกลิ่นฉุนเผ็ดร้อนเหมือนวาซาบิสุดแปลกใหม่ประทับใจที่สุดในมื้อนี้เลย คำถัดไปนั่นก็คือนิกิริซูชิคำสุดท้ายของคอร์ส "Uni" อูนิหรือไข่หอยเม่นสีทองเปล่งประกายสดใสเกาะตัวกันแน่นซึ่งถือเป็นวัตถุดิบอันทรงคุณค่าโดยทางร้าน "Sushi Ichizu" เลือกใช้แบรนด์ Akiyama แห่งเกาะฮอกไกโดสายพันธุ์มุราซากิ (Murasaki) ซึ่งมีรสชาติหวานกับเนื้อสัมผัสสุดเนียนละมุน วิธีนำเสนอเพียงบรรจุข้าวสวยใส่ลงช้อนปาดอูนิแช่เย็นตรงถาดไม้วางด้านบนพูนๆทาซอสโชยุแตะวาซาบิบดละเอียดอีกหน่อยก็ละลายเคลือบเต็มปากเหมือนอยู่ในภวังค์แห่งความสุขครับ

คำสุดท้ายเป็นซูชิสไตล์มากิคำเล็กๆที่รสชาติยิ่งใหญ่เกินหน้าตานั่นก็คือ "Negitoro" เลือกใช้เฉพาะฮอนมากุโร่หรือปลาทูน่าครีบสีน้ำเงินราคาแพงจากแบรนด์ Yamayuki ซึ่งมีคุณภาพยอดเยี่ยมอันดับ 1 ของโลกโดยรวมความอร่อยเอาไว้ทั้ง 3 ชิ้นส่วนได้แก่ Akami (อากามิ) เนื้อสีแดงไขมันน้อยแต่รสชาติเด่นชัดสุด / Chutoro (ชูโทโร่) อยู่ช่วงกลางลำตัวระดับไขมันปานกลาง / Otoro (โอโทโร่) ตรงช่องท้องไขมันแทรกเยอะมากเหมือนเนื้อวากิวแห่งท้องทะเล ทางเชฟได้สับละเอียดรวมกันผสมต้นหอมญี่ปุ่นและหัวไชเท้าดองสีเหลืองวางบนข้าวซูชิม้วนแผ่นสาหร่ายโนริอบกรอบมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวสัมผัสกรุบกรอบช่วยตัดเลี่ยนพร้อมสร้างความบันเทิงกระจายเต็มปาก กำจัดกลิ่นคาวปลาก่อนเข้าสู่ขนมหวานด้วย "Hamaguri Soup" หอยตลับลายตัวยักษ์พิเศษแบบไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้พบเจอต้มในน้ำซุปคัตสึโอะดาชิผสมคอมบุสีทองกลิ่นหอมสาเกอ่อนๆบรรจุใส่ถ้วยปิดฝาตกแต่งเพียงยอดต้นหอมซอยเส้นเล็กด้านบนนิดหน่อยก็พร้อมรับประทาน สำหรับวิธีการฟินนั้นเชฟแนะนำให้คีบเฉพาะเนื้อใส่ปากแล้วค่อยๆจิบน้ำซุปตามยิ่งทำให้ตัวหอยนั้นหวานฉ่ำยังเคี้ยวหนึบเพลินคงอยู่ภายในปากไม่ยอมหายไปไหนจนกว่าจะซดหมดถ้วยครับผม

ขนมหวานภายใน Nigiri Sushi Course นี้มีให้เราลองทานถึง 2 เมนูได้แก่ "Tamagoyaki" หรือเค้กไข่หวานหน้าตาเหมือนขนมคาสเทลล่าสูตรของเชฟ "โอโนะจิโร่" ปรมาจารย์ชั้นเทพทางด้านซูชิของดินแดนอาทิตย์อุทัย ส่วนประกอบนั้นง่ายแต่ใช้เทคนิคขั้นสูงเพียง 4 อย่างคือไข่ไก่สด/ปลาเนื้อขาวชิรูมิ/กุ้งฝอยและน้ำตาลตีขึ้นฟูด้วยมือโดยไม่ผสมแป้งตามกรรมวิธีโบราณย่างบนเตาแก๊สควบคุมอุณหภูมิเป็นเวลายาวนานต้องมีประสบการณ์แสนเชี่ยวชาญเพื่อคำนวณความสุกสวยงามพอดีของตัวขนมก่อนตัดเสิร์ฟ รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังลงตัวสัมผัสเด้งแน่นหนึบราวกับบัตเตอร์เค้กของฝั่งตะวันตกกลิ่นทะเลเบาบางติดตรงปลายจมูก จานสุดท้ายสามารถขอเติมได้เรื่อยๆจนกว่าจะหมดเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบซึ่งแม้แต่คนญี่ปุ่นบางท่านยังไม่เคยลอง "Warabi Moji " อีกรายการ Signature ของทางร้าน "Sushi Ichizu" ใช้ผงหัววาราบิแท้ 100% วงศ์เดียวกับเฟิร์นภูเขาราคากิโลกรัมละ 10,000 บาท ปั้นสดขึ้นรูปวงกลมคล้ายลูกชิ้นโรยผงถั่วเหลืองบดละเอียดคินาโกะ/น้ำเชื่อมคุโรมิสึ (Kuromitsu) น้ำตาลอ้อยดำเกาะโอกินาว่า/กลีบดอกซากุระหมักเกลือ สำหรับวิธีการทานนั้นควรคนจนเข้ากันดีก่อนเพราะอาจสำลักผงถั่วรสชาติหวานละมุนเคี้ยวหนึบหนับนุ่มนิ่มกัดยังไงก็ไม่ขาดแต่รู้สึกสนุกช่วยเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ประทับใจไปอีกเมนูครับผม

มื้อนี้ผมมาทานกับคุณแฟนฉลองมื้อพิเศษกันแค่ สองคนสั่ง Nigiri Omakase กว่า 14 รายการราคาคนละ 4,000 บาท++ เมื่อบวก Vat.7% / Service Charge 10% แล้วรวม 9,416 บาท ตอนแรกคิดว่าคงไม่น่าอยู่ท้องเดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกินด้านนอกแต่กลับอิ่มกำลังดี วัตถุดิบทุกอย่างก็คัดเฉพาะขนาดใหญ่พิเศษผสานเทคนิคการปรุงรสให้อร่อยโดยเชฟที่มากประสบการณ์ สมควรแก่การได้รางวัลภัตตาคารยอดเยี่ยมติด Top 100 ประจำภูมิภาคเอเชียถึง 4 ปีซ้อนรับคะแนนไป 5 ดาวเลยครับ🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : โครงการ Degree Square เลขที่ 1982 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310

เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นจันทร์) ตั้งแต่เวลา 12.00-22.30 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 065-738-9999

Facebook : https://www.facebook.com/sushiichizu

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 1,301 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page