top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "แม่มังกรซีฟู้ด" บุฟเฟ่ต์อาหารทะเลพร้อมทานเกือบ 50 เมนู เริ่มต้นที่ 599 ฿ อยู่ในซอยลาดพร้าว 87

อัปเดตเมื่อ 1 ก.ค. 2566



วันนี้ผมนัดกับครอบครัวออกมาทานข้าวมื้อพิเศษด้วยกันที่ร้าน "แม่มังกรซีฟู้ด" อยู่ภายในซอยลาดพร้าว 87 มีเหตุผลที่ต้องเลือกมาสาขานี้เพราะจุดเด่นไม่เหมือนใครหลายๆอย่างก็คือ 1. ไม่ต้องย่างเองให้หัวเหม็น-เสียเวลา 2. ตกแต่งร้านสวยมากราวกับอยู่ในคาเฟ่สุดหรู 3. เจ้าของร้าน Live สดในเพจบ่อยๆและอยู่ประจำการที่สาขานี้ซึ่งแม่ผมก็เคยนั่งดู-สั่งของและเป็น FC ตัวยงเลยจงใจมาสาขานี้โดยเฉพาะ วิธีการเดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็มีลานจอดให้บริการด้วยกันถึง 2 แห่งคือ 1. ตั้งแต่ 12.00 ถึง 14.30 น. เลี้ยวเข้าแยก 9 เจอสี่แยกเลี้ยวขวามีลานขนาดใหญ่อยู่ทางซ้ายมือแล้วค่อยเดินเท้าเข้ามาที่ร้านอีกประมาณ 100 เมตร 2. ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ให้จอดที่ร้านคาร์แคร์ตรงหัวมุมแยก 12 โดยสามารถแจ้งพนักงานได้เลยว่ามาทานแม่มังกร แล้วค่อยเดินเท้าเข้ามาที่ร้านอีกประมาณ 20 เมตร เป็นบ้านหลังสีขาวขนาดกำลังน่ารักพร้อมลานกว้างขนาดใหญ่ที่แม่ค้าใช้ Live สดขายชุดอาหารซีฟู้ดราคาสุดคุ้ม เมื่อก่อนราคาเริ่มต้นที่ 499 บาทแต่ตอนนี้ทางร้านได้ประกาศปรับเป็น 599 บาท (แต่ยังไม่เปลี่ยนป้ายหน้าร้านใหม่) ดูผ่านๆเหมือนเป็นบ้านคนมากกว่าร้านอาหารซึ่งจะมีอะไรให้เราทานบ้างนั้นเข้าไปดูด้านในกันครับ

อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าเป็นแค่บ้านสีขาวขนาดเล็กที่ตกแต่งสไตล์สวนด้วยน้ำพุหินตรงหน้าประตูทางเข้าส่วนด้านในตามกำแพงเต็มไปด้วยต้นไม้เน้นสีเขียวชอุ่มเพิ่มเติมความสดใสสวยงามด้วยดอกไม้นานาพรรณ โต๊ะเป็นไม้แท้-เก้าอี้เหล็กโครงสีดำคลุมด้วยหนังสีน้ำตาลแข็งแรงนั่งสบายผนังสีขาวสะอาดตกแต่งด้วยชุดโคมไฟโทนสีส้มๆให้ความอบอุ่นเปิดแอร์เย็นฉ่ำพร้อมพัดลมช่วยระบายอากาศ โดยรวมคล้ายกับร้านคาเฟ่ธีมสวนดอกไม้สามารถถ่ายรูปอวดเพื่อนๆใน Social ได้อีกหลายมุม ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการเพียงแค่ 7 โต๊ะเท่านั้นจึงขอแนะนำว่าให้โทรมาจองก่อนเพราะถ้า Walk In เข้ามาทางร้านไม่รับประกันว่าจะมีที่นั่งอีกครั้งเมื่อไหร่ รวมถึงจะได้เตรียมวัตถุดิบให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันเพื่อความสดใหม่อย่างสม่ำเสมออีกด้วย วันนี้เราตั้งใจมาถึงก่อนเปิดร้านเวลาเที่ยงตรงเพื่อมาเก็บบรรยากาศก่อน (จะได้ไม่เป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่นเกินไป) เสร็จแล้วก็เริ่มสั่งอาหารที่อยากทานกันเลยครับ

รายการบุฟเฟ่ต์ถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ 1. ราคา 599 บาท สั่งอาหารได้ทั้งหมด 7 หมวดได้แก่ นึ่งเผา-ยำดอง-ผัดทอด-ต้มแกง-ข้าว-เครื่องดื่มและขนมหวานรวม 40 เมนู 2. ราคา 799 บาท สั่งอาหารได้เพิ่มขึ้นมาอีก 1 หมวดเพิ่มเติมทั้ง กุ้งลายเสือ/กั้งกระดาน/ปูม้า/ปูไข่/ปลาแซลมอน/หอยเชลล์ และปูไข่ดอง (คนส่วนใหญ่มาก็มักจะทานแต่ราคานี้) 3. ราคา 999 เพิ่มอาหารมาอีกเพียง 1 รายการคือ "กุ้งมังกรเผาชีส" เสิร์ฟ 1 ตัวต่อคนเท่ากับจ่ายแค่ตัวละ 200 บาทก็ได้ทานแล้วถือว่าคุ้มมากๆ นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษที่พนักงานจะแจ้งก่อนสั่งว่ามีอะไรบ้างด้วย ส่วนบุฟเฟ่ต์ราคาเด็กส่วนสูงน้อยกว่า 80 ซม. ทานฟรี ส่วนสูง 80-120 ซม. กินบุฟเฟ่ต์ราคาไหนก็ตามทางร้านคิดแค่ 299 บาท ส่วนสูงเกินกว่านั้นคิดเป็นราคาผู้ใหญ่ตามเรทปกติ ทุกราคาสามารถนั่งทานได้รอบละ 2 ชั่วโมงเต็มๆ อยากทานเมนูไหนก็เขียนจำนวนลงในช่องว่างด้านขวาสุดของรายการนั้นๆเช่นเคยและอย่าลืมเขียนเลขที่โต๊ะด้านบนสุดของใบสั่งอาหารด้วย ส่วนเครื่องดื่มเป็นระบบบริการตัวเองเพราะมีวางไว้ให้ข้างโต๊ะทั้ง แก้วพลาสติก/หลอด/น้ำเปล่า/น้ำอัดลม(พร้อมที่เปิด)/กรรไกร/กระดาษทิชชู่/ช้อน-ส้อมกับจานอยู่ในลิ้นชักข้างๆรถเข็นหยิบเองได้เลย สิ่งที่สามารถขอน้องพนักงานเพิ่มได้คือ น้ำแข็ง/น้ำเก๊กฮวย/น้ำกระเจี๊ยบ/น้ำส้มคั้นสด(เนื้อส้มชิ้นใหญ่เต็มคำอร่อยมาก)/น้ำจิ้มซีฟู้ด 2 สูตร สีเขียวทำจากพริกสดเขียวสูตรหวานน้อยพอกลมกล่อน-สีแดงทำจากพริกสดสีแดงสูตรหวานฉ่ำแต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำเชื่อมหนักกระเทียมหอมมะนาวสดตีขึ้นจมูกทั้งคู่ถือว่าดีงาม ที่เหลือก็แค่รออาหารมาเสิร์ฟกันครับ

เมื่อเราสั่งอาหารตอนนี้ในครัวก็เริ่มวุ่นวายทันทีเริ่มจากซีฟู้ดบนเตาถ่านหน้าร้านก็ย่างกันใหม่ๆเทวัตถุดิบขึ้นแบบจัดเต็มตัวใหญ่โดยทางร้านรับมาสดๆน็อกน้ำแข็งก่อนนำมาปรุงอาหารจึงรับประกันได้เลยว่าสดทุกตัว ส่วนครัวปรุงเมนูอื่นๆก็เป็นอาคารหลังเล็กติดกับบ้านสีขาวที่เรานั่งอยู่ก็เริ่มมีเสียงตะหลิว-เคาะกระทะดังออกมาแต่ไม่รบกวนเข้าด้านใน ซึ่งอาหารทุกจานก็ถูกปรุงใหม่ตามสูตรที่เจ้าของร้านควบคุมเอาไว้เป๊ะแล้วถ้าเกิดมีความคิดครีเอทีฟอยากจะให้เอาเมนูนั้นผสมกับจานนี้หรือเปลี่ยนวัตถุดิบใหม่ แม่ครัวเขาทำให้ไม่ได้นะครับเพราะเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมดความสามารถในการพลิกแพลงอาหารไทยเป็นเมนูจานใหม่ๆเป็นศูนย์รวมถึงเป็นการรักษามาตรฐานที่ดีไปในตัวด้วย และเนื่องจากวัตถุดิบเขาเตรียมเอาไว้เป็นชุดๆพร้อมลงกระทะทันทีจึงเร็วทันใจ ตอนนี้อาหารเริ่มวางบนโต๊ะแล้วครับ

เริ่มต้นด้วยเมนูเผาที่เป็นของโปรดใครหลายๆคนคือ "กุ้งแม่น้ำเผา" ไซส์ขนาดประมาณ 10 ตัว 1 กิโลกรัม ย่างมาสุกฉ่ำกำลังดีหอมกลิ่นเตาถ่านหัวมันคละกับตัวหัวแก้วปนๆกันไป ที่สำคัญเลยก็คือไม่เจอตัวที่เนื้อยุ่ยหรือมีกลิ่นตุแม้แต่ตัวเดียวถือว่าดีเกินคาดมากครับ "กั้งกระดานเผา" ตัวใหญ่เนื้อแน่นเด้งเคี้ยวสู้ฟันทุกตัวแถมมีบางอันเจอแจ๊กพอตมีไข่เป็นครีมมันๆตรงหัวด้วย ใช้กรรไกรตัดตามร่องเนื้อหลุดออกเป็นก้อนเคี้ยวเต็มคำทานง่ายแตกต่างจากร้านทั่วไปเลยครับ จานต่อมาใบเมนูเขียนว่า "หอยหวานเผา" ที่จริงมันคือหอยหมากนำมาเผาจนสุกกำลังดีเนื้อเด้งๆกรุบกรอบสู้ฟันหอมกลิ่นถ่านและไม่มีกลิ่นแอมโมเนียแบบร้านบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดราคาถูกๆ ความสดถือว่าวางใจได้เลยครับผม

ยังต่อกันที่ซีรีส์ซีฟู้ดเผาซึ่งจานต่อไปถือเป็นวัตถุดิบราคาแพงแต่ทางร้านเอามาเสิร์ฟให้ทานเป็นบุฟเฟ่ต์คือ "กุ้งลายเสือเผา" เป็นกุ้งลายเสือความสดเด้งอาจจะไม่เท่าตัวที่เพิ่งน็อกน้ำแข็งมาใหม่ๆแต่ยังคงความกรุบกรอบสู้ฟันได้ดีตามที่ควรจะเป็นเหมือนเดิม ตอนย่างในเตาเห็นบางตัวหัวหลุดนึกว่าจะไม่ค่อยสดแต่พอทานจริงแล้วถือว่าเกินคาดมากครับ ตามมาด้วย "ปลาหมึกย่าง" ร้านอื่นอาจจะใช้ปลาหมึกกล้วย-ปลาหมึกศอกแต่ร้านนี้เอาปลาหมึกกระดองมาย่างเสิร์ฟให้ เนื้อแน่นเหมือนเป๋าฮื้อหอมกลิ่นถ่านเด้งกรอบสู้ฟันเข้ากับน้ำจิ้มซีฟู้ดทั้ง 2 สูตรของทางร้านได้ดีสุดๆ ต่อกันที่ "หอยเชลล์ย่างเนย" ถ้าใครเคยไปทานตามริมชายหาดบอกได้เลยว่าไซส์นี้ราคาค่อนข้างแพงเพราะใหญ่หนาเนื้อเด้งสู้ฟันหอมกลิ่นเนยกระเทียมทานเปล่าๆก็อร่อยหรือจะราดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปก็แซ่บนัวสุดๆ "หอยนางรมสด" ที่ตัวไม่ใหญ่นักแต่ความสดถือว่าดี มาพร้อมหอมเจียวกับน้ำพริกเผาและหากอยากได้ยอดกระถินก็สามารถขอเพิ่มได้อีก โดยรวมแล้วยังคงความยิ่งใหญ่สดเด้งเอาไว้เหมือนเดิมแต่ความเซอร์ไพรส์ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่นอนครับผม

ที่เราตั้งใจมาก็เพื่อสิ่งนี้ "ปูม้านึ่ง" เห็นว่าช่วงนี้ค่อนข้างหายากและบางวันก็อาจจะไม่มีต้องโทรมาสอบถามก่อน เสิร์ฟไซส์ใหญ่พิเศษประมาณราคากิโลกรัมละ 600-700 บาท (ถ้าใครเคยไปซื้อปูม้าตามตลาดแถวริมทะเลน่าจะรู้กันดี) ตัวใหญ่ประมาณ 1 ฝ่ามือแบบนี้เอามาเสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์ถือว่าไม่ธรรมดาอีกทั้งยังสดเนื้อหวาน-เยอะมาก ทานสักคนละ 1 กิโลกรัมยังงงเลยว่าเค้าจะเอากำไรมาจากไหนหนอ ที่ตกใจอีกอย่างก็คือ "ปูเนื้อนึ่ง" แบบเดียวกับที่ขายในภัตตาคารจีนราคาแพงไซส์ใหญ่เต็มฝ่ามือขนาดนี้อยู่ในบุฟเฟ่ต์ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 599 บาท โดยทางร้านเอาปูตัวเมียที่ไม่มีไข่มานึ่งเสิร์ฟให้เนื้อเลยไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ แต่มีให้ทานด้วยในราคาเพียงเท่านี้ก็ว้าวมากๆแล้วครับผม

ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาแกะเนื้อปูเองโดยเปล่าประโยชน์ก็ข้ามไปที่บุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 799 บ.ก็จะมี "ปูม้าถอดเสื้อ" ให้ทานได้ไม่อั้นจัดเต็มมาทั้งกรรเชียง/ก้าม/อกกับมันปูแน่นเต็มจาน เป็นปูม้าไซส์ขนาดเล็กๆประมาณกิโลกรัมละ 400-500 บาทเอามาแกะเฉพาะเนื้อให้ทานง่ายๆส่วนความสดหวานอาจจะไม่เท่ากับที่ต้องแกะเองแต่ก็ถือว่าได้ความสะดวกรวดเร็วเพิ่มขึ้นมาแทนครับ จานต่อไปสาวกไข่ปูห้ามพลาดเลยก็คือ "ปูไข่นึ่ง" เป็นปูดำหรือปูป่าชายเลนคัดมาเฉพาะตัวที่มีไข่เน้นๆหอมมันราวกับกำลังทานไข่แดงเป็ดราดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปแบบฉ่ำๆทานคู่กับข้าวบอกได้เลยว่าสุดฟินถูกใจ ส่วนเนื้อไม่ค่อยมีตามสไตล์ตัวเมียเพราะถ้าอยากทานเนื้อแน่นๆต้องเลือกเป็นตัวผู้ก้ามใหญ่แทนครับ

จานต่อไปสั่งทานแค่คนละ 2 ตัวก็คุ้มกับราคาบุฟเฟ่ต์มื้อนี้แล้วคือ "ปูไข่ดองน้ำปลากวน" เป็นน้ำปลาหวานสูตรเฉพาะของทางร้านรสเค็มหวานกลมกล่อมเอามาดองกับปูไข่สดๆจนเข้าเนื้อ โดยเลือกใช้เฉพาะตัวเมียที่มีไข่สีเหลืองและส้มเต็มกระดองทานเปล่าๆก็อร่อยหรือจะเพิ่มความแซ่บจี๊ดสไตล์ไทยอีกหน่อยด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ฟิน ซึ่งไซส์ที่ขายกันในร้านอาหาร-ออนไลน์ประมาณนี้ตัวละ 400-500 บาท แต่แม่มังกรเอามาเสิร์ฟเป็นบุฟเฟ่ต์คือเกินคุ้มมากครับ นอกจากนี้ยังมีเมนูดองอื่นๆอีกทั้ง "ปูม้าดองน้ำปลากวน" ก็ใช้เป็นปูม้าไข่สีเหลืองแน่นๆแทน ซึ่งความหอมมัน/หวานฉ่ำยังไงก็ไม่สู้ปูดำหรือปูป่าชายเลนอยู่ดีแต่อยู่ในบุฟเฟ่ต์ราคา 599 บาทก็ทานได้แล้วถือว่าคุ้มเหมือนเดิม ถ้าไม่ชอบดูดปูแต่ยังอยากทานเมนูดองทางร้านก็มี "แซลมอนดองซีอิ๊ว" ซึ่งจะแตกต่างจาก 2 จานก่อนเพราะใช้โชยุผสมขิงในการแช่แทน แซลมอนหั่นเต๋าเนื้อนุ่ม-ฉ่ำไขมันน้ำซอสรสหวานเค็มกลมกล่อมเพิ่มความจี๊ดจ๊าดด้วยพริกสด/กระเทียมสไลด์บางและโรยงาขาวให้เป็นสไตล์ตะวันออกนิดนึงกินง่าย ราดซีฟู้ดเพิ่มอีกหน่อยก็อร่อยจรรโลงใจในทุกจานครับ

ใครเป็นสายซาชิมิร้านนี้เขาก็มีให้สั่งเป็น "ซาชิมิปลาแซลมอน" อยู่ในบุฟเฟ่ต์ราคาคนละ 799 บาท เป็นนอร์เวย์แซลมอนแล่มาแบบไม่ติดหนังสีน้ำตาลเนื้อเนียนละเอียดแทรกไขมันเป็นชั้นสวยงามเสิร์ฟพร้อมโชยุ/วาซาบิอร่อยฟินสไตล์ญี่ปุ่น หรือจะทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยเป็นยำ-แช่น้ำปลาก็อร่อยแซ่บดีไม่เลี่ยนทานได้อีกเพียบเลยครับ พูดถึงซาชิมิสไตล์ไทยก็ต้องสั่งมาเป็น "กุ้งแช่น้ำปลา" เป็นกุ้งขาวไซส์ใหญ่ประมาณกิโลกรัมละ 250-300 บาท เอามาผ่าหลังดึงเส้นดำออก/ลอกเปลือก/ดึงออกหัวราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปพร้อมทานเนื้อเด้ง-กรุบกรอบ ถ้าหากยังไม่รู้สึกสะใจก็เอาในถ้วยนั่นแหละราดลงไปแบบฉ่ำๆ ดูแล้วทางร้านน่าจะล้างเกลือแช่โซดามาอย่างดีทานได้สบายใจครับ

จานต่อไปเป็นเมนูพิเศษที่น้องพนักงานแจ้งเอาไว้เลยสั่งมาเป็น "หอยแมลงภู่ชิลีอบชีส" หอยแมลงภู่ชิลีตัวเล็กๆแต่เนื้อมันกว่าหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เอามาอบกับมอสซาเรลล่าชีสโรยด้วยออริกาโน่ให้อารมณ์เหมือนกำลังทานเมนูพิซซ่าอิตาลีรสเค็มมันๆเพลินดีมากจนต้องขออีกหลายจาน เมนูต่อไปเฉพาะบุฟเฟ่ต์ราคา 999 เท่านั้นจึงจะได้รับแค่ 1 ตัวต่อคนก็คือ "กุ้งมังกรเผาชีส" เป็นกุ้งมังกรตัวขนาดยาวประมาณ 1 ไม้บรรทัด เอามาผ่ากลางทาเนยจืดจากนั้นก็ท็อปปิ้งด้วยมอสซาเรลล่าชีสเค็มมันๆตัดกับเนื้อกุ้งมังกรเด้งกรอบฉ่ำเนยเข้ากันได้ดีสุดๆ ซึ่งบุฟเฟ่ต์ราคา 799 นั้นก็สามารถสั่งได้เพียงเพิ่มเงินอีกแค่ 200 บาทเท่านั้น แต่ถ้ามาทานบุฟเฟ่ต์ราคา 599 ไม่มีสิทธิ์สั่งและห้ามนั่งรวมกันกับราคาอื่นด้วย ส่วนตัวถือว่าคุ้มมากๆเพราะเคยทานที่หัวหินกุ้งมังกรตายไซส์นี้ราคาประมาณ 400-600 บาท แต่ร้านแม่มังกรเอามาขายแค่ตัวละ 200 แถมเนื้อแน่นเด้งไม่ยุ่ยหรือเหม็นแอมโมเนีย สมกับราคาที่จ่ายเพิ่มมากครับผม

จานต่อไปเป็นเมนูอยู่ในหมวดข้าวนั่นก็คือ "ข้าวผัดกุ้ง" และ "ข้าวผัดปู" พื้นฐานเป็นข้าวสวยผัดปรุงรสมากลมกล่อมเพิ่มไข่ไก่-แครอทเหมือนกันเปลี่ยนแค่ท็อปปิ้งด้านบนเป็นกุ้งขาวไซส์กลางและเนื้อจากอกปูแทน เราต้องสั่งมาเพราะจานหลังๆเป็น"กับข้าว"เกือบทั้งหมดแต่จะทานแค่ข้าวเปล่าก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้มจึงเลือกเป็นข้าวผัดแทนครับ เมนูถ้วยต่อมาเป็นซุปต่างๆเริ่มด้วย "ต้มยำกุ้ง" ทางร้านใช้กุ้งแม่น้ำไซส์กลางเนื้อแน่นมันเต็มหัวเอามาต้มยำให้ไขมันของกุ้งละลายลงในซุปผสมเครื่องสมุนไพรสด ปรุงรสให้เค็มอมหวานกลมกล่อมบีบมะนาวสดปิดท้ายกลิ่นหอมตีขึ้นจมูกรวมๆรสไม่ค่อยจัดมากจึงซดเล่นได้โล่งคอดีครับ "แกงส้มไข่ชะอมกุ้งสด" เป็นแกงส้มรสหวานอมเปรี้ยวกลิ่นหอมน้ำมะขามเปียกสัมผัสเหลวไม่ค่อยข้น (ใส่เนื้อปลาบดลงไปผสมนิดหน่อย) ไข่ชะอมแผ่นบางดูดซับน้ำซุปกับกุ้งตัวใหญ่เคี้ยวเด้งเต็มปากดีมากๆ โดยรวมแกงต่างๆในร้านไม่ได้ทำให้เป็นกับข้าวแต่เหมือนเอาไว้ซดแก้เลี่ยนมากกว่าครับผม

ยังคงอยู่ที่เมนูซุปคือ "แกงส้มไข่ปลาริวกิว" ปกติกิโลละ 600-800 บาทแต่เอามาเสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์ให้ทานไม่อั้นถือว่าว้าวมากแต่ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะผักที่ใส่ลงไปเป็นยอดมะพร้าวราคาแพงอีก ต้มมาพอสุกเป็นเนื้อครีมหอมมันละลายในปากรสชาติน้ำแกงก็เหมือนกับชามที่แล้วส่วนฤดูกาลอื่นที่ไข่ปลาหายากไม่แน่ใจว่าร้านจะมีเสิร์ฟไหม ใครที่เป็นแฟนตัวยงแนะนำว่าให้โทรมาถามเพื่อความชัวร์น่าจะดีที่สุดครับ จานต่อไปไม่ใช่ซีฟู้ดแต่ถ้าอยากซดซุปร้อนๆเราขอให้ลองสั่งคือ "กระดูกหมูตุ๋นเห็ดหอม" ที่ร้านน่าจะต้มด้วยหม้อแรงดันเพราะเนื้อหมูยังเป็นชิ้นแต่เอ็น/กระดูกอ่อนนุ่มละลายจนเกือบเป็นครีมแล้วรสชาติน้ำซุปหวานอ่อนๆมีกลิ่นเห็ดหอมทานง่ายซดร้อนๆคือดีต่อใจสุดๆ เมนูต่อไปก็เป็นจานพิเศษที่ทางร้านเสิร์ฟเฉพาะวันที่เราไปคือ "ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว" เป็นหมึกกล้วยไซส์กลางแต่ไข่อัดแน่นเต็มท้องเอามาบั้งแล้วนึ่งมะนาวสุดแซ่บเสิร์ฟร้อนๆควันขึ้นฉุย รสชาติก็คือแบบเดียวกับภัตตาคารซีฟู้ดชื่อดังเอามาเสิร์ฟให้สั่งได้ไม่อั้นแบบนี้มันคุ้มเกินไปแล้ว นั่งทานก็คิดด้วยว่าไปเอากำไรมาจากไหนเพราะคำนวณในหัวแทบไม่เหลือแล้ว

ปกติร้านอื่นจะเสิร์ฟเมนูนี้เป็นชิ้นหรือจำกัด 1 คนต่อตัว แต่ร้านนี้สั่งไปเลยไม่มีลิมิตนั่นก็คือ "ปลากะพงทอดน้ำปลา" ไซส์นี้อย่างน้อยขายในภัตตาคารราคาตัวละ 350 บาท เสิร์ฟพร้อมยำมะม่วงรสเปรี้ยวหวานใส่ถั่วลิสงทอดลงไปแบบจุกๆ ส่วนใครที่ไม่ทานเผ็ดหรือมีเด็กมาด้วยทางร้านเสิร์ฟพร้อมซอสซีอิ๊วขาวรสหวานนำเค็มลอยขิงสดหอมๆให้ทานคู่กันแทน กะพงทั้งตัวที่ว่าแพงแล้วทางร้านยังเอาวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยมมาเสิร์ฟอีกอย่างนั่นคือ "ปลาอินทรีแดดเดียวทอด" มาพร้อมซอสซีอิ๊วและยำแบบเดียวกับจานที่แล้ว ปลาอินทรีเนื้อแน่นๆมีไขมันแทรกชุ่มฉ่ำ-รสเค็มกำลังดีเหมาะสำหรับทานกับข้าวสวย-คลุกน้ำยำอร่อยเพลินสุดๆ ต่อกันด้วยของทอดอีกจานที่ประทับใจมากคือ "ปลาหมึกไข่แดดเดียวทอด" เป็นปลาหมึกกล้วยไข่แน่นเต็มท้องเอาไปแดดเดียวให้มีรสชาติเค็ม-กลมกล่อมและกำจัดความชื้นส่วนเกินออกไปก่อนจะนำไปชุบแป้งทอดกรอบ ทานเปล่าๆก็อร่อยหรือสาดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปก็แซ่บสะใจเป็นอีกจานที่ขอแนะนำเลยว่าต้องสั่งครับ ต่อกันที่ "ปูนิ่มทอดกระเทียม" ซึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่ปูนิ่มจากแมคโครแน่นอนเพราะมีเนื้อหวานนิดๆไม่เค็มเข้ากับแป้งทอดกรอบรสเค็มอ่อนๆได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีก 1 วัตถุดิบราคาแพงที่ทางร้านเอามาให้กินไม่อั้นอีกแล้ว "ทอดมันปลาอินทรีย์" เสิร์ฟมา 4 ชิ้นใหญ่เนื้อแน่น-ฉ่ำไขมันราวกับเค้กปลารสหวานเผ็ดถึงเครื่องแกงทานได้ทันทีแบบไม่ต้องเรียกหาน้ำจิ้มเพิ่มแต่อย่างใด ปกติไม่ค่อยชอบทานทอดมันแต่ร้านนี้ทำเอาติดใจเลยครับ

เมนูต่อไปก็ยังเป็นเมนูระดับภัตตาคารอย่าง "ปูผัดผงกะหรี่" โดยวันนี้ทางร้านใช้ปูม้า (อาจมีการปรับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน) ผัดมารสหวานเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นผงกะหรี่ผสมไข่และน้ำมันพริกเผาลงตัวไม่หอมมัน-เข้มข้นมากนักทำให้ทานได้เรื่อยๆไม่รู้สึกเลี่ยนจนเกินไป จานต่อไปก็ยังเป็นกับข้าวที่เราขอให้ลองสั่งอีกจานคือ "หมึกผัดไข่เค็ม" ซึ่งสูตรปกติจะน้ำแฉะดูไม่ค่อยน่าจะอร่อยแต่ร้านนี้ผัดมาแห้งตัวไข่ไม่เค็มจัดเคลือบปลาหมึกศอกหั่นมาท่อนใหญ่ทั่วทั้งชิ้นสุดกลมกล่อม พอชิมแล้วก็รู้เลยว่าทางร้านตั้งใจคัดเลือกวัตถุดิบต่างๆมากขนาดไหนเพราะแม้แต่ไข่เค็มที่ใช้ยังไม่ธรรมดาเลยครับ เมนูต่อมาคือ "กุ้งทอดซอสมะขาม" หลายร้านมักจะเสิร์ฟเป็นกุ้งแม่น้ำแต่ที่นี่เขาใช้กุ้งขาวเอาไปทอดจนเนื้อรัดแน่น-เด้งกรอบราดซอสมะขามรสหวานอมเปรี้ยวกรุบกรอบหอมเจียวทานง่ายๆราวกับขนมไม่เข้มข้นจนเกินไป จานของคาวอย่างสุดท้ายคือ "กุ้งอบวุ้นเส้น" เส้นเหนียวนุ่มหอมเครื่องสมุนไพรทั้งขิง/รากผักชี/กระเทียมและพริกไทยแบบจัดหนัก เคลือบเส้นให้เงางามด้วยหมูสามชั้นก่อนจะวางกุ้งแม่น้ำลงไปเป็นท็อปปิ้งด้านบน โดยรวมอร่อยทุกอย่างโดนใจทุกจานและความสดใหม่ของวัตถุดิบไม่เคยแผ่วลงแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องปริมาณที่เสิร์ฟทางร้านจะปรับให้ตามความเหมาะสมเช่นมา 1 คนก็หั่นปลาเป็นชิ้นแทนหรือถ้ามา 3 คนแบบเราก็ยกมาเลยเป็นตัวใหญ่อย่างที่เห็นในรีวิวนี้ คุณแม่เจ้าของร้านคุยสนุกคอนเทคแคร์ทุกได้โต๊ะดีมากๆและลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็น FC เดินทางตามมาจากไลฟ์สดเพื่อตั้งใจมาทานสาขานี้กับถ่ายรูปคู่กันเป็นที่ระลึก ตอนนี้เริ่มอิ่มแล้วมาสั่งของหวานปิดกันดีกว่าครับผม

ขนมหวานที่ร้านวันนี้ทับทิมกรอบ-ลูกตาลเชื่อมของยังไม่เข้า เลยสั่งเป็นที่เหลือมาทั้งหมดคือ "เค้กช็อกโกแลต" รสเข้มข้นหวานตัดขมกำลังดีคลายๆกับช็อกหน้านิ่มที่เราคุ้นเคย "เค้กไวท์ช็อกโกแลต" เนื้อบัตเตอร์เค้กสัมผัสแน่นๆปาดครีมวานิลาโรยหน้าด้วยเกล็ดไวท์ช็อกโกแลตหวานมันหอมเนย "บราวน์นี่หน้าช็อกโกแลต" คล้ายกับเค้กชิ้นแรกแต่ปริมาณช็อกโกแลตในเนื้อฉ่ำกว่าหน้าเป็นแค่เนื้อฟิล์มบางๆบีบครีมช็อกโกแลตเล็กน้อย ส่วนไอศครีมที่ร้านเอามาเสิร์ฟเป็นของเนสท์เล่ 3 รสชาติคือ ไมโล/สตรอเบอรี่และกะทิหอมหวานมันทุกรสชาติตามมาตรฐานและที่สำคัญคือสั่งได้ยาวๆตลอด 2 ชั่วโมง สำหรับบุฟเฟ่ต์ทุกราคาที่คิดยังไงก็คุ้มเว่อร์ สุดท้ายก่อนเรียกพนักงานคิดเงินมีโอกาสได้คุยกับเจ้าของร้านนิดหน่อยได้ความมาว่า วัตถุดิบทุกอย่างในร้านสดใหม่ทุกวันไม่ผ่านการแช่แข็ง/แช่ฟอร์มาลีน/สารอุ้มน้ำหรือ(ฟอสเฟต)/สารเด้ง(บอแร็กซ์)และสารฟอกขาว โดยส่งตรงจากชาวประมงพื้นบ้านไม่ผ่านบริษัทเรือใหญ่ๆวันต่อวันไม่เก็บค้างสต็อกเอาไว้สำหรับขายในวันถัดไปจึงสามารถควบคุมด้านราคา-คุณภาพได้ดีถึงขนาดนี้เลยครับ

มื้อนี้เรามาทานกัน 3 ท่าน บุฟเฟ่ต์คิดราคาคนละ 799 บ. และกุ้งมังกร 1 ตัว รวมเป็น 2,597 บ. ไม่มี Vat. หรีอ Service Charge มากวนใจ ดูจากของที่สั่งไปมือนี้บอกได้เพียงคำเดียวว่า "ไม่คุ้มตรงไหนเอาปากกามาวง" วัตถุดิบทุกอย่างสด 100% เพราะว่ามีเจ้าของร้านมาคุมด้วยตัวเอง น้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดอาหารปรุงสำเร็จอร่อยทุกจาน แสดงออกถึงความใส่ใจของทางร้านได้เป็นอย่างดี แต่คิดยังไงมื้อนี้ "แม่มังกร" ก็ไม่น่าเหลือกำไรแล้ว เอาคะแนนความอร่อย-คุ้มค่าไป 5 ดาวแทนคำขอบคุณละกันครับ 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 449 ซอยลาดพร้าว 87 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 064-162-5065


<นอกจากนี้ร้าน "แม่มังกร" ยังมีซีฟู้ดปิ้งย่าง/เดลิเวอรี่ มีอีก 2 สาขาก็คือ ประชาสงเคราะห์ 16-รามคำแหง 127>


อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 20,724 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page