ร้าน Mays Urban Thai Dine เราเคยไปทานแล้วที่สาขาสุขุมวิทซอย 12 ประทับใจในการเสิร์ฟอาหารรวมถึงรสชาติ และประสบการณ์ที่ได้รับในมื้อนั้นไปแล้ว อ่านรีวิวที่นี่ https://bit.ly/2NzhLIE แต่สาขาต้นตำรับนั้นอยู่ที่เมืองพัทยา ตัวร้านก็ถือว่าหาไม่ยาก อยู่บนถนนเทพประสิทธิ์ ใกล้กับสำนักงานบังคับคดีจังหวัดชลบุรีติดกับริมถนน บรรยากาศหน้าร้านมีความร่มรื่น และมีความหรูนิดๆตามแบบฉบับของทางร้าน ก่อนเข้าไปเปิดดูในเมนูที่หน้าร้านทุกอย่างเหมือนกับที่สาขากรุงเทพฯไม่มีผิด ส่วนรสชาติอาหารนั้นจะเหมือนกันหรือไม่ เราเข้าไปด้านในร้านกันเลยครับ
การตกแต่งภายในร้านของสาขาพัทยานี้มีความเป็นธรรมชาติ ทั้งดอกไม้และต้นไม้ต่างๆประดับเต็มร้าน แต่ยังคงโทนสีม่วง/เทา ตามแบบฉบับเดียวกับร้านที่กทม. ผสมกับความเป็นศิลปะแบบผสมผสานที่ดูลงตัว แต่ถ้าเทียบกับสาขาที่กรุงเทพแล้ว ที่นี่ดูมีความผ่อนคลาย น่าปล่อยอารมณ์นั่งทานอาหาร ดื่มด่ำบรรยากาศเรื่อยๆมากกว่าครับ
ร้านนี้เหมือนกับเป็นห้องแถวสองตึกติดต่อกัน โดยมีประตูสีม่วงพร้อมกับซุ้มต้นไม้ให้เดินเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง ภายในห้องนี้มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่น่าจะทำจากไม้ซุงทั้งต้น และการประดับตกแต่งภายในยังคงโทนสีม่วงสลับสีเทาและต้นไม้/ดอกไม้ที่ใช้ก็หลากหลาย แต่ดูมีความอบอุ่นด้วยการใช้ไฟตกแต่งสีส้มดูมีความเป็นครอบครัวมากขึ้นครับ
ตาม Concept ของทางร้านก็ต้องมีเวลคัมดริ้งค์มาต้อนรับเราอย่างเช่นเคย วันนี้เป็นน้ำสับปะรดที่มีรสเปรี้ยวและหอมเหมือนมีกลิ่นดอกไม้เย็นสดชื่น มาพร้อมกับผ้าเย็นผืนใหญ่ช่วยลดความร้อนจากการตากแดดพัทยาอันร้อนแรงลงได้อย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยอาหารทานเล่นวันนี้ทางร้านเสิร์ฟเป็น ทอดมันปลาราดด้วยซอสพร้อมทานทอดมันปลาสัมผัสเหนียวหนึบ หอมกลิ่นเครื่องแกงกับซอสรสหวานเปรี้ยวอร่อยดีครับ ถ้าใครติดใจก็สามารถสั่งมาทานได้ มีอยู่ในเมนูหลักของทางร้าน โดยเมนูทานเล่นนี้จะมีการสุ่มเสิร์ฟทุกวัน ต้องลุ้นเอาครับว่าวันนี้จะได้ชิมอะไร
อาหารทุกอย่างที่เราสั่งไปมาเสิร์ฟแล้วครับ เรามีบทเรียนจากรอบที่แล้วนั่นก็คือพยายามสั่งอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านเพื่อนำมาทานกับข้าวสวยฟรีของทางร้าน เมนูแรกที่เราสั่งมานั้นก็คือ ปลากะพงทอดทั้งตัวราดด้วยซอสแกงใบชะพลู ราคา 470 บาท ปลากะพงตัวใหญ่ทอดมาจนกรอบเนื้อในฉ่ำ ราดด้วยซอสแกงเข้มข้น ทานกับข้าวได้อีกหลายจาน เมนูถัดมาอาจจะดูธรรมดาไปสักหน่อยแต่แฟนผมอยากทาน นั่นก็คือกระเพราหมูสับไข่ดาว ราคา 250 บาท เป็นกระเพราหมูสับรสชาติเค็มหวาน ใส่ทั้งถั่วฟักยาว/ข้าวโพดอ่อน แต่สำหรับใครที่เป็นคนชอบกระเพราแบบโบราณอาจจะไม่ค่อยถูกใจนัก แต่แฟนผมชอบมาก ความหวานและกรอบของผักที่ใส่เพิ่มลงไปทำให้มีสัมผัสในการเคี้ยวมากกว่าเดิม บางคนอาจจะชอบกระเพราใส่เนื้อสัตว์แบบปกติ อันนี้ความชอบของใครของมันแล้วกันนะครับ
2 เมนูถัดมาเป็นหมูน้ำตก ราคา 190 บาท คอหมูย่างชิ้นใหญ่นำมาสไลด์และปรุงรสในแบบน้ำตกสไตล์ภาคอีสานรสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรไทยแบบจัดเต็ม รวมถึงความเปรี้ยว/เผ็ดสะดุ้งโดนใจ สังเกตว่าเคล็ดลับของจานนี้ก็คือ มีการใส่ใบมะกรูดซอยลงไป ช่วยเพิ่มความหอมและลดความเลี่ยนของคอหมูย่างลงได้อีกด้วย ใครที่เป็นคนชอบทานผักสด ในชุดนี้ถือว่าให้ผักสดมาเยอะเข้ากันได้ดีกับหมูน้ำตกรสชาติจัดจ้านมากครับ เมนูถัดมาคือ มัสมั่นเนื้อราคา 450 บาท ที่ทางร้านแนะนำมาว่าให้ลองสั่งทานดู เป็นมัสมั่นเนื้อวัวในรูปแบบการเล่าเรื่องใหม่ ที่ยังคงความเป็นไทยเดิมอยู่ มาถึงตอนนี้หลายคนอาจจะงงว่าปกติมัสมั่นก็คือเอาการเนื้อลงไปตุ๋นในเครื่องแกง แล้วถึงจะได้แกงมัสมั่นเนื้อวัวนุ่มๆละลายในปากออกมา แต่ที่ร้านนี้ไม่เหมือนใคร เริ่มจากด้านล่างสุดเป็น มันฝรั่งบดเพื่อให้ทุกอนูของแกงมัสมั่นซึบซาบไปในทุกคำ และหมายถึงมันฝรั่งที่ต้มลงในแกงจนได้ที่ ชั้นถัดมาเป็นเนื้อวัวติดมันย่างสไลด์แบบ Medium Rare เป็นการตีความนุ่มของเนื้อในมัสมั่นใหม่ โดยความนุ่มนั้นไม่ได้มาจากการตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆที่ใช้เวลานานเพียงอย่างเดียว แต่ทางร้านพยายามที่จะทำให้เก็บรสชาติและความนุ่มของเนื้อชั้นดีเอาไว้ ชั้นบนสุดเป็นซอสมัสมั่น/หอมเจียวและเครื่องเทศแบบจัดเต็ม ถึงตอนดูด้วยสายตามันไม่ใช่มัสมั่น แต่รสชาติโดยรวมแล้วมันก็คือแกงมัสมั่นที่ครบทุกองค์ประกอบ เป็นการเล่าเรื่องมัสมั่นไทยในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ และแน่นอนว่ามื้อนี้ก็ต้องมีข้าวสวยฟรีเติมได้เรื่อยๆ อาหารรสจัดทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆแบบนี้ทำเอาผมติดใจทุกครั้งที่มาที่นี่เลยครับผม
นอกจากอาหารที่ดีแล้วร้านนี้ยังทำ Mock Tail รสชาติอร่อยอีกด้วย วันนี้เราสั่งมาทั้งหมด 3 เมนูได้แก่ Mai Tai ปกติก็เคยทานไหมไทยมาหลายที่ แต่ที่นี่มีความหอมหวานของผลไม้ชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยทานมา มาที่ร้านนี้ทีไรก็จะสั่งเมนูนี้ทุกที (ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมนูแนะนำก็เถอะ) ตามมาด้วย Miyaki เป็นน้ำแอปเปิ้ลเขียวผสมกับขิงสด มีความเปรี้ยวหอมสดชื่นหวานกำลังดี ส่วนแก้วสุดท้ายเป็น Umbinggo เป็นแอปเปิ้ลเขียวผสมกับเสาวรสรสชาติเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นเสาวรสสดชื่น ทุกแก้วราคา 150 บาททั้งหมด ไม่ถูกไม่แพง แต่ได้ความหวานสดชื่นแบบเต็มๆดีครับ ปิดท้ายด้วยไอศครีมกะทิสดราคาถ้วยละ 190 บาทการจัดเสิร์ฟก็เหมือนกับร้านที่กรุงเทพฯมี Dry Ice พวยพุ่งมาจากด้านล่าง ช่วยรักษาความเย็นของไอศครีมได้เป็นอย่างดี ส่วนเนื้อไอศครีมก็เป็นแบบโฮมเมด ไม่ได้มีความนวลเนียน แต่ก็มีความหวานหอมเข้มข้น ทานกับถั่วลิสงคั่วและขนุนหั่นชิ้น ช่วยเพิ่มสัมผัสในการเคี้ยวไปอีกขั้นครับ
มื้อนี้อร่อยแบบจัดเต็มสองคนหมดไป 2,300 บาท Vat. และ Service Charge อีก 17% แล้วอยู่ที่ 2,530 บาท จะว่าถูกหรือแพงอันนี้แล้วแต่คนจะมอง แต่สำหรับผมแล้วถือว่าคุ้มค่าครับ เพราะประสบการณ์ที่ได้รับจากมื้อนี้ได้ทั้งความตื่นตาตื่นใจและรสชาติอาหารที่ดี (แต่ก็ยังคงยืนยันเช่นเคยว่าร้านนี้เหมาะสำหรับการพาเพื่อนๆชาวต่างชาติมาเปิดประสบการณ์อาหารไทยที่ไม่เหมือนใครมากที่สุด) ส่วนใครที่มีงบน้อยแต่อยากทานที่ร้านนี้ ก็สามารถสั่งกับข้าวมา 1-2 อย่างแล้วก็ทานข้าวสวยของทางร้านได้เรื่อยๆ (เห็นว่าตอนนี้มีชุดกลางวันราคาถูกที่กทม.ด้วย) ปกติที่สาขากทม.ผมพาครอบครัวไปทาน ก็สั่งกับข้าวกัน 2-4 อย่างและทานข้าวไปจนกว่าจะอิ่ม สั่ง Mock Tail มาดื่มคนละแก้วราคาก็ถือว่ารับได้ครับ เอาความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มเช่นเดิมครับ 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 315/73 เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150
เปิดทุกวัน 11.00 - 23.00 น. โทร. 098-374-0063
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments