วันนี้มาทำธุระกับบริษัทที่จังหวัดนครราชสีมาเมืองย่าโม 3 วัน 2 คืน ถึงแล้วก็จัดการเข้าที่พักเก็บสัมภาระต่างๆให้เรียบร้อยและขอความช่วยเหลือจากน้องพนักงานโรงแรมช่วยแนะนำร้านอาหารเด็ดใกล้ๆจนมาพบกับ "จับปูกัน" อยู่ภายในโครงการ City Link Condo ขายบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดกับกุ้งแม่น้ำเผาพร้อมทานรวมกว่า 40 เมนูราคาเริ่มต้นแค่ คนละ 499 บาท แต่ช่วงที่เรามาถึงเขากำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษฉลองเปิดร้านใหม่เหลือเพียงคนละ 399 บาทเท่านั้น วิธีการเดินทางถ้ามาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดรถขนาดใหญ่ให้บริการฟรีข้างๆร้าน ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะตอนนี้เมืองโคราชมี Grab เรียกผ่านแอปพลิเคชั่นได้ครอบคลุมทั่วตัวเมืองราคาไม่แตกต่างจากกรุงเทพฯและที่สำคัญก็คือมีรถวิ่งให้บริการตลอดแทบจะ 24 ชม. (คนขับเยอะ/รับงานเร็วดีมาก) เลี้ยวเข้ามาในถนนมานะศิลป์นับจากปากซอยติดกับถนนมิตรภาพเข้ามาประมาณ 600 เมตร จุดสังเกตง่ายมากก็คือเป็นร้านสีดำขนาดกว้างใหญ่พิเศษ 2 ชั้นอยู่ทางด้านขวามือโดดเด่นไม่เหมือนใครโดยรอบแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้ว กว่าจะเดินทางมาถึงเมืองนครราชสีมาก็เกือบจะ 5 ชั่วโมงซึ่งตอนนี้เราหิวจัดมากรีบเข้าไปด้านในกันเลยครับ
ตอนที่เราถึงร้านเป็นเวลาเพิ่งเปิดจึงยังไม่มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาเลยรีบกดชัตเตอร์เพื่อเก็บบรรยากาศโดยรวมของโซนต่างๆ เริ่มจากประตูทางเข้าเป็นบันไดขึ้นมาก็จะพบกับฉากสีดำสนิทประดับด้วยพวงดอกไม้หลากสีสันและเก้าอี้สำหรับนั่งถ่ายรูปเช็กอินก่อนเป็นอันดับแรก ด้านขวามือเป็นโซน Outdoor ตั้งโซฟาสีขาวขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะหินสีดำเรียงกันติดริมระเบียงเป็นแนวยาวสำหรับนั่งชิลรับลมเย็นๆและมองรถที่ขับผ่านไปมาริมถนนมานะศิลป์ ด้านซ้ายมือเป็นโซน Garden ประดับด้วยต้นไม้สูงและไม้พุ่มสีเขียวดูสดชื่นบนพื้นปูนคอนกรีตสไตล์ลอฟต์ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ใช้เป็นแบบไม้และจักสานให้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งอยู่ในสวน เพิ่มความเป็นมินิมอลด้วยไฟทรงกลมดวงเล็กๆคล้ายกับหิ่งห้อยและโคมระย้าแบบเชิงเทียนสไตล์ยุโรปตามชายคากับทางเดินโทนสีเหลืองผสมส้มให้ความรู้สึกอบอุ่นชวนให้อยากนั่งนานๆ ใครเป็นคนไม่ชอบความร้อน-เหงื่อออกง่ายทางร้านมีพัดลมขนาดใหญ่ความแรงสูงคอยเปิดส่ายให้ไป-มาบริการ อีกทั้งสภาพอากาศในเมืองโคราชช่วงใกล้ค่ำรู้สึกเย็นสบาย/หายใจสะดวกกว่าที่กรุงเทพเยอะเลยครับ
จะเข้าไปโซนห้องกระจกตอนแรกหาทางเข้าไม่เจอแต่เห็นน้องพนักงานเดินออกมาจากด้านขวามือสุดก็จะพบกับบานประตูไม้ขนาดใหญ่พิเศษส่วนวิธีการเปิดให้ผลักเพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะเดินเข้าหรือออก (เพราะไม่มีที่จับสำหรับดึง) ด้านในเปิดแอร์เย็นฉ่ำเต็มไปด้วยโซฟาสุด Luxury หลายสไตล์เรียงเป็นแนวยาวให้เราเลือกนั่งได้ตามใจ การตกแต่งเน้นโทนสีดำตัดกับโคมระย้าแบบยุโรปและเปิดไฟ LED ตามเสาโทนส้มดูหรูหราเป็นทางการมากกว่าโซน ข้างนอก สำหรับใครที่ตั้งใจมาสังสรรค์ร้านนี้เขามีบาร์น้ำขนาดใหญ่ให้บริการเครื่องดื่มอีกเพียบ นอกจากนี้ยังมีมุมให้นั่งถ่ายรูปจัดมาอย่างสวยงามด้วย Street Art วาดมือเป็นซีฟู้ดบนพื้นสีน้ำเงินเข้มราวกับทะเลและช่อดอกไม้หลากหลายสีสันสดใสกว่าซุ้มตรงประตูทางเข้าด้านหน้า ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวที่ร้านก็มีห้องจัดเลี้ยงซึ่งสามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 20 คนให้บริการอีกด้วย ส่วนชั้น 2 พนักงานไม่อนุญาตให้เดินขึ้นไปโดยคิดว่าน่าจะเปิดเป็นอีกร้านชื่อว่า "Butchery All Best Meats" ตามป้ายไฟที่ทำเอาไว้ล่วงหน้าถ้ามีโอกาสจะแวะมาชิมอีกครั้งนะครับ
เมื่อมานั่งที่โต๊ะน้องพนักงานก็นำเมนูต่างๆออกมาให้เริ่มจากชุดอาหาร A La Carte สำหรับคนที่อยากนั่งนานๆไม่รีบร้อนมีไซส์ M/L/XL และ XXL ราคาเริ่มต้นที่ 1,490-2,990 บาท จัดเต็มด้วยซีฟู้ดคุณภาพดีให้มากสูงสุดถึง 4 กิโลกรัมทั้งปูเนื้อ/ปูม้า/กุ้งแม่น้ำ/กุ้งลายเสือ/หอยนางรมและหมึกหอม หน้าต่อไปเป็นเมนูพร้อมทานแบ่งเป็นปูขีดละ 150-200 บาท ปูผัดผงกะหรี่และข้าวผัดปูราคา 180-400 บาท กุ้งเผาไซส์ยักษ์ 1 กิโลกรัม 1,200 บาทและกุ้งปรุงเป็นกับข้าวต่างๆราคา 200-450 บาท ปลากะพงทอดทั้งตัวและปลาหิมะราคา 380-600 บาท อาหารแกงกับผัดผักต่างๆราคา 120-250 บาท รายการนึ่งกับต้มรสแซ่บ 300-350 บาท เมนูของทอดกับกระทะร้อน 180-350 บาท รายการเครื่องดื่มที่ไม่รวมในบุฟเฟ่ต์ก็มีม๊อกเทลกับค๊อกเทลมีให้สั่งกว่า 34 เมนูราคาเริ่มต้นแก้วละ 200 บาท (สามารถเลือกได้ว่าจะผสมแอลกอฮอล์ด้วยมั้ย) ส่วนน้ำเปล่ากับน้ำอัดลมราคาขวด-กระป๋องละ 30 บาทครับ
แน่นอนว่าวันนี้เราตั้งใจมาทานบุฟเฟ่ต์โดยเฉพาะ ปัจจุบันถูกปรับราคาใหม่จาก 399 เป็น 499 บาท ส่วน 599 ถูกตัดออกมารวมกับ 899 และขยับราคาเป็น 999 บาท นั่งทานได้ 100 นาที หรือ 1.40 ชม. เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีทานฟรี อายุ 6-12 ขวบคิดเพียง 50% สำหรับบุฟเฟ่ต์เริ่มต้น 499 บาทประกอบไปด้วยเมนูซีฟู้ดปรุงสุกพร้อมทานกว่า 24 รายการ ส่วนราคาสูงสุดที่ 999 บาทนั้นสามารถสั่งได้ทุกอย่างพร้อมกุ้งแม่น้ำเผาไม่อั้นกว่า 40 เมนู ฟรีน้ำอัดลมรีฟีลแบบไม่มี Vat. และ Service Charge มากวนใจ อยากทานอะไรก็เขียนตัวเลขลงในช่องว่างด้านขวาสุดในใบสั่งอาหารของแต่ละระดับราคา ซึ่งมีข้อควรระวังอยู่เล็กน้อยคือบางเมนูเสิร์ฟมาให้ปริมาณค่อนข้างเยอะแนะนำว่าค่อยๆสั่งเป็นชุดทีละ 3-4 จานจะดีที่สุด (เพราะถ้าเหลือทางร้านปรับตามราคา A La Carte) จัดการยื่นใบสั่งให้น้องพนักงานพร้อมรับ "น้ำจิ้มซีฟู้ด" สีเขียวหนักพริกสดกับกระเทียมรสชาติเปรี้ยวอมหวานหอมมะนาวเค็มพอกลมกล่อมทานกับอาหารทะเลเมนูไหนก็โดนใจ ส่วนน้ำรีฟีลมีให้สั่งเป็นโค้ก/สไปร์ทและโค้กซีโร่เป็นกระป๋องก่อน (โดยในอนาคตทางร้านจะมีตู้ให้กดเอง) ส่วนน้ำเปล่านั้นขายราคาขวดละ 30 บาท ที่เหลือก็แค่รออาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะครับ
วันนี้เราสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์ราคา 899 บาท (ปัจจุบันปรับเป็น 999 บาท) สั่งกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้นตลอด 1.40 ชม. โดยทางร้านจัดการย่างให้บนเตาถ่านตั้งอยู่ริมถนน ซึ่งเป็นแบบครัวเปิดสามารถเดินมาชมวิธีการเผาพร้อมดมกลิ่นมันกุ้งปะทะกับควันหอมๆและเปลวไฟสุดร้อนแรงได้จากมุมนี้จากนั้นใส่จานแล้วยกไปเสิร์ฟให้แต่ละโต๊ะในร้าน กุ้งตัวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือผ่าตรงกลางหลังมองเห็นเนื้อสีขาวสดๆสัมผัสเด้งสู้ฟันพร้อมมันกุ้งสีเหลืองส้มแสบตาแบบนี้ เพียงนำส้อมปักลงไปตรงกลางแล้วดึงเนื้อก็ออกมาเป็นชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำสะใจสุดๆ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดตรงหัวแล้วใช้ช้อนตัก-ราดข้าวสวยหรือใส่เข้าปากบอกได้เลยสุดฟิน เท่าที่นั่งสังเกตโต๊ะอื่นๆส่วนใหญ่มาเพื่อทานกุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่นี้กว่า 90% แค่เฉพาะกลุ่มเราก็สั่งไปเกือบ 30 ตัวแล้วถือว่าเกินคุ้มดีมาก ที่สำคัญก็คือย่างเร็ว/เสิร์ฟไวทันใจสุดๆเลยครับ
ใครที่เป็นสายปูก็มาฟินกันได้เต็มที่กับเมนู "ปูม้าดองน้ำปลา" ทางร้านคัดมาเฉพาะตัวเมียไข่เต็มกระดอง-เนื้อสีขาวใสดองน้ำปลาให้มีรสชาติเค็มอ่อนๆเพื่อดึงความหวานตามธรรมชาติของเนื้อปูออกมาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บดูดได้อย่างสะใจ/แกะตรงไหนก็เจอแต่เนื้อปูสดเป็นก้อนๆคุณภาพสูง จานต่อไปคือ "ต้มยำกุ้งแม่น้ำ" ที่ร้านปรุงรสชาติมาหวานมันตัดเค็มนิดๆพอกลมกล่อมหอมเครื่องสมุนไพรไทยเตะจมูก ใส่แค่เห็ดกับกุ้งเนื้อแม่น้ำแกะเปลือกพร้อมทานตัวใหญ่เนื้อเด้งๆเคี้ยวเต็มคำสะใจ น้ำซุปซดร้อนๆคล่องคอสดชื่นไม่มันเลี่ยนและไม่เผ็ดเกินไปครับ
จานต่อมาก็คือ "ยำหอยนางรม" เป็นหอยนางรมสดเอามายำใส่น้ำพริกเผาผสมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเพิ่มพริกขี้หนูสด/กระเทียมสไลด์บางและหอมแดงเจียวจัดเต็ม คล้ายกับเมนู "หอยนางรมทรงเครื่อง" ที่เอาทุกๆอย่างมารวมกันให้ตักเข้าปากได้ทันที มาพร้อมยอดกระถินคัดมาเฉพาะส่วนอ่อนๆวางแช่ในแก้วพร้อมน้ำแข็งทิ้งไว้นานๆไม่เหี่ยวสลดจนถึงคำสุดท้าย รสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อมเจอความกรุบกรอบของหอมเจียวและนุ่มนวลเป็นครีมของเนื้อหอยนางรมสดๆเคล้ากันอยู่ในปากได้อย่างลงตัวและไม่ต้องมาปรุงเองทีละคำให้เสียเวลา เมนูต่อไปก็ยังคงความแซ่บจี๊ดนั่นก็คือ "กุ้งแช่น้ำปลา" ทางร้านใช้แชบ๊วยตัวใหญ่พิเศษเอามาผ่าหลังดึงเส้นดำตรงกลางออกทำความสะอาดอย่างดีจนเนื้อขาวใสวางบนมะระสไลด์เส้นบางๆราดน้ำจิ้มซีฟู้ดตกแต่งด้วยใบสะระแหน่และพริกชี้ฟ้า รสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดร้อนเข้ากับเนื้อกุ้งเด้งสู้ฟันและมะระเส้นบางกรอบมีความขมบางเบาได้อย่างลงตัวเสิร์ฟมาแบบเย็นทานแล้วสดชื่นดีครับ
เมนูต่อไปนั่นก็คือ "กุ้งซอสมะขาม" โดยสูตรของร้านนี้ไม่ได้เอากุ้งแชบ๊วยไซส์ใหญ่ลงไปทอดในน้ำมันร้อนจัดแต่ลวกแค่พอสุกเนื้อเด้งกรุบกรอบเคี้ยวสู้ฟัน ราดด้วยซอสมะขามรสชาติเปรี้ยวอมหวานและโรยหอมแดงเจียวกับพริกแห้งทอดสไตล์ไข่ลูกเขยลงไป ส่วนตัวคิดว่าอร่อยดีแต่ถ้าเอาไปทอดให้เนื้อกุ้งรัดตัวแน่นกว่านี้น่าจะประทับใจขึ้นกว่าเดิมมากครับ จานต่อมาเป็น "กุ้งผัดพริกเกลือ" ก็ยังใช้แชบ๊วยตัวใหญ่เอามาลวกไซส์พอๆกับจานที่แล้วแต่เอามาผัดในกระทะอีกครั้ง ใส่เครื่องต่างๆลงไปทั้งกระเทียมเจียว/ต้นหอม/พริกสดและเมล็ดพริกซวงเจียสไตล์จีน ปรุงรสเค็มอมหวานนิดๆหอมกลิ่นคั่วกระทะอร่อยแบบเดียวกับในภัตตาคารระดับเหลา จานต่อไปนั่นคือ "ทอดมันกุ้ง" สูตรของร้านนี้ใช่เนื้อกุ้งบดผสมมันหมูเนื้อละเอียดเด้งชุบแป้งทอดกรอบ หอมเครื่องสามเกลอเด่นชัดทั้งรากผักชี/กระเทียม/พริกไทยทานคู่กับซอสบ๊วยรสหวานนำ ตัดเลี่ยนด้วยผักดองคล้ายอาจาดใส่หัวไชเท้า/แครอท/หอมแดงกับพริกชี้ฟ้าไม่เหมือนกับร้านอื่นที่เคยทานมา รสชาติถือว่าดีอยู่แล้วแต่ถ้าเพิ่มเนื้อกุ้งสับหยาบๆลงไปด้วยจะเคี้ยวสะใจกว่านี้ครับ
เมนูต่อมายังคงอยู่ในภัตตาคารระดับเหลาคือ "กุ้งอบวุ้นเส้น" ทางร้านยังคงใช้เฉพาะแชบ๊วยตัวใหญ่เหมือนเดิม แต่ความอร่อยของจานนี้วัดกันที่รสชาติของวุ้นเส้นที่ถูกปรุงรสมาเค็มหวานกลมกล่อม หอมกลิ่นรากผักชี/กระเทียมและพริกไทยขาวผสมเบคอนคลุกกับเส้นเหนียวนุ่มสู้ฟันทานได้เพลินๆ ถ้าเริ่มรู้สึกเลี่ยนก็ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของที่ร้านลงไปอีกหน่อยทานได้เรื่อยๆจนหมดหม้อ จานต่อไปเสิร์ฟมาในชามทรงลึกร้อนๆนั่นคือ "ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว" ทางร้านใช้ปลาหมึกกล้วยไซส์ขนาดกลางมีไข่เคี้ยวหนึบๆ (ไม่ได้แน่นเต็มท้อง) ใส่เครื่องต่างๆลงไปทั้งผักกาดขาวกับเห็ดหูหนูขาวนึ่งซอสมะนาวรสเปรี้ยวเค็มอมหวานจนสุก โรยหน้าด้วยผักชีใบเลื่อยซอยด้านบนสุดกลิ่นหอมสดชื่นน้ำซุปร้อนๆกับปลาหมึกเนื้อเด้งกรุบกรอบมีไข่มันๆในท้องผสมเห็ดและผักต้มเปื่อยนุ่มบอกได้เลยว่าจี๊ดจ๊าดโดนใจครับ
จานต่อไปเป็นเมนูพื้นฐานแต่ทางร้านทำออกมาได้ดีไม่บกพร่องก็คือ "ยำหนวดปลาหมึก" ต่างจากที่คิดเอาไว้นิดหน่อยเพราะใช้หนวดของปลาหมึกยักษ์ชิ้นใหญ่เอามาแล่บางๆเคี้ยวเต็มคำเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ส่วนน้ำยำปรุงมารสเค็มอมหวานและเปรี้ยวสมดุล (ไม่หวานจัดแบบร้านยำสมัยใหม่) เพิ่มความสดชื่นด้วยผักต่างๆทั้งขึ้นฉ่าย/หอมแขก/มะเขือเทศสดกลิ่นฉุนเข้ากันได้เป็นอย่างดี จานต่อมาประทับใจๆมากเพราะอยู่ในบุฟเฟ่ต์ 499 บาทสั่งกินไม่อั้นก็คือ "ปูผัดผงกะหรี่" ทางร้านใช้เนื้อปูก้อนเอามาผัดกับไข่ปรุงรสกับน้ำมันพริกเผาและผงกะหรี่หวานมันกรุบกรอบใบต้นหอม/ขึ้นฉ่ายกับหัวหอมใหญ่ เนื้อก้อนปูที่ใช้ถึงจะไม่ได้สดหวานเด้งแต่เทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าเกินคุ้มอยู่ดีครับผม
จานต่อมาวางบนโต๊ะแล้วต้องตกใจเพราะตัวใหญ่มากก็คือ "ปลากะพงสามรส" เป็นแบบทอดทั้งตัวบั้งมาอย่างสวยงามกรอบตั้งแต่หัวจรดหาง ราดซอสพริกสับแดงผสมกระเทียมรสหวานนำอมเปรี้ยวเค็มกลมกล่อมสามรสตามชื่อเมนูเข้ากับปลากะพงทอดเนื้อสีขาวหนังกรอบสีเหลืองทองได้เป็นอย่างดีราวกับทานในภัตตาคารชั้นนำ เมนูต่อไปเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านไม่เคยเห็นว่าเสิร์ฟที่ไหนคือ "ปลากะพงซอสพริกเขี้ยว" เป็นแบบทอดทั้งตัวเหมือนจานที่แล้วแต่เปลี่ยนจากซอสสีแดงเป็นสีเขียวทำจากพริกสดผสมกระเทียมเจียว ปรุงรสชาติให้หวานนำเค็มอมเปรี้ยวหอมกลิ่นมะนาวสดคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ดซึ่งเปลี่ยนเป็นกระเทียมเจียวแทน ถึงชื่อจะแปลกใหม่แต่โดยรวมถือว่าอร่อยแซ่บครับ
จานต่อไปเป็นเมนูพื้นฐานที่ร้านซีฟู้ดทุกแห่งต้องมีเสิร์ฟนั่นก็คือ "ปลากะพงทอดน้ำปลา" เป็นแบบทอดยกมาทั้งตัวเหมือนจานก่อนๆแต่ราดซอสน้ำปลามาจนซึมเข้าเนื้อรสเค็มอมหวานพร้อมทานแล้ว มาพร้อมยำสูตรพิเศษที่ใช้ผลไม้อย่าง "แอปเปิ้ลเขียว" รสเปรี้ยวกรุบกรอบฉ่ำน้ำมาแทนมะม่วงสูตรปกติที่เราเคยทานกัน รสชาติน้ำยำเค็ม-หวานกลมกล่อมใส่หอมแขก/พริกสด/เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด/แอปเปิ้ลเขียวให้ความเปรี้ยวและหอมมันกรุบกรอบ ส่วนจานต่อไปเป็นเมนูที่เป็นอีก 1 Signature ของทางร้านคือ "ข้าวผัดปู" ที่เสิร์ฟมาแบบโคตรปูผัดมาเมล็ดร่วนรสชาติเบาๆหอมกลิ่นควันจากกระทะ เสิร์ฟมาพร้อมมะนาวกับพริกน้ำปลาผสมกระเทียมช่วยเพิ่มรสชาติของจานนี้ให้อร่อยเข้มข้นถูกใจยิ่งขึ้น ทานกับแตงกวา/ต้นหอมและมะเขือเทศสไลด์สดช่วยเพิ่มความสดชื่นอร่อยลงตัวได้ปูสะใจดีครับ
ถ้าเริ่มทานซีฟู้ดแล้วเบื่อก็ยังมีอาหารอื่นๆให้สั่งอีกทั้ง "หมูกรอบ" จานนี้ปกติเป็นเมนู A La Carte แต่ทางร้านยกมาให้เราชิมฟรีเพื่อสอบถามความเห็นและอาจจะบรรจุลงบุฟเฟ่ต์ในอนาคต เป็นหมูกรอบที่หนังพองฟูเป็นฟองอากาศเล็กๆไม่เหนียวราวกับแผ่นกระเบื้องชวนเคี้ยวฟันแตกเหมือนร้านอื่น ส่วนเนื้อชุ่มฉ่ำไม่มีกลิ่นเหม็นสาบเฉพาะตัวของหมูและชั้นไขมันบางทานแล้วไม่เลี่ยน ทานคู่กับซอสซีอิ๊วดำแบบเดียวกับที่ใช้ในร้านอาหารจีนระดับเหลารสหวานไม่มีกลิ่นกากน้ำตาลเหม็นๆทานง่ายจนอยากขอเบิ้ลแต่ที่ร้านเสิร์ฟให้ลองทานแค่โต๊ะละ 1 จานเท่านั้นครับ เมนูต่อไปเราเคยเห็นแต่เสิร์ฟในร้านอาหารญี่ปุ่นคือ "ข้าวผัดกระเทียม" สูตรของที่ร้านนี้ใช้เมล็ดข้าวของไทยผัดจนแห้งร่วนใส่เนยและกระเทียมเจียวหอมเคลือบทุกอณูผสมกลิ่นควันอันเป็นเอกลักษณ์จากกระทะเผารมควันกับฝีมือการผัดเป็นอย่างดี จึงได้ข้าวผัดกระเทียมที่มีความเป็นจีนกับญี่ปุ่นอร่อยครบทุกพื้นฐานแบบที่ควรจะเป็นซึ่งเราชอบมากครับผม
เมนูต่อไปดูเหมือนจะง่ายๆแต่ปราบพ่อครัวชั้นเซียนมาหลายร้านแล้วก็คือ "กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา" หน้าตาแสนธรรมดาไม่ชวนดึงดูดแต่กลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกจนแทบอดใจไม่ไหว ทางร้านผัดกะหล่ำปลีมาสุกกำลังดีจึงให้สัมผัสที่กรุบกรอบ-หวานฉ่ำผสมรสเค็มกำลังดี กลิ่นน้ำปลาชั้นดีผสมกับควันกระทะไหม้หอมอบอวลเวลาเคี้ยวไม่สามารถบังคับมือและปากให้หยุดทานได้จนเผลอสั่งมาอีกหลายๆจานเลยครับ เมนูต่อไปก็อร่อยเด็ดหอมกลิ่นควันก็คือ "ผัดผักบุ้งไฟแดง" ใส่พริกสด/กระเทียมสับหยาบๆผัดมารสเค็มหวานกลมกล่อมไม่ใส่เต้าเจี้ยวและความสุกของผักบุ้งก็อยู่ในระดับกำลังดีเคี้ยวกรุบกรอบไม่มีเสี้ยนเหนียวติดฟัน ถ้าเชฟเปิดร้านข้าวต้มทำอาหารฝีมือนี้รุ่งเรืองแน่นอนครับ
ชุดสุดท้ายเป็นเมนูพาสต้าสไตล์อิตาเลียนในบุฟเฟ่ต์ที่ฝีมือไม่ใช่เล่นนั่นก็คือ "สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า" พาสต้าเส้นกลมน่าจะเบอร์ 2-3 เอามาลวกให้สุกกำลังดีระดับ Al dente คลุกลงในซอสผสมพาร์เมซานชีสวิปครีมเข้มข้นปรุงรสมาเค็มกลมกล่อมหอมพริกไทยและพาสลี่ย์สับ ตกแต่งให้สวยงาม-กรุบกรอบด้วยเบคอนทอดสีน้ำตาลท็อปปิ้งที่ด้านบนสุดก่อนเสิร์ฟ โดยรวมถือว่าอร่อยเกินหน้าเกินตาบุฟเฟ่ต์โรงแรมในกรุงเทพฯไปหลายเจ้าๆมากครับ และจานสุดท้ายก็คือ "สปาเก็ตตี้เบคอนพริกแห้ง" รสชาติสุดพื้นฐานไม่ซับซ้อน ใช้เส้นมีความหนา-ลวกมาสุกระดับเดียวกับจานที่แล้วผัดน้ำมันมะกอกปรุงรสแค่เกลือพริกไทย ใส่เบคอนกรอบ/พริกแห้ง/มะเขือเทศเชอร์รี่และมะกอกดำลงไปคลุกพอเข้ากัน สุดท้ายโรยหน้าด้วยผงชูรสฝรั่งหรือพาร์เมซานชีสก่อนเสิร์ฟมีรสเค็ม-เผ็ดนัวหอมกระทะผัดทานง่ายไม่ซับซ้อนแต่ตักใส่ปากไม่หยุด ตอนนี้อิ่มมากจนแน่นท้องและหนังตาเริ่มหย่อนแล้วเรียกน้องพนักงานมาคิดเงินครับ
มื้อนี้เรามาทานกัน 4 คนจ่ายไป 3,992 บาท (เป็นราคาเก่าก่อนปรับเป็นคนละ 999 บาทรวมกับน้ำอัดลมรีฟีลแล้ว) ไม่มี Vat. 7% และ Service Charge อีก 10% มากวนใจ ถือว่าเป็นร้านที่บรรยากาศสวยงาม-อาหารรสชาติอร่อยและใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงคุ้มกับราคาที่จ่ายไป แต่ส่วนใหญ่จะติดไปทางหวานเล็กน้อยอาจจะไม่ค่อยถูกใจคนที่ไม่ค่อยชอบนักและข้อที่ควรพิจารณาอีกสักหน่อยคือ "ไม่มีขนมหวาน" แต่พวกเราไม่ซีเรียสเพราะเดินออกมาซื้อร้านสะดวกซื้อข้างๆหรือสั่งเดลิเวอรี่จากร้านอื่นมาทานต่อในโรงแรมต่อก็ได้ ซึ่งภายในเมืองโคราชมีร้านขนมหวานเปิดให้บริการช่วงดึกๆสั่งตลอดได้เกือบ 24 ชั่วโมง ส่วนตัวให้ "จับปูกัน" รับคะแนนไป 5 ดาวเลยครับ🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : โครงการ City Link Condo ถนนมานะศิลป์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)
โทร. 091-059-4576
Facebook : www.facebook.com/Jubpuukun
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comentários