top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "Ma Ichi" (พหลโยธิน 5) ต้นตำรับซูชิหน้าล้นสไตล์ญี่ปุ่น-อเมริกาจับคู่ไวน์และชีสบอร์ดสุดแปลกใหม่

อัปเดตเมื่อ 20 มิ.ย. 2566



เนื่องจากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์เลยรบกวนให้คุณแฟนช่วยค้นหาร้านใหม่เพื่อรีวิวตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสจนมาพบ "Ma Ichi Urban Eatery" เจ้าของเดียวกับ "The Gallery Sushi Bar" ต้นตำรับซูชิคำยักษ์หน้าล้นไม่ตรงปกแต่ขายราคาไม่แพงอย่างที่คิดตรงถนนลาดพร้าววังหิน ถูกรังสรรค์โดยเชฟแก้วกฤษฎา ชิตรัตน์ผู้มีประสบการณ์ในภัตตาคารญี่ปุ่น ณ เมืองชิคาโกสหรัฐอเมริกากว่า 7 ปีเต็ม มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์แรกเดิมนั่นก็คือการจับคู่อาหารสไตล์ Japanese Fusion ให้เข้ากับ Wine , Cold Cuts หรือชีสบอร์ดซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ตั้งอยู่ตรงโครงการ Feast. พหลโยธินซอย 5 (ราชครู) ชั้น 2 โดยได้รวบรวมสตรีทฟู้ดเจ้าเด็ดเอาไว้ด้านล่างอีกเพียบ วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุด-ขับตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดให้บริการถึง 2 จุดคือ 1. อาคาร NEP ฟรีเมื่อมีตราประทับ 18.00-24.00 น. และส.-อา. 11.00 น.เป็นต้นไป 2. Pearl Building ประทับตราจอดฟรี 1 ชม.หลังจากนั้นคิดราคาชม.ละ 50 บาท แล้วออกแรงเท้าอีกประมาณ 200 เมตร ถ้าใช้ระบบขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีอารีย์เรียกแท็กซี่-มอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือจะเดินก็ได้เพราะห่างจากจุดหมายเพียงแค่ 350 เมตรเท่านั้น เข้าโครงการผ่านร้านค้าด้านล่างมากมายตรงขึ้นบันไดชั้นสองเป้าหมายของเราอยู่ทางขวามือครับ

ความเป็นมาของร้าน "Ma Ichi Urban Eatery" นั้นเกิดจากการเล่นคำศัพท์ 2 ภาษาก็คือ 1. Ma หรือ "มา" ในภาษาไทยหมายถึงการเดินทางเข้าหาความอร่อย 2. Ichi (อิชิ) ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "อันดับหนึ่ง" ทางด้านรสชาติ/คุณภาพ/บริการและให้ประสบการณ์อันแปลกใหม่ซึ่งหาไม่ได้จากเจ้าอื่น เครื่องหมายสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ได้แก่ "หมาป่า" เพราะมีพฤติกรรมตามธรรมชาติที่ออกล่าเหยื่อ-ใช้ชีวิตอาศัยเป็นฝูงขนาดใหญ่สะท้อนถึงการจับกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน เปรียบเสมือนแหล่งพบปะสังสรรค์สำหรับเหล่าเพื่อนฝูงหรือครอบครัวได้ใช้เวลาอันมีค่าไปกับมื้ออาหารสุดพิเศษ ด้วยความรักกับฝันที่อยากมีร้านของตัวเองจึงเปิด "The Gallery Sushi Bar" ก่อนจะเกิดแบรนด์นี้ตามมาภายหลัง โดยแบ่งพื้นที่ให้บริการออกเป็นสองส่วนหลักนั่นคือ 1. Out Door ลานกว้างข้างนอกหน้าประตูทางขึ้นบันไดโครงการ Feast. (ราชครู) ชั้น 2 เหมาะสำหรับนั่งรับประทานอาหารสุดชิลและรับลมโชยเย็นจากธรรมชาติในวันที่อากาศปลอดโปร่ง 2. ห้องกระจกซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นชุ่มฉ่ำคอยต้อนรับลูกค้าทุกท่านครับ

เปิดประตูเดินผ่านบานกระจกเข้ามาก็จะพบกับบรรยากาศภายในร้าน "Ma Ichi Urban Eatery" แสนกว้างขวางเพดานสูงโปร่งพิเศษให้ความรู้สึกโล่งดูสบายตาสุดๆแทบจะเรียกได้ว่าเหมาบริเวณชั้น 2 ของโครงการ Feast. พหลโยธินซอย 5 (ราชครู) เกือบทั้งหมด ตกแต่งด้วยสไตล์ Loft & Modern ผสมความมินิมอลแบบญี่ปุ่นได้อย่างลงตัวทุกมุม เริ่มต้นกันที่พื้น,เคาน์เตอร์ถูกปูและก่อขึ้นจากปูนเปลือยขัดจนมันวาวมนจนไร้สันเหลี่ยมคม/ชั้นวางของกับเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเลือกใช้เฉพาะลายไม้กับหินอ่อนโทนสว่างเพิ่มต้นไม้ประดับเน้นชนิดใบสีเขียวกระถางเล็กแขวนห้อยระย้าลงมาจากเพดาน/ผนัง-ฝ้าทาด้วยสีขาวครีมอ่อนๆพร้อมหน้าต่างบนกระจกขนาดใหญ่ติดลูกกรงกันนกเข้ามายึดทำรังรอบด้านช่วยรับเปิดแสงแดดธรรมชาติให้สาดส่องเข้ามาอย่างละมุน,นุ่มนวลดูสวยงามเหมาะแก่การโพสท่าถ่ายรูปลงโซเชียล รองรับลูกค้าได้ตั้งแต่สายลุยเดี่ยวนั่งดื่มชิลๆตรงบาร์ยาว/คู่รักกำลังมองหาสถานที่ทานอาหารพร้อมรับประสบการณ์สุดพิเศษหรือกลุ่มครอบครัว-เพื่อนฝูงต้องการจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ก็สามารถโทรจองล่วงหน้าเพื่อขอให้จัดโต๊ะ,กั้นโซนได้ตามใจ โดยรวมถือว่าเป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นสุดมินิมอลที่เข้ากับย่านอารีย์แห่งนี้ได้ดีมากครับ

นอกจากเมนูอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่นอเมริกาซึ่งเป็น Signature ที่ทางร้านอยากนำเสนออยู่แล้วการจับคู่ให้เข้ากับ Wine และ Cold Cuts หรือชีสบอร์ดต่างๆนำเข้าจากต่างประเทศ โดยวัตถุดิบในแต่ละวันนั้นจะถูกสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆขึ้นอยู่กับฤดูกาลผลิตรวมถึงสถานการณ์ของโลกช่วงปัจจุบัน วางในตู้แช่เย็นกระจกโปร่งใสบานขนาดใหญ่จัดเรียงเอาไว้อย่างสวยงามคล้ายแผนกผลิตภัณฑ์แปรรูปบนซูเปอร์มาร์เก็ตพร้อมแปะป้ายราคาทั้งซาลามี่/แฮม/ชีสแต่ละชนิดเอาไว้ชัดเจน จำหน่ายเริ่มต้นที่ 50 กรัมราคาเลือกได้ตั้งแต่ 99-350 บาท แถมฟรีอัลมอนด์/ถั่ววอลนัต/องุ่นสดไร้เมล็ด/ผลไม้ยุโรปตากแห้ง/มะกอกเขียว-ดำแช่น้ำเกลือ/ขนมปังแคร็กเกอร์แผ่นบางจัดตกแต่งให้สวยงามตามความเหมาะสม (ถ้ารู้สึกว่าทานไม่พอก็ขายแยกต่างหาก) จุดเด่นเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งนั่นคือวัตถุดิบทุกๆรายการถูกนำเข้าตรงโดยคัดเลือกเฉพาะแหล่งผลิตโฮมเมดคุณภาพสูงจากแบรนด์พื้นบ้านขนาดเล็กซึ่งไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรมใหญ่โตจึงมีความพิถีพิถันและรสชาติดีกว่าแบบสุดขั้ว ส่วนไวน์เลือกได้เองทั้งแดง,ขาว,โรเซ่,สปาร์กลิ้งจากทั่วโลกไปจนถึงเบียร์,เหล้าบ๊วย,สาเกญี่ปุ่นแช่เย็นจัดๆอีกหลากหลายยี่ห้อสายชอบดื่มต้องถูกใจแน่นอนครับผม

ทุกโต๊ะภายในร้านถูกวางเล่มรายการอาหารประจำเอาไว้ให้ลูกค้าเปิดชมพร้อมสั่งอาหารได้เลยทันทีแต่เนื่องจากถูกออกแบบคล้ายอัลบั้มรูปภาพถ่ายขนาดค่อนข้างใหญ่พิมพ์เกือบเต็มแผ่นรวมกว่า 39 หน้า และเพื่อไม่ให้บทความรีวิวนี้ดูยืดเยื้อมากจนเกินไปเราจึงขอแนะนำให้กดเข้าไปดูเมนูฉบับออนไลน์ของ "Ma Ichi Urban Eatery" ที่ลิงก์นี้แทน > https://bit.ly/3DE5IAr < แบ่งออกเป็น 10 หมวดหลักได้แก่ Ma Ichi Signature / Salad / Soup / Sushi / Sashimi-Ma Ichi Set / Maki / Donburi / Gunkan / Appitizers / Euro Food ราคาเริ่มต้นที่ 29-2,599 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดปริมาณต่อเสิร์ฟและความพรีเมี่ยมของวัตถุดิบ) ส่วนเครื่องดื่ม/Cold Cuts/จานใหม่ล่าสุดถูกแยกออกมาจากเล่มหลักพิมพ์ใส่กระดาษ A4 หนีบบนแผ่นบอร์ดไม้แข็งแบบง่ายๆ เริ่มต้นด้วยเหล่าชีสบอร์ดเรียงลงถาดสำหรับ 2 ถึง 4 คนนำเข้าจากอีกหลายๆประเทศในแถบยุโรปทั้งฝรั่งเศส,สเปน,อิตาลี,ฮอลแลนด์เหมือนกำลังออกเดินทางเพื่อลิ้มรสชาติความอร่อยแบบต้นตำรับดั้งเดิม นอกจากจะเดินไปเลือกเองตรงตู้แช่ได้แล้วทางเชฟก็จัดชุดราคา 759-1,289 บาทให้เราลองชีส,แฮม,ซาลามี่ตั้งแต่ 3 ถึง 6 ชนิดอย่างสวยงามคุ้มค่าด้วยครับ

เมนูใหม่ภายในร้าน "Ma Ichi Urban Eatery" ทั้งหมดนั้นถูกคิดค้นโดยเชฟแก้วกฤษฎา ชิตรัตน์อยู่ตลอดจัดจำหน่ายทั้งแบบมีให้สั่งประจำและเฉพาะฤดูกาลต่างๆเริ่มต้นด้วย "Melt Salmon (Salmon&Foie Gras)" ราคาขึ้นอยู่กับตลาด / "Salmon Cream Sauce Pasta" ราคา 380 บาท / "Aunt May Maki" ซูชิมากิสอดไส้ปูนิ่มทอดกรอบม้วนหน้าแซลมอน,เอนกาวะ ราคา 420 บาท / "Kaki Shot" หอยนางรมสดกับซอสสูตรลับสุดสมบูรณ์แบบ ราคา 190 บาท / "Spaghetti Uni" ผัดสูตรเข้มข้นพิเศษเคลือบเส้นสปาเก็ตตี้แบบญี่ปุ่น ราคา 430 บาท / "Akami Suke" ปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือฮอนมากุโระส่วนเนื้อแดงดองโชยุย่างกินคู่กับวาซาบิดอง ราคา 350 บาท / "White Wine & Red Wine Paring" ไวน์ขาวหรือแดงหนึ่งแก้วพร้อมซูชิ,ชีส,แฮม,ถั่วและเบอร์รี่อบแห้งหลากชนิด ราคา 690-790 บาท หน้าสุดท้ายรวมรายการเครื่องดื่มทั้งหมดอีกหลายยี่ห้อให้เลือกสั่งทั้ง สาเก/เบียร์/ค๊อกเทล/ไวน์/มัทฉะมะนาวโซดา/น้ำอัดลม/ชา-กาแฟสดร้อน,เย็น ราคาแก้วละ 29 ไปจนถึงเหมายกขวดที่ 4,900 บาท โดยรวมถือว่าค่อนข้างสมเหตุผลเพราะใช้วัตถุดิบคุณภาพดีส่วนปริมาณจะเยอะไหมเดี๋ยวมารอชมตอนเสิร์ฟกันครับ

จานแรกถูกเตรียมการมาอย่างรวดเร็วแล้วยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะก่อนนั่นก็คือ "Sashimi Set 3" ราคา 750 บาท ประกอบไปด้วยปลาดิบเกรดคุณภาพสูงแล่ผ่านใบมีดคมกริบรวมทั้งหมด 4 ชนิดในจานเดียวได้แก่ 1. ทูน่าครีบสีน้ำเงินหรือฮอนมากุโระส่วน Akami เนื้อแดงสุดลีนผ่านการ Dry Aged เอากลิ่นคาวเลือดออกเหลือแค่รสชาติสุดเข้มข้นตามธรรมชาติให้สัมผัสนวลเนียนเหมือนก้อนเยลลี่ตอนเคี้ยวในปาก 2. ฮามาจิอีกหนึ่งในปลาตระกูลหางเหลืองมีจุดเด่นอยู่ตรงความแน่นเด้งแทรกชั้นไขมันไม่ค่อยเยอะรสชาติอมหวานอ่อนๆติดหนังด้านนอกสีแดงอมชมพูสวยงามถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบยอดนิยมในภัตตาคารญี่ปุ่นชั้นนำ 3. หอยเชลล์ฮอกไกโดหรือโฮตาเตะไซส์ใหญ่แบบคัดพิเศษสีขาวนวลดูสะอาดไม่ผ่านการแช่แข็งแล้วละลายจึงหวานฉ่ำสู้ฟันนุ่มลิ้นชวนฝันจับวางบนเลมอนผ่าซีกรสชาติเปรี้ยวหอมกลิ่นฉุนเปลือกบางๆช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี 4. แซลมอนแอตแลนติกปริมาณชั้นไขมันสลับเนื้อสีส้มอ่อนสมดุลกำลังดีเกรดแช่เย็นรักษาอุณหภูมิสดใหม่ส่งตรงจากประเทศนอร์เวย์หั่นชิ้นหนาเต็มคำจัดเรียงลงจาน ตกแต่งด้วยหัวไชเท้า/แครอทขูดเส้น/ใบโฮบะโรยงาขาวแตะวาซาบิ-โชยุเพียงเล็กน้อยก็อร่อยฟินสุดๆแล้วครับ

ท้าทายประสาทการรับรสชาติของลิ้นคุณด้วยความเผ็ดจี๊ดจ๊าดและกลิ่นฉุนพุ่งขึ้นจมูกมุ่งถึงก้านสมองเฉพาะตัวของวาซาบิญี่ปุ่นในรูปแบบใหม่,ไม่เหมือนใครกับเมนูหมวด Ma Ichi Signature นั่นก็คือ "Wa..Zaa" ราคา 460 บาท เริ่มต้นจากฐานด้านล่างเป็นมากิโรลชิ้นใหญ่สอดไส้ปลาเนื้อฮามาจิ,อโวคาโดตรงกลางม้วนข้าวซูชิรสชาติหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อมคลุกไข่ปลาบินสีเขียวสดใส,สาหร่ายเป็นชิ้นขนาดกำลังพอดีคำ ชั้นบนสุดวางโฮตาเตะหรือหอยเชลล์ฮอกไกโดเกรดซาชิมิตัวโตห่อใบโฮบะชุบแป้งพร้อมเกล็ดขนมปังทอดกรอบราดซอสวาซาบิมาโยผสมไข่กุ้งสูตรพิเศษของทางเชฟโรยงาขาวเล็กน้อยก่อนยกเสิร์ฟ ส่วนวิธีการทานนั้นแนะนำให้กินแบบแยกส่วนตามลำดับเรียงจากบนลงล่างจะได้รับสัมผัสกรุบกรอบหอมมันเด้งในปากเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเล็กน้อยอย่างลงตัวจนเข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนแวะมาแล้วต้องสั่งจานนี้อันดับแรก ต่อกันที่รายการใหม่ล่าสุดเห็นมีป้ายโฆษณาตั้งแต่หน้าบันไดทางขึ้นชั้นสองได้แก่ "Aunt May Maki" ราคา 420 บาท มากิโรลสอดไส้ปูนิ่มชุบแป้งทอดตัวใหญ่คัดพิเศษไร้กลิ่นคาวน้ำทะเลหรือเค็มจัดเนื่องจากคุณภาพสูงส่งตรงจากฟาร์มม้วนข้าวญี่ปุ่นกับโนริคำโตท็อปปิ้งแอตแลนติกแซลมอน/เอนกาวะลนไฟติดกลิ่นไหม้เกรียมเล็กน้อย ตกแต่งให้สวยงามด้วยคาเวียร์สีดำ/ต้นหอมสีเขียวซอยละเอียดราดซอสเทริยากิเค็ม,หวานหอมกลิ่นโชยุกลมกล่อมลงไปอย่างชุ่มฉ่ำเคลือบทั้งชิ้นพร้อมคีบนำเข้าปากทั้งหมดในคำเดียวอร่อยสะใจสุดๆครับผม

ถ้าใครเคยดูรีวิวเก่าๆหรือติดตามในช่อง Tiktok ของร้าน "The Gallery Sushi Bar" น่าจะคุ้นกับประโยคที่ว่าซูชิคำใหญ่ไม่ตรงปกนั่นก็คือเมนู "Foie Gras" ชิ้นเท่ากำปั้นเพียงแค่คำละ 320 บาท เนื่องจากช่วงนี้เจ้าฟัวกราส์กำลังขาดตลาดทางเชฟเลยพยายามค้นหาได้เฉพาะรูปแบบตัดแต่งพร้อมใช้งานเลยสั่งมาเป็น "Melt" ราคา 1,790 บาทแทน (ราคากำหนดจากตลาดเนื่องด้วยสถานการณ์โลกช่วงปัจจุบัน) อยู่ในหมวดรายการ Ma Ichi Signature รวมวัตถุดิบระดับสุดยอดหลายอย่างเอาไว้บนจานเดียวกัน เริ่มต้นกันที่ซูชิมากิโรลสอดไส้เนื้อทูน่าบดคลุกซอสสไปซี่รสชาติหวานปนเผ็ดม้วนข้าวญี่ปุ่นห่อสาหร่ายโนริชุบแป้งทอดกรอบหั่นท่อนขนาดกำลังพอคำทำเป็นฐานด้านล่างสุดมั่นคงแข็งแรง วางเนื้อวัว Wagyu ไขมันแทรกระดับ A5 สายพันธุ์ขนสีดำแห่งเมืองมิยาซากิประเทศญี่ปุ่นและ Foie Gras หรือตับห่านประเทศฝรั่งเศสย่างลนไฟให้ติดกลิ่นหอมไหม้เล็กน้อยซ้อนกันสูงถึงสามชั้น ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยไข่ปลาแซลมอนสีส้มทรงกลมเปล่งประกายแวววาวราวกับไข่มุกเม็ดสีส้ม,ต้นหอมซอยละเอียดสีเขียวสดใส ราดซอสเทริยากิสูตรเข้มข้นพิเศษให้เคลือบทั่วทั้งชิ้นออกมาขนาดเกือบเท่ากำปั้นใส่ปากแทบไม่ได้ แต่พอเคี้ยวทุกๆอย่างพร้อมกันแล้วความอร่อยก็ระเบิดกระจายเต็มปากได้หลากหลายสัมผัสและรสชาติอันรุนแรงจัดจ้านสะใจดีมากครับ

สำหรับลูกค้าที่มีงบจำกัดแต่อยากลองทานซูชิคำโตอย่างสะใจบ้างทางร้าน "Ma Ichi Urban Eatery" เขาก็มีทั้ง Nigiri , Gunkan ขายแยกพิเศษราคาไม่แพงมากนัก เริ่มต้นด้วยอีกรายการสุดฮิตที่รีวิวก่อนหน้าเขาสั่งกันนั่นก็คือ "Anago Sushi" ราคา 320 บาท ใช้ปลาไหลทะเลหรืออานาโกะไซส์ใหญ่คัดพิเศษแบบเต็มตัวเนื้อสีขาวชิ้นหนาอวบอ้วนอุดมไปด้วยไขมันดีจากธรรมชาติต้มซอสญี่ปุ่นให้รสชาติหวาน,เค็มละมุนซึมเข้าทุกอณู วางบนข้าวปั้นสไตล์นิกิริลนไฟให้หนังด้านนอกติดกลิ่นหอมไหม้กรุบกรอบนุ่มฟูเล็กน้อยก่อนเสิร์ฟลงบนจานรูปทรงยาวโรยงาขาวคั่วเล็กน้อยพร้อมคีบเข้าปากทันที จานต่อไป "Spicy Salmon Gunkan" ราคา 90 บาท กุงกังหรือซูชิห่อสาหร่ายแบบไม่สอดไส้แต่ท็อปปิ้งหน้าปริมาณล้นๆแทนโดยหั่นแซลมอนทรงลูกเต๋าคลุกซอสสไปซี่รสชาติเผ็ดหวานมันอมเปรี้ยวเล็กน้อยสูตรพิเศษของเชฟวางด้านบนตกแต่งด้วยต้นหอมซอยละเอียดเขียวสดใสพอสวยงาม คำถัดมา "Spicy Tuna Gunkan" ราคา 90 บาท ส่วนประกอบคล้ายจานก่อนหน้าแต่เปลี่ยนเป็นเนื้อทูน่าบดเข้มข้นพิเศษเหมือนกับวัตถุดิบที่สอดไส้ใน "Melt" รายการ Signature อันดับ 1 ของร้าน สุดท้าย "Spicy Scallop Gunkan" ราคา 170 บาท หอยเชลล์ญี่ปุ่นสับผสมไข่ปลาบินสีส้มมายองเนสราดซอสเผ็ดสีแดงอร่อย-สดชื่นกว่าทุกๆคำที่ได้ทานก่อนหน้าครับ

เดินทางข้ามโซนมาต่อกันที่อาหารยุโรปทั้งรูปแบบต้นตำรับและฟิวชั่นมากมายแต่เราสั่งมาลองชิมแค่ 2 เมนูเริ่มต้นด้วย "Salmon Gravlax" ราคา 290 บาท (จับคู่กับไวน์จ่ายเพียง 490 บาทเท่านั้น) รายการสุดพิเศษซึ่งหากินได้เฉพาะแถบสแกนดิเนเวียแต่เชฟเรียนรู้แล้วปรุงใหม่ขึ้นเองจนเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน เอาเนื้อแซลมอนดองหัวบีทรูทผสมเกลือสมุทร,น้ำตาลกับเครื่องสมุนไพรหลากหลายชนิดตามอัตราส่วนลับย้อมสีปลาจากส้มกลายเป็นแดงอมม่วงราวกับทับทิมสวยงาม หั่นเสิร์ฟแบบซาชิมิแล่บางเรียงลงจานตกแต่งพร้อมเพิ่มรสชาติและสัมผัสที่แปลกใหม่ทั้งยอดผักชีลาว/เปลือกเลมอนขูดฝอย/ไข่ปลาบินสีแดง/พริกไทยดำบด/น้ำเลมอนสด/ดอกเดซี่ออร์แกนิกสีเหลืองสดใสจับทุกอย่างรวบใส่ปากในคำเดียวได้ความอร่อย-มีกลิ่นหอมสารพัดสมุนไพรสดชื่นพุ่งขึ้นจมูก จานถัดไปได้แก่ "Gambas Al Ajillo" ของฝั่งสเปนราคา 390 บาท ส่วนประกอบหลักคือกุ้งสดตัวใหญ่ตัดหัวปอกเปลือกผ่ากลางหลังออกทำความสะอาดให้เรียบร้อยผัดน้ำมันมะกอก/กระเทียม/เกลือสมุทร/ผงพริกปาปริก้า/พริกป่น/น้ำเลมอน/ไวน์ขาว/พาร์สลีย์/ใบเบย์แห้งปรุงสุกประมาณ 80% จึงเด้งชุ่มฉ่ำเหมาะทานคู่ขนมปังกรอบหรือไวน์สักแก้วมากครับ

ระหว่างรออาหารที่สั่งไปทั้งหมดมาเสิร์ฟเพื่อถ่ายรูปรวมแฟนผมก็เดินไปออเดอร์ Cheese & Cold Cut เลือกจิ้มในตู้แช่เย็นมาลองชิม 4 อย่างตามน้องพนักงานแนะนำพร้อมจัดลงถาดอย่างสวยงามนั่นก็คือ 1. Chorizo Vela ขนาด 50 กรัม ราคาเพียง 99 บาท หนึ่งในไส้กรอกตากแห้งหรือซาลามี่แสนอร่อยรสชาติเค็มเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อมหอมกลิ่นรมควันของดีประจำจังหวัด La Rioja บนหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปนเท่านั้นจับสไลด์แผ่นบางๆเรียงม้วนทรงกลมคล้ายดอกกุหลาบสีแดงอันสะดุดตา 2. Jamon Serrano Boneless ขนาด 50 กรัม ราคา 169 บาท แฮมขาหมูตากแห้งตำรับสเปนแท้แบบไร้กระดูกดองเกลือสมุทร 10 วันแล้วบ่มต่อด้วยกระบวนการเฉพาะรวมกว่า 15 เดือน แต่ยังคงความสมดุลทั้งเค็มอมหวานกลมกล่อมเคี้ยวหนึบสู้ฟันอย่างสมบูรณ์แบบจึงอร่อยกินง่ายเหมาะแก่ผู้หัดเริ่มเข้าสู่วงการชีสบอร์ดใหม่ๆ 3. Smoked Cheese ขนาด 50 กรัม ราคา 99 บาท ใช้เกาด้าตำรับชาวดัตช์ดั้งเดิมผลิตโดยนมวัวหมักนานกว่า 36 เดือนหนึ่งในชีสเนื้อแข็งซึ่งได้รับความนิยมลำดับต้นๆของโลกผ่านการรมควันด้วยไม้โอ๊กนาน 4 สัปดาห์เต็มจนเปลือกนอกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองกับกลิ่นหอมละมุนของดีจากประเทศเนเธอร์แลนด์ 4. Brie Truffle Soft Cheese ขนาด 50 กรัม ราคา 159 บาท หนึ่งในชีสนุ่มทานง่ายสุดเหมาะสำหรับผู้เริ่มหัดลองใหม่สอดไส้เห็ดทรัฟเฟิลดำกลิ่นมีเอกลักษณ์นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสเพิ่มอัลมอนด์/ถั่ววอลนัต/องุ่นสดไร้เมล็ด/ผลไม้ยุโรปตากแห้ง/มะกอกในน้ำเกลือและขนมปังแคร็กเกอร์จัดเต็มอย่างอลังการครับ

ส่วนเครื่องดื่มเนื่องจากพวกเราสองคนกระหายน้ำค่อนข้างบ่อยจึงออเดอร์มาเป็น "ชาเขียวเย็น" และ "ชาเขียวร้อน" แบบรีฟิลเพียงแค่คนละ 40 บาทเท่านั้น น้องพนักงานคอยเดินเติมให้ตลอดเวลารสชาติจืดแต่กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนช่วยรีเฟรชในช่องปากกับร่างกายให้พร้อมรับประสบการณ์อร่อยสุดแปลกใหม่ตลอดเวลา มื้อนี้เราออเดอร์ไปมากกว่า 16 รายการรวม 5,925 บาท (รวม Vat. 7% และ Service Charge 3% แล้วเรียบร้อย) โดยรวมก็ถือว่าราคาแรงแต่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงเกรดพรีเมี่ยมระดับโอมากาเสะแถมให้ปริมาณต่อจานเยอะเสิร์ฟคำใหญ่โตสะใจไม่หวงของผ่านกระบวนการคิดเพิ่มไอเดียผสานเทคนิคฟิวชั่นออกมารสชาติเข้มข้นโดนใจส่วนตัวจึงสามารถยอมรับได้ สำหรับผู้มีงบน้อยหน่อยแต่อยากทานซูชิแบบเต็มๆคำบ้างอย่างที่เราแจ้งไปเบื้องต้นแล้วว่าที่ร้าน "Ma Ichi Urban Eatery" นั้นก็ได้คิดค้นเมนูประหยัดออกมาหลายอย่างจึงต้องเลือกนิดหน่อยถึงจะคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อร่อยถูกปากตกแต่งจานสวยงามใช้ความคิดสร้างสรรค์ดีแบบนี้รับคะแนนไป 5 ดาวเลยครับ🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : โครงการ Feast ราชครู เลขที่ 4/2 ซ.พหลโยธิน 5 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน พญาไท กทม. 10400

เปิดทุกวันอา.-พฤ. 11.00-21.00น. กับ ศ.-ส. 11.00-22.00น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 02-106-3336


ปัจจุบันมีอีกสาขาที่เมก้าบางนาชื่อ Ma IChi X HOBS และแบรนด์ The Gallery Sushi Bar ถ.ลาดพร้าววังหิน

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 539 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page