ร้านที่เราจะมารีวิวในวันนี้เป็นการรำลึกความหลังครั้งวัยวัยเยาว์ เพราะเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนผมอยู่โรงเรียนประจำแถวดุสิต ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ผู้ปกครองก็จะมารับพาออกไปเที่ยว-ทานข้าวด้านนอกซึ่งเวลามีจำกัดก็หนีไม่พ้นร้านใกล้ๆ หนึ่งในร้านประจำที่ผมเคยมาทานได้แก่ "มะยอดผัก ราดหน้าราชวัตร" พอจะจำรสชาติได้ว่าหมูนุ่มอร่อยเส้นใหญ่เคี้ยวเหนียวหนึบคะน้ากรุบกรอบมีกลิ่นหอมควันกระทะ โดยปัจจุบันร้านนี้มีอายุต่อเนื่องมายาวนานกว่า 65 ปี แปลว่าถ้าไม่อร่อยจริงๆเขาคงไม่สามารถเปิดต่อมาได้ยาวนานขนาดนี้ ก็เลยตัดสินใจพาครอบครัวมาทานเพื่อรำลึกความหลังกันที่ร้านนี้ว่าจะอร่อยเหมือนเดิมหรือไม่ วิธีการเดินทางมาง่ายๆตัวร้านตั้งอยู่บนถนนนครไชยศรีใกล้กับสะพานราชวัตรตรงข้ามธนาคารกรุงเทพก่อนถึงตลาดราชวัตร หากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถจอดข้างทางได้เลยแต่ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลงสถานี MRT สามยอดแล้วเรียกรถมาประมาณ 5 กิโลเมตร ถ้าลงสถานี MRT สิรินธรหรือบางซื่อแล้วเรียกรถต่อมาอีกประมาณ 4 กิโลเมตรก็ถึงหน้าร้านแล้วครับ ตอนนี้ร้านก็ขยายใหญ่ขึ้นเป็น 2 คูหาเปิดอยู่ใกล้ๆกันมีโต๊ะให้นั่งหลากหลายจุดเลือกกันได้ตามใจและเขาไม่ได้มีขายแค่ราดหน้ากับผัดซีอิ๊วเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มีเมนูใหม่อะไรเพิ่มเติมมาให้เราสั่งทานบ้างไปเดี๋ยวเข้าดูด้านในร้านพร้อมกันเลยครับผม
เมนูในร้านปัจจุบันนี้อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าไม่ได้มีแค่ราดหน้ากับผัดซีอิ๊วเหมือนเมื่อก่อน แต่ได้เพิ่มมาอีกหลายรายการทั้งกับข้าวสั่งเป็นจาน/ยำร่วมสมัย/อาหารตามสั่ง/ลูกชิ้นปิ้ง/ปลาหมึกย่าง/ข้าวต้ม โดยทุกเมนูเขาเน้นใช้หมูหมักนุ่ม/ไก่หมักนุ่ม/เนื้อหมักนุ่มไปจนถึงอาหารทะเลสดๆทำให้มีจุดเด่นไม่เหมือนกับร้านไหน เมนูราดข้าวเริ่มที่ 65 บาท ถ้าสั่งเป็นกับข้าว 100-180 บาท (ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้) ราดหน้า-ผัดซีอิิ๊วราคาเริ่มต้นที่ 90 บาทแพงสุดที่ราคา 200 บาทเป็นเมนูซีฟู๊ด ที่สำคัญคือทุกจานเขาเน้นเลยว่า"ไม่ใส่ผงชูรส" ถือว่าเป็นร้านที่มีเมนูราคาสูงและพอรับได้ปนๆกันไปถ้าอยากอิ่มแบบประหยัดก็เลือกสั่งหน่อยแต่ถ้าอยากจัดเต็มก็สั่งให้เต็มที่เลย ส่วนตัวแล้วถือว่าเป็นราคาที่ยอมรับได้ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไปแถมมีเมนูให้เลือกหลากหลายทำให้มาทานได้บ่อยๆอีกถือว่าดีมากเลยครับ
บรรยากาศภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 คูหาถ้าอยากได้ความหรูหราสไตล์จีนหน่อยก็ไปนั่งในตึกใหม่ แต่ถ้าอยากได้ความคลาสสิคก็มานั่งร้านต้นตำรับผนังปูนเปลือยดูมีมนต์ขลัง หรืออยากนั่งรับลมธรรมชาติเย็นๆก็มีโต๊ะเรียงอยู่ริมถนนนครไชยศรี ส่วนเราอยากมารำลึกความหลังจึงเลือกนั่งในตึกต้นตำรับอยากทานอะไรก็เริ่มสั่งกันได้เลยครับ
วันที่เรามารุ่นที่ 2 เป็นคนลงมือทำราดหน้าหมูนุ่มด้วยตัวเอง แอบไปดูเคล็ดลับในหน้า Facebook ของทางร้านเริ่มจากถ่านที่เขาใช้เป็นไม้โกงกางที่ให้ไฟแรงสูงยิ่งมีมอเตอร์เป่าลมหลังครัวยิ่งโหมไฟแรงหนักขึ้นอีก วางกระทะที่รมดำแล้วบนเตาตามด้วยน้ำมันหมูแล้วลงเต้าเจี้ยวลงไปผัดจนมีกลิ่นหอม ก่อนจะใส่เคล็ดลับสูตรไม่ใส่ผงชูรสของร้านลงไปคือ "ซุปกระดูกหมู" ที่เคี่ยวเป็นเวลานานทำให้ได้ซุปหมูที่มีความอูมามิตามธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ซุปสำเร็จรูป ตามด้วยผักคะน้าต้นใหญ่พิเศษที่ร้านบอกกว่าคัดเอาแต่ก้าน/ใบ/ยอดอ่อนและปอกเปลือกแข็งเพื่อไม่ให้มีเสี้ยนเวลาทานแล้วล้างให้สะอาดด้วยน้ำขี้เถ้าจากถ่านจึงได้ความกรอบและสะอาดไร้สารตกค้าง (จะจริงเหมือนว่าไว้ไหมเดี๋ยวไปชิม) ตามด้วยหมูหมักสูตรลับของที่ร้านลงไปผัดจนสุกปรุงรสด้วยน้ำตาลกับน้ำซอสอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ราดแป้งมันละลายน้ำตักใส่หม้อเสิร์ฟเมื่อมีลูกค้าสั่ง ดูแล้วเคล็ดลับค่อนข้างเยอะสมราคาแต่จะอร่อยไหมต้องรอชิมครับ
จานต่อมาหลายๆคนบ่นว่าผัดซีอิ๊วร้านนี้แฉะๆก็แน่นอนครับเพราะเขาใช้ซุปสูตรพิเศษแทนผงปรุงรสหมู เริ่มต้นด้วยจากลงน้ำมันหมูที่ร้านเขาเจียววันต่อวัน (มีกากหมูขายหน้าร้านถุงละ 25 บาท) ผัดหมูหมักกับเต้าเจี้ยวให้มีกลิ่นหอมตามด้วยคะน้าและซุปหมู ปรุงรสด้วยน้ำตาลกับซีอิิ๊วดำตามด้วยเส้นใหญ่และไข่ไก่ผัดจนแห้งก็พร้อมเสิร์ฟลงในจาน เราก็จะได้ผัดซีอิ๊วหมูสูตรของร้านมะที่มีความฉ่ำซุปหมูนิดๆหอมกลิ่นคั่วกะทะหน่อยๆ เดี๋ยวไปชิมที่โต๊ะกันครับ
กลับมาที่โต๊ะมาเปิดดูกล่องเครื่องปรุงกันก่อน ร้านอาหารที่ดีจากประสบการณ์แล้วเครื่องปรุงมักจะไม่ค่อยลดลง (ร้านนี้แทบไม่มีอะไรลดลงเลยนอกจากซอสพริก) มีเครื่องปรุงให้เลือกใส่มากมายทั้งพริกป่น/น้ำตาล/น้ำส้มดองพริกเหลือง/ซอสพริก/แม็กกี้/พริกไทย/น้ำปลาและพริกน้ำปลา ที่น่าสังเกตอีกอย่างนึงคือน้ำปลาที่ร้านมีสีเข้มข้นแต่พอได้ลองชิมดูแล้วมีความหอมฟุ้งรสเค็มอ่อนๆคาดว่าน่าเป็นน้ำปลาคุณภาพดีแต่ที่ร้านไม่ติดยี่ห้อเอาไว้ (ไม่งั้นจะซื้อตามสักหน่อย) ส่วนเครื่องดื่มที่ร้านมีน้ำเปล่าวางใส่เหยือกเอาไว้ให้บนโต๊ะฟรีแต่น้ำแข็งเสียเงิน ตอนนี้อาหารก็ทยอยออกมาแล้วมาเริ่มชิมจากจานแรก "ผัดซีอิ๊วเส้นใหญ่หมู" ราคา 100 บาท เป็นผัดซีอิ๊วรสหวานหอมกลิ่นซีอิ๊วดำเส้นใหญ่เคี้ยวเหนียวหนึบหอมกลิ่นควันเข้ากันได้ดีกับความนุ่มของไข่กรุบกรอบคะน้าต้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำได้เป็นอย่างดี หมูหมักของที่ร้านนี้ไม่นุ่มหรือเด้งจนเป็นเยลลี่แต่มีความเป็นเนื้อหมูนุ่มเคี้ยวง่ายไม่มีกลิ่นเบคกิ้งโซดาแบบหลายร้าน พอจะเข้าใจแล้วว่าหมูหมักสูตรราชวัตรแท้ๆมันต่างจากที่อื่นยังไง จานต่อไปก็คือ "เส้นหมี่ราดหน้าเนื้อ" ราคา 140 บาท เส้นหมี่ขาวผัดกระทะหอมๆทานคู่กับน้ำราดหน้ารสหวานเค็มละมุนกลมกล่อมหอมกลิ่นเตาถ่านกรุบกรอบยอดผักที่ถึงแม้ว่าจะให้มาก้านใหญ่แต่ก็ไม่ได้เคี้ยวยากอย่างที่คิด หวานกรุบกรอบเคี้ยวเต็มคำตามโฆษณาไม่จกตา จุดที่พีคสุดในจานนี้คือเนื้อหมักที่อร่อยนุ่มเหมือนเนื้อหมักในร้านอาหารจีนดีๆไม่มีกลิ่นสาบคาวแถมปรุงมาสุกนุ่มอมชมพูสวยงาม อร่อยถึงขนาดที่เราต้องสั่งกลับบ้านอีก 1 ที่กันเลยทีเดียว จานต่อไปก็เป็นอาหารตามสั่งเมนูเด็ดอย่าง "หมูผัดพริกเหลืองราดข้าว" ราคา 65 บาท เพิ่มไข่ดาวไม่สุกอีก 15 บาท เป็นหมูหมักชิ้นใหญ่สูตรของทางร้านผัดกับต้นหอมและพริกเหลืองปรุงรสมาหวานเค็มกลมกล่อมทานคู่กับข้าวสวยและไข่ดาวไม่สุก โดยรวมแล้วถือว่ารสชาติดีให้ปริมาณเยอะสมราคา ใครเบื่อเมนูราดหน้า-ผัดซีอิ๊วแต่อยากทานอาหารตามสั่งที่ทำจากหมูหมักถือว่าอร่อยเลยครับ
เมนูต่อมาเป็น "เส้นใหญ่ราดหน้าใส่ไข่" ราคา 100 บาท เป็นเส้นใหญ่ผัดกับไข่ไก่หมกคล้ายกับก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ก่อนจะราดด้วยน้ำราดหน้าหมูหมักสูตรของที่ร้าน ถ้าไม่ได้ทานราดหน้าเนื้อจากแรกก็จะถือว่าเมนูนี้อร่อยกลมกล่อมให้ปริมาณหมูและผักคะน้าชิ้นใหญ่กรุบกรอบเยอะสมราคาดีแต่เนื้อวัวหมักรสชาติเข้มข้นกว่าเนื้อหมูหมัก แนะนำว่าถ้ามาร้านนี้แล้วได้ลองเมนูราดหน้าเนื้อแบบผมจะหลงจนทานเมนูอื่นไม่ได้แล้วครับ เมนูต่อไปเป็นของคุณแม่ผมขอเพิ่มความหรูหรานิดๆเป็น "บะหมี่เหลืองทอดกรอบราดหน้าหมู+กุ้ง" ราคา 195 บาท เป็นราดหน้าหมูทานคู่กับเส้นหมี่เหลืองทอดกรอบเพิ่มกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่เนื้อแน่นเคี้ยวเต็มคำมาอีก 3 ตัว แต่ชามนี้ปริมาณเยอะมากๆเลยสั่งเส้นหมี่ขาวทอดกรอบราคา 20 บาทมาทานอีกจาน เส้นทอดมากรอบใหม่ไม่มีกลิ่นหืนเข้ากับราดหน้าทำใหม่ได้ดีเลยครับ
หมดเมนูจานหลักก็ต้องสั่งของทานเล่นมาชิมเพิ่มเติมว่าจะเป็นยังไงบ้างเริ่มจาก "ปอเปี๊ยะสด" ราคา 50 บาท เป็นแป้งปอเปี๊ยะสดสอดไส้แตงกวา/ถั่วงอก/กุนเชียง/เต้าหู้ต้มพะโล้/ไข่เจียวหั่นเส้นอัดแน่นเต็มชิ้นราดด้วยน้ำซอสรสหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อมทานคู่กับผัดเคียงสดๆอร่อยสดชื่นดี เมนูต่อไปเรียกได้ว่าราคาถูกสุดๆคือ "ลูกชิ้นย่าง" หมูล้วนราคาไม้ละ 10 บาท เนื้อและเอ็นเนื้อราคาไม้ละ 15 บาท ย่างมาร้อนๆเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มมะขามเปียกรสเปรี้ยวหวานแต่ไม่หวานหนืดในลำคอเวลาทาน ลูกชิ้นเนื้อแน่นเด้งไม่รู้สึกถึงความเป็นแป้งผสมแบบร้านอื่นที่ขายตามท้องถนน มาที่ร้านนี้แวะซื้อแค่ลูกชิ้นปิ้งนั่งทานในร้านหรือสั่งกลับไปทานที่บ้านก็เป็นอีกความคิดที่ไม่เลวเลยครับผม
เมนูต่อมาเป็นอีกจานที่ไม่คิดว่าจะมีขายในร้านก็เลยสั่งมาลองคือ "ปลาหมึกย่างไซส์ L" ราคา 200 บาท หมึกกระดองหมักซีอิ๊ว+ขมิ้นตัวใหญ่ๆเนื้อแน่นย่างมาสุกหอมเตาถ่าน ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสชาติเปรี้ยวหวานๆหอมพริกสดและกระเทียมสดชื่น น่าแปลกที่น้ำจิ้มของร้านนี้รสชาติหวานแต่ไม่หนืดคอแบบหลายๆร้านเป็นหวานใสๆที่ทานได้เรื่อยๆส่วนบ้านผมทานรสหวานอยู่แล้วเลยชอบน้ำจิ้มรสชาติแบบนี้เป็นพิเศษครับ จานสุดท้ายน้องพนักงานแนะนำมาว่ามาแล้วต้องสั่งคือ "เนื้อสะดุ้ง" ราคา 70 บาท ตอนเสิร์ฟมาหน้าตานึกว่าเนื้อผัดกะปิแต่พอทานจริงๆแล้วมันก็คือเนื้อวัวหมักนำมารวนสุกในกระทะราดด้วยน้ำยำรสเปรี้ยวหวานผสมพริกขี้หนูและกระเทียมสดทานกับใบโหระพาให้ความสดชื่น สิ่งที่ทำให้แตกต่างจากยำทั่วไปคือน้ำหมักของเนื้อเข้มข้นหอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆผสมเข้ากับน้ำยำจึงทำให้อร่อยกลมกล่อมไม่เหมือนร้านไหน อร่อยดีงามสมควรกับที่น้องพนักงานบอกมาว่าห้ามพลาดเลยจริงๆครับผม
มื้อนี้สั่งกันเต็มโต๊ะอิ่มกันถ้วนหน้า 4 คนจ่ายไปทั้งหมด 1,058 บาท (ตกคนละประมาณ 260 บาท) ถ้าหากคิดว่าแค่มาทานร้านราดหน้าทั่วไปถือว่าแพงแต่พอมาดูรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแล้วส่วนตัวถือว่าสมราคา ตั้งแต่ขั้นตอนการทำ/วัตถุดิบที่ใช้และรสชาติถือว่าอร่อยดีถึงแม้จะไม่ใส่ผงชูรส ก่อนกลับบ้านอร่อยติดใจมากๆเลยสั่งข้าวหมูทอดกระเทียมราคา 65 บาท ยำหมูยออุบลกุ้งสุกไข่แดงเค็มไส้กรอกอีก 200 บาท ราดหน้าเส้นใหญ่ใส่หมู 90 บาท และหมี่กรอบราดหน้าเนื้อกลับบ้านอีก 170 บาท เอากลับไปไว้ทานในพรุ่งนี้ โดยเมนูซุปถูกใส่ในถุงส่วนเมนูข้าวถูกห่อในใบตองและกระดาษดูเอาใจใส่ดี สุดท้ายเราได้ยืนคุยที่หน้าร้านกับเจ้าของร้าน "มะยอดผัก ราดหน้าราชวัตร" รุ่นที่ 2 เรื่องรีวิวเก่าๆที่หลายคนมักจะบอกว่าสูตรปัจจุบันอร่อยไม่เท่ากับรุ่นพ่อเขายอมรับว่ารสชาตินั้นไม่เหมือนกัน 100% เพราะสมัยก่อนใช้ผงชูรสจำนวนมากรุ่นเขาจึงปรับให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น การเลือกและการเตรียมวัตถุดิบต่างๆก็ใช้สูตรเดียวกับรุ่นพ่อจึงทำให้สามารถอยู่ต่อมาได้อีกยาวแม้คุณพ่อเขาเสียไปยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว เรียกได้ว่าอร่อยและได้รับสุขภาพที่ดีขึ้นแบบนี้ก็รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 775/1 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด 2 ช่วงเวลาคือ 10.00-14.00 น. และ 16.00-22.00 น.
โทร. 02-241-1860 Facebook : https://bit.ly/34uTDgP
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments