top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว K-strEAT (สามย่านมิตรทาวน์) Food Hall เกาหลีจัดบุฟเฟ่ต์ต็อกโปกีมา 4 จ่าย 3 เฉลี่ยแค่คนละ 261 ฿

อัปเดตเมื่อ 9 ก.ค. 2566



เลิกงานกำลังจะกลับบ้านและขี้เกียจทำกับข้าวเองเลยให้คุณแฟนเลือกร้านที่อยากลองชิมตามแนวรถไฟฟ้ามาที่นึง สรุปแล้วมาจบที่ "K-strEAT Food Hall" อยู่ภายในตึก Samyan Mitrtown ชั้น 4 โซนทิศเหนือ เป็นเหมือนฟู้ดคอร์ทที่รวบรวมร้าน Street Food เมนูคาวหวานจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำในประเทศเกาหลีใต้มาไว้ด้วยกันถึง 10 ร้าน อีกทั้งเปิดพื้นที่ให้นักศึกษา-คนทำงานมานั่งเล่นได้ด้วย ส่วนตัวเคยเดินผ่านเฉยๆแต่แฟนผมมาค่อนข้างบ่อยเพราะอยู่บ้าน Work Form Home แล้วไอเดียต่างๆไม่ค่อยพุ่งพล่านเท่าที่ควร ตอนนี้ทางร้านกำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษก็คือบุฟเฟ่ต์ Tokpokki มีวัตถุดิบต่างๆให้สั่งเกือบ 50 เมนู ราคาเริ่มต้นคนละ 349 บาท มา 4 จ่าย 3 และยังสามารถสั่งอาหารจากร้านอื่นๆภายในศูนย์อาหารมาทานได้ในราคาเพียง 50% เท่านั้น ฟังครั้งแรกอาจจะรู้สึกแพงหน่อยแต่พอมากดเครื่องคิดเลขดูแล้วถ้ามา 4 คนจะเฉลี่ยเพียงหัวละ 261 บาทเท่านั้น อีกทั้งหน้าร้านยังมีการเคลมด้วยว่า "บุฟเฟ่ต์ Tokpokki อันดับ 1 จากประเทศเกาหลี" ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้มากขึ้นอีกหลายเท่า วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาที่สามย่านมิตรทาวน์ 4 ชม.แรกจอดฟรี ชั่วโมงที่ 5–8 ราคาชม.ละ 20 บาท และชั่วโมงที่ 9 เป็นต้นไปคิดราคาชม.ละ 50 บาท ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง MRT สถานีสามย่านออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินมาก็อยู่ตรงหน้าห้างพอดี ขึ้นบันไดเลื่อนหรือกดลิฟต์มาชั้น 4 จะเจอป้ายชื่อร้านเปิดไฟนีออนสีขาวสลับสีเหลืองสว่างไสวใหญ่โตดูสะดุดตากว่าร้านอาหารอื่นๆทั่วทั้งบริเวณนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับผม

อย่างที่บอกไปเบื้องต้นแล้วว่าภายใน Food Hall นี้รวมร้าน Street Food ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ไว้มากถึง 10 แบรนด์ โดยร้านบุฟเฟ่ต์ที่เราจะมาทานวันนี้ชื่อว่า "Young Dabang Tokpokki Buffet" มีสาขาอยู่หลายแห่งทั่วโลกเริ่มจากประเทศต้นตำรับอย่างเกาหลีใต้/เวียดนาม/อินโดนีเซีย/สหรัฐอเมริกาล่าสุดก็คือประเทศไทย ซึ่งโต๊ะและที่นั่งต่างๆภายในร้านถูกแยกออกมาจากพื้นที่ฟู้ดคอร์ทปกติจึงให้รู้สึกมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น สามารถรับลูกค้าได้ตั้งแต่กลุ่มเล็ก 2-4 คน ไปจนถึงขนาดใหญ่ 6-10 คน ทุกโต๊ะจะมีเตาไฟฟ้าวางอยู่ตรงกลางพร้อมแผ่นยางรองกันหม้อหมุนไปมาระหว่างทาน ส่วนเก้าอี้เป็นโครงเหล็กบุหนังสีเข้มสไตล์ Vintage นุ่มนั่งสบายสำหรับคนที่ตัวใหญ่ก็มีโซฟายาวให้บริการอีกด้วย ตอนที่เรามาพระอาทิตย์กำลังจะตกแล้วรีบสั่งอาหารก่อนแสงหมดดีกว่าครับ

เมื่อเรานั่งที่โต๊ะน้องพนักงานก็เอาเล่มเมนูมาให้ซึ่งบุฟเฟ่ต์ของร้านนี้มี 2 ราคาคือ Standard ราคาคนละ 349 บาทสั่งได้ทั้งหมด 41 เมนู และ Premium ราคาคนละ 499 บาทสั่งได้ทั้งหมด 47 เมนู ส่วนซุปเลือกได้แค่ 1 จากทั้งหมด 4 น้ำซุปนั่นคือ 1. ซุปโอเด้งน้ำใส 2. ซุปหมาล่า 3. ซุปต๊อกโปกีสูตรต้นตำรับ และ 4. ซุปต๊อกโปกีสูตรเผ็ด หน้าหลังเป็นรายการเมนู A La Carte อีก 9 ร้านที่อยู่ในฟู้ดคอร์ทสั่งมาทานได้ในราคาลด 50% (เฉพาะทานในร้านไม่สามารถสั่งกลับไปทานที่บ้านได้) มีทั้งเมนูของคาวและเครื่องดื่มขนมหวานราคาเริ่มต้นแค่ 22 บาท วันนี้เราเลือกเป็นแบบ Premium สั่งให้น้องพนักงานช่วยจัดวัตถุดิบสดทุกอย่างๆละ 1 ถาดมาวางไว้ที่โต๊ะรวมถึงอาหารทานเล่นด้วย (ปัจจุบันต้องสั่งตรงจากในครัวเนื่องจากมาตรการควบคุมโรค) ส่วนเครื่องดื่มที่รวมในบุฟเฟ่ต์เป็นน้ำอัดลมกดได้จากเครื่องด้วยตัวเองทั้งเป็ปซี่/เซเว่นอัพฟรี(ไม่มีน้ำตาล)/ชาลิปตันไอซ์ที/มิรินด้าน้ำส้มและโซดาเปล่าๆ มีแก้วกับถังน้ำแข็งพร้อมหลอดวางไว้ใกล้ๆกัน ตอนนี้เมนูที่สั่งไปทยอยมาเสิร์ฟบนโต๊ะแล้วรีบถ่ายรูปก่อนแสงจะหมดกันครับ

วันนี้เราเลือกนั่งที่ตรงโต๊ะริมกระจกมองลงไปด้านล่างเป็นแยกสามย่านและสะพานข้ามแยกไทย-ญี่ปุ่น ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดหัวลำโพงหรือมองออกไปไกลหน่อยก็จะเห็นอีกตึกสูงแลนด์มาร์คย่านสีลม-สาทรได้อย่างชัดเจนจากมุมนี้ ดื่มน้ำอัดลมนั่งชมบรรยากาศกรุงเทพยามเย็นไปพลางๆเผลอแปปเดียวอาหารที่สั่งไปก็มาวางแน่นโต๊ะ ส่วนช้อน-ส้อม-ตะเกียบจัดเป็นชุดห่อด้วยถุงพลาสติกและกระดาษเช็ดปากอยู่ในลิ้นชักใต้แผงควบคุมเตาไฟฟ้าของแต่ละโต๊ะ น้ำซุปวันนี้เราเลือกเป็น "ต๊อกโปกีสูตรต้นตำรับ" ที่ทางร้านแนะนำรอให้เดือดปุดๆก็พร้อมทานแล้วมาลุยกันเลยครับ

วัตถุดิบต่างๆที่เราสั่งไปในบุฟเฟ่ต์ราคา 499 บาทเริ่มจากหมวดเนื้อสัตว์นั่นก็คือ สันคอหมูสไลด์/เนื้อวัวสไลด์/สันคอหมูสไลด์ราดซอสเทอริยากิ/หมูสามชั้นสไลด์/หมูเด้งบด/กุ้งสด/ปลาหมึกบั้งและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (วันนี้หมูสามชั้นชิ้นใหญ่หมดแต่ไม่ใช่ปัญหา) ตามมาด้วยอาหารทานเล่นต่างๆมีให้สั่งทั้งหมด 8 รายการนั่นคือ ไก่บูลโกกิ/ไก่ทอดผัดซอสเปรี้ยวหวาน/เกี๊ยวนึ่งมันดู/ข้าวปั้นสไตล์เกาหลี/แพนเค้กกิมจิ/คิมมารี/เกี๊ยวซ่าเกาหลีทอดและกิมจิ หน้าตาของวัตถุดิบสดทั้งเนื้อวัว/หมูและซีฟู๊ดโดยรวมถือว่าคุณภาพดี ส่วนเมนูอาหารทานเล่นต่างๆทางร้านปรุงมาให้ใหม่เสิร์ฟร้อนในจานเล็กปริมาณกำลังดีมีกลิ่นหอมดึงดูดชวนให้อยากทานแต่จะอร่อยไหมเดี๋ยวมาลองชิมกันครับ

มาทานต๊อกโบกีสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเหล่าเส้นและแป้งต๊อกชนิดต่างๆ เริ่มจากเส้นรามยอนหรือมาม่าเกาหลี/เส้นบะหมี่เกาหลีสด/แป้งต๊อกโปกีข้าว/แป้งต๊อกโปกีสดและแป้งต๊อกโปกีสอดไส้ชีส มาต่อกันด้วยท๊อบปิ้งกับลูกชิ้นชนิดต่างๆทั้งไข่ต้ม/ออมุก(เต้าหู้ปลาแผ่นเกาหลี)/ลูกชิ้นเต้าหู้ปลา/แฮมหมูรมควัน/ลูกชิ้นกุ้งและลูกชิ้นปลา (ปกติมีเต้าหู้ไข่/ไส้กรอกและเต้าหู้อ่อนด้วยแต่วันนี้ของหมด) สุดท้ายเป็นเห็ดและผักสดต่างๆทั้งเห็ดชิเมจิ/มันฝรั่ง/หัวหอมใหญ่/แครอท/สาหร่ายวากาเมะ/กระหล่ำปลี/ผักบุ้ง/ผักกาดขาว/ต้นหอมไทย/ต้นหอมญี่ปุ่น/ข้าวโพด/เห็ดเข็มทองและเห็ดออเร็นจิใส่ถาดมาอย่างละเล็กน้อย อยากกินอะไรก็จับเทยัดใส่ลงในหม้อน้ำซุปต๊อกโปกีกลางโต๊ะได้เลยครับ

จับวัตถุดิบที่อยากทานเรียงใส่ลงในหม้ออย่างสวยงามถ่ายรูปอวดเพื่อนๆเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาลงเนื้อสัตว์อื่นๆและคลุกเครื่องเคราทุกๆอย่างในหม้อต๊อกโปกีให้รวมกลายเป็นร่างเดียวกันแล้วรอให้สุกเดือดเริ่มทานได้ทันที มีข้อที่ควรระวังเล็กน้อยคือ 1. อย่าเปิดเตาแรงเกินไปแนะนำให้กดแค่เบอร์ 1-3 เท่านั้น 2. อย่าปล่อยให้แป้งและเส้นลงไปอยู่ก้นหม้อเพราะไม่ได้เคลือบเทฟลอนจึงไหม้ง่ายมากๆ 3. หากเผลอทำไหม้แล้วอย่าพยายามขูดหม้อเพราะกลิ่นไหม้จะเข้าไปผสมอยู่ในอาหารและขอเปลี่ยนใหม่ได้ฟรีไม่ติดเงินเพิ่มแต่อย่างใด 4. ถ้าพนักงานถามว่าเติมน้ำซุปไหมอย่าปฎิเสธเพราะน้องๆที่ร้านเขามีประสบการณ์ที่แค่ดูก็รู้ว่าอีกนิดไหม้แน่นอน (หากไม่อยากเติมน้ำซุปก็ปิดเตาไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีสุด) 5. พยายามคลุกอยู่เรื่อยๆจะได้ทานต๊อกโปกีที่เข้มข้นน้ำซุปรสหวาน/เผ็ดหอมกลิ่นพริกป่นกับโคชูจังหอมน้ำมันงากลมกล่อมไม่เหมือนร้านไหนๆไม่เช่นนั้นก้นหม้อจะไหม้ก่อน จุดเด่นที่สัมผัสได้ว่าแตกต่างจากร้านอื่นที่เคยทานมาก็คือน้ำซุปหวานเผ็ดไม่เลี่ยนเพราะเขาคำนวณมาแล้ว (ไม่เหมือนกับหลายๆร้านที่ต้องปรุงซอสเองถ้าทำผิดแก้ไม่ได้แถมเลี่ยนมากด้วย) โดยซอส/น้ำซุปและเครื่องปรุงทุกอย่างภายใน Food Hall นี้เขามีโรงงานกลางอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะบรรจุส่งมาเป็นถุง-ขวดให้กับสาขาอื่นทั่วโลกเพื่อรักษาสูตรลับของที่ร้านไม่ให้หลุดรอดไปหาคนนอก ยกเว้นวัตถุดิบสดต่างๆเมื่อเทียบกับร้านคู่แข่งถือว่าคุณภาพพอกันเพราะจัดซื้อในไทยทั้งหมดนั่นเองครับ

ทางร้านถือว่าทำการบ้านมาดีเพราะบุฟเฟ่ต์ต๊อกโปกีหลายร้านในไทยไม่ค่อยมีน้ำจิ้มแต่ที่นี่เสิร์ฟ 2 สูตรนั่นก็คือ 1. Zikova Sauce ซอสสีแดงเข้มข้นรสหวานอมเปรี้ยวเผ็ดจี๊ดหอมกลิ่นน้ำมันงา 2. Honey Combo Sauce ซีอิ๊วเกาหลีใส่กระเทียมสับหวานเค็มอมเปรี้ยวหอมน้ำผึ้ง โดยทำมาเพื่อรองรับกับน้ำซุปอื่นๆที่ไม่ใช่ซอสต๊อกโปกีเอาไว้จิ้มเพื่อเปลี่ยนรสชาติไม่ให้เบื่อและใช้ทานคู่กับเมนูอาหารทานเล่นได้ทั้ง เกี๊ยวต้มมันดูคลุกน้ำมันงาโรยงาขาวกับต้นหอมทานเปล่าๆจะรู้สึกเลี่ยนไปนิดแตะซอสสีแดงหน่อยอร่อยจี๊ดจ๊าดกลายเป็นเกี๊ยวรสเผ็ดหวานโดนใจ ส่วนแพนเค้กกิมจิแป้งเหนียวนุ่มหนึบใส่กิมจิผักกาดขาวสับละเอียดลงไปปริมาณมากรสเค็มเปรี้ยวตัดหวานกลมกล่อมด้วยซอสสีดำช่วยให้อร่อยลดความเลี่ยนได้ดีมากยิ่งขึ้น ส่วนกิมจิของที่ร้านรสชาติค่อนข้างเปรี้ยวจัดเค็มตามทานแล้วสดชื่นดีครับ

อาหารทานเล่นทุกอย่างภายในร้านส่วนใหญ่ถูกนำเข้ามาจากประเทศเกาหลีเกือบ 100% เริ่มจากเกี๊ยวต้มมันดูก็เป็นแบบแช่แข็ง/แพนเค้กกิมจิใช้แป้งสูตรลับผสมเองกับกิมจินำเข้า ส่วนจานอื่นๆอย่างไก่ผัดเปรี้ยวหวานเป็นเนื้อไก่ชุบแป้งทอดกรอบเคลือบด้วยซอสเปรี้ยวหวานเข้มข้นสำเร็จรูปเพิ่มความเผ็ดจี๊ดจ๊าดด้วยพริกชี้ฟ้าแห้งหั่นท่อนเสิร์ฟมาร้อนๆอร่อยโดนใจสุดๆ ไก่ผัดบูลโกกิเป็นเนื้อไก่ส่วนสะโพกผัดกับหอมใหญ่แครอทในปริมาณมากคลุกกับซอสบูลโกกิรสชาติหวานนำเค็มอมเปรี้ยวหอมกลิ่นน้ำผลไม้สดชื่นไม่เหมือนทุกร้านอาหารเกาหลีที่เคยทานมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย ส่วนของทอดอย่างคิมมารีหรือผัดวุ้นเส้นพันสาหร่ายชุบแป้งทอดและเกี๊ยวซ่าไส้หมูผสมวุ้นเส้นปรุงรสมาคล้ายๆกับสูตรของญี่ปุ่นนำเข้าจากประเทศเกาหลีมาเป็นแบบแช่แข็งเอามาทอดให้ร้อนๆก่อนเสิร์ฟ ทานคู่กับซอส 2 สูตรพิเศษของทางร้านหรือจะจุ่มลงไปในหม้อต๊อกโปกีแบบเดียวกับในซีรี่ย์เกาหลีที่เคยดูมาก็อร่อยดีไปอีกแบบครับ

สุดท้ายเป็นเมนูข้าวปั้นสไตล์เกาหลีทางร้านใช้ข้าวญี่ปุ่นคลุกกับแฮม/ไชเท้าดอง/สาหร่าย/น้ำมันงาและเมล็ดงาขาวเสิร์ฟครั้งละ 3 ก้อน วิธีการทานมี 2 แบบก็คือ 1. ทานเล่นได้เลยทันทีแต่รสชาติจะจืดหน่อย 2. จับคลุกกับซอสต๊อกโปกีเข้มข้นกลายเป็นข้าวผัดสำหรับทานปิดท้ายมื้อช่วยเพิ่มความอร่อยฟินห์ขึ้นไปอีกหลายเท่า ทานทุกอย่างจนหมดเกลี้ยงหม้อก็สรุปได้ว่าจุดเด่นของที่ร้านคือซอสและอาหารทานเล่นต่างๆนำเข้ามาจากประเทศเกาหลีใต้โดยตรงจึงรสชาติอร่อยกว่าคู่แข่งหลายๆเจ้าที่เปิดอยู่ในปัจจุบัน ส่วนวัตถุดิบสดที่แนะนำให้สั่งคือกุ้งเนื้อเด้งตัวใหญ่ๆ/เนื้อวัวกลิ่นหอมติดไขมันเคี้ยวนุ่มและเนื้อหมูสไลด์ทุกชนิดนอกนั้นถือว่าไม่ต่างจากบุฟเฟ่ต์ต๊อกโปกีเจ้าอื่นแต่โดยรวมถือว่าค่อนข้างประทับใจ สุดท้ายอย่าทานจนอิ่มเกินไปเพราะที่ร้านเขามีขนมหวานให้หยิบ-ปรุงเองที่ไลน์อาหารด้วยนะครับ

เริ่มจากซุ้มทำแพนเค้กที่ดูยังไงมันก็คือวาฟเฟิลทางร้านจัดเป็นจุดให้เราทาเนย/เทแป้งสำเร็จรูปลงไปแล้วกดปุ่ม Start ที่นาฬิกาจับเวลาข้างบนก็จะได้แพนเค้กเนื้อนุ่มฟูร้อนๆหอมกลิ่นเนย ตกแต่งหน้าตาด้วยซอสช็อกโกแลต/สตรอเบอรี่/บีบวิปปิ้งครีมได้ตามใจ (ถ้าอยากให้ถ่ายรูปให้ออกมาสวยๆแนะนำว่าพักแพนเค้กคลายความร้อนอีกหน่อยไม่งั้นท๊อบปิ้งทุกอย่างจะละลายไหลลงมาหมด) ส่วนของหวานหยิบได้ด้วยตัวเองเป็นแพนนาคอตต้าซอสสตรอเบอรี่เนื้อเด้งหอมมันครีมนมตัดเปรี้ยวอมหวานเสิร์ฟแบบเย็นๆทานแล้วสดชื่นดี (ปกติมีเยลลี่ด้วยแต่วันนี้ทางร้านไม่ได้ทำมาเสิร์ฟ) ตอนนี้ก็อิ่มมาก-หมดเวลาพอดีเอาใบเสร็จที่พนักงานวางไว้ให้ที่โต๊ะไปจ่ายที่เค้าท์เตอร์หน้าร้านได้เลยครับ

มื้อนี้ผมกับแฟนรวม 2 คน จ่ายไปทั้งหมด 998 บาท (ไม่มี Vat. และ Service Charge) แนะนำว่าถ้าอยากประหยัดลงให้ช่วนเพื่อนมาให้ครบ 4 คน จะเหลือเพียงแค่หัวละ 261 บาท (สำหรับ Standard Buffet ปกติราคาเต็มคนละ 349 บาท) หรือจ่ายแค่หัวละ 375 บาท (สำหรับ Premium Buffet ปกติราคาเต็มคนละ 499 บาท) ซอสและอาหารทานเล่นทุกเมนูนำเข้าตรงจากประเทศเกาหลีใต้จึงรสชาติดีไม่เหมือนร้านไหนที่เคยทานมาแบบนี้ ก็รับคะแนนความอร่อยคุ้มไป 5 ดาวเต็มๆเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟


สุดท้ายอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าที่นี่เป็น Food Hall ซึ่งมีร้าน Street Food แบรนด์ดังจากเกาหลีใต้รวมๆกันกว่า 10 ร้าน โดยวิธีการสั่งก็คือหน้าประตูทางเข้าหลักมีเค้าท์เตอร์ให้เลือกเมนู-จ่ายเงินให้เรียบร้อย จากนั้นรับป้ายไฟไปรับอาหารจากแต่ละร้านมาทานที่โต๊ะไหนก็ได้ภายในบริเวณฟู้ดคอร์ทแห่งนี้ (ถ้ายังไม่รู้ว่าจะทานอะไรดีสามารถเดินเล่นสำรวจป้ายเมนูของแต่ละร้านได้ก่อนกลับมาสั่งอาหารตรงหน้าเค้าท์เตอร์อีกครั้ง) ใครที่ตั้งใจจะมานั่งทำงานแบบยาวๆแนะนำว่าให้เตรียมแบตเตอรี่สำรองมาเผื่อด้วย เพราะถึงจะมีโต๊ะให้นั่งฟรีแต่ไม่มีปลั๊กไฟให้บริการนะครับ

พิกัด : เลขที่ 944 อาคารมิตรทาวน์ ชั้น 4 ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 10.30-21.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 02-041-2424

Facebook : www.facebook.com/Kstreatth

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 3,290 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page