เพื่อนผมเป็นไกด์มาทำงานแถวเอเชียทีคตรงถนนเจริญกรุง เห็นว่ามีร้านประจำที่ราคาไม่แพงชอบพาลูกค้าชาวจีนมาทานอยู่บ่อยๆ เป็นร้านเฝอหม้อไฟบุฟเฟ่ต์ชื่อร้านว่า"เฝอร้านสอง" อยู่ถัดจากโรงแรมรามาดาพลาซ่าที่เราเคยมารีวิวเล็กน้อย โดยมื้อนี้เพื่อนผมชวนมาและเป็นคนเลี้ยงครับ ตอบตกลงแบบไม่ต้องสงสัย บุฟเฟ่ต์ที่นี่ราคาไม่แพงเพียง 189 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม) หรือถ้าใครเป็นคนทานน้อยจะสั่งเป็นแบบ A La Carte ก็ได้ เริ่มต้นเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้น ที่สำคัญร้านเปิดตั้งแต่ 17.00 - 02.00 น. ใช่ครับเปิดยันตี 2 ส่วนรสชาติเฝอหม้อไฟที่ผมเคยไปทานแล้วอร่อยสุดน่าจะเป็นที่ตรงวงเวียนใหญ่ เพื่อนผมบอกว่าที่นี่อร่อยพอๆกัน แต่ไม่เชื่อ อย่างนี้ต้องมาลุยให้รู้กันครับ
เดินเข้ามาในร้านก็เป็นร้านห้องแถวเล็กๆธรรมดา ที่ใช้กระเบื้องสีขาว/โต๊ะสีขาว/เก้าอี้สีแดงดูสะอาด และมีให้บริการอยู่ไม่กี่โต๊ะ (ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้ามาสักคนเพราะเรามาตั้งแต่เปิดร้าน17.00น.) เพื่อนผมบอกว่าพีคสุดคือทางร้านจะเปิดอีกห้องแถวข้างๆให้ลูกค้าได้รับประทานกัน(เป็นแบบ Open Air) ถ้าอยากนั่งในห้องแอร์ต้องรีบมาหน่อย ตอนนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่นคือ แค่ถ่ายรูปและเช็คอินที่ร้านลง Facebook รับแซลมอนส่วนท้องไปเลย 1 จาน (งานของฟรีไม่มีพลาดอยู่แล้วจ้าเดี๋ยวค่อยร่วมกิจกรรมกับทางร้าน) พร้อมกับป้ายที่อธิบายว่าให้นำน้ำจิ้ม 2 สูตรมาผสมกันคือซอสสูตรฮอยซินรสหวาน-เค็ม ผสมกับซอสพริกรสเผ็ด-เปรี้ยว (มีวางไว้ให้ผสมบนโต๊ะอยู่แล้ว) สามารถปรุงรสด้วยพริกสด/กระเทียมและน้ำมะนาวของทางร้านได้อีก(ถ้ายังรู้สึกไม่แซ่บพอ) แต่ถ้าใครไม่ชอบน้ำจิ้มสไตล์เวียดนามอยากจะทานกับน้ำจิ้มสุกี้กวางตุ้ง หรือทานเป็นจิ้มแจ่วแบบแจ่วฮ้อนอีสาน ทางร้านก็มีน้ำจิ้มบริการให้เช่นเดียวกันจ้า
เราก็ทำตามที่ทางร้านแนะนำเลยผสมน้ำจิ้ม 2 สูตรให้เข้ากันอย่างเรียบร้อย น้ำจิ้มของที่นี่ถ้าเทียบกับสูตรของร้านประจำที่ผมเคยทาน มีความคล้ายคลึงกันแต่มีความกลมกล่อมกว่า(ไม่ฉุนขึ้นจมูก) เป็นรสชาติที่ทานได้เรื่อยๆเหมาะแก่การทานแบบบุฟเฟ่ต์ครับ โดยซุปวันนี้ทางร้านมีแค่ 2 สูตรนั่นก็คือ น้ำซุปเฝอสูตรน้ำใส (เป็นซุปกระดูกหมูกลมกล่อม) และน้ำซุปดำรสชาติเข้มข้น (คล้ายกับซุปสำหรับใส่ในข้าวหน้าหมูทอดสไตล์ญี่ปุ่น) ปกติแล้วน้ำซุปของร้านบุฟเฟ่ต์หลักร้อยกว่าบาทเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายอยู่แล้ว แต่ที่นี่ถือว่าทำได้ดีเกินคาดมากครับ ใครที่ชอบทานซุปน้ำดำแต่งบไม่ถึงร้านราคาแพง แนะนำที่นี่มาไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วนเครื่องดื่มรีฟิลน่าจะเป็นน้ำใบเตยจ่ายเพียงแค่ 29 บาท ก็จะได้ทานน้ำใบเตยหอม รสหวานเล็กน้อย ช่วยทำให้ทานบุฟเฟ่ต์ได้อีกเยอะ นอกจากนี้เรายังได้สั่งน้ำจิ้มมาอีก 2 สูตรนั่นก็คือน้ำจิ้มสุกี้กวางตุ้ง (รสชาติหวานเปรี้ยวหอมกลิ่นน้ำมันงา) และน้ำจิ้มแจ่ว (เป็นแจ่วที่รสชาติเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นมะขามเปียกและพริกป่นสไตล์ไทย ส่วนตัวแล้วชอบน้ำจิ้มทั้ง 3 สูตรเลยครับ
ได้เวลาสั่งอาหารแล้วครับ โดยวิธีการสั่งอาหารของที่นี่มี 2 แบบ / 1. จะเป็นใบให้เราเขียนจำนวนที่ต้องการลงในใบ(เป็นภาษาไทย) 2. ถ้าเป็นชาวต่างชาติทางร้านจะนำใบที่เป็นรูปภาพมาให้และสามารถชี้สั่งกับพนักงานได้เลยทันที (ใครที่พาเพื่อนชาวต่างชาติมาแล้วกลัวว่าจะสั่งอาหารไม่รู้เรื่อง ที่นี่ก็มีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนกำกับอยู่ในเมนูครับ) ของที่เราสั่งไปเริ่มทยอยมาแล้วเริ่มจากผักสดต่างๆ เส้น 3 แบบได้แก่เส้นเฝอหรือเส้นเล็กสไตล์เวียดนาม / วุ้นเส้น และถ้าใครที่กลัวอ้วนทางร้านก็มีเส้นสาหร่ายให้บริการด้วย ตามมาด้วยหมูไม้ไผ่ ในเมนูเขียนว่าใส่สาหร่ายลงไปด้วยของจริงไม่มีนะ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าอร่อยหมูเด้งนุ่มหอมกลิ่นน้ำมันงาจนให้อภัย ใครที่เป็นสายหมูเด้งแต่หลายร้านมักจะเสิร์ฟมาในถาด ปั้นเป็นก้อนยากที่นี่ตอบโจทย์มากครับแค่ตักใส่หม้อ ก็ได้ทานหมูก้อนเด้งแล้ว
ตามมาด้วยเต้าหู้ไข่ไก่ (มันพิเศษตรงไหนไม่รู้แต่ที่รู้ก็คือใช้ตะเกียบคีบแล้วไม่แตกง่าย) ไม่รู้ว่าทางร้านใช้เต้าหู้ไข่ยี่ห้ออะไรเราอยากรู้มาก ! สันคอหมูสไลด์แทรกไขมันสวยงาม บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันมากเกินไป แต่สำหรับผมนี่ชอบมาก มันกำลังดีเลยครับ เมนูเด็ดของที่นี่คือตับหมูหมัก ที่หมักมาเนื้อนุ่มหอมกลิ่นน้ำมันงา (ได้ชิมไปนิดนึงครับทานเยอะไม่ได้เพราะเป็นเก๊าท์) และปูอัดเกรดคุณภาพบุฟเฟ่ต์ที่ไม่ได้แข็งกระด้างแบบหลายๆเจ้า ถือว่าโอเคเลยนะ
เมนูถัดมาเป็นฟองเต้าหู้ แต่ไม่ใช่ฟองเต้าหู้ทอดแบบเจ เป็นลูกชิ้นปลาห่อด้วยฟองเต้าหู้ด้านนอกแล้วนำไปทอด เนื้อแน่นทานอร่อย ลูกชิ้นคริสตัลชีส หรือลูกชิ้นโมจิชีสแบบที่เราคุ้นเคยในร้านสุกี้ทั่วไป (ร้านไหนก็ใช้คุณภาพพอกัน) เนื้อไก่ที่เหมือนจะเป็นส่วนอก ตอนแรกนึกว่าจะแห้ง แต่หมักมามีความนุ่มเด้งกว่าที่คิด อย่างสุดท้ายเป็นเมนูหมูนุ่มที่หอมกลิ่นน้ำมันงาและเนื้อเด้งทานอร่อย ส่วนตัวแล้วชอบเมนูหมักนุ่มของที่นี่ครับ ทำดีไม่รู้สึกนุ่มเป็นเยลลี่จนเกินไป
จานต่อไปเป็นเมนูหมูสามชั้นสไลด์บาง ที่เนื้อเยอะมันน้อยน่าจะถูกใจสาวๆหลายๆคน ลูกชิ้นเต้าหู้ปลาสี่เหลี่ยมรสชาติและความแน่นตามมาตรฐานร้านสุกี้ทั่วไป ปิดท้ายด้วยข้าวสวยและไข่ไก่เป็นอันครบเมนูบุฟเฟ่ต์ ได้เวลาเริ่มทานแล้วครับ กำลังจะเริ่มทานเพื่อนบอกว่าอย่าเพิ่ง สั่งเมนู A La Carte ไปเพิ่มด้วย เพราะแขกชาวจีนส่วนใหญ่มาแล้วชอบสั่งกัน เคยทานแล้ว คุณภาพและรสชาติดีมาก ที่สำคัญราคาต่อถาดไม่แพงเลย อ่ะรอของออกมาเพิ่มครับ
สั่งมาเพิ่มอีกหลายเมนูทั้ง ชีสมอสซาเรลล่า (มีอยู่ในหม้อซุปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว) ราคาที่ละ 40 บาท ลูกชิ้นหมูเนื้อแน่น ราคาถาดละ 30 บาท ส่วนท้องปลาแซลมอนนี่เราทำกิจกรรมเช็คอินกับทางร้านมาได้มาฟรีครับ ปกติราคาถาดละ 40 บาท อร่อยมากจนต้องสั่งมาเพิ่มอีกที่นึง (1 โต๊ะได้แค่ 1 ถาด) กุ้งสดถาดละ 45 บาท แต่ยังไม่หมดแค่นี้
เบคอนรมควันแบบไขมันน้อยเนื้อสีชมพูสวยราคาถาดละ 35 บาท สาหร่ายทรงเครื่องชิ้นเล็กๆแต่เนื้อแน่น ราคาถาดนี้ 40 บาท เกี๊ยวกุ้งยัดไส้เนื้อกุ้งมาแน่นเต็มๆทั้ง 3 ชิ้นราคาถาดละ 45 บาท และสุดท้ายเป็นบะหมี่หยกสไตล์เวียดนามหรือเส้นบะหมี่ผักนั่นเอง ราคาก้อนละ 15 บาทเราสั่งมา 2 ถาดเลยครับ เส้นเหนียวหนึบอร่อยดี
ส่วนใครที่เป็นสายเนื้อตัวจริง ถึงแม้ว่าร้านนี้จะไม่มีเมนูเนื้อวัวในรายการบุฟเฟ่ต์ แต่ก็มีเนื้อวัวให้บริการในเมนู A La Carte ที่คุณภาพระดับพรีเมี่ยม ที่สำคัญราคาถูกมาก ถาดแรกเป็นเนื้อเสือร้องไห้สไลด์ออสเตรเลีย ราคาแค่ถาดละ 79฿ เนื้อนุ่มแทรกไขมัน รสชาติเนื้อเข้มข้น หอมในปากเวลาเคี้ยว ส่วนอีกถาดเป็นเนื้อส่วนหนอกไขมันลายหินอ่อนสไลด์ พนักงานบอกว่าอันนี้เป็นเนื้อไทยวากิว พ่อวัวเป็นวากิวสายพันธุ์ออสเตรเลีย ส่วนแม่วัวเป็นสายพันธุ์ไทย จึงทำให้เนื้อแทรกไขมันลายหินอ่อนสวยงาม แถมราคาไม่แพงด้วยครับถาดนี้แค่ 49฿ ใครที่เป็นสายเนื้อตัวจริงลองมาทานเนื้อวัวที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวัง แถมราคาถูกมาก ตอนนี้อาหารทุกอย่างมาครบแล้วได้เวลาลุยกันเลยครับ
จับทุกอย่างที่มาเสิร์ฟใส่ลงไปในหม้อพร้อมๆกัน แล้วจัดการนำเนื้อสัตว์หรือลูกชิ้นที่ต้องการทานมาจุ่มชีส ทานคู่กันก็อร่อยฟินสุดๆ (ต้องยอมรับว่าวัตถุดิบต่างๆที่ทางร้านนำมาใช้นั้นคุณภาพดีสมราคา) หรือจะทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรต่างๆที่เราสั่งมา (เวียดนาม/สุกี้/จิ้มแจ่ว) เมื่อกี้วนเวียนความอร่อยไปได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อ นำเส้นเล็กลงไปลวกพอสุกเพื่อทานแบบเฝอสไตล์เวียดนามราดน้ำจิ้มแบบท่วมๆ ก็สามารถดัดแปลงได้ตามความชอบของแต่ละคนเลยครับ
นั่งทานไปสักพัก เพื่อนหายออกไปคุยโทรศัพท์นอกร้านนานมาก สักพักเดินกลับมาพร้อมกับเมี่ยงปลาทับทิมย่างเกลือ ราคาตัวนี้ 250 บาท ถามว่าไปเอามาจากไหน? นางว่าเห็นแก้วที่เขียนว่าเบียร์วุ้นไหม 2 ร้านนี้เขาเป็นร้านเดียวกัน โดยปกติก็จะสั่งเมนูนี้กลับไปฝากที่บ้านอยู่แล้ว แต่วันนี้เอามาให้ชิมก่อนที่เหลือเดี๋ยวค่อยห่อกลับบ้าน ผมเคยจัดการชิมไปนิดนึงตรงบริเวณเนื้อส่วนหัว ใส่ผักรองด้านล่างสุด ตามด้วยเส้นหมี่และน้ำจิ้ม 2 สูตร เป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดกับน้ำจิ้มถั่วหวาน โรยหน้าด้านบนสุดด้วยหอมเจียวทอด ต้องบอกว่าอร่อยมาก ! ความเย็นสดชื่นของผัก/ความหวานของเนื้อปลาสด/ความละมุนของเส้นหมี่และความเปรี้ยวอมหวานของซอส 2 สูตร และสัมผัสกรุบกรอบของหอมเจียว ทำให้เมนูนี้เป็นเมี่ยงปลาที่ได้รสชาติและหลากหลายสัมผัสในคำเดียวกัน ใครที่เป็นสาวกเมี่ยงปลาอยากได้ความแปลกใหม่ ลองไปที่ร้านเบียร์วุ้นข้างๆดูครับ ถามเฮียเจ้าของร้านบอกว่าร้านเบียร์วุ้นเปิดมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ร้านบุฟเฟ่ต์ที่เรากำลังทานอยู่นั้นเพิ่งเปิดมาไม่นานนัก มิน่าล่ะน้ำจิ้มต่างๆในร้านเฝอถึงอร่อยเข้มข้นนัก ดีงามครับ
เมื่อเรียกคิดเงินเราจะได้บิลมาทั้งหมด 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นเมนู A La Carte ที่เราสั่งไป เหมือนเฮียแกจะลืมคิดค่าเบคอน ลูกชิ้นหมู และเนื้อวัวอีก 2 ถาด เฮียบอกว่าไม่ได้ลืมแต่ลดให้ เห็นว่ามาทานบ่อยๆแถมพาเพื่อนมาถ่ายภาพด้วย (ไหว้ขอบคุณเฮียไปงามๆ 1 ที) สำหรับเมนู A La Carte นั้นเราจ่ายไปเพียงแค่ 240 บาท จากราคาเต็ม 398 บาท (เฮียลดเกือบให้ครึ่งนึง) ส่วนเมี่ยงปลาทับทิมย่างเกลือชุดใหญ่เมื่อกี้ราคาเต็ม 250 บาท และค่าบุฟเฟ่ต์สำหรับ 2 คนรวมน้ำใบเตยรีฟีลอีก 2 แก้วรวมเป็น 456 บาท เท่ากับว่ามื้อนี้ทานกันอิ่มจุกสองคน จ่ายไปแค่ 946 บาท ถือว่าไม่แพงนะครับเพราะว่าถ้าหักค่าปลาตัวนึงตกแค่คนละ 300 นิดๆเอง (เพื่อนผมแพ็คกลับบ้านเรียบร้อย) ไม่ถูกคิดค่าห่อกลับบ้านแต่อย่างใด มื้อนี้ผมไม่ได้เป็นคนจ่ายนะครับเพื่อนจัดการเลี้ยงให้เรียบร้อย ถือว่าไม่แพงและทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจ เดี๋ยววันหลังค่อยพาแฟนมาทานด้วยดีกว่า ประทับใจรสชาติ/คุณภาพของร้านนี้ซะแล้ว
เดินออกมานอกร้านตรงขวามือจะมีโต๊ะสแตนเลสพร้อมกับเก้าอี้สีแดงเรียงยาว เอาไว้รองรับลูกค้าเมื่อร้านเฝอหรือร้านเบียร์วุ้นคนเยอะ ก็สามารถมานั่งสลับสับเปลี่ยนกันตรงนี้ได้ และนี่คือโฉมหน้าของร้านเบียร์วุ้นข้าวต้มโต้รุ่งที่อยู่คู่ถนนเจริญกรุงมานานกว่า 20 ปี โชว์วัตถุดิบที่สดใหม่อยู่ในตู้และที่สำคัญปลาที่นำมาย่างเกลือและเสิร์ฟเป็นเมี่ยงให้เราเมื่อกี้ ทางร้านใช้ปลาสดที่อยู่หลังร้าน ค่อยๆทยอยบรรจงย่างจำนวนน้อย เพื่อให้ลูกค้าได้ทานปลาที่เนื้อสดหวานและอุ่นร้อนตลอด ถือว่าเป็นร้านที่ดูแลใส่ใจทั้งร้านเบียร์วุ้นและเฝอร้านสอง แอบไปส่อง Facebook ของทางร้านเรียกได้ว่ากระแสค่อนข้างดีอยู่เหมือนกัน ไม่แปลกใจที่จะได้รับความนิยม สอบถามกับเฮียได้ความว่า ช่วงคนเยอะที่สุดของร้านนั่นก็คือหลัง 22:00 น.เป็นต้นไป เพราะคนแถวนี้ที่เลิกงานจากในห้างและโรงแรมต่างก็เดินมาทานที่ร้านนี้กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นใครที่มาตอนดึกอาจจะเห็นคิวยาวสักหน่อย แนะนำว่าให้มาแต่หัวค่ำจะดีที่สุดครับ
"เฝอร้านสอง" กับบุฟเฟ่ต์เฝอหม้อไฟสไตล์เวียดนาม ในราคาเพียง 189 บาทไม่จำกัดเวลาเพิ่มน้ำใบเตยรีฟีลอีก 29 บาท เมนูของสดต่างๆที่ให้มา ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะมาทานแล้ว (นำหมูลงจุ่มในซุปเข้มข้น เปลี่ยนซอสทานไปเรื่อยๆ) ถ้าหากใครทานไม่เยอะที่นี่ก็มีเมนู A La Carte ราคาถูกที่คุณภาพดีให้บริการเช่นเดียวกัน โดยส่วนตัวแล้วที่ประทับใจที่สุดก็คือเมนูหมูหมักนุ่มและเนื้อวัวสไลด์ที่ไม่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ คุณภาพดีไม่แพ้ร้านชาบูราคาหลักพันบนห้าง แถมเฮียเจ้าของร้านดูเป็นกันเอง คอยดูแลลูกค้าอยู่ตลอด เอาความอร่อยและประทับใจไป 5 ดาวจ้า 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 48 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
ร้านเปิดทุกวัน 17.00 - 02.00 น. โทร. 086-359-2395
Facebook : https://www.facebook.com/PhoRaansong/
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments