top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว Peninsula Korean BBQ Buffet ปิ้งย่างและอาหารเกาหลีแบบบุฟเฟ่ต์จ่ายแค่คนละ 299 บาท สาขาพระราม 3❗

อัปเดตเมื่อ 13 ก.ค. 2566



อยากทานปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแท้ๆแต่ไม่อยากนั่งรถไปไกลถึงที่ Korean Town เลยจัดการกดมือมือค้นหาร้านเด็ดใกล้ๆบ้านจำได้ว่าในย่านพระราม 3 นี้มีให้เลือกอยู่หลากหลายเจ้าแถมราคาก็ไม่แพงมากนัก ซึ่งตอนนี้มีร้านใหม่เพิ่งเปิดไม่นานแต่ได้รับคะแนนรีวิวจากทุกสำนักค่อนข้างสูงนั่นก็คือ "Peninsula Korean BBQ Buffet" ตั้งอยู่ภายในโครงการบางกอกสแควร์ เปิดให้บริการเป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างและอาหารเกาหลีรวมกว่า 60 เมนู จ่ายราคาเพียงแค่คนละ 299 บาทสุทธิ สามารถนั่งทานได้ไม่อั้นตลอด 1.30 ชม. เด็กๆมาทานบุฟเฟ่ต์หากส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. ทางร้านคิดหัวละ 199 บาท ถ้าหากอายุต่ำกว่า 3 ปีทานฟรี! ตัวร้านตั้งอยู่ตรงริมคลองวัดปริวาสมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมดูร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งทานปิ้งย่างรับลมธรรมชาติเย็นสบายๆไม่เหมือนใคร ส่วนวิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ขับมาตาม Google Maps ภายในโครงการนี้พื้นที่กว้างขวางทำให้จอดรถได้มากมายหลายร้อยคันแถมยังไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ถ้าหากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลงที่ BRT สถานีวัดปริวาสแล้วเดินเท้าเข้ามาอีกประมาณ 100 เมตรก็จะพบกับป้ายชื่อร้านอาหารเกาหลี Peninsula ถูกพิมพ์อยู่บนผ้าใบขนาดใหญ่พื้นสีขาวสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกลอยู่ติดริมคลองต้นไม้ปกคลุมแบบนี้แสดงว่ามาถูกร้านแน่นอนครับ

ทางเข้าร้านเป็นสะพานข้ามคลองวัดปริวาสสองข้างทางวางกระถางต้นไม้ห้อยด้วยโคมไฟไม้ไผ่สานและดวงไฟ LED เล็กๆตลอดจนถึงตัวร้าน หากใครอยากได้ความสวยงามชวนโรแมนติกแนะนำว่าให้มาช่วงเย็นๆใกล้พลบค่ำจะดีทีสุดครับ สุดปลายสะพานเป็นเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ/ลงทะเบียนและมีบริการเจลล้างมือแอลกอฮออล์เพื่อความสะอาดปลอดภัยจากเชื้อไวรัส Covid-19 ที่นั่งภายในร้านนี้ถูกแยกเป็นหลายโซนเดี๋ยวเราไปดูพร้อมกันเลยครับผม

โซนแรกที่จะพบก่อนคือ Outdoor ที่ทางร้านพยายามจำลองให้มีความร่มรื่นด้วยการใช้ต้นไม้-ห้อยโคมไฟจากไม่ไผ่จักสานขนาดใหญ่ทั้ง 2 ฝั่งดูอลังการหลังคาสแตนเลสสูงพิเศษดูปลอดโปร่งชวนนั่งสบายๆ โต๊ะทรงกลมนั่งได้ประมาณ 2-3 คนล้อมเตาแก๊สสำหรับพกพาเหมาะสำหรับล้อมวงปิ้งย่างกับคู่รักหรือเพื่อนฝูงกลุ่มเล็กๆ โซนที่สองเป็นห้องติดเครื่องปรับอากาศเข้ามาด้านในจะพบกับไลน์อาหารขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอาหารเกาหลีอุ่นร้อนพร้อมตักไปทานที่โต๊ะ/เครื่องเคียง/ขนมหวานและเครื่องดื่ม 2 ฝั่งข้างๆเป็นโต๊ะสำหรับนั่งทานปิ้งย่างการตกแต่งภายในถือว่าดูดีตั้งแต่พื้นไม้/โต๊ะไม้/เก้าอี้เหล็กสีโรสโกลด์พร้อมปฎิมากรรมติดผนังสไตล์เกาหลี แต่มีข้อสังเกตอีกอย่างนั่นก็คือไม่มีที่ดูดควันสาวๆหลายคนน่าจะกลัวผมกับหัวเหม็นต้องกลับไปสระใหม่ที่บ้าน ซึ่งร้านนี้เขามีวิธีการเตรียมเนื้อก่อนย่างทำให้ควันและกลิ่นลดลงนั่งทานได้อย่างสบายใจขึ้นไม่เหมือนร้านปิ้งย่างเกาหลีอื่นๆ นอกจาก 2 โซนที่เห็นนี้แล้วยังมีห้องส่วนตัวสำหรับจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่ต้องจองล่วงหน้า (แต่ตอนที่เราไปรีวิวทางร้านล็อกห้องไม่ให้เข้าไปถ่าย) จัดการเลือกที่นั่งวางสัมภาระทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วพนักงานก็จะมาอธิบายขั้นตอนการทานบุฟเฟ่ต์ให้เราฟังครับ

น้องพนักงานอธิบายวิธีการทานบุฟเฟ่ต์ของที่ร้านนี้ให้เราฟังว่าขั้นตอนแรกเลือกเตาและน้ำซุปที่เราจะทานก่อนมีให้เลือกทั้งหมด 5 รายการคือโคชูจังต๊อกบกกี/จาจังต๊อกโปกี/ไข่ตุ๋นเนยเกาหลี/เต็นจังสำเกะหรือซุปเต้าเจี้ยวแบบเกาหลีที่มีเตาย่างล้อมรอบหม้อน้ำซุปและกระทะย่างล้วนๆแบบไม่เอาน้ำซุป เราสามารถเลือกเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆเช่นนั่งทานน้ำซุปรายการแรกหมดแล้วอยากจะก็ขอเปลี่ยนเป็นรายการอื่นแทนก็ได้ไม่จำกัดแค่หม้อแรกแล้วจบ ส่วนเมนูอาหารเกาหลี/เนื้อหมูสำหรับย่าง/เครื่องเคียงและขนมหวานเดินไปตักด้วยตัวเองได้เลยที่บาร์ทั้ง 2 แห่งภายในร้านนี้ หากหากใครอยากเสพบรรยากาศร้านไปพร้อมกับเครื่องดื่มเย็นๆที่นี่ก็มีขายเป็นแบบ A La Carte ให้เลือกมากมายบุฟเฟ่ต์สามารถทานได้ 1.30 ชม. รวมเวลาเดินตัก-นั่งทานทั้งหมดแล้วแต่ถ้าลูกค้าในร้านมีไม่มากนักที่ร้านอนญาตให้นั่งเกินเวลาได้อีกเล็กน้อย (ยกเว้นวันที่ลูกค้าแน่นร้านจะจำกัดเวลาค่อนข้างเป๊ะ) ว่าแล้วก็ไปตักอาหารกันเลยครับ

ออกมาที่โซน Outdoor ด้านนอกเป็นไลน์ของเนื้อหมู-ไก่สำหรับย่างมีให้เลือกทั้งหมด 7 รายการได้แก่หมูสามชั้นสด/หมูสามชั้นหมักซีอิ๊วดำ/หมูสามชั้นหมักโคชูจัง/สันคอหมูหมักซีอิ๊วดำ/สันคอหมูสด/ไก่หมักซอสโคชูจังและไก่หมักซีอิ๊วดำ วิธีการเลือกก็คือหยิบจานที่ชั้นมาตักเนื้อหมูและไก่ที่ตัวเองอยากจะทานเสร็จแล้วนั้นยื่นให้น้องพนักงานเพื่อนำไปย่างบนเตาถ่านพอสุกประมาณ 50% ด้วยวิธีการย่างก่อนแบบนี้ทำให้น้ำในเนื้อยังคงอยู่ครบ/ช่วยลดควัน-กลิ่นให้น้อยลงและทำให้ทานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าการย่างด้วยตัวเอง เมื่อพนักงานย่างเสร็จแล้วก็จะนำไปเสิร์ฟให้บนโต๊ะหรือถ้าใครที่เกียจย่างหรือกลัวหัวและผมจะเหม็นจริงๆให้พนักงานย่างมาสุก 100% พร้อมทานเลยก็ได้ครับผม

ได้เนื้อหมูและไก่พร้อมย่างแล้วก็ต้องเดินมาดูเมนูอาหารเกาหลีพร้อมทานของที่ร้านนี้ถูกเรียงไว้ในไลน์ห้องแอร์ด้านในมากมายเริ่มจากแพนเค้กรวมมีทั้งแพนเค้กกิมจิ/แพนเค้กมันฝรั่ง/แพนเค้กต้นหอมและเต้าหู้ชุบไข่ทอดทานคู่กับซอสซีอิ๊วเกาหลีปรุงรสเค็มเปรี้ยวหอมกลิ่นน้ำมันงา (ส่วนตัวชอบแพนเค้กกิมจิกับต้นหอมทานง่ายรสชาติจัดจ้านดีครับ) ข้างๆกันเป็นหม้อซุปขนาดใหญ่สำหรับทานเป็นเครื่องเคียงมีให้เลือก 2 สูตรคือ แกงกิมจิรสชาติเปรี้ยวเค็มๆเหมือนแกงส้มหมูสามชั้นซดร้อนๆอร่อยเพลินและซุปสาหร่ายเกาหลีรสเค็มอ่อนๆหอมสาหร่าย/ปลาแห้งกับน้ำมันงาซดง่ายๆได้รสชาติแบบเกาหลีแท้อุ่นมาในหม้อร้อนที่ควบคุมอุณหภูมิตลอดเวลามาตักเมื่อไหร่ก็อร่อยเหมือนเดิมครับ

โซนต่อไปเป็น Hot Dish แบบเดียวกับในโรงแรมแต่เป็นอาหารเกาหลีเรียงอยู่ในหม้ออุ่นร้อนๆเรียงกันเป็นแนวยาวเมนูแรกคือ "ผัดปลาหมึกผัดซอสเกาหลี" หรือปลาหมึกผัดเผ็ดสไตล์เกาหลีที่เรารู้จัก ร้านนี้ใช้ปลาหมึกวงแทนหมึกทาโกะยักษ์ราคาแพงปรุงรสมาหวานเผ็ดสไตล์เกาหลีรสอ่อนลงหน่อยเพราะเป็นบุฟเฟ่ต์จะได้ตักทานได้เรื่อยๆถือว่าอร่อยไม่แพ้ร้านภัตตาคารดังๆที่เคยทานมาครับ เมนูต่อไปคือ "ไก่อบซีอิ๊วดำ" เป็นไก่ส่วนสะโพกหั่นเต๋าชิ้นเล็กพอคำผัดกับซีอิ๊วและผักต่างๆปรุงรสให้หวาน-เค็มหอมกลิ่นน้ำมันงากลมกล่อมสไตล์เกาหลีเหมาะทานกับข้าวสวยร้อนๆเป็นเมนูที่น่าจะถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่แต่ระวังจะอร่อยเพลินจนลืมทานปิ้งย่างที่เป็นจานหลักของมื้อนี้นะครับ

เมนูต่อไปเคยเห็นในซีรี่ย์เกาหลีหลายเรื่องแต่ไม่เคยทานสักทีคือ "ตีนไก่จี๊ดจ๊าด" หรือตีนไก่รสเผ็ดสไตล์เกาหลีถือเป็นกับแกล้มชั้นดีสำหรับทานคู่กับโซจูเย็นๆ สูตรของที่ร้านนี้นำตีนไก่มาตัดเล็บแล้วตุ๋นจนเนื้อนุ่มละมุนหลุดออกจากกระดูกอย่างง่ายดายแล้วคลุกกับซอสเผ็ดหวานหอมน้ำมันงาชวนให้แทะเพลินๆดีครับ เมนูต่อมาใครๆก็ต้องเคยทานมาก่อนและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ "ไก่ผัดซอสเกาหลี" เป็นไก่ทอดที่ร้านนี้น่าจะใช้ไก่ป๊อบเอามาทอดกรอบคลุกกับซอสเกาหลีรสหวานเผ็ดหอมกลิ่นโคชูจังโรยงาขาวมีความเผ็ดอ่อนๆทานง่ายไม่ได้โดดเด่นมากนักครับ

เมนูต่อไปถือเป็นอาหารที่หาทานยากและไม่เคยเห็นในภัตตาคารเกาหลีแต่ที่นี่มีให้ทานแบบบุฟเฟ่ต์ก็คือ "ขาหมูซอสเผ็ด" เป็นขาหมูเอามาหั่นชิ้นตุ๋นจนเนื้อและเอ็นนุ่มเป็นเจลลาตินคลุกกับซอสรสหวานเผ็ดหอมกลิ่นโคชูจังน้ำมันงาโรยด้วยต้นหอมทานง่ายเคี้ยวละมุนเผ็ดร้อนโดนใจสุดๆ จานต่อไปเป็นกับข้าวทานง่ายๆสไตล์เกาหลีก็คือ "เนื้อหมูผัดบูลโกกิ" หมูสันคอสไลด์ผัดซอสบูลโกกิรสหวานเค็มเผ็ดนิดๆพอกลมกล่อมเพิ่มความกรอบหวานด้วยผักทั้งกระหล่ำปลี/หัวหอมใหญ่/แครอท/ต้นหอมญี่ปุ่นหอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆสไตล์เกาหลีทานง่ายๆรสชาติไม่จัดจ้านนักครับ

เมนูต่อไปเป็นจานที่คนไทยหลายๆทานมักจะคุ้นหูคือ "ผัดวุ้นเส้นเกาหลี" หรือจับเชเป็นวุ้นเส้นเหนียวนุ่มผัดกับผักต่างๆทั้งหัวหอมใหญ่/พริกหยวก/แครอทและเห็ดหูหนูดำปรุงรสให้เค็มหวานกลมกล่อมหอมกลิ่นน้ำมันงาเหมาะสำหรับทานเป็นเครื่องเคียงกับอาหารปิ้งย่างสุดๆเลยครับ ข้างๆกันเป็นหมูสามชั้นตุ๋นนุ่มๆหั่นเป็นชิ้นเรียงสวยงามมาพร้อมกับซอสซีอิ๊วดองเกาหลีรสหวานเค็มอมเปรี้ยวนิดๆช่วยลดความเลี่ยนหรือจะนำไปทานคู่กับกิมจิเป็นซูหยุกก็ได้อีกเมนูแล้วแต่วิธีการทานของแต่ละคนครับ ต่อไปเป็นเครื่องเคียงต่างๆที่ร้านนี้มีให้เลือกทั้งหมด 5 รายการคือ กิมจิมะละกอ/กิมจิผักกาดขาว/กิมจิหัวไชเท้า/ไส้กรอกไก่ผัดหัวหอมกับพริกหวานสไตล์เกาหลีและมันฝรั่งทอดผัดซอสสไตล์เกาหลี ไส้กรอกจะแป้งหน่อยเหมือนที่เกาหลีไม่มีผิดเพี้ยนส่วนมันรสหวานเค็มหอมน้ำมันงาเคี้ยวเพลินๆดีครับ

หากต้องการเพิ่มความกรุบกรอบให้กับชีวิตหรือมีเด็กๆมาด้วยแล้วอยากได้เมนูทานง่ายๆที่ร้านก็มีหัวหอมทอด/ปลากระพงชุบแป้งทอดกรอบเคี้ยวเพลินและคิมบับหรือข้าวห่อสาหร่ายสไตล์เกาหลีสูตรที่ร้านนี้ข้าวรสเค็มนิดๆหอมกลิ่นสาหร่ายกับน้ำมันงา แต่มาซอสรสเปรี้ยวเค็มอมหวานช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้นไม่เหมือนร้านอื่นๆ แล้วยังมีข้าวยำเกาหลีแบบปรุงเองแยกเครื่องต่างๆให้ใส่เองได้ตามใจทั้งข้าวสวย/ถั่วงอกผัดน้ำมันงา/มะละกอ/แครอท/กระหล่ำปลีซอย/กระหล่ำปลีสีม่วงซอยปรุงรสด้วยเกลือ/น้ำมันงาและซอสโคจูจังปรุงรสของทางร้านได้ตามใจ ทานเป็นอาหารจานหลักหรือเอาไปผสมกับเนื้อย่างได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังมีเส้นรามยอน/พริกสด/กระเทียมสับและน้ำจิ้มอีก 4 สูตรไว้ทานกับเนื้อย่างได้แก่ ซอสซีฟู๊ดสไตล์ไทย/ซอสเต้าเจี้ยวเกาหลีหรือเท็นจัง/ซอสซัมจังสำหรับทานกับผักและเนื้อสุดท้ายคือซอสซีอิ๊วหมักปรุงรสพิเศษ หันหลังมาเป็นตู้สำหรับแช่ผักสดกับเครื่องเคียงอีกมากมายทั้งผักกาดขาว/ผักคอส/ผักกาดหอม/เห็ดเข็มทอง/ฟักทอง/เห็ดออเร็นจิ/พริกเกาหลี/หัวหอม/กิมจิแบบไม่หั่น/ไชเท้าสีม่วงดอง/กระเทียมสไลด์/ไส้กรอกไก่/กระหล่ำปลี/ปลาแผ่นทอด/แครอท/แป้งต๊อกและต้นหอมญี่ปุ่นตักเองตามใจ

กลับเอาอาหารต่างๆที่ตักมาวางไว้ที่โต๊ะทางร้านได้ยกสลัดผักคลุกน้ำมันงาสไตล์เกาหลีรสเปรี้ยวหวานออกมาให้คนละ 1 ชามเอาไว้แก้เลี่ยน ส่วนอาหารเกาหลีของที่ร้านนี้เราก็ตักมาชิมอย่างละนิดหน่อยแต่รวมแล้วได้มาหลายจานรสชาติอาหารแต่ละจานโดยรวมถือว่าอยู่ในระดับกลางๆไม่ได้เข้มข้นมากนักเมื่อเทียบกับร้านอาหารเกาหลีแบบ A La Carte ใจกลางเมืองหรือที่ Korean Town เหตุผลน่าจะเป็นเพราะว่าได้ทานอาหารที่หลากหลายมากกว่าไม่ทำให้รู้สึกหนักลิ้นมากเกินไปแต่ยังคงความเป็นเกาหลีอยู่ 100% ตอนนี้อาหารแน่นเต็มโต๊ะแล้วเรามาเริ่มชิมกันครับ

เตาที่เราสั่งมาวันนี้เป็นแบบมีหม้อน้ำซุปอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยพื้นที่สำหรับย่างหมูโดยน้ำซุปที่สั่งมาเป็น "โคชูจังต๊อกบกกี" ที่ทางร้านปรุงรสพร้อมกับใส่เครื่องต่างๆมาให้เสร็จสรรพแค่รอเดือดพร้อมทาน ส่วนพื้นที่ด้านข้างก็จัดการนำเนื้อหมูและไก่ที่ปรุงสุกมาแล้ว 50% ลงไปย่างต่อให้สุกเกรียมตามที่ต้องการ ข้อควรระวังก็คือเตาร้อนเร็วมากถ้าไม่ระวังหมูด้านนอกจะเกรียมก่อนซุปด้านในจะเดือด เมื่อได้ความสุกระดับที่ต้องการแล้วให้ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำและความสนุกอันหลากหลายของการทานปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแท้จริงมันได้เริ่มต่อจากนี้เป็นต้นไปครับผม

เริ่มจากการทานปิ้งย่างสไตล์ไทยแท้คือนำเนื้อที่สุกแล้วจุ่มลงในน้ำจิ้มรสชาติต่างๆของที่ร้านซึ่งมีทั้งหมด 4 สูตรทั้งซอสเต้าเจี้ยวเกาหลีหรือเท็นจังรสเค็มมันกลมกล่อมหอมกลิ่นเต้าเจี้ยวกำลังดีไม่เค็มจัดเกินไปเหมาะสำหรับทานคู่กับเนื้อหมูที่ไม่ผ่านการหมักใดๆจะเข้ากันที่สุด น้ำจิ้มสูตรต่อไปเป็นซอสซีอิ๊วหมักรสชาติหวานนำเค็มอ่อนๆหอมกลิ่นน้ำมันงากลมกล่อมทานได้กับเนื้อทุกชนิดเหมาะสำหรับการจิ้มทานเปล่าๆไม่ห่อผัก น้ำจิ้มสูตรต่อไปเป็นแบบไทยแท้คือซีฟู๊ดรสเปรี้ยวหวานเผ็ดครบรสเหมาะสำหรับคนที่ติดรสชาติน้ำจิ้มรสแซ่บแต่ต้องมาทานร้านเดียวกับเพื่อนที่ชอบทานอาหารเกาหลีก็มาทานได้ไม่ต้องตีกัน สุดท้ายเป็นน้ำจิ้มซัมจังรสชาติเค็มหวานหอมกลิ่นโคชูจังและน้ำมันงาจะจิ้มผักสดหรือเนื้อย่างก็อร่อยรสเบาๆไม่เข้มข้นแบบร้านอื่น ถ้าอยากทานแบบรสชาติเข้มข้นแนะนำว่าให้ราดเยอะๆจะดีที่สุด ส่วนเนื้อสัตว์แต่ละอย่างคุณภาพดีจะหมักซีอิ๊วดำหรือโคชูจังก็อร่อยนุ่มเคี้ยวแล้วไม่เป็นเยลลี่ในปากดีงามครับ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการทานแบบเกาหลีแท้อีก 2 ขั้นตอนเช่นห่อผักตามด้วยเครื่องเคียงบางส่วนหรือข้าวสวยเล็กน้อยก่อนนำเข้าปากคำใหญ่หรือนำกิมจิชิ้นใหญ่ลงไปย่างแล้วห่อกับเนื้อเพื่อทานด้วยกันให้รสเปรี้ยวช่วยตัดเลี่ยนไขมันในปากก็ดีงามไปอีกแบบ นั่งทานปิ้งย่างไปเรื่อยๆหม้อน้ำซุปตรงกลางก็เริ่มเดือดได้เป็น "โคชูจังต๊อกบกกี" หวานเผ็ดหอมกลิ่นโคชูจังใส่เครื่องต่างๆลงไปอีกมากมายทั้งรามยอน/ต๊อกโบกี/ไส้กรอกไก่/แครอท/ต้นหอมจีน/กระหล่ำปลี/หอมหัวใหญ่/ปลาเส้นทอดซดร้อนๆช่วยลดความเลี่ยนของย่างได้เป็นอย่างดี เริ่มอิ่มแล้วไปตักของหวานกันครับ

ขนมหวานที่ร้านนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 รายการคือ 1. มันหวานเคลือบน้ำตาลคาราเมลกรอบๆสไตล์เกาหลีแท้ 2. ฟองดูว์ช็อกโกแลตมาร์ชแมลโล่ว์ที่บอกได้เลยว่าใช้ช็อกโกแลตแท้ทิ้งไว้ให้เย็นจับต้วเป็นก้อนเคี้ยวกรอบอร่อยดีมากครับ และ 3. ผลไม้สดตัดแต่งพร้อมทานมีให้เลือก 2 รายการคือแตงโมและมะละกอ ส่วนเครื่องดื่มที่ร้านให้บริการตัวเองเป็นน้ำเปล่าและน้ำอัดลงแบบขวดใส่แก้วใบจิ๋วๆแบบเกาหลีต้องเติมหลายๆรอบหน่อย หากขี้เกียจเดินหลายๆรอบก็เอาไปหลายๆแก้วแทนมีวางไว้ด้านล่างเค้าท์เตอร์หยิบได้เรื่อยๆสะดวกสุดๆ อิ่มแล้วก็ได้เวลาเรียกคิดเงินครับ

มื้อนี้ผมมาทานกับแฟน 2 คน ราคาคนละ 299 บาทไม่มีทั้ง Vat. หรือ Service Charge มากวนใจรวมทั้งหมด 598 บาท ถือว่าคุ้มค่าเพราะได้ทั้งความหลากหลาย/รสชาติอาหารเกาหลีอยู่ในระดับกลางๆแต่หมู-ไก่ทั้งแบบสดและหมักคุณภาพดีไม่แพ้ร้านอื่น (เหมือนอาหารเกาหลีเป็นแค่ส่วนเสริม) บรรยากาศที่ร้านดีเหมาะแก่การพาเพื่อนๆหรือครอบครัวมานั่งปิ้งย่างหมูกันแบบชิลล์ๆ ถึงแม้จะให้เวลาทานน้อยไปนิดแต่ก็ช่วยอำนวยความสะดวกในการย่างทำให้อิ่มตามเวลาก็รับคะแนนไป 5ดาวเต็มจ้า 🌟🌟🌟🌟🌟


"ปัจจุบันร้าน Peninsula Korean BBQ Buffet เปิดให้บริการ 2 สาขาคือที่นี่และสาขาสรงประภาดอนเมือง"

พิกัด : เลขที่ 762/2 โครงการบางกอกสแควร์ ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. 10120

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.30-22.00 น. โทร. 064-232-5533

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 13,203 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page