top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว"Irori (อิโระริ)"ร้านอิซากายะญี่ปุ่นเสิร์ฟเนื้อวากิวพรีเมี่ยม-เครื่องดื่มนำเข้า อยู่ในสีลมซอย 6

อัปเดตเมื่อ 6 ก.ค. 2566



เลิกงานตอนเย็นเหนื่อยล้าแบบนี้ก็ต้องหาอะไรอร่อยๆทานให้อิ่มท้องและดื่มเพิ่มความสดชื่นก่อนกลับบ้านนอนหลับฝันดีด้วยร้านสไตล์ Izakaya โดยเฉพาะในย่านสีลมที่มีเปิดให้เลือกอยู่มากมาย ซึ่งร้านที่เราจะมาทานกันในวันนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่คะแนนรีวิวจากชาวไทยและชาวต่างชาติสูงมากถึง 4.6 จากเต็ม 5 ดาว แสดงว่าต้องอร่อยไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ร้านตั้งอยู่ภายในสีลมซอย 6 หรือซอยทานตะวัน วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาที่โรงแรมตวันนาพร้อมรับสิทธิ์จอดฟรี 2 ชม.เมื่อมีตราประทับร้าน ถ้านานกว่านั้นคิดค่าบริการชม.ละ 30 บาท หากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีศาลาแดงแล้วเดินต่อมาเลี้ยวเข้าสีลมซอย 6 หรือซอยพัฒน์พงศ์ก็ได้ตามจุดปักหมุดบนแผนที่ในมือถือประมาณ 650 เมตร ก็จะพบกับหน้าร้านที่โดดเด่นด้วยโคมไฟห้อยสีขาว/ประตูบานไม้ขนาดใหญ่กับพื้นปูด้วยหินสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมคล้ายบ้านโบราณแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ

ช่วงที่เรามาถึงร้านเพิ่งเปิดยังไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยขอน้องพนักงานเดินสำรวจบรรยากาศด้านในกันก่อน เริ่มจากชั้นแรกเป็นโต๊ะหินสีดำพร้อมเจาะช่องตรงกลางเว้นไว้วางเตาย่างแบบญี่ปุ่นโบราณขนาดใหญ่นั่งได้ 6-8 คน จำนวน 2 โต๊ะ ถัดเข้าไปด้านในหน่อยเป็นเค้าท์เตอร์บาร์ขนาดยาวพิเศษไปจนถึงหลังร้านไว้นั่งชิลล์พร้อมชมการทำอาหารในครัวสไตล์ Izakaya แท้ๆไปในตัว เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นโซนห้องส่วนตัวขนาดเล็กสามารถรองรับลูกค้าได้ 4-6 คน มีจุดแตกต่างจากชั้น 1 ตรงที่โต๊ะไม่เจาะรูสำหรับวางเตาถ่านแต่ใช้เป็น "เตาชิชิริน" นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยปั้นขึ้นจากดินภูเขาไฟมีลักษณะภายนอกคล้ายๆกับเตาอั้งโล่ของไทยแต่เก็บกักความร้อนได้ดีกว่าวางไว้ให้ตรงกลางโต๊ะเมื่อสั่งเมนูปิ้งย่าง ทุกห้องใช้ประตูไม้เลื่อนแบบญี่ปุ่นโบราณให้ปิดด้วยตัวเองช่วยเพิ่มความ Private ได้เป็นอย่างดี

ส่วนชั้นที่ 3 ก็ยังคงเป็นห้องส่วนตัวแต่ขนาดใหญ่พิเศษสำหรับมาสังสรรค์กันเป็นกลุ่มใหญ่ ใช้โต๊ะหินสีดำเจาะรูตรงกลางเอาไว้วางเตาปิ้งย่างแบบเดียวกับชั้น 1 นั่งได้ 8-10 คน ถ้าไม่พอก็เปิดฉากกั้นอีกห้องให้ทะลุถึงกันรองรับลูกค้าได้สูงสุดถึง 20 คน เรียกได้ว่ายกขบวนกันมาฉลองทั้งแผนกทางร้านก็ยังรองรับไหว และอีกหนึ่ง Highlight ที่เราเห็นแล้วต้องหยิบกล้องมาถ่ายคือห้องน้ำสะอาดมากเมื่อเทียบกับ Izakaya ร้านอื่นๆ ตกแต่งด้วยสไตล์ Loft ผสม Modern มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างขาดแค่ไม่ใช่โถฉีดก้นอัตโนมัติและเพิ่มกลิ่นหอมด้วยสับปะรดสดเจาะรูใส่เทียนหอมเข้าไปด้านในที่ช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างทำธุระส่วนตัวได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่กังวลว่ามาใช้บริการร้าน Izakaya แบบนี้แล้วจะต้องพบเจอกับห้องน้ำที่ไม่สะอาดแบบหลายๆแห่งก็วางใจเลยครับ

กำลังจะเดินลงไปชั้นแรกเพื่อหาโต๊ะนั่งและสั่งอาหารหันมาเจอกับห้องพิเศษเป็นชั้นลอยสามารถรองรับได้เพียง 4 คนเท่านั้น เป็นบาร์นั่งดื่มขนาดเล็กไม่มีพื้นที่ไห้วางเตาย่างหรือปล่องดูดควันเหมือนชั้นอื่นๆมองออกไปเห็นวิวด้านล่างพร้อมโคมไฟสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่พิเศษได้อย่างชัดเจน การตกแต่งโดยรวมภายในร้านเน้นความเป็นญี่ปุ่นแบบโบราณหรือ Traditional ผสมด้วยสไตล์ Loft กับ Modern ในบางจุดเพื่อให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นและไม่รู้สึกเหมือนว่าเป็นร้านนั่งดื่มอิซากายะข้างถนนมากจนเกินไป เช่นการประโคมติดแผ่นป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เก่าแปะให้เต็มผนังร้านหรือเอาลังเบียร์มาต่อกันเป็นเฟอร์นิเจอร์ ใครเป็นสายถ่ายรูปหรือกำลังคิดถึงประเทศญี่ปุ่นจับใจอยู่แวะมาที่ร้านนี้นอกจากจะได้นั่งดื่มแบบสุดชิลล์แล้วรับรองว่าได้รูปสวยๆกลับไปอวดเพื่อนได้อีกหลายมุมแน่นอนครับผม

มาดูเมนูอาหารและเครื่องดื่มของทางร้านกันบ้างมีทั้งหมด 3 เล่มใหญ่ เริ่มจากเมนูปิ้งย่างและอาหารญี่ปุ่นแบบ Izakaya หน้าแรกเป็นเนื้อวากิว A4 นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเสิร์ฟพร้อมเตาถ่านสำหรับทานแบบยากินิคุ มีให้สั่ง 4 ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 1,080-1,580 บาท ตามมาด้วยเนื้อวากิวท้องถิ่นหรือไทยวากิว 2 ชิ้นส่วนราคา 680 กับ 780 บาท เนื้อวัวเมนูที่เหลือทางร้านเลือกใช้เป็นไทยเฟรนซ์คุณภาพสูงแต่ขายในราคาย่อมเยาว์เริ่มต้นจานละ 220-480 บาท ตามมาด้วยลิ้นและเครื่องในที่น้องพนักงานรับประกันเลยว่าอร่อยสะอาดและไม่เหม็นคาวแบบเดียวกับประเทศญี่ปุ่นทั้งลำไส้เล็ก/ลำไส้ใหญ่/กระเพาะ 3 ส่วน/หัวใจและตับเลือกได้ว่าจะหมักเกลือหรือมิโสะราคาที่ละ 170-400 บาท ต่อกันด้วยเนื้อหมูส่วนต่างๆ/สแปมและไส้กรอกเริ่มต้นที่ 120-160 บาท ผักย่างและผักดองสำหรับทานเคียงกับยากินิคุราคาจานละ 70-140 บาท นอกจากนี้ก็มีซีฟู๊ดที่ทางร้านย่างมาให้พร้อมทานได้ทันทีทั้งเนื้อปลา/กุ้ง/หมึกหลากหลายชนิดยกเว้นแค่หอยที่ต้องย่างเองที่โต๊ะราคาเริ่มต้นจานละ 80-350 บาท ราคาอาหารจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่สั่งไปว่าพรีเมี่ยมขนาดไหนทางร้านเขามีให้เลือกเองหลายระดับ ส่วนตัวถือว่าสมเหตุสมผลดีครับผม

นอกจากเมนูยากินิคุให้ย่างเองบนโต๊ะแล้วที่ร้านยังมีแบบเสียบไม้พร้อมทานทั้งเบคอน/เนื้อหมู-เนื้อไก่ส่วนต่างๆและเครื่องในราคาไม้ละ 48 บาท ถ้าเป็นเนื้อกับเครื่องในวัวราคาไม้ละ 88 บาท มีให้สั่งรวมกว่า 20 เมนู ทานได้ไม่มีเบื่อแน่นอนครับ ใครเป็นสายสุขภาพหรือชอบทานผักย่างหน้าต่อเป็นเป็นผักเสียบไม้ราคา 38 บาท และชุดผักเสิร์ฟพร้อมกัน 10 ไม้ราคาพิเศษเหมาๆ 350 บาท พร้อมข้าวโพดอบเนยใส่เบคอนและกระเทียมย่างราคาที่ละ 100 บาท หากทานของย่างแล้วรู้สึกเลี่ยนก็มีสลัดและยำสไตล์ญี่ปุ่นราคาจานละ 70-110 บาท หน้าต่อมาเป็นกับแกล้มสไตล์ญี่ปุ่นเสิร์ฟเป็นถ้วยเล็กๆแบบเดียวกับร้าน Izakaya ทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ 70-190 บาท หน้าต่อไปก็ยังคงเป็นจานกับแกล้มเหมือนเดิมแต่มีบางเมนูที่ทางร้านคิดค้นขึ้นใหม่เองไม่มีขายที่ร้านอื่น ราคาเริ่มต้นที่จานละ 100-280 บาท

มาต่อกันด้วยเมนูทานเล่นและของทอดต่างๆมีให้สั่งรวมกว่า 13 เมนู ราคาเริ่มต้นที่จานละ 90-260 บาท ส่วนเมนูหน้าสุดท้ายเป็นข้าวและเส้นสำหรับทานปิดท้ายให้อิ่มก่อนกลับไปนอนหลับฝันดีที่บ้าน ทั้งข้าวต้ม/ข้าวสวย/ข้าวผัดกระเทียมข้าวห่อสาหร่ายและข้าวปั้นไส้ต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 30-140 บาท เมนูเส้นก็มี ผัดหมี่/ยากิโซบะและสปาเก็ตตี้ผัดซอสมะเขือเทศราคาจานละ 120-220 บาท น้ำซุปเสิร์ฟใส่ถ้วยซดร้อนๆมีทั้งหมด 5 เมนูคือซุปมิโสะ/หอยตลับ/หมู/เนื้อวัวและไข่ ราคาถ้วยละ 65-150 บาท เมนูเล่มต่อไปเป็น "Sake List" นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีให้เลือกเยอะมากถ้าขี้เกียจเปิดอ่านให้เดินไปดูที่ตู้แช่เย็นหลังร้านด้วยตัวเองเลยครับ และเมนูเล่มสุดท้ายเป็นเครื่องดื่มหน้าแรกเป็นวิสกี้เอามาผสมกับน้ำหวานเป็น High Ball กับเบียร์สด/ขวดแก้วยี่ห้อต่างๆบอกขนาดอย่างชัดเจน

หน้าต่อไปเป็นบรั่นดีแบรนด์นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่ไม่เคยเห็นร้านไหนเสิร์ฟมาก่อนสั่งได้ทั้งเป็นแก้ว-ขวด ถ้ามีสมาชิกร่วมโต๊ะเป็นสายเกาหลีที่ร้านก็มีมักก็อลลีกับโซจู นอกจากนี้ก็ยังมีเหล้าบ๊วยรสชาติต่างๆ/Cocktail สไตล์ญี่ปุ่น/วิสกี้เสิร์ฟทั้งขวด/บรั่นดีแบรนด์ไทยและสาเกที่ทางร้านคัดมาใส่จอกเล็กให้ดื่มเบาๆไม่ต้องซื้อเหมายกทั้งขวด เมื่อดูจากรายการอาหารในแต่ละเล่มของทางร้านแล้วรู้เลยว่าลูกค้ากลุ่มหลักก็คือสายดื่มกับสายนั่งชิลล์ เพราะหนักไปทางกับแกล้มจานเล็กๆและเครื่องดื่มเยอะมาก แต่ที่โดดเด่นกว่าก็คือยากินิคุเพราะมีเตาสไตล์ญี่ปุ่นโบราณวางไว้เกือบทุกโต๊ะพร้อมระบบดูดควันขนาดใหญ่ไว้ใจได้ จัดการเลือกที่นั่งและสั่งอาหารที่อยากจะทานให้เรียบร้อยกันครับ

วันนี้เราเลือกนั่งทานกันที่ชั้นล่างเพราะอยากสัมผัสกับเตาญี่ปุ่นโบราณตามชื่อร้านนั่นคือ "Irori (อิโระริ)" หากใครเป็นแฟนภาพยนต์หรือซีรี่ย์ย้อนยุคจากแดนอาทิตย์อุทัยน่าจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างกับเตาถ่านตรงพื้นกลางบ้านพร้อมห่วงเหล็กเอาไว้แขวนหม้อ/ย่างปลาและนั่งผิงไฟพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวในฤดูหนาว โดยทางร้านได้จำลองเอาเตาถ่านแบบเดียวกันนั้นมาไว้บนโต๊ะให้นั่งทานสบายๆแต่ได้อารมณ์แบบญี่ปุ่นโบราณเหมือนเดิม ส่วนวัตถุดิบเราสั่งไปทั้งหมด 4 รายการ ถ่านที่ใช้เป็นไม้โกงกางท่อนใหญ่พิเศษพร้อมสวมตะแกรงย่างมาวางไว้ให้ที่กลางโต๊ะ พร้อมที่คีบกับกรรไกร/จานรอง/ตะเกียบและน้ำชาเขียวมัทฉะจืดเป็นแบบรีฟีลคนละ 30 บาท ส่วนน้ำจิ้มถึงจะเป็นยากินิคุสไตล์ญี่ปุ่นคล้ายกับร้านอื่นแต่ใช้ความหวานจากเนื้อผลไม้บดละเอียดแทนน้ำตาลจึงให้สัมผัสที่ข้นเหนียวเกาะติดตัวเนื้อได้ดีและหอมนุ่มละมุนมากกว่าใส่พริกสด-กระเทียมสับใส่ความเผ็ดแซ่บนัวได้ตามใจ และมาร้านสไตล์อิซากายะแบบนี้ก็มีอาหารทานเล่นมาเสิร์ฟก่อนเป็น "ถั่วแระญี่ปุ่นย่างเตาถ่าน" เมล็ดใหญ่เคี้ยวมันหอมกลิ่นไหม้เบาๆ กับเมนูพิเศษอีกอย่างที่ทางร้านยกออกมาให้ชิมคือ "รากบัวทอด" สไลด์มาบางทอดจนกรอบโรยเกลือแบบเดียวกับมันฝรั่งทอดหากชอบ/ติดใจมีขายเป็นจานใหญ่ราคา 60 บาท เหมือนให้ลองชิมนิดนึงถ้าอยากได้อีกก็จ่ายเงินเพิ่มแค่นั้นครับ

เปิดกระเพาะด้วยเมนูเบาๆกันก่อนอย่าง "ยำแตงกวาสไตล์ญี่ปุ่น" ราคา 70 บาท เสิร์ฟมาในกระปุกแช่เย็นด้านในเต็มไปด้วยแตงกวาสายพันธุ์ญี่ปุ่นเนื้อแน่นกรุบกรอบหวานฉ่ำกว่าของไทย ราดด้วยน้ำยำรสเค็ม-เปรี้ยวและหอมกลิ่นน้ำมันงาคล้ายๆกับน้ำสลัดญี่ปุ่นแต่มีความเข้มข้นกว่า ตอนเสิร์ฟพนักงานแนะนำว่าให้ปิดฝาและเขย่าขวดสักครู่ก่อนทานช่วยเพิ่มความเย็นสดชื่นและเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี จานต่อไปก็คือ "ยำปลาหมึกร้าญี่ปุ่น" ทานคู่กันกับแตงกวาญี่ปุ่นฝานบางๆ ราคา 110 บาท ข้อดีของเมนูนี้ก็คือไม่เค็มจัดตัดด้วยรสหวาน/เปรี้ยวน้ำมะนาวสดและเพิ่มความเผ็ดจี๊ดด้วยพริกสด/กระเทียม/ขิงสดสับหยาบ ทานคู่กับแตงกวากรอบๆแช่เย็นอร่อยแซ่บโดนใจมากแนะนำว่ามาแล้วต้องสั่งครับ อีกเมนูไม่เคยเห็นที่อิซากายะร้านไหนก็เลยสั่งคือ "ยำทาโกะวาซาบิ" ราคา 120 บาท หนวดหมึกทาโกะชิ้นโตเคี้ยวเด้งสู้ฟันกับวาซาบิสดกรอบๆฉุนขึ้นจมูกเอามายำใส่เครื่องสไตล์ไทย ปรุงรสหวาน-เค็มกลมกล่อมเพิ่มพริกสดกับขิงลงไปให้ความเผ็ดแซ่บ X2 ทานกับแตงกวาฝานบางแช่เย็นเป็นอีกเมนูที่ผมแนะนำให้ลองเลยครับ

นอกจากเมนูที่อยู่ในเล่มแล้วบนฝาผนังร้านก็มีให้สั่งอีกมากมายรวมถึงจานพิเศษอย่าง "Wagyu Setto Set" ราคา 1,080 บาท ได้ทานเนื้อวากิว A4 รวมกันถึง 3 ส่วนนั่นก็คือ Karubi / Rosu และ Gyu Tan ย่างลงบนเตาถ่านไม้โกงกางไฟแรงสะใจให้สุกเกรียมด้านนอกและสีอมชมพูด้านใน บอกได้เลยว่านุ่มตัดมาเสิร์ฟชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำภายในปากจึงเต็มไปด้วยไขมันและน้ำจากเนื้อแบบชุ่มฉ่ำอร่อยมากเข้ากับน้ำจิ้มยากินิคุสูตรพิเศษของทางร้านได้เป็นอย่างดี ส่วนลิ้นวัวแนะนำให้ย่างสุกกรอบหน่อยจะอร่อยเด้งสู้ฟันทานคู่กับวาซาบิข้างๆจานช่วยเพิ่มความเผ็ดฉุนขึ้นจมูกอีกนิดตัดเลี่ยนได้ดีสุดๆ อีกจานเป็นเครื่องในวัวส่วนที่หายากและหลายๆร้านไม่ค่อยเสิร์ฟคือ "Chimacho" หรือส่วนลำไส้ใหญ่สั่งมาแบบหมักมิโสะแดงรสเค็มกลมกล่อม ราคา 170 บาท เวลาย่างให้คอยพลิกรวมถึงระวังไฟลุกด้วยเพราะไขมันในลำไส้เยอะมาก ย่างให้พอสุกใสเนื้อจะหดลงเล็กน้อยทานเปล่าๆหรือจิ้มซอสยากินิคุก็อร่อยไม่หลงเหลือกลิ่นคาวเคี้ยวเด้งๆอร่อยดี ระหว่างที่รอไส้ย่างสุกก็ทาน "Kani To Tamago" หรือไข่ตุ๋นใส่กรรเชียงปูในไม้ไผ่ย่าง ราคา 150 บาท ไข่ตุ๋นเนียนนุ่มทานกับเนื้อปูม้าแน่นเต็มคำหอมกลิ่นไม้ไผ่ย่างไม่เหมือนใครอร่อยดีครับผม

เห็นว่าหอยที่ร้านไม่แพงเลยสั่งมาชิม 2 เมนูคือ "Kaki" หรือหอยนางรมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นราคาตัวละ 90 บาท ย่างให้พอสุกเนื้อจะกระชับและคายน้ำส่วนเกินออกกลายเป็นก้อนครีมรสชาติหอยนางรมเข้มข้นสัมผัสเนียนนุ่มพร้อมไหลลงคอไปอย่างง่ายดาย และ "Hotate" หรือหอยเชลล์โฮตาเตะส่งตรงจากฮอกไกโดท๊อบปิ้งด้วยเนยราคาตัวละ 100 บาท ก่อนจะลงย่างให้น้ำเทน้ำซุปปลาในเหยือกเล็กเสิร์ฟคู่กันลงไปรอให้เดือดสุกบนเตาถ่านพร้อมกินได้ทันที เนื้อหอยเชลล์แน่นเด้งเคี้ยวเต็มคำหอมกลิ่นน้ำซุปปลาผสมเนยซึมเข้าไปด้านในให้รสเค็มอ่อนๆช่วยดึงรสหวานตามธรรมชาติออกมาได้อย่างเต็มที่ หรือทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์ไทยรสเปรี้ยวอมหวานเผ็ดแซ่บก็ดีไปอีกแบบครับ

ทานแต่เนื้อวากิวกับหอยย่างไม่น่าอิ่มเลยสั่งเมนูข้าวมาทานด้วยกันให้อยู่ท้องคือ "ข้าวผัดกระเทียมใส่ไข่" ราคา 110 บาท เป็นข้าวญี่ปุ่นผัดที่สีดูเหมือนจะจืดแต่รสชาติกลมกล่อมกว่าที่ตาเห็นมากหอมกลิ่นเนยผสมกระเทียม เพิ่มความมันนัวด้วยไข่แดงไก่เกรดทานดิบรสชาติเข้มข้นพิเศษ ทานเฉพาะข้าวผัดอย่างเดียวส่วนตัวก็ว่าอร่อยมากๆแล้ว เพิ่มเนื้อวากิวย่างถ่านลงไปทานคู่ด้วยกันแบบไม่ต้องราดน้ำจิ้มยากินิคุบอกเลยว่าอร่อยเด็ดสุดๆ แต่วันนี้เรามากัน 2 คนมีเนื้อย่างจานเดียวแบ่งกันทานไม่พอเลยสั่งมาเพิ่มเป็น "ลิ้นผัดเนยกระเทียม" ราคาจานละ 260 บาท เป็นลิ้นวัวสายพันธุ์ไทยเฟรนซ์สไลด์บางแทรกไขมันพอนุ่มเคี้ยวกรุบๆ ผัดกับเนยสดและพาสลี่ย์ปรุงรสให้เค็มอ่อนๆทานได้เลยทันที แต่ถ้าชอบรสจัดหน่อยบนโต๊ะมีขวดเกลือกับพริกป่น 7 สีเหยาะลงไปอีกนิดเข้ากับเครื่องดื่มเย็นๆได้ดีมากครับ

จานต่อไปเป็นยำสไตล์ญี่ปุ่นแบบคลีนๆทานแล้วดีต่อสุขภาพคือ "Maguro Tataki" เป็นเนื้อทูน่าครีบน้ำเงินลนไฟราดซอสพอนสึ ราคา 180 บาท ทางร้านเลือกใช้ส่วน Akami ไร้ไขมันเอามาย่างถ่านให้รอบนอกพอสุกตรงกลางแดงฉ่ำหั่นเป็นชิ้นวางบนหัวหอมใหญ่สไลด์ราดซอสยูสุพอนสึรสเค็มเปรี้ยวอมหวานนิดๆ เพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นด้วยใบโอบะซอยและกระเทียมทอดสไลด์เป็นอีกหนึ่งกับแกล้มที่ทานง่ายไม่เลี่ยนและเหมือนเป็นการรีเฟรชไปในตัว จานต่อไปเป็น "Tebasaki" หรือปีกไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 98 บาท ซึ่งทางร้านได้ปรับเปลี่ยนตัวซอสเคลือบให้ทานง่ายขึ้นด้วยการใส่ผักที่มีรสหวานทั้งมะเขือเทศ/กระเทียมและหอมหัวใหญ่ผัดกับมิริน-สาเกก่อนจะเอาไปคลุกกับปีกไก่ทอดเลาะเนื้อให้เป็นอมยิ้มหยิบจับทานสะดวก ก่อนทานบีบมะนาวลงไปอีกหน่อยตัดรสเปรี้ยวหวานอร่อยดีมากครับ

นั่งไปสักพักโต๊ะที่เราอยู่มีลูกค้าซึ่งโทรมาจองรอใช้บริการอยู่เลยขยับมานั่งที่หน้าเค้าท์เตอร์บาร์แทน (เพราะเตาถ่านอิโระริก็ไม่ได้ใช้งานแล้ว) เห็นน้องพนักงานกำลังยืนย่าง "Kushi Yaki" อยู่อีกทั้งราคาไม่แรงนักเพราะเพียงแค่ไม้ละ 48 บาท เลยจัดมาทุกอย่างทั้งหมูและไก่ยกเว้นเนื้อไม่เอาเครื่องในรวม 9 เมนูก็คือ 1. หนังไก่ย่างถ่าน กรอบๆเคลือบด้วยซอสโชยุปรุงรสหวานๆหอมควันอบอวลในปาก 2. อกไก่แบบหมักนุ่ม ย่างพอสุกท๊อบปิ้งด้วยวาซาบิดองข้างบนรสเปรี้ยวฉุนขึ้นจมูกนิดๆอร่อยดี 3. สะโพกไก่ต้นหอมญี่ปุ่นย่าง เนื้อเด้งสู้ฟันเคลือบซอสแบบเดียวกับหนังไก่เมนูแรก 4. ตูดไก่ย่าง ทางร้านได้เลาะเอาไขมันส่วนเกินและกระดูกเล็กๆออกทำให้ทานง่ายเนื้อเด้งไม่เลี่ยนจนเกินไป 5. ปีกไก่ย่าง เป็นส่วนปีกกลางเลาะกระดูกออกทานง่ายไม่ต้องแกะก่อนให้เลอะมือ 6. คอหมูย่างเกลือ เนื้อแน่นเด้งฉ่ำไขมันเคี้ยวกรุบกรอบหอมกลิ่นควันเต็มปาก 7. หมูสามชั้นย่างเกลือ ตัดหนังแข็งที่เคี้ยวแล้วติดฟันออกย่างเอาไขมันส่วนเกินออกไปเหลือแต่เนื้อแทรกไขมันแน่นๆไม่เลี่ยนจนเกินไป 8. ลิ้นหมูย่าง เนื้อกรุบกรอบๆแบบเดียวกับลิ้นวัวไม่มีกลิ่นสาบทานง่ายรสเค็มกำลังดี 9. หมูสามชั้นสไลด์ห่อใบโอบะม้วนย่าง เนื้อด้านในชุ่มฉ่ำผสมกลิ่นใบโอบะช่วยลดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับสั่งมาทานคู่กับเครื่องดื่มนั่งชิลล์คุยกับเพื่อนยาวๆไม่ต้องรีบร้อนมากครับ

ใครที่ฟันไม่ค่อยดีทางร้านก็มีเมนูตุ๋นนุ่มๆสไตล์ญี่ปุ่นให้สั่งด้วย เลยจัดมา 2 จานคือ "Gyushuji Nikomi" หรือเนื้อตุ๋นซีอิ๊วสไตล์ญี่ปุ่น ราคา 220 บาท ทางร้านเลือกใช้เนื้อส่วนที่ติดเอ็น/ไขมันและพังพืดเอามาตุ๋นให้นุ่มทานง่ายๆปรุงรสหวานเค็มกลมกล่อมทานง่ายเสิร์ฟพร้อมหัวไชเท้าที่ต้มมาด้วยกันจนน้ำซุปและรสชาติของเนื้อวัวซึบซับเข้าไปจนถึงด้านในเคี้ยวฉ่ำอร่อยสุดๆ "Buta Kakuni" ราคา 190 บาท ปกติร้านอื่นจะเป็นหมูสามชั้นแต่ที่นี่ใช้ส่วนขาหมูตุ๋นกับโชยุผสมมิรินและสาเกให้รสหวานอ่อนๆ ทานคู่กับกระเทียมย่างเพื่อลดความเผ็ดฉุนและพริกขี้หนูสดคล้ายกับเมนูข้าวขาหมูของไทยโดยรวมถือว่าอร่อยและสร้างสรรค์หาทำดีมากครับ สั่งอาหารจานสุดท้ายก่อนจะนั่งคุยยาวกันต่อเป็น "Torikawa Ponsu" หรือหนังไก่ทอดซอสพอนสึ ราคา 100 บาท เป็นหนังไก่ทอดเกลือแบบไทยวางบนหัวหอมใหญ่ราดน้ำยำพอนสึยูสุรสเค็มเปรี้ยวตกแต่งด้วยไชเท้าขูดผสมพริกป่นและต้นหอม ได้ทั้งความกรุบกรอบและสดชื่นในเมนูเดียวกันแบบนี้สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ก็คือเครื่องดื่มเย็นๆ จุดเด่นของร้านนี้อีกอย่างก็คือเขามี Sapporo สดขายราคาแก้วละ 170 บาท ใส่มาในภาชนะแช่เย็นเจี๊ยบหอมกลิ่นมอลต์เนียนนุ่มไหลลื่นลงคอไม่ผิดหวังเลยครับผม

มื้อนี้เพื่อนผมสมัยเรียนชวนมานั่งดื่มและเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองทั้งหมด 4,753 บ. รวม Vat.- Service Charge เรียบร้อยแล้ว โดยรวมเหมือนจะแพงแต่ถ้าเทียบกับวัตถุดิบที่ได้รับรสชาติและการบริการรวมถึงสถานที่ตั้งแล้วส่วนตัวคิดว่าสมเหตุสมผล เพราะร้านอื่นรอบๆบริเวณก็ราคาประมาณนี้เกือบทั้งหมด จุดที่ชนะขาดเลยก็คือการตกแต่งร้านและบรรยากาศที่ให้อารมณ์เหมือนได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นจริงๆ สำหรับวันนี้ "Irori (อิโระริ)" สีลมซอย 6 ก็รับคะแนนความอร่อยคุ้มไป 5 ดาวเต็มๆเลยครับ 🌟🌟🌟🌟🌟


อัปเดตล่าสุดเมื่อวันก่อนไปนั่งดื่มแบบชิลๆและรับประทานอาหารค่ำกันที่ร้าน "Irori (อิโระริ)" อีกครั้งเห็นว่ามีเมนูใหม่เพิ่มอีกเพียบจึงสั่งมาลองอย่างละหนึ่งรายการพร้อมเล่มรายการสาเกนำเข้าตรงจากประเทศญี่ปุ่นอีกเล่มนึงให้ลองมากมาย ทั้งข้าวผัดกระเทียมกากเนื้อวากิว 180 บาท / เนื้อซี่โครงแบบยาวพิเศษ 1,080 บาท / ปลาไหลคาบายากิย่างบนใบโฮบะ 980 บาท / ปลาฮาตะอบเกลือหิมะไข่ขาว 880 บาท / โฮตาเตะยำสไปซี่ 380 บาท / โฮตาเตะวาซาบิ 430 บาท / กุ้งไม้ไผ่อบเกลือ-เลมอน 180 บาท / วากิวซี่โครงพิเศษซอสสับปะรด 1,180 บาทและเต๋านมฮอกไกโดสอดไส้ชีส 170 บาท สำหรับสาเกแต่ละยี่ห้อนั้นทางร้านได้เขียนคำอธิบายเป็นภาษาไทย,ญี่ปุ่น,อังกฤษถึงความเป็นมาอันแสนพิเศษ/รสชาติ/เหมาะกับทานคู่กับอาหารอะไรบ้างช่วยให้ลูกค้าชาวไทย-ต่างชาติซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้ลิ้มรสบ่อยๆเข้าถึงได้ง่าย,ตรงต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสั่งชิมได้ทั้งแบบเป็นขวดเล็กๆขนาด 300 มล. ราคา 560-810 บาท ขวดใหญ่สำหรับสังสรรค์กันแบบปาร์ตี้เน้นดื่มยาวตลอดคืนขนาด 720 มล. ราคา 1,200-2,100 บาท จะสังเกตได้ว่ารายการอาหารพิเศษบางอย่างจากรีวิวรอบที่แล้วบนผนังร้านนั้นถูกสลับเปลี่ยนไปเกือบทั้งหมดเพราะเจ้าของอยากให้ลูกค้าเข้าบริการแล้วไม่รู้สึกเบื่อและได้ลองชิมวัตถุดิบใหม่ตามฤดูกาลครับผม

เริ่มต้นด้วยออเดิร์ฟจานใหม่ล่าสุดชวนเรียกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้ออกมาทำงานอย่างเต็มที่นั่นคือ "โฮตาเตะวาซาบิ" ราคา 430 บาท หอยเชลล์ตัวใหญ่นำเข้าจากเกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่นเนื้อสีขาวใสแจ๋วให้สัมผัสตอนเคี้ยวหวานนวลเนียนละลายในปากราดโชยุกับชิ้นวาซาบิดองกรุบกรอบรสชาติเค็มอมเปรี้ยวเผ็ดฉุนขึ้นจมูกนิดๆช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี โดยหนึ่งจานทางเชฟตัดเสิร์ฟถึง 8 ชิ้นหนาวางรองด้วยหัวไชเท้าขูดเส้นและใบชิโสะอย่างสวยงามคุ้มราคามากครับ เมนูถัดไปไม่เคยเห็นในร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าไหนมาก่อนเพราะเกิดจากการจับคู่กันระหว่าง 2 เมนูคือนมสดทอดและทงคัตสึจนออกมาเป็น "เต๋านมฮอกไกโดสอดไส้ชีส" ราคา 170 บาท จากนมสดธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นของฮอกไกโดสุดหอมมันผสมแป้งตามอัตราส่วนแล้วตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมจัตุรัสสอดไส้เชดด้าชีสตรงกลางก่อนชุบเกล็ดขนมปังทอดในน้ำมันร้อนๆจนกรอบ จัดเสิร์ฟเรียงอย่างสวยงามพร้อมทานทันทีแบบไม่ต้องจิ้มซอสใดๆทั้งสิ้นเพราะตัวนมมีความหวานเคี้ยวหนึบเหมือนก้อนโมจิผสมชีสรสชาติเค็มมันเข้ากับเกล็ดขนมปังกรุบกรอบฟูในปาก ซึ่งถือว่าเชฟมีไอเดียล้ำมากๆที่คิดจานนี้ออกมาถ้าอยากลองต้องที่ "Irori (อิโระริ)" เท่านั้นครับ

สำหรับใครที่อยากลองความอร่อยของกุ้งไซส์ใหญ่แบบไม่ธรรมดาต้องลองสั่ง "กุ้งไม้ไผ่อบเกลือเลมอน" ราคาตัวละ 180 บาท กุ้งลายเสือสดใหม่ขนาดคัดพิเศษเสียบไม้ตั้งแต่ปลายหางจนถึงหัวเพื่อยึดกลางลำตัวให้เหยียดตรงอย่างสวยงามและปักลงในเกลือทะเลสีขาวสะอาดบรรจุเต็มกระบอกไม้ไผ่แล้วค่อยๆเผาจนกว่าจะได้ที่เปลี่ยนจากสีเขียวสดกลายเป็นน้ำตาลหม่นๆก็พร้อมเสิร์ฟขึ้นโต๊ะทันที สำหรับวิธีการกินนั้นน้องพนักงานจะนำที่คีบหยิบเฉพาะตัวกุ้งลายเสือออกมาพร้อมปอกเปลือก-เด็ดหัวออกจนเหลือแต่เนื้อล้วนๆ เพียงบีบน้ำเลมอนสดลงไปตัดเปรี้ยวอีกเล็กน้อยก่อนเข้าปากได้รสชาติทั้งเค็มกำลังพอดีเนื้อหวานกรุบกรอบสดเด้งดึ๋งกระชับสู้ฟันตามธรรมชาติซึ่งเกิดจากการถูกทำให้สุกอย่างช้าๆในเกล็ดเกลือสมุทรความร้อนสูงผ่านกระบอกไม้ไผ่ออกมาแปลกใหม่ดีกว่าที่คิดเอาไว้มากครับ

เนื่องจากทางร้านได้วัตถุดิบสดๆตามฤดูกาลนำเข้าพิเศษส่งตรงถึงครัวจึงปรุงออกมาเป็นเมนูใหม่ก็คือ "ปลาฮาตะอบเกลือหิมะไข่ขาว" ราคา 880 บาท โดยปลาฮาตะนั้นจับได้เฉพาะในจังหวัดอาคิตะซึ่งหายากมากและช่วงเวลาเจอแค่ฤดูเดียวของปีเท่านั้น คุณสมบัติพิเศษก็คือวิตามินอีสูงช่วยชะลอความชรา-กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในร่างกายสามารถทำอาหารได้หลายชนิดทั้งซูชิ,ดองเปรี้ยว,ทอดเทมปุระ,หม้อไฟ แต่เชฟของ "Irori (อิโระริ)" นั้นเอามาห่อคอมบุแผ่นใหญ่แล้วพอกด้วยเกลือผสมไข่ขาวเผาจนกว่าจะสุก วิธีการทานเพียงใช้กระบอกไม้ไผ่ในจานค่อยๆทุบจนแตกละเอียดพร้อมเปิดห่อสาหร่ายคอมบุจะพบเนื้อปลาฮาตะสองชิ้นให้บีบเลมอนลงไปก่อนเริ่มกิน เนื้อปลามีความเด้งกระชับและมันเค็มกำลังดีตัดด้วยรสเปรี้ยวของเลมอนอูมามิตามธรรมชาติจากสาหร่ายที่ห่อซึมซับเข้าไปในเนื้อปลาได้อย่างมีชั้นเชิง จะทานเปล่าๆเป็นกับแกล้มหรือสั่งข้าวสวยมากินสไตล์ญี่ปุ่นแท้ก็อร่อยทั้งสองแบบครับผม

สายเนื้อวัววากิวห้ามพลาดเพราะทางร้านได้ออกเมนูใหม่แปลกตาดูมีจุดขายจนต้องลองสั่งคือ "เนื้อซี่โครงแบบยาวพิเศษ" ราคา 1,080 บาท ความพิเศษของส่วนนี้ก็คือเชฟเลาะด้วยมีดคมพิเศษจากซี่โครงวัววากิว A5 ตัวใหญ่ออกมาอย่างสวยงามไร้เอ็นและพังผืดอย่างมีศิลปะ มันคือเนื้อร่องซี่โครงล้วนๆไม่ติดกระดูกความยาวประมาณหนึ่งไม้บรรทัดหรือ 30 เซนติเมตรไขมันแทรกสวยงามราวกับก้อนหินอ่อนสีชมพู เสิร์ฟคู่กับต้นหอมญี่ปุ่นสำหรับย่างเพื่อตัดความเลี่ยนวางลงบน "เตาชิชิริน" นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นไฟร้อนรุนแรงพร้อมดึงเครื่องดูดควันลงมาจากเพดาน ย่างให้ไฟลุกซูซ่าให้ข้างนอกสุกเกรียมแต่ด้านในอมชมพูได้ทั้งความกรุบกรอบ,นุ่มนิ่มเคี้ยวฉ่ำไขมัน เข้ากับซอสยากินิคุสูตรเข้มข้นพิเศษรสชาติเค็มอมหวานหอมด้วยขิงผสมมิโสะ/น้ำมันงาและกลมกล่อมละมุนไม่เหมือนใครด้วยผลไม้บดละเอียด เพิ่มพริกขี้หนูสดๆกับกระเทียมสับลงไปช่วยเพิ่มความจี๊ดจ๊าดเข้ากับลิ้นคนไทยได้เป็นอย่างดีเลยครับผม

ถ้ารู้สึกว่าเนื้อย่างจานก่อนมันแสนจะธรรมดาเกินไปหน่อยต้องเจอเมนูนี้เลยก็คือ "เนื้อวัววากิวซี่โครงพิเศษซอสสับปะรด" ราคา 1,180 บาท ตอนยกมาเสิร์ฟเป็นสับปะรดทั้งลูกซึ่งถูกตัดหัวและขูดเอาเนื้อด้านในออกทั้งหมดแล้วหั่นชิ้นเล็กๆผสมซอสสูตรพิเศษหมักกับซี่โครงวัววากิว A5 แทรกชั้นไขมันสวยงามสไลด์แผ่นใหญ่ๆจนนุ่มเปื่อยเข้าที่ตามกำหนด นำลงย่างบนเตาถ่านชิชิรินไฟลุกท่วมสุกเกรียมตามระดับที่เราต้องการตัดแบ่งด้วยกรรไกรสุดคมขนาดพอคำ ทานคู่กับสับปะรดหั่นชิ้นวางข้างลูกได้อารมณ์คล้ายบาร์บีคิวสไตล์อเมริกันเสียบไม้หรือจิ้มซอสยากินิคุเข้มข้นเหมือนเมนูก่อนก็อร่อยนุ่มเปื่อยแทบไม่ต้องเคี้ยว ถือว่าเป็นการนำเสนอรูปแบบใหม่ที่ดูไม่เหมือนร้านไหนมาก่อนครับ

เมนูย่างบนเตาถ่านอย่างสุดท้ายเป็นของโปรดผมที่เห็นแล้วต้องรีบสั่งเลยก็คือ "ปลาไหลคาบายากิโฮบะ" ราคา 980 บาท เสิร์ฟแบบทั้งตัวซึ่งเชฟได้ใช้เกรดนำเข้าตรงจากประเทศญี่ปุ่นหนังบาง,เนื้อฟูนุ่มซอสซีอิ๊วเข้มข้นไม่เหนียวหนึบชวนเคี้ยวยากเหมือนของจีนที่เรามักจะเจอกันในร้านบุฟเฟ่ต์ หั่นชิ้นพอดีคำวางบนใบโฮบะย่างให้ซอสและไขมันส่วนเกินระเหยออกไปจนเคลือบตัวเนื้อปลาไหลอย่างแน่นกระชับ เหมาะสำหรับกินคู่ข้าวสวยหรือกับแกล้มประจำวงสนทนาพร้อมเครื่องดื่มอีกหลากหลายภายในร้านเป็นอย่างดี สั่งมาแต่เนื้อสัตว์รสจัดจ้านต้องมีเมนูข้าวช่วยดึงสมดุลด้วย "ข้าวผัดกระเทียมกากวากิว" ราคา 180 บาท เป็นข้าวผัดกระเทียมสูตรปกติใช้เมล็ดกลมอ้วนสั้นซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นคลุกเคล้าซอสต่างๆให้รสเค็มกลมกล่อมหอมเนยโรยกระเทียมเจียวสไลด์และต้นหอม เพิ่มความพิเศษด้วยกากวัววากิวเจียวกรุบกรอบจากไขมันส่วนเกินที่เชฟแล่มาจากก้อนเนื้อกลิ่นหอมละมุนลงตัว ผสานรสชาติอย่างนวลเนียนในปากยิ่งขึ้นด้วยไข่แดงไก่สดคุณภาพสูง/หอมมันเพียงชั่วครู่ก็อร่อยกวาดข้าวจนแทบเกลี้ยงถ้วยแล้วครับ

พิกัด : เลขที่ 9/2 ซอยสีลม 6 (ซอยทานตะวัน) แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 17.00-01.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 096-635-3626

Facebook : https://www.facebook.com/irori.bkk

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 1,293 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page