วันก่อนมาทานข้าวกับเพื่อนๆที่ทำงานบนห้าง Gateway บางซื่อก่อนกลับบ้านเจอร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ติดๆกันมีป้ายโปรโมชั่นเต็มหน้าร้านดูน่าสนใจคือ Ryoshi Sushi กำลังจัดโปรโมชั่นซาชิมิ Uni คือไข่หอยเม่นและ Blue Fin Tuna ราคาพิเศษเริ่มต้นแค่ 250 บาท ไปหาอ่านรีวิวตามเว็บไซต์ต่างๆส่วนใหญ่ไปในทางค่อนข้างดีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.0-4.3 เต็ม 5 คะแนน เลยถ่ายรูปไปให้คุณแฟนดูว่าร้านนี้กำลังจัดโปรโมชั่นอยู่แถมตอนนี้เขายังจัดบุฟเฟ่ต์กับ Hungry Hub ราคาเริ่มต้นที่ 990 บาท แต่ต้องเลือกทานชุดแพงสุด 1,590 บาท จึงจะได้ทานซูชิฮอนมากุโระแบบไม่อั้น แต่ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ทานบุฟเฟ่ต์โอโทโร่มาก่อนแค่ 10 ชิ้น สมองก็สั่งการให้หยุดกินแล้วเพราะไขมันในปลาแทรกเยอะจนเลี่ยน อีกทั้งที่ร้านนี้เขาบังคับเสิร์ฟแบบรวมทุกส่วนในเมนูบุฟเฟ่ต์ (ไม่สามารถเลือกส่วนใดส่วนนึงได้) เลยตัดสินใจกันว่าเรามาทานแบบ A La Carte แทนก็แล้วกันครับ ส่วนวิธีการเดินทางมาที่ร้านก็ง่ายๆตั้งอยู่บนห้าง Gateway บางซื่อชั้น 4 โซนหน้าห้างมีที่จอดรถด้านในมากมาย หากมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะสามารถลงได้ที่ MRT บางโพหรือเตาปูนแล้วเรียกรถหรือเดินเท้าเข้ามาอีกแค่ประมาณ 600 เมตรก็ถึงหน้าห้างแล้วครับ จะมีเมนูอะไรเด็ดๆน่าทานหรือว่าน่าสนใจบ้างเรามาเปิดอ่านเล่มเมนูหน้าร้านก่อนเข้าไปนั่งด้านในพร้อมกันเลยครับผม
เล่มเมนูหน้าร้านเปิดมาก็เจอโปรโมชั่นหัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊วเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยฟรีแค่ 99 บาท จนถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น หน้าต่อมาเป็นรายชื่อสาขาต่างๆของร้าน Ryoshi Sushi ปัจจุบันเขาเปิดให้บริการถึง 4 สาขาได้แก่ 1.ห้าง Gateway เอกมัยชั้น G 2.ห้างลาซาลอเวนิว 3.ห้าง I Am Chinatown ชั้น 2 และ 4.ก็คือสาขาที่เรามารีวิวกันในวันนี้ เข้าสู่รายการอาหารหมวดแรกเป็น "แนะนำโดยเชฟ" รวมเมนูเด็ดของที่ร้านเอาไว้ทั้งซูชิ/มากิโรล/ข้าวหน้า/ซาชิมิ/สลัด ราคาเริ่มต้นที่ 220-650 บาท เมนูอาหารทานเล่นเรียกน้ำย่อยเริ่มต้นที่ 60-240 บาท เมนูสลัดราคาเริ่มต้นที่ 220-440 บาท ซาชิมิสั่งแบบเดี่ยว (ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เลือก) ราคาเริ่มต้นที่ 75-380 บาท ซาชิมิจัดเป็นเซ็ต ราคาเริ่มต้นที่ 360-1,190 บาท ชุดซูชิแบบคอมโบราคาเริ่มต้นที่ 165-500 บาท ซูชิหน้าต่างๆสั่งเป็นคำราคาเริ่มต้นที่ 30-190 บาท ซูชิโรลชิ้นใหญ่สามารถสั่งได้ว่าจะทานแค่ 4 หรือ 8 คำราคาเริ่มต้นที่ 100-385 บาท ซูชิมากิห่อสาหร่ายชิ้นเล็กราคาเริ่มต้นที่ 110-180 บาท ข้าวหน้าต่างๆสไตล์ญี่ปุ่นฟรีซุปมิโสะและยำสาหร่ายราคาเริ่มต้นที่ 200-550 บาท เมนูปลาย่างและเทปันยากิฟรีข้าวกับซุปมิโสะราคาเริ่มต้นที่ 129-450 บาท เทมปุระทอดกรอบๆราคเริ่มต้นที่ 120-340 บาท เมนูข้าวและเส้นราคาเริ่มต้นที่ 30-200 บาท หม้อไฟและชาบูๆราคาเริ่มต้นที่ 230-350 บาท ขนมหวานเมนูละ 70 บาท เครื่องดื่ม 25-45 บาท ก็ถือว่ามีทั้งราคาถูกและแพงปนๆกันมาตามคุณภาพของวัตถุดิบที่เลือก ถ้าเทียบกับร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขายเมนูระดับพรีเมี่ยมในระดับเดียวกันถือว่าถูกกว่าหลายรายการ ส่วนรสชาติและฝีมือของเชฟที่นี่จะสู้กับร้านดังที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานหรือไม่เข้าก็ไปชิมพร้อมกันเลยครับ
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยลายไม้สีน้ำตาลทั้งผนังและเฟอร์นิเจอร์ตัดด้วยเบาะผ้าสีน้ำเงิน กำแพงที่ร้านมีความเป็นปูนเปลือยประดับด้วยใบสนเล็กๆสีเขียวห้อยด้วยโคมไฟเหล็กดัดเป็นตารางสไตล์ญี่ปุ่น หน้าซูชิบาร์ไม่ได้เปิดให้นั่งแต่สามารถเดินมาดูวัตถุดิบต่างๆคุณภาพระดับพรีเมี่ยมจัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงามเต็มตู้ โดยมีให้บริการแค่เพียง 6 โต๊ะภายในร้านรูปตัว L มีหน้าต่างรับแสงธรรมชาติขนาดใหญ่ทำให้รู้สึกโล่งไม่อึดอัดถึงร้านเป็นเล็กครับ
มานั่งที่โต๊ะพนักงานก็จะเริ่มวางจาน-ตะเกียบแบบหักเองลงบนกระดาษรอง พร้อมวาซาบิบด-ขิงดองรสหวานส่วนโชยุมีเป็นขวดวางไว้บนโต๊ะ เครื่องดื่มแบบรีฟีลมีให้เลือก 2 รายการคือชาเขียวร้อนและชาเขียวเย็นที่ร้านเขาใช้ผงชาเขียวมัจฉะชงใหม่ๆมาเสิร์ฟให้เพียงคนละ 30 บาทเติมได้เรื่อยๆถือว่าถูกกว่าร้านอื่นที่มักจะเริ่มต้นที่คนละ 60 บาท กลิ่นชาเขียวหอมระดับกลางไม่มากเกินไปดื่มแล้วสดชื่นช่วยล้างคาวปลาและไขมันปลาในปากได้ดีเลยครับผม
เมนูจานแรกมาเสิร์ฟก่อนเป็นชุดโปรโมชั่นจากราคาเต็ม 2,990 บาท เหลือเพียง 1,790 บาท นั่นคือ Sashimi Hon Maguro Set หรือชุดซาชิมิปลาทูน่าครีบน้ำเงินรวมทุกส่วนอร่อยอย่างละ 2 ชิ้น คือโอโทโร่/ชูโทโร่และอากามิเสิร์ฟมาชิ้นใหญ่+หนาแทรกไขมันราวกับเนื้อวากิวแห่งท้องทะเล เริ่มชิมจากโอโทโร่ที่มีรสชาติปริมาณเนื้อน้อยสุดแต่ไขมันเยอะมากที่สุดได้ควมละลายในปาก ส่วนชูโทโร่ได้สัมผัสของเนื้อกับไขมันเข้ากันอย่างสมดุลและอากามิมีไขมันน้อยที่สุดแต่ได้รสชาติของเนื้อเข้มข้นที่สุด แบ่งทานกันแค่คนละ 1 ชิ้นบอกได้เลยว่าดีต่อใจสุดๆเลยครับผม จานต่อมาก็คือ Special Hon Maguro Set หรือ ชุดซูชิปลาทูน่าครีบน้ำเงินเสิร์ฟ 9 คำได้แก่ซูชิหน้าโอโทโร่/ชูโทโร่และอากามิกรีดเส้นแนวยาวท๊อบปิ้งด้วยวาซาบิดอง 6 ชิ้น และส่วนโทโร่สับม้วนในซูชิมากิอีก 3 ชิ้นราคา 890 บาท ใช้ปลาระดับเดียวกันกับที่เสิร์ฟเป็นซาชิมิแต่ได้ความนุ่มหวานอมเปรี้ยวของข้าวฉุนวาซาบิดองเล็กน้อยทำให้สดชื่นมากกว่า ส่วนโทโร่สับเป็นการนำปลาทูน่าครีบน้ำเงินมาปรุงรสกับหอมใหญ่จึงทำให้ทานได้ง่ายๆ อร่อยลงตัวในทุกชิ้นเลยครับ
หนักเมนูปลามากุโร่ไปแล้วมาลองชิมซาชิมิปลาอื่นๆของทางร้านบ้างเลยสั่งเป็น Ryoshi Mini Set ราคา 650 บาท เป็นชุดปลาดิบรวมขนาดเล็กต้องย้ำอีกครั้งว่านี่คือขนาดเล็กเท่านั้นแต่ให้ปริมาณมาไม่เล็กสมชื่อ จัดมาให้เต็มๆทั้งซาชิมิปลาแซลมอนชิ้นนหนาสีสดเนื้อแทรกไขมันละเอียดทานแล้วละมุนในปาก 3 ชิ้น ซาชิมิปลาโอเนื้อละเอียดไร้กลิ่นคาวเลือด 3 ชิ้น ปลาฮามาจิแทรกไขมันฉ่ำๆเนื้อสีขาวฟินห์ๆอีก 3 ชิ้น หมึกทาโกะต้มมาขอบนอกกรุบกรอบตรงกลางเนื้อหวานฉ่ำ 3 ชิ้น เสิร์มด้วยปูอัดซาชิมิอีก 3 ชิ้นและไข่หวานเนื้อเนียนๆอีก 3 ชิ้นให้อย่างจุใจเต็มชาม เมนูต่อไปก็ลดราคาและสั่งมาเป็นจานหลักคือ Otoro Uni Don จากราคาปกติ 2,100 บาท เหลือแค่ 900 บาท เป็นข้าวซูชิปรุงรสหวานอมเปรี้ยวท๊อบปิ้งด้วยโทโร่สับใส่ต้นหอมหวานมัน แต่งหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนสดซาชิมิส่วนชูโทโร่ 2 ชิ้น ด้านบนสุดใส่ไข่หอยเม่นให้ 3 ชิ้นตามด้วยคาร์เวียร์และทองคำเปลว ชามนี้เป็นของแฟนผมเลยขอแบ่งชิมแค่ อูนิด้านบนนิดเดียวบอกได้เลยว่าเนื้อแน่นสดหวานเป็นชิ้นคีบง่ายและระเบิดเป็นครีมในปากคุณภาพสูงจริงไม่จกตา ส่วนไข่ปลาแซลมอนที่นี่เม็ดเล็กเนื้อมันดองมาเค็มอ่อนๆ ส่วนประกอบอื่นๆก็เหมือนที่ทานในซูชิ-ซาชิมิจานก่อนหน้านี้ ถือว่าเขารักษาคุณภาพมาเป็นอย่างดีเชฟไม่มีฝีมือตกถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งเปิดขึ้นมาไม่นานก็ตาม
จานต่อมาเป็นของผมคือ Kaisen Don หรือข้าวหน้าทะเลรวมสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 490 บาท ข้าวซูชิปรุงรสท๊อบปิ้งด้วยหน้าปลาดิบต่างๆทั้งแซลมอนสด/แซลมอนส่วนท้อง/ปลาโอสด/หมึกทาโกะ/ปูอัด/กุ้งต้ม/ไข่หวานและปลาไหลญี่ปุ่นย่างซอสชิ้นใหญ่ ก่อนทานแค่เอาโชยุผสมวาซาบิราดลงไปบนข้าวก่อนทานได้รสชาติของเครื่องทะเลอย่างหลากหลายในชามเดียวกัน วัตถุดิบที่ชอบในชามนี้คือท้องแซลมอนเนื้อมันๆ/กุ้งต้มตัวใหญ่และปลาไหลญี่ปุ่นย่างมาชิ้นหนาราดซอสหวานเค็มกลมกล่อมดีงามสุดๆ เมนูต่อไปเป็นซูชิมากิแบบสุกอย่าง Wagyu Foiegras Roll ราคา 550 บาท เป็นชูชิโรลมากิสอดไส้ฟัวกราส์และอโวคาโด้ก่อนจะห่อด้วยเนื้อวากิวลนไฟราดด้วยซอสโชยุหวานและสไปซี่ท๊อบปิ้งด้วยต้นหอมและไข่ปลาแซลมอน ได้รสชาติทั้งหวาน-มัน-เผ็ดเปรี้ยวซอสสไปซี่นิดๆทานอร่อยไม่มีเลี่ยน
เห็นในเล่มเมนูมีซูชิพิเศษเสิร์ฟคำเดียวเลยสั่งมา 1 คำลองชิมดูคือ 3 Kings nigiri หรือซูชิหน้า 3 กษัตริย์ เป็นข้าวซูชิคำเล็กพันด้วยเนื้อวากิวก่อนจะท๊อบปิ้งด้วยฟัวกราส์ย่างหั่นเต๋าและไข่ปลาแซลมอนราดด้วยซอสโชยุรสหวาน ได้ทั้งความหอม-มัน-เค็มและหวานจากวัตถุดิบคุณภาพพรีเมี่ยมเต็มปากในราคา 190 บาท เมนูต่มาเป็นจานสลัดก็คือ Hamachi And Truffle Ponzu Dressing หรือ ฮามาจิราดซอสทรัฟเฟิลพอนสึราคา 440 บาท เป็นซอสรสเปรี้ยวเค็มหอมโชยุและน้ำมันทรัฟเฟิลทานกับปลาฮามาจิซาชิมิชิ้นหนาๆ ลดความเลี่ยนของไขมันด้วยกระเทียมสด/หัวไชเท้าเส้นและพริกชี้ฟ้าเขียวทำให้สดชื่นทานได้อร่อยลงตัว เมนูสุดท้ายราคาถูกแต่ได้ทานมากุโร่ครีบน้ำเงินสุดคุ้มคือ Negi Toro Maki หรือข้าวห่อสาหร่ายสอดไส้โทโร่สับ ราคา 280 บาท รสชาติแบบเดียวกันกับที่เสิร์ฟ 4 ชิ้นในซูชิปลามากุโร่รวม 9 ชิ้นจานแรก แต่จานนี้ให้มา 6 ชิ้นขายราคาถูกกว่ากันหลายเท่า เหมาะสำหรับคนอยากลองทานปลามากุโร่อร่อยๆแต่งบไม่เยอะมาสั่งจานนี้ทานก็คุ้มดีครับ ตอนนี้อิ่มท้องแล้วเรียกน้องพนักงานมาเก็บเงินกันดีกว่า
มื้อนี้มาทานกัน 2 คนเน้นสั่งกันแต่เมนูระดับพรีเมี่ยมหมดไป 6,240 บาท มี Service Charge อีก 5% รวมเป็น 6,552 บาท ถ้าให้เทียบกับร้านในระดับเดียวกันที่เสิร์ฟเมนูจากมากุโร่ครีบน้ำเงินแบบ A La Carte ที่นี่ถือว่าคุณภาพและราคาดีที่สุด เพราะส่วนตัวเคยไปทานร้านระดับเดียวกันได้ปริมาณน้อยกว่านี้เหยียบหลักหมื่นต้นๆอย่างแน่นอน ส่วนบุฟเฟ่ต์เราได้สอบถามน้องพนักงานได้ความมาว่าที่ร้านใช้ของแบบเดียวกันแถมลดปริมาณข้าวให้ด้วย รับคะแนนความอร่อยและคุ้มไป 5 ดาวเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : ศูนย์การค้า Gateway บางซื่อ ชั้น 4 ถนนประชาราษฎร์สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. 10800
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 10.30-21.30 น. โทร. 02-077-4098
Facebook : https://www.facebook.com/ryoshisushithailand
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments