top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "La Meow (ล่าเมียว)" ร้านอาหารจีนตำรับหูหนานและหม่าล่าคิดราคาตามน้ำหนัก เริ่มต้นเพียงขีดละ 45฿

อัปเดตเมื่อ 21 มิ.ย. 2566



ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ท่าพระหลังจากปิดปรับปรุงแล้วเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆเข้ามาให้เลือกอย่างหลากหลายเต็มพื้นที่บริเวณชั้น 3 โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบความแซ่บอย่างเราถูกใจสิ่งนี้มากก็คือ "La Meow (ล่าเมียว)" เป็นภัตตาคารจีนตำรับหูหนานแท้มีจุดเด่นอยู่ตรงน้ำซุปหม่าล่าและหม่าล่าผัดแห้งขายแบบชั่งน้ำหนักราคาเริ่มต้นเพียงขีดละ 45 บาท ปัจจุบันกำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะสาขานี้เท่านั้นเมื่อสั่งเมนูจานหลัก 2 อย่างขึ้นไปรับสิทธิ์ตักวัตถุดิบภายในบาร์ฟรี 1 บาท ต่อ 1 กรัม (ไม่รวมค่าเครื่องปรุงกับเนื้อสัตว์) ซึ่งเราเคยมีโอกาสแวะเข้าไปชิมแล้วถูกใจรอบนี้เลยหยิบกล้องออกไว้ถ่ายรูปรีวิวด้วย สำหรับการเดินทางถ้านำรถยนต์ส่วนตัวมาเองให้ปักหมุดขับตามแผนที่บนมือถือจอดฟรี 4 ชม.แรกชั่วโมงที่ 5-6 คิดราคาชั่วโมงละ 20 บาทส่วนชั่วโมงที่ 7 ขึ้นไปราคาชั่วโมงละ 50 บาท หากใช้บริการขนส่งสาธารณะนั่ง BTS ลงสถานีตลาดพลูแล้วเดินเท้าข้ามสะพานลอยอีกเพียงประมาณ 400 เมตรก็จะถึงปลายทางแล้ว ให้ขึ้นบันไดเลื่อนโซนหน้าห้างชั้น 3 จะพบซุ้มประตูครึ่งวงกลมสีเหลืองพร้อมชื่อร้านถูกเขียนด้วยภาษาจีน/อังกฤษและรูปปั้นน้องแมวสีขาวหน้าทะเล้นแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับ

รูปปั้นน้องแมวสีขาวหน้าตาสุดทะเล้นชี้ชวนให้เราเดินเข้าไปภายในร้านซึ่งตอนที่มาถึงเป็นเวลาเพิ่งเปิดจึงยังไม่มีลูกค้าท่านอื่นเลยแจ้งกับน้องพนักงานร้านว่าขอเวลานอกเล็กน้อยเพื่อเก็บบรรยากาศตามมุมต่างๆก่อน โดยรวมทางแบรนด์เลือกใช้สีเหลืองในการตกแต่งร้านผสมเฟอร์นิเจอร์อันสมัยใหม่แต่ยังคงเอกลักษณ์จีนดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งแต่ละโต๊ะสามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 2-4 ท่าน (ถ้ากลุ่มใหญ่กว่านั้นก็ลากมาต่อกันได้อีกเรื่อยๆไม่จำกัด) พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักนั่นก็คือ 1.โซฟาสีเหลืองขนาดใหญ่บุหนังนุ่มนั่งสบาย 2.โต๊ะวงกลมเหมือนภัตตาคารจีนแต่ขนาดเล็กกว่า 3.เก้าอี้มีพนักพิงสไตล์โมเดิร์นได้อารมณ์เหมือนกำลังอยู่บ้าน และ 4.ชุดโต๊ะกับเก้าอี้ขนาดเล็กไร้พนักพิงคล้ายสตรีทฟู้ดริมถนน สำหรับบาร์ตักวัตถุดิบหม่าล่านั้นถูกวางอยู่ตรงกลางพร้อมจุดชั่งน้ำหนักแล้วส่งเข้าไปปรุงต่อในครัวที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านหลังสุด หากใครต้องการความเป็นส่วนตัวอาจจะต้องทำใจอีกสักหน่อยเพราะเกือบทุกร้านอาหารในห้างแห่งนี้แทบจะไม่มีกำแพงหรือกระจกกั้น แต่ก็สามารถแจ้งให้น้องพนักงานช่วยแยกโซนพิเศษออกมาจากลูกค้าท่านอื่นๆแทนได้ ส่วนจานเด็ดของที่ร้านจะมีอะไรบ้างเปิดดูเล่มเมนูพร้อมกันเลยครับ

ด้านหน้าประตูทางเข้าน้องพนักงานก็ช่วยแนะนำโปรโมชั่นกับเมนูจานเด็ดเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าที่เดินผ่านไป-มาได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่อยากทราบว่าทางร้านมีอะไรขายบ้างนั้นต้องเปิดเล่มรายการแบบละเอียด เริ่มต้นด้วยหน้าแรกคือประวัติ/ความเป็นมาของอาหารจีนในมณฑลหูหนานซึ่งมีจุดเด่นทางด้านรสชาติเผ็ดกับเปรี้ยวโดยร้าน "La Meow (ล่าเมียว)" แห่งนี้ได้สืบสานสูตรจากต้นตำรับแท้ๆอายุรวมกว่า 2,000 ปีเอาไว้เหมือนเดิม ต่อกันที่ Mala Bowl ราคาขีดละ 45 บาท พร้อมค่าปรุงอีกชามละ 20 บาท มีให้เลือก 3 รูปแบบคือ 1. หม่าล่าผัดแห้ง 2. ซุปหม่าล่าสูตรเสฉวน และ 3. ซุปคอลลาเจนสำหรับคนไม่กินเผ็ด หน้าถัดไปคือรวม Signature ต่างๆครบแบบไม่ต้องพลิกหน้าหาประกอบด้วย เนื้อวัวผัดพริกดอง/ซุปหัวไชเท้า/หมูผัดพริกหยวกจีน/ยำสาหร่ายแบบจีน/ไก่ทอดพริกสูตรเสฉวน/หมูรมควันผัดหัวไชเท้าดอง/ดอกกะหล่ำผัดพริกแห้ง/น้ำพริกครกหูหนาน/เต้าหู้คั่วพริกหูหนานและเผือกนึ่งซีอิ๊วซี่โครงหมู ถ้าอยากทราบราคาของแต่ละจานต้องเปิดดูตามหมวดต่างๆซึ่งกระจายอยู่ตามหน้าท้ายครับ

หมวดแรกคือ Appetizer หรือจานทานเล่น-เรียกน้ำย่อยง่ายๆทั้งเต้าหู้เหม็นของแท้/หมั่นโถวนึ่งไส้หมูผัดพริกหยวก/เกี๊ยวซ่าหม่าล่า/ซาลาเปาลาวาสามสี ราคาเริ่มต้นที่ 120-200 บาท หมวด Cold Dishes รวมยำกินง่ายทั้งยำเนื้อตุ๋น/ยำแตงกวา/ยำสาหร่ายและยำถั่วทอดเสิร์ฟแบบเย็นๆ ราคาเริ่มต้นที่ 95-200 บาท สำหรับใครที่ชื่นชอบเนื้อวัวมีให้สั่งแค่ 2 เมนูคือเนื้อรมควันผัดต้นกระเทียม/เนื้อผัดพริกดอง ราคารายการละ 380 บาท ส่วน US Shot Plate ติดมันระดับพรีเมี่ยมสำหรับใส่ในหม่าล่าตักเอง ราคาจานละ 550 บาท หมวดต่อไปรวมเมนูหมูสไตล์หูหนานต่างๆทั้งสามชั้นตุ๋นน้ำแดง/กากหมูผัดพริกหยวกจีน/หมูผัดพริกหยวกจีน/มันฝรั่งผัดพริกแห้ง/ขาหมูต้มเปื่อยพริก/เผือกนึ่งซีอิ๊วซี่โครงหมู/หมูรมควันกับหัวไชเท้าดอง ราคาเริ่มต้นที่ 280-360 บาท หมวดถัดมาเป็นไก่เพียง 2 เมนูก็คือไก่ผัดเกาลัดกระทะร้อนและไก่ทอดพริกเสฉวน ราคารายการละ 380 บาท สายซีฟู้ดมีให้สั่งอีกมากมายทั้งกุ้งอบเบียร์/หัวปลานึ่งพริกจักรพรรดิ/หอยลายผัดพริกดอง/ปลาหมึกผัดพริกดอง/ปลากะพงนึ่งซีอิ๊วทั้งตัว ราคาเริ่มต้นที่ 380-720 บาท โดยอาหารทั้งหมดในหมวดนี้ร่วมโปรฯตักหมาล่าฟรี 1 บาทต่อ 1 กรัมเมื่อสั่ง 2 อย่างขึ้นไปครับผม

สำหรับผู้ที่ทานวีแกนก็มีหมวด Vegetable ให้สั่งหลายอย่างทั้งเต้าหู้คั่วพริกหูหนาน/น้ำพริกในครกหูหนาน/วุ้นเส้นผัดผักกาด/พริกหยวกผัดไข่แบบจีน/ผัดผักบุ้งกระทะเหล็ก/กะหล่ำปลีผัดพริกแห้ง/เต้าหู้หม่าโผว/ดอกกะหล่ำผัดพริกแห้ง/ไข่ไก่ผัดมะเขือเทศ/กวางตุ้งไต้หวันราดน้ำมันหอย/ถั่วแขกผัดพริกแห้งกับมันฝรั่งผัดน้ำส้มสายชู ราคาเริ่มต้นที่ 180-280 บาท หมวดต่อไปเป็นซุปมี 2 เมนูคือซุปหัวไชเท้า/ซุปไข่มะเขือเทศ ราคาหม้อละ 280 บาท และข้าวผัดไข่/ข้าวสวยแบบจาน-หม้อ ราคาเริ่มต้นที่ 20-180 บาท หมวดถัดมาเป็นขนมหวานจีนกับไทยทั้งบิงซูนมสดเฉาก๊วย/ลำไยสาคูนมสด/มะม่วงสาคูนมสด ราคาเริ่มต้นที่ 95-120 บาท สุดท้ายคือเครื่องดื่มก็มีให้บริการอีกเยอะทั้งน้ำเปล่า/โซดา/น้ำอัดลม/เบียร์ยี่ห้อต่างๆ/ชุดชาจีนร้อน/น้ำสมุนไพรนำเข้าจากประเทศจีนแบบกระป๋อง ราคาเริ่มต้นที่ 80-240 บาท นอกนั้นก็เป็นเมนูใหม่ล่าสุดกับโปรโมชั่นซึ่งถูกคิดค้นออกมาใหม่ทุกเดือนเริ่มต้นด้วยซีฟู้ดอย่างปลาต้มเบียร์ใบชิโสะ/เข่าหยูปลาย่างซอสหม่าล่า/ปลากะพงนึ่งจักรพรรดิขายที่ราคาตัวละ 699-899 บาทครับผม

หมวดอาหารหูหนานที่ทำจากหมูก็ถูกเพิ่มขึ้นมาใหม่อีกหลายๆอย่างทั้งขาหมูตุ๋นฟองเต้าหู้/หมูรมควันผัดหน่อไม้ฝรั่งจีน/เต้าหู้หูหนานผัดหมูรมควัน/หมูสับผัดชี้ฉวงฉ่าย (ผักกาดดองเสฉวน) พร้อมเมนูวีแกนอีกอย่างคือผัดมะเขือม่วง ราคาเริ่มต้นที่ 240-390 บาท สำหรับคนทานน้อยก็มีแบบราดข้าวแกงให้สั่งมากมายทั้ง ข้าวเนื้อผัดพริกดอง/ข้าวไก่ทอดพริกเสฉวน/ข้าวไข่ผัดมะเขือเทศ/ข้าวเต้าหู้หม่าโผว/ข้าวดอกกะหล่ำผัดพริกแห้ง/ข้าวหมึกผัดพริกดอง/ข้าวหมูผัดพริกหยวกจีน/ข้าวกากหมูผัดพริกหยวกจีน/ข้าวผัดหม่าล่าเนื้อสไลด์กับข้าวผัดหม่าล่าหมูสไลด์ราคาจานละ 180 บาท โปรโมชั่น Hello Summer สั่งกับข้าว 3 เมนูจ่าย 1,199 บาท ฟรีเครื่องดื่ม-ขนมหวานอย่างละถ้วย (เฉพาะรายการที่กำหนด) ส่วนเครื่องดื่มเย็นมีมาเพิ่มเป็นชาผลไม้ปั่นครีมชีส 3 รสชาติ ราคาแก้วละ 129 บาท และไก่ทอดพริกเสฉวนสูตรไร้กระดูก (ปกติมีติดกระดูก) ราคา 399 บาท ปิดท้ายด้วยขนมหวานไทยทั้งลำไยสาคูนมสดกับมะม่วงสาคูนมสดลดราคาจาก 95 เหลือเพียง 79 บาท รายการอาหารแนะนำจะมีคำบรรยายขนาดเล็กแทรกอยู่ใกล้ๆและใครทานเผ็ดไม่เก่งให้สังเกตเมล็ดพริกใต้ชื่อของแต่ละเมนูจะมีสัญลักษณ์เมล็ดพริกแจ้งอยู่ สำหรับคนที่ชื่นชอบความเผ็ดเป็นชีวิตจิตใจก็สามารถบอกความประสงค์แก่เชฟในครัวให้ใส่พริกมากกว่าปกติก็ได้เช่นเดียวกันครับ

จัดการสั่งทุกๆอย่างที่อยากทานให้เรียบร้อยแล้วมาใช้สิทธิ์ตักวัตถุดิบหม่าล่าฟรีตรงเคาน์เตอร์กลางร้าน เริ่มต้นจากการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์พร้อมสวมถุงมือพลาสติกใสก่อนหยิบที่คีบและตะกร้าขาวขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างละใบ จากนั้นเลือกผักสด/เส้น/เห็ดกับลูกชิ้นต่างๆจนกว่าจะพอใจแล้วนำไปวางบนเครื่องชั่งน้ำหนักระบบดิจิตอลให้เรียบร้อย โดยวันนี้เราสามารถตักได้ทั้งหมด 1,298 กรัม (คำนวณเฉพาะราคาเมนูกับข้าวจานหลักไม่รวมอาหารกินเล่นและเครื่องดื่ม) สำหรับใครที่เจาะจงมาลุยเฉพาะหม่าล่าผัดแห้งหรือน้ำซุปหม่าล่าชาลิ้นแซ่บๆก็เดินตรงมาตักเองได้เลยซึ่งทางร้านคิดราคาขีดละ 45 บาทเท่านั้น ได้อารมณ์เหมือนกำลังเดินเลือกคีบผักชนิดต่างๆบนชั้นสลัดบาร์ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนรายการวัตถุดิบในตู้แช่เย็นบานใหญ่นี้จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราไล่เรียงดูไปพร้อมๆกันเลยครับผม

เริ่มต้นจากด้านล่างมุมซ้ายมือสุดด้วยลูกชิ้นกุ้ง(กุ้งเทียม)/ลูกชิ้นก้ามปู(ปูเทียม)/เต้าหู้ปลาสอดไส้ชีส/เต้าหู้ปลาลูกเต๋า/ปลาหมึกหลอด(ชิกุวะ)/ลูกชิ้นปลาหมึก/ฟองเต้าหู้ไส้ชีส/เต้าหู้ปลาแผ่น/ลูกชิ้นกุ้งฮ่องกง/ลูกชิ้นปลา/ปูอัด/ปูจ๋าไข่แดง/ไส้กรอกสอดไส้ซอสมะเขือเทศ/ไข่นกกะทาต้ม/ลูกชิ้นหมู/ลูกชิ้นเนื้อ/ฟักทอง ตามมาด้วยชั้นที่ 2 และ 3 เป็นเส้นพร้อมเต้าหู้กับเห็ดต่างๆทั้งเส้นหมี่/บุกแผ่นใหญ่/เส้นเล็ก/เส้นมันหวาน/เส้นใหญ่/วุ้นเส้น/เต้าหู้ลูกเต๋าทอด/มันฝรั่งสไลด์บางๆ/แป้งปาท่องโก๋ทอด/เห็ดหูหนูดำสด/สาหร่ายวากาเมะ/รากบัว/แครอท/เต้าหู้ก้อน/เห็ดเข็มทอง/เส้นแผ่นเต้าหู้/เห็ดออเร็นจิ(นางรมหลวง)/ฟองเต้าหู้เส้นสด/เห็ดหลินดำ(ชิเมจิ)/ฟองเต้าหู้สดแบบแผ่น โดยแช่ลงในน้ำเย็นเพื่อรักษาความชื้นเอาไว้อย่างดีเรียงบนถาดอย่างสวยงามเป็นระเบียบดูสดใหม่ชวนน่าทานทุกๆอย่างเลยครับ

สำหรับชั้นบนสุดเป็นเส้นกับผักใบสดอีกหลายรายการทั้งเส้นบะหมี่หยกสีเขียว/เส้นบะหมี่ไข่สีเหลืองก้อนกลม/ดอกกะหล่ำ/บล็อคโคลี่/กะหล่ำปลี/ผักกาดหอม/ผักชี/กวางตุ้งไต้หวัน/ปวยเล้งผักกาดขาวและผักบุ้งจีน ส่วนพวกเนื้อสัตว์สไลด์บางต่างๆถูกแยกไว้ในตู้แช่แข็งระบบสุญญากาศใกล้ๆกัน โดยคิดเงินตามถาดที่เลือกเหมือนกับร้านชาบูแบบ A La Carte เริ่มต้นด้วยสีขาวชั้นบนสุดคือสันคอหมูแทรกไขมันสวยงาม ราคาคอนโดละ 45 บาท ส่วนถาดสีดำสนิทลำดับลงมาหน่อยเป็นเนื้อโคขุนส่วนสันคอแผ่นใหญ่ๆชั้นไขมันแทรกเล็กน้อย ราคาคอนโดละ 60 บาท ด้านล่างสุดคือเหล่าซีฟู้ดแช่แข็งไซส์ใหญ่ๆทั้งกุ้งแชบ๊วย/หอยแมลงภู่ชิลี/หอยเชลล์/ปลาหมึกสด/ปลาหมึกบั้ง ราคาถาดละ 80 บาท ถ้าถามว่าวัตถุดิบไหนห้ามพลาดบ้างนั้นส่วนตัวขอแนะนำให้ตัก เต้าหู้ปลาสอดไส้ชีสระเบิดในปากอย่างหอมมันเข้มข้นพิเศษ/ลูกชิ้นเนื้อวัวสับผสมเอ็นรัดตัวแน่นกลิ่นหอมเคี้ยวเด้งสู้ฟันกับเส้นมันหวานเหนียวหนึบเคี้ยวไม่ขาดนำเข้าจากประเทศจีนก่อนลำดับแรกเพราะทางร้านเลือกใช้ของคุณภาพสูงซึ่งหากินที่อื่นยาก/มีราคาค่อนข้างสูง หลังจากนั้นค่อยเลือกตามความพอใจว่าคุณคือสายผัก/สายแป้ง/สายเส้นหรือสายหนักลูกชิ้นเชิญคีบได้เลยครับผม

จัดการคีบวัตถุดิบทุกๆอย่างตามความพอใจลงในตะกร้าสีขาวขนาดใหญ่แล้วเอาไปชั่งน้ำหนักได้รวมกว่า 850 กรัมแต่จ่ายเพียง 0 บาทตามโปรโมชั่นของทางร้าน จากนั้นค่อยมาเลือกวิธีการปรุงได้ทั้งหมด 3 รูปแบบก็คือ 1. ซุปกระดูกหมูคอลลาเจน 2. น้ำซุปสมุนไพรหม่าล่าต้ม และ 3. หม่าล่าผัดแห้งตำรับเสฉวน ขั้นตอนต่อไปสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ถึง 3 เลเวลคือ 1. เผ็ดน้อย 2. เผ็ดกลาง 3.เผ็ดมาก (ถ้าคุณไม่กินเผ็ดเลยแนะนำให้สั่งเป็นน้ำซุปกระดูกหมูคอลลาเจนแทน) ขั้นตอนสุดท้ายคือการเลือกระดับความเค็มมีปกติ/ลดเค็ม 25% และลดเค็มสูงสุด 50% สำหรับค่าซอสปรุงนั้นซุปหม่าล่ากับผัดแห้งราคา 20 บาท น้ำซุปกระดูกหมูคิดเพียง 10 บาทเท่านั้น เนื่องจากเรามันเลือดนักสู้เลยขอน้องพนักงานแบบย้ำๆเลยว่า "เผ็ดตายไม่เอาเรื่อง" บนหัวมุมบิลก่อนลงเนื้อสัตว์-ซีฟู้ดแช่แข็งหยิบมาจากตู้เย็นเตรียมยื่นเข้าไปในห้องครัว โดยวันนี้เราตักมา 850 กรัมขอแยกเป็น 2 หม้อเพื่อจะได้ชิมหลากหลายรูปแบบ ส่วนต่างอีก 448 กรัมคิดว่าคงไม่ไหวแล้วจะสั่งห่อกลับก็ได้แต่ส่วนตัวคิดว่าปรุงที่หน้าร้านใหม่ๆอร่อยกว่าครับ

ระหว่างรอหม่าล่าที่ตักส่งไปให้ในครัวมาเสิร์ฟก็มาสนุกกันต่อตรงโซนน้ำจิ้มเพราะเราสามารถปรุงแต่งรสชาติได้เองตามใจทั้งน้ำพริกเผาโฮมเมดสไตล์จีน/น้ำมันหม่าล่าสกัดจากเมล็ดซวงเจีย/น้ำมันงาบริสุทธิ์/เมล็ดงาขาวคั่วใหม่/ต้นผักชีซอย/กระเทียมจีนสับ/ต้นหอมไทย/เกลือเม็ดละเอียด/ผงปรุงรสไก่นำเข้าจากจีน/น้ำตาลทราย/พริกป่นของไทย/น้ำส้มสายชูกับซีอิ๊วขาว สำหรับใครที่มาใหม่เลือกไม่ถูกว่าจะปรุงยังไงสามารถเรียกน้องพนักงานช่วยจัดการได้โดยบอกรสชาติหลักก่อนเช่นหวาน/เผ็ด/เปรี้ยว/เค็ม (หากไม่ถูกใจก็เดินมาปรับปรุงได้เรื่อยๆทางร้านไม่คิดเงินเพิ่ม) ถ้าเป็นสูตรของผมเองแนะนำให้ใส่ทุกอย่างๆละ 1 ช้อนชายกเว้นเกลือ/ผงปรุงรสไก่/พริกป่นและซีอิ๊วจะออกไปทางหวานนำหน่อยจะเข้ากับหม่าล่าความเค็มระดับปกติได้อย่างลงตัวพอดีกัน กลับมาบนโต๊ะเห็นกระดาษรองจานก็เป็นประวัติของทางร้านแบบน่ารักสรุปความได้ว่า "เพราะรักเมียจึงได้เปิดร้านแมวแห่งนี้" พร้อมเมนูเด็ดอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อาหาร/หาทานได้เฉพาะที่นี่รวมไปถึงเคยของรายการเชฟกระทะเหล็กกับรางวัลทีวีหูหนานมาแล้ว อีกทั้งถ้าสแกน QR Code ไปกดไลค์/แชร์เพจรับส่วนลดเพิ่มอีกทันที 8% เมื่อสั่งเฉพาะ 5 เมนูที่กำหนดอีกด้วยครับผม

อาหารจานหลักต่างๆที่เราสั่งไปก็ทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะเริ่มต้นด้วย Signature อย่าง "เนื้อผัดพริกดอง" ราคา 380 บาท เนื้อวัวหั่นเป็นชิ้นบางติดไขมันกับเอ็นหน่อยๆพอเคี้ยวสนุกผัดใส่กระเทียมจีนสับ/พริกจินดาแดงดองสูตรเฉพาะของที่ร้านและผักชีหั่นท่อน ปรุงรสชาติให้เค็มนำกลมกล่อมได้ความเปรี้ยวเผ็ดช่วยตัดความเลี่ยนทำให้ทานได้เรื่อยๆ ผัดพอน้ำคลุกขลิกเหมาะสำหรับตักคลุกราดบนข้าวสวยวางบนเตาสีแดงหน้าตาดูแปลกประหลาดแล้วจุดไฟแอลกอฮอล์ให้ร้อนพร้อมทานตลอดเวลาดูใส่ใจดี สำหรับจานถัดมาร้านภัตตาคารจีนตำรับเสฉวนเกือบทุกๆแห่งต้องมีขายนั้นก็คือ "ไก่ทอดพริกเสฉวนสูตรไม่มีกระดูก" ราคา 399 บาท เลือกใช้เนื้อเฉพาะส่วนสะโพก/น่องติดหนังเอามาหมักตามสูตรลับของเชฟให้มีรสชาติเค็มกลมกล่อม จากนั้นชุบด้วยแป้งบางๆก่อนลงทอดในน้ำมันเดือดเพื่อรีดไขมันพร้อมน้ำส่วนเกินออกจนหนังกรอบเนื้อเด้งกระชับชวนเคี้ยวสู้ฟัน ผัดคั่วเครื่องสมุนไพรมากมายทั้งพริกสด/พริกแห้ง/กระเทียมสับ/พริกไทยจีน(ซวงเจีย)/ต้นหอมซอยและเมล็ดงาขาวให้ความเผ็ดร้อนชาลิ้นเคลือบทั้งชิ้นไก่ เหมาะสำหรับกินเล่นชวนเคี้ยวเพลินๆหรือสั่งเป็นกับแกล้มวางกลางวงสนทนาช่วยเพิ่มอรรถรสให้มื้อนี้มีสีสันยิ่งขึ้นครับผม

จานต่อไปถึงแม้จะอยู่ในหมวดเมนูเพื่อสุขภาพแต่ก็เป็นอาหารแนะนำอีกอย่างของทางร้านเลยสั่งมาก็คือ "เต้าหู้หม่าโผว" ราคา 240 บาท ถือเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างจากมณฑลเสฉวนนำเต้าหู้นิ่มออแกนิกมาผัดกับซอสซึ่งทำจากพริกไทยจีน(ซวงเจีย)/กระเทียมสับ/พริกสด/พริกแห้ง/โต้วปั้นเจียง(ถั่วเต้าซี่หมักผสมพริกของจีน)ใส่เนื้อหมูสับและทำให้เหนียวข้นยิ่งขึ้นด้วยแป้งละลายน้ำพร้อมโรยต้นหอมซอยก่อนเสิร์ฟ รสชาติเค็มหวานอมเปรี้ยวนิดๆเผ็ดร้อนชาลิ้นเคี้ยวโดนเต้าหู้นุ่มนิ่มชวนไหลลื่นลงคอเหมาะสำหรับทานกับข้าวสวยอย่างยิ่งครับ สำหรับเมนูถัดมานั้นอยากลองนานแล้วแต่หาร้านขายในไทยไม่เจอจนมาพบที่นี่จึงรีบสั่งแบบไม่ต้องคิดเลยคือ "เต้าหู้เหม็น" ขนาด 4 ชิ้นราคา 120 บาท ทำจากเต้าหู้หมักจนมีสีดำกลิ่นค่อนข้างรุนแรงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเอามาทอดกรอบๆแล้วราดด้วยพริกผสมไชเท้าดองโรยผักชีและน้ำซุปไก่เข้มข้นก่อนเสิร์ฟ ถ้าถามว่ากลิ่นเหมือนอะไรส่วนตัวนิยามว่าคล้ายๆเต้าหู้ยี้ผสมบลูชีส (ถ้าคุณกิน 2 อย่างนี้ประจำเมนูนี้จะเด็กๆทันที) ตัดรสชาติด้วยความเปรี้ยว-เค็มกลมกล่อมและไม่ได้รู้สึกเลวร้ายมากขนาดนั้น เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้รับความนิยมมากๆในสตรีทฟู้ดจีนกับไต้หวันเพราะมันอร่อยนั่นเองครับผม

หม่าล่าฟรีที่เราตักจากไลน์วัตถุดิบส่งเข้าไปในครัวตอนนี้ถูกปรุงเสร็จพร้อมเสิร์ฟบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็คือ "ซุปหม่าล่าสูตรเผ็ดมากความเค็มระดับปกติ" รสชาติกลมกล่อมกำลังพอดีไม่ทรมานถึงลิ้นสูญหายซดตอนร้อนได้ความสะใจผสมเครื่องกับผักต่างๆได้อย่างลงตัว อีกทั้งไม่รู้สึกมันเยอะจนเลี่ยนเหมือนหม้อไฟตามร้านภัตตาคารจีนเสฉวนทั่วไป ชามถัดมาเป็น "หม่าล่าผัดแห้งสูตรเผ็ดมากความเค็มระดับปกติ" ส่วนตัวแนะนำว่าให้หยิบเส้นมันหวานใส่ลงไปเยอะๆจะออกมาคล้ายผัดซีอิ๊วใส่พริกหม่าล่าเผ็ดร้อนชาลิ้นเคี้ยวเหนียวหนึบสู้ฟันอร่อยไปอีกแบบ ทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรที่เราปรุงด้วยตัวเองรสชาติหวานนำอมเปรี้ยวอีกหน่อยเมื่อสักครู่บอกเลยว่าครบเครื่องสุด ลดระดับเผ็ดร้อนให้สมดุลมากยิ่งขึ้นด้วยเมนู "ดอกกะหล่ำผัดหมูสามชั้น" ราคา 280 บาท ใช้หัวดอกกะหล่ำผัดใส่กระเทียมสไลด์บาง/พริกสด/ขึ้นฉ่ายกับหมูสามชั้นรสชาติเค็มหวานกลมกล่อมไม่เผ็ดและแห้งมีกลิ่นหอมกระทะสไตล์จีนอ่อนๆเคี้ยวกรุบกรอบฉ่ำน้ำช่วยดับความร้อนแรงจากจานก่อนได้ดียิ่งขึ้น กินคู่ "ข้าวสวย" ราคาถ้วยละ 20 บาท ซึ่งทางร้านได้เลือกใช้สายพันธุ์หอมมะลิคุณภาพสูงเม็ดเรียวเล็กเหนียวหนึบสู้ฟันเข้ากันได้ดีกับอาหารจีนทุกจานที่กล่าวมาเบื้องต้นครับ

ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มนอกจากน้ำเปล่าแล้วน้องพนักงานแนะนำว่าต้องลองสั่ง "น้ำฟักกระป๋อง" ราคา 60 บาท เนื่องจากมีสรรพคุณทางยาช่วยลดความเผ็ดชาลิ้นจากเมล็ดพริกไทยจีนหรือซวงเจียได้ดี ซึ่งในร้านอาหารเสฉวนมักจะมีติดไว้เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถกินอาหารได้เรื่อยๆโดยไม่รู้สึกทรมานในช่องปากเกินไป รสชาติหวานละมุนบางๆคล้ายน้ำตาลสดบ้านเรามีฤทธิ์เย็นสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเทลงในแก้วใส่น้ำแข็งแบบไม่คิดเงินเพิ่มแต่อย่างใด รายการต่อไปคือ "ชาผลไม้เย็น" เสิร์ฟแก้วใหญ่เครื่องแน่นแบบนี้ราคาเพียง 120 บาท ด้านในประกอบไปด้วยสับปะรด/ส้มวาเลนเซียและแตงโมหั่นเป็นชิ้นเทชาเขียวผสมไซรัปกลิ่นส้มจี๊ดนำเข้าจากประเทศจีนหวานอมเปรี้ยวหอมผลไม้ต่างๆอบอวลเต็มปากทุกครั้งที่ได้ดูด ส่วนอีกแก้วลองสั่งมาเป็น "ชามิกซ์เบอร์รี่ปั่นครีมชีส" ราคา 129 บาท ใช้เบอร์รี่รวมมิตรแช่แข็งสูตรทางร้านผสมขึ้นเองปั่นกับชาอัสสัมผสมน้ำเชื่อมสุดท้ายราดครีมชีสผสมนมสดจนขึ้นฟองให้เป็นชั้นๆภายในแก้วไล่เรียงสีอย่างสวยงาม ความหอมมันของครีมชีสช่วยลดความหวานเปรี้ยวแหลมของเบอร์รี่ให้นุ่มนวลลงกว่าเดิมหลายเท่าตัว ตอนนี้อิ่มแน่นท้องจนแทบจะก้าวขาไม่ไหวได้เวลาเรียกน้องพนักงานมาเช็กบิลที่โต๊ะกันเลยครับ

วันนี้ผมมากับแฟนสองคนทานเกือบไม่หมดแถมยังห่อวัตถุดิบตักฟรีที่เหลือกลับบ้านเอาไว้กินมื้ออื่นๆต่อ จ่ายไปทั้งหมด 2,416 บาท (บวก Vat. 7% และ Service Charge 10% เรียบร้อย) ส่วนตัวนั้นถือว่าราคายอมรับได้เพราะอาหารแต่ละจานปรุงมารสชาติดีมีเอกลักษณ์ซึ่งบางรายการสามารถหากินได้เฉพาะร้านนี้เท่านั้น ยิ่งหม่าล่าคิดราคาเป็นขีดต่อให้ตักถึงโลยังรู้สึกคุ้มมากกว่าไปนั่งทานร้านหม้อไฟจีนเสิร์ฟแบบ A La Carte แล้วซดซุปสุดมันเลี่ยนไม่ได้ รับคะแนนอร่อยคุ้มไป 5 ดาวเต็มๆเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ท่าพระ ชั้น 3 เลขที่ 129 ถนนรัชดาภิเษก แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00 - 21.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 061-919-6429


นอกจากนี้ร้าน "La Meow" ยังเปิดให้บริการอีก 2 สาขาคือ Central World ชั้น7 และ เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้นB

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 36,385 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page