top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว"กินชาบูกัน"บุฟเฟ่ต์เริ่มต้น 199฿ เสิร์ฟเนื้อ Ku Beef ทานได้ไม่จำกัดเวลา ในซอยประชาสงเคราะห์ 45

อัปเดตเมื่อ 13 ก.ค. 2566



ครั้งที่แล้วเรามารีวิวร้านอาหารภายในซอยหลังมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยซึ่งเพื่อนผมนั้นทำงานอยู่แถวนี้ ก็เลยแนะนำร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูเปิดใหม่ที่มักจะไปทานประจำราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 199 บาท มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใครนั่นก็คือทางร้านใช้วัตถุดิบจากสหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสนจังหวัดนครปฐมหรือ "Ku Beef" ซึ่งมีจุดเด่นก็คือเป็นการนำพ่อ-แม่วัวจาก 3 สายพันธุ์ทั้งพื้นเมืองไทย-บราห์มันและชาโรเลส์นำมาผสมเข้าด้วยกันเพื่อดึงเอาเฉพาะข้อดีของแต่ละสายพันธุ์มารวมกัน ราคาขายหน้าเขียงเนื้อปัจจุบันก็ถือว่าไม่ถูกแต่ร้าน "กินชาบูกัน" นี้นำมาเสิร์ฟให้ทานไม่อั้นและไม่จำกัดเวลาในการทานแบบนี้ก็ต้องมาลองชิมและรีวิวกันสักหน่อย ร้านตั้งอยู่ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 45 หลังมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะแนะนำให้ใช้ MRT สายสีน้ำเงินลงสถานีห้วยขวางแล้วเรียกรถเข้ามาตามถนนประชาสงเคราะห์ประมาณ 1.2 กม.ก็จะถึงแล้ว จุดสังเกตง่ายๆคือทางเข้าจะมีรูปถ่ายเมนูชาบูต่างๆพร้อมป้ายราคา 199 บาทขนาดใหญ่ ส่วนใครเดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็มีลานจอดขนาดใหญ่พิเศษให้บริการฟรี ตัวร้านเป็นเหมือนบ้านชั้นเดียวทรงยาวหลังคาสีน้ำเงินแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วแน่นอนครับ

บรรยากาศภายในร้านอย่างที่บอกไปตอนแรกก็คือเป็นบ้านทรงยาวซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 โซนนั่นคือ 1.ระเบียงด้านนอกรับลมธรรมชาติพร้อมพัดลมติดผนังเพื่อเพิ่มความเย็นและเตาที่ให้บริการจะเป็นแบบปิ้งย่างกับชาบู 2.ห้องกระจกติดแอร์เย็นฉ่ำด้านในร้านนี้มีเตาให้บริการเฉพาะเมนูชาบูเท่านั้น การตกแต่งโดยรวมก็ดูเรียบง่ายๆด้วยพื้นปูนเปลือย-ผนังสีส้มสลับกับกระเบื้องลายอิฐเหมือนนั่งทานข้าวสบายๆอยู่ที่บ้าน โต๊ะกับเก้าอี้ใช้ไม้สีเข้มโครงเหล็กทาสีดำแข็งแรงมั่นคงเหมาะสำหรับเป็นสถานที่นัดเพื่อนฝูงมาทานชาบูด้วยกันแบบไม่ต้องสนใจเรื่องเวลา เรียกได้ว่าตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าหลักของที่ร้านอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่อยู่โดยหอรอบนี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับผม

มาถึงก็หาที่นั่งกันก่อนเนื่องจากวันนี้แดดข้างนอกร้อนสุดๆเลยเดินเข้ามานั่งด้านในห้องแอร์เย็นฉ่ำๆแทน บนโต๊ะนอกจากกระดาษทิชชู่แล้วยังมีใบสั่งอาหารกับปากกา ไว้เขียนจำนวนตัวเลขลงในช่องเมนูที่ต้องการทานทั้งบุฟเฟ่ต์- A La Carte โดยบุฟเฟ่ต์ของที่ร้านมีให้เลือก 2 ราคาคือ 199 บาท เสิร์ฟหมู/ไก่/ทะเล/ลูกชิ้น/ผักและเส้นรวมกว่า 33 เมนู ราคา 299 บาท เสิร์ฟเนื้อโคขุน Ku Beef/หมูคุโรบูตะ/ซีฟู๊ดและของทานเล่นมาเพิ่มรวมกว่า 52 เมนู โดยทั้ง 2 ราคาบุฟเฟ่ต์นี้สามารถนั่งทานได้ไม่อั้น-ไม่จำกัดเวลา ส่วนเมนู A La Carte นั้นมีให้เลือกสั่งทั้งวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม/อาหารจานเดียว/อาหารทานเล่นและเครื่องดื่ม ตอบโจทย์กลุ่มนักศึกษาที่มีรายได้น้อยทำให้มาทานบุฟเฟ่ต์ไม่ได้บ่อยๆราคาเริ่มต้นที่ 39-229 บาท ส่วนใครที่ดื่มน้ำเยอะๆแต่ต้องการจ่ายในราคาสุดคุ้มก็มีเครื่องดื่มแบบรีฟิลทั้งน้ำอัดลม-น้ำหวานพร้อมน้ำแข็งเติมได้ไม่อั้นไม่จำกัดเวลาราคาเพียงคนละ 39 บาท จะทานอะไรก็สั่งเลยครับผม

อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าร้าน "กินชาบูกัน" ใช้เนื้อโคขุนกำแพงแสนหรือ Ku Beef เพื่อเป็นการรับประกันว่าทางร้านใช้เนื้อของแบรนด์นี้จริงจึงมีตารางเนื้อโคขุนส่วนต่างๆซึ่งจัดพิมพ์โดยสหกรณ์-วิธีการปรุงให้อร่อยพร้อมกับเอกสารกำกับว่าเป็นการร่วมมือกันช่วยเพิ่มความมั่นใจได้เป็นอย่างดี นอกจากเนื้อในเมนูบุฟเฟ่ต์ราคา 299 บาทจะมีให้สั่งไม่อั้นแล้วหากอยากทานส่วนหายาก-ราคาสูงก็ขายแยกราคาไม่แพง หากใครอยู่ใกล้ๆแล้วอยากทานแต่ไม่กล้าออกจากบ้านก็มีบริการเดลิเวอรี่เริ่มต้น 399 บาท ส่วนของหวานที่ร้านมีจำหน่ายเป็นไอศครีมยี่ห้อ ETE (เอเต้) ให้เลือกมากถึง 12 รสชาติราคาถ้วยละ 30 บาทเพียงอย่างเดียว ในบุฟเฟ่ต์มีให้สั่งเฉพาะของคาว-เครื่องดื่มเท่านั้น

ใครที่มานั่งนานๆแล้วกลัวแบตโทรศัพท์มือหมดหรือลืมนำ Power Bank พกติดตัวมาที่ร้านก็มีบริการให้เช่าฟรีผ่านแอป Power Plus เฉพาะครั้งแรกเท่านั้น ครั้งถัดไปคิดชั่วโมงละ 10 บาทหรือเหมาทั้งวันจ่ายเพียงแค่ 45 บาท นั่งทานชาบู-ปิ้งย่างได้แบบชิลล์ๆไม่ต้องกลับแบตมือถือหมด ส่วนวันหยุดของที่ร้านมีกำหนดก็คือวันพุธในสัปดาห์ที่ 2 และ 3 ของแต่ละเดือน หากไม่อยากมาเก้อหรือไม่ชัวร์ว่าร้านเปิดไหมให้โทรหรือแชตมาสอบถามก่อนจะดีสุดครับ

น้ำซุปที่ร้าน "กินชาบูกัน" นี้มีให้เลือกทั้งหมด 4 สูตรคือ น้ำซุปใสต้นตำรับ/น้ำซุปดำสไตล์ญี่ปุ่น/น้ำซุปต้มยำรสแซ่บสไตล์ไทยและน้ำซุปแจ่วฮ้อนสไตล์อีสาน โดย 1 โต๊ะสามารถเลือกได้เพียง 2 น้ำซุปเท่านั้นวันนี้เลยเลือกเป็นซุปใสสีทองหอมกลิ่นปลาโอแห้งเค็มนวลกลมกล่อมกับน้ำซุปดำรสหวานเค็มหอมกลิ่นโชยุผสมกับปลาโอแห้ง-สาหร่ายคอมบุกลมกล่อมถือว่าใกล้เคียงกับร้านชาบูเจ้าดังในราคา 199 บาทโดยส่วนตัวถือว่าดีเกินคาดมากครับ ส่วนน้ำจิ้มของที่ร้านมีให้เลือกทานทั้งหมด 4 สูตรคือ น้ำจิ้มสุกี้/น้ำจิ้มพอนสึสไตล์ญี่ปุ่น/น้ำจิ้มแจ่วสไตล์ไทยและน้ำจิ้มซีฟู๊ดเอาไว้ทานคู่กับอาหารทะเล พร้อมพริกสด/กระเทียมสับเอาไว้ปรุงรสเพื่อเพิ่มความแซ่บเผ็ดซี๊ดได้ตามใจขอได้ไม่อั้นครับ

ของสดสำหรับลงหม้อชาบูต่างๆที่เราสั่งไปทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะเริ่มจากเนื้อวัวในรายการบุฟเฟ่ต์มีทั้ง โคขุนเนื้อแดง/โคขุนเนื้อติดมัน/โคขุนน่องลายและเนื้อโคขุนหมัก (ใบบัวแดง) อยู่ในราคา 299 บาท ซึ่งเป็นเนื้อส่งตรงมาจากสหกรณ์โคขุนกำแพงแสนหรือ Ku Beef สั่งได้ไม่อั้น-ไม่จำกัดเวลา แต่ถ้าอยากทานส่วนที่พรีเมี่ยมกว่าเดิมที่ร้านก็มีให้สั่งแยกเป็นแบบ A La Carte เลยสั่งมาลองชิมอย่างละ 1 ถาดได้แก่ เนื้อใบพายขนาด 70 กรัมราคา 100 บาท/เนื้อเซอร์ลอยด์ หรือสะโพกวัวขนาด 70 กรัมราคา 80 บาทและเนื้อน่องแก้วขนาด 70 กรัมราคา 80 บาท โดยรวมมีลายแทรกไขมันเป็นหินอ่อนและสีสันที่สีสวยงามกว่าเนื้อที่เสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์ปกติส่วนรสชาติกับความเข้มข้นนั้นถือว่าดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่กลิ่นค่อนข้างแรงเหมาะสำหรับสายเนื้อตัวจริงมากกว่า ถ้าเป็นมือใหม่แนะนำว่าทานแค่ส่วนที่ทางร้านคัดมาเสิร์ฟให้ในบุฟเฟ่ต์ก็ดีงามมากอยู่แล้วเพราะมีกลิ่นบางเบาและไขมันน้อยแต่นุ่มทานได้เรื่อยๆครับผม

ถ้าใครไม่ใช่สายเนื้อวัวที่ร้านก็มีหมูหลากหลายเมนูในบุฟเฟ่ต์ราคา 199 บาท ทั้งหมูสันคอ/หมูสันนอก/หมูสามชั้น/ตับ/หัวใจ/หมูหมักพริกไทยดำ/หมูหมักงาและหมูหมักนุ่ม ยกเว้นถ้าทานราคา 299 บาท ก็จะมีหมูคุโรบูตะส่วนสันคอที่ปริมาณแทรกไขมันบนเนื้อสีแดงอมชมพูสวยงามให้สั่งไม่อั้นมาเพิ่มอีก 1 เมนู แน่นอนว่าอร่อย-เคี้ยวนุ่มกว่าหมูปกติธรรมดาๆทั่วไป ส่วนพวกเมนูหมักนุ่มถือว่ารสชาติเข้าเนื้อและไม่เละจนเป็นเยลลี่ที่ไร้สัมผัสความเป็นหมูครับ

ปกติไปทานชาบูบุฟเฟ่ต์ร้านไหนไม่เคยนึกถึงเมนูไก่หมักแต่ที่ร้านนี้ขอแนะนำว่าให้สั่งทั้ง ไก่หมักนมสด/ไก่ต้มยำและไก่หมาล่าเพราะถึงแม้จะเป็นส่วนอกชวนเหนียวเคี้ยวฝืดคอ แต่ด้วยวิธีการหมักนุ่มสูตรพิเศษของที่ร้านทำให้เข้าเนื้อรสชาติเข้มข้น-ชุ่มฉ่ำเคี้ยวเด้งดึ๋งในปากดีงามเกินคาดมากๆครับ ตามมาด้วยหมูบดเด้งปรุงรสบรรจุในกระบอกไม้ไผ่และอีกเมนูที่ส่วนตัวนั้นไม่เคยเห็นในชาบูบุฟเฟ่ต์ร้านอื่นๆก็คือแซลมอนบดใส่ในกระบอกไม้ไผ่แปลกใหม่ดีครับ

มาต่อกันด้วยซีฟู๊ด 2 ระดับราคาหากทานเป็นบุฟเฟ่ต์ราคา 199 บาท จะมีสิทธิ์สั่งเนื้อปลาดอรี่/แมงกะพรุน/กุ้งขาวแบบมีเปลือกและปลาหมึุกกรอบ แต่ถ้าทานบุฟเฟ่ต์ราคา 299 บาท จะมีสิทธิ์สั่งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์/พุงปลาแซลมอน/หอยตลับ/ปลาหมึกบั้งและกุ้งเด้ง จะเลือกทานราคาไหนก็มีกุ้งให้สั่งได้ไม่อั้นต่างกันแค่ต้องแกะเปลือกกับทานสะดวกเนื้อเด้งสู้ฟัน ส่วนซีฟู๊ดเมนูอื่นๆความสดอยู่ในระดับพอใช้เพราะเป็นเกรดแช่แข็งแต่ก็ถือว่าสมราคาครับ

มาต่อกันด้วยลูกชิ้นต่างๆที่ร้านก็มีให้สั่งมากมายทั้งลูกชิ้นกุ้ง/ลูกชิ้นปลา/เต้าหู้ปลาและปูอัด ถ้าสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์ราคา 299 บาท ก็จะมีลูกชิ้นพิเศษเพิ่มขึ้นมาทั้งเต้าหู้ชีส/ชิกุวะและลูกชิ้นไส้ไข่ปลาคริสตัลเกรดที่ร้านเลือกมาใช้เป็นแบบเดียวกับบุฟเฟ่ต์ชาบูระดับพรีเมี่ยมบนห้าง วัตถุดิบหมวดสุดท้ายคือผักสด-เห็ดและเส้นต่างๆมีให้สั่งทั้งผักบุ้ง/ผักกาดขาว/เห็ดเข็มทอง/ข้าวโพดหวาน/เห็ดหูหนูขาว/ฟักทองและแครอท เส้นก็มีให้สั่งทั้งเส้นแก้ว/วุ้นเส้น/มาม่า/อูด้งนอกจากนี้ยังมีไข่ไก่/เต้าหู้ไข่/เกี๊ยวปลาให้สั่งอีก (แต่เราไม่ได้สั่งมา) ของสดสำหรับลงหม้อที่สั่งไปมาเสิร์ฟหมดแล้วต่อจากนี่ก็เหลือแค่อาหารทานเล่นกับเมนู A La Carte อื่นๆที่สั่งเพิ่มมาอีกนิดหน่อยก็ทยอยตามมาบนโต๊ะครับ

เริ่มจากเมนูอาหารทานเล่นที่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์สำหรับราคา 199 บาทนั้นมีให้สั่งเพียงอย่างเดียวก็คือบะหมี่หยกลวกคลุกกับกระเทียมเจียวส่วนบุฟเฟ่ต์ราคา 299 บาท จะมีมาเพิ่มอีก 2 รายการคือเฟรนซ์ฟรายส์ทอดร้อนๆทานคู่กับซอสมะเขือเทศและถั่วแระญี่ปุ่นโรยเกลือเค็มๆมันๆชวนทานเพลินๆ ส่วนอีก 3 เมนูที่เหลือเป็น A La Carte ดูน่าสนใจเลยสั่งมาลองทานคือ "ปีกไก่ทอด" ราคา 79 บาท เป็นปีกกลางไก่หั่นครึ่งชุบแป้งทอดกับใบมะกรูดหอมๆปรุงรสมาเค็มอ่อนๆทานกับซอสน้ำจิ้มไก่รสหวานอมเปรี้ยวเข้ากันได้อย่างลงตัว จานต่อไปนั่นคือ "เอ็นข้อไก่ทอด" ราคา 79 บาท เป็นเอ็นไก่เคี้ยวกรุบกรอบชุบแป้งทอดกับงาขาวให้รสเค็ม-มันหอมใบมะกรูด ทานกับน้ำจิ้มไก่สูตรเดียวกับจานแรกเสียดายที่ร้านนี้เขาไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะมันเข้ากันมากๆครับ จานสุดท้ายเป็น Signature ที่ร้านเขียนเอาไว้ในใบเนื้อ Ku Beef ว่าต้องลองก็คือ "โคขุนเสียบไม้ย่าง" ราคา 99 บาท โดย 1 จาน เสิร์ฟมาให้ 5 ไม้ตกราคาไม้ละ 20 บาท เป็นเนื้อวันโคขุนกำแพงแสนหมักปรุงรสเสียบไม้ชั้นเนื้อสลับกับไขมันย่างด้านนอกเกรียมสวยเนื้อในชุ่มฉ่ำทานกับน้ำจิ้มแจ่วรสชาตินุ่มนวลไม่กวนกลิ่นของเนื้อสูตรพิเศษของทางร้านเข้ากันได้ดีสุดๆอาจจะมีเอ็นเหนียวเคี้ยวยากติมมาบ้างแต่โดยรวมคือรสเนื้อเข้มข้นโดนใจสายเนื่ออย่างแน่นอน ตอนนี้อาหารที่สั่งไปทุกอย่างมาครบหมดแล้วได้เวลานำวัตถุดิบต่างๆลงหม้อและฟินห์กับเนื้อจุ่มลงซุปกับน้ำจิ้มไม่จำกัดเวลาในการทานแล้วครับ

เปิดเตาไฟฟ้าระดับแรงสูงสุดรอให้น้ำซุปเดือดจากนั้นใส่วัตถุดิบต่างๆลงไปในหม้อแล้วใช้ตะเกียบคีบเนื้อสไลด์ส่วนที่ต้องการทานลงไปแกว่งในหม้อจนสุกก่อนที่จะทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรต่างๆของทางร้านเริ่มจากเบสิคสุดก็คือ "น้ำจิ้มสุกี้" รสชาติเค็ม-หวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นซอสพริกผสมน้ำมันงานัวๆทานง่ายไม่จัดจ้านมากจนเกินไปต่อกันด้วย "น้ำจิ้มแจ่ว" ก็เป็นสูตรพิเศษของที่ร้านปรุงเองหอมพริกแห้งผสมข้าวคั่วปรุงรสให้เค็มนำหวานอ่อนๆไม่จัดจ้านสไตล์อีสานแท้ๆแบบที่เราคุ้นเคยจึงไม่รบกวนกลิ่นธรรมชาติของเนื้อโคขุนกำแพงแสนคุณภาพสูงทานได้แบบเพลินๆดีครับ

มาต่อกันด้วยน้ำจิ้มสไตล์ญี่ปุ่นที่ร้านชาบูขาดไม่ได้นั่นก็คือ "น้ำจิ้มพอนสึ" รสเค็มอมหวานหอมโชยุเปรี้ยวน้ำส้มสายชูกำลังดี เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นหอมซอยทานกับเนื้อจุ่มในซุปชาบูน้ำดำยิ่งอร่อยตัดเลี่ยนจากไขมันทำให้ทานจุมากยิ่งขึ้น ในบุฟเฟ่ต์ทั้ง 2 ราคามีเมนูซีฟู๊ดให้สั่งก็ต้องทานคู่กับ "น้ำจิ้มซีฟู๊ด" สูตรของที่ร้านนี้เขาหนักมือใส่ทั้งพริกสด-กระเทียมและน้ำมะนาวหอมขึ้นจมูกเปรี้ยวอมหวานตัดเค็มเล็กน้อยพอ 3 รสลงตัว จิ้มกับซีฟู๊ดก็อร่อยแซ่บหรือทานกับเนื้อลวกก็กลายเป็นหมูมะนาว-เนื้อมะนาวสไตล์ไทยที่อร่อยไปอีกแบบ สุดท้ายเราสั่งชีสมาราคาถาดละ 49 บาท เป็นมอสซาเรลล่าชีสขูดในถ้วยอลูมิเนียมนำความร้อนวิธีการทานก็ง่ายๆคือนำไปลอยในหม้อชาบูทั้งถ้วยรอให้ชีสละลายก่อนจะนำวัตถุดิบต่างๆลงไปดิปกลายเป็นซอสชีสหอมมันเค็มอ่อนๆทานคู่กับอะไรก็อร่อยไปหมดเลยครับ

มื้อนี้มาทานกัน 2 คน สั่งเป็นบุฟเฟ่ต์ราคา 299 บาท กับน้ำดื่มรีฟิลอีกคนละ 39 บาท รวมแล้วจะอยู่ที่คนละ 338 บาท แต่เราสั่งเมนู A La Carte มาอีก 7 รายการ ราคาเริ่มต้นที่ 49-99 บาท รวมทั้งหมดก็จะเป็น 1,199 บาท มื้อนี้ถือว่าไม่แพงและคุ้มค่ามากโดยเฉพาะสายกินจุ/กินนาน/กินอดทนที่กำลังมองหาร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู-ปิ้งย่างที่สามารถนั่งทานได้เรื่อยๆไม่จำกัดเวลา (ซึ่งมีอยู่เพียงไม่แค่กี่ร้าน) ถ้าหากคุณเป็นสายเนื้อวัวตัวจริง อยากจะฟินห์กับเนื้อโคขุนคุณภาพสูงจาก KU Beef อย่างสะใจแต่งบไม่บานปลาย (ได้ทานเนื้อวัวระดับเดียวกันแต่จ่ายราคาถูกกว่าไปซื้อที่หน้าเขียงหรือสหกรณ์) มาที่ร้าน "กินชาบูกัน" ถือว่าตอบโจทย์มากๆ มีข้อสังเกตุที่ควรพิจารณาก่อนเพียงข้อเดียวนั่นก็คือบุฟเฟ่ต์ทั้ง 2 ราคาไม่มีขนมหวานให้สั่ง (แต่มีขายแยกเป็นถ้วยๆแบบ A La Carte) หากรับในจุดนี้ได้ถือว่าเป็นอีก 1 ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู-ปิ้งย่างที่น่าสนมากครับ สำหรับวันนี้ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นมื้อที่อร่อยคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินได้ที่จ่ายไป ดีขนาดนี้ก็รับคะแนนไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 239/1 ถนนประชาสงเคราะห์ ซอยประชาสงเคราะห์ 45 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400

เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันพุธสัปดาห์ที่ 2 และ 3 ของแต่ละเดือน) ตั้งแต่เวลา 12.00-23.45 น.

โทร. 095-813-1764

Facebook : https://www.facebook.com/kinshabukan

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 841 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page