สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวเกาะฮอกไกโด-ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงกับโรคภัยไข้เจ็บสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนทั้งหลาย ส่วนตัวขอแนะนำให้ลองแวะเข้ามาร้าน "Hokkaido Genshiyaki" ที่ตั้งอยู่ภายในซอยธนิยะทะลุสีลมซอย 7 เพราะเขาได้นำเข้าวัตถุดิบสดคุณภาพสูงผสานวิธีการปรุงอาหารตามแบบต้นฉบับฮอกไกโดแท้เอาไว้เพียบ โดยวันก่อนได้มีโอกาสใช้สถานที่พร้อมนั่งดื่ม,พูดคุยกับลูกค้าจนติดใจเมนูและการนำเสนอต่างๆถึงต้องขอเอ่ยปากชวนคุณแฟนมาดินเนอร์มื้อพิเศษด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวปักหมุดแผนที่ตรงไปยังอาคารญาดาหรือ (Yada Building) ราคาชั่วโมงละ 50 บาท ซึ่งอยู่ติดกับหน้าร้านเพียงลงมาด้านล่างตึกก็เจอเลยทันที ถ้าเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะใช้ BTS หรือ MRT ลงสถานีสีลม-ศาลาแดงเลือกได้ตามสะดวกจะอยู่ห่างจากจุดหมายประมาณ 150-350 เมตร ให้สังเกตป้ายภาษาญี่ปุ่นขนาดใหญ่สีดำ,สีแดงบนพื้นสีขาวพร้อมโคมไฟยักษ์โบราณตรงข้ามภัตตาคารจีนแกรนด์เชียงการีล่าชื่อดังในย่านนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับผม
เดินเข้ามาด้านในพนักงานต้อนรับตรงหน้าประตูจะสอบถามว่าได้โทรจองโต๊ะไว้ก่อนหรือไม่เพราะมุมพิเศษค่อนข้างจำกัดและลูกค้าเยอะมากๆโดยเฉพาะหลัง 19.00 น. เป็นต้นไปยกเว้นช่วงมื้อกลางวันตั้งแต่ 11.30-14.00 น. กับ 17.00-18.00 น. สามารถ Walk In ได้เลยทันที ซึ่งวันนี้เราตั้งใจมาตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิดตอนเย็นก็มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการก่อนหน้านี้จำนวนหนึ่งแล้ว เริ่มชมบรรยากาศตามมุมต่างๆภายในชั้นแรกด้วยตรงกลางเป็นเตาถ่านโบราณแบบ "เก็นชิยากิ" (Genshiyaki) ที่เรามักจะเคยเห็นผ่านภาพยนตร์หรืออนิเมะย้อนยุค เป็นพื้นที่ส่วนรวมสำหรับทุกคนในครอบครัวมานั่งล้อมวงรอบพร้อมกินข้าว,พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยทางร้านได้นำแบบภูมิปัญญาดั้งเดิมนี้มาใช้อีกครั้งในการย่างปลากับอาหารสดต่างๆตามแบบฉบับเกาะฮอกไกโด ส่วนโต๊ะเก้าอี้เลือกใช้ไม้แท้เนื้อแข็งโทนสีสว่างผสมกับหวายสานสีดำเกือบทั่วทั้งบริเวณ ด้านขวามือข้างในสุดคือโซนซูชิบาร์สำหรับนั่งดื่มชิลๆ,ชมเชฟแล่ปลาและปั้นซูชิให้ทานสไตล์โอมากาเสะ ถัดออกมาหน่อยจะเห็นมุมโต๊ะญี่ปุ่นรองด้วยเบาะสีน้ำเงิน-ห้อยขาลงไปด้านล่างชวนให้นึกถึงความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ ทางด้านซ้ายมือใช้โต๊ะไม้แข็งธรรมดาๆสามารถรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 4-8 คนหรือจะลากต่อกันเองตามจำนวนสมาชิกซึ่งพื้นที่ทั้งหมดบริเวณชั้น 1 สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะลูกค้าที่ไม่สูบบุหรี่เท่านั้นนะครับ
สำหรับสิงห์นักสูบหรือใครที่ต้องการห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัวสุดหรูหราสไตล์เรียวกังญี่ปุ่นโบราณขอแนะนำให้โทรมาจองก่อนโดยเฉพาะบริเวณชั้นสองของร้าน "Hokkaido Genshiyaki" แห่งนี้ เพียงเดินขึ้นบันไดก็จะพบกับโถงใหญ่ซึ่งล้อมรบไปด้วยห้องขนาดต่างๆตั้งแต่นั่งสังสรรค์กับเพื่อกลุ่มเล็กประมาณ 2-4 คน ไปจนถึงจัดปาร์ตี้ฉลองทั้งบริษัทได้ตั้งแต่ 10-20 คนโดยสามารถเปิดฉากกั้นพิเศษให้เชื่อมถึงกันได้ ซึ่งลูกค้าประจำ-ส่วนใหญ่ของบริเวณนี้คือชาวญี่ปุ่นประมาณ 95% ค่อนข้างดื่มหนัก/สูบบุหรี่จัดถือเป็นปกติของร้านอาหารสไตล์อิซากายะอยู่แล้วแต่คนไทยส่วนมากอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินวัฒนธรรมนี้เท่าไหร่นักตามประสา Work Hard Play Hard พนักงานจึงพยายามกันโซนพิเศษนี้เอาไว้ให้กลุ่มดังกล่าวโดยเฉพาะ แต่ถ้าคุณไม่ได้ซีเรียสเรื่องกลิ่นเหม็นของควันบุหรี่-เสียงดังโวยวายรวมถึงมีจิตใจที่พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่แบบต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ๆล่ะก็ บริเวณห้องส่วนตัวซึ่งตกแต่งสวยงามสไตล์เรียวกังชั้น 2 นี้ถือเป็นตัวเลือกที่ช่วยปลุกอารมณ์ชวนคึกคัก-สนุกสนานตลอดทั้งคืนดีทีเดียวครับผม
จัดการเลือกโต๊ะที่อยากนั่งให้เรียบร้อยโดยจะมีเล่มเมนูวางเอาไว้ชวนเราเปิดเพื่อสั่งอาหารได้อย่างรวดเร็วทันใจประจำจุดต่างๆ เริ่มต้นด้วยหน้าแรกคือหอยนางรมสด-ย่างนำเข้าจากเกาะฮอกไกโดใหญ่พิเศษเพียงตัวละ 99 บาท หรือเสิร์ฟคู่กับซอสต่างๆทั้งพริกไทยดำ,วาซาบิสด/น้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์ไทย/พริกจาลาปิโน/เนย,กระเทียม/เบคอน,ชีส/ไซเกียวมิโสะ,พริกป่นดำญี่ปุ่นราคา 109 บาท ตามด้วยหอยเชลล์ฮอกไกโดไซส์ยักษ์ย่างเนยและมิโสะหอยเม่นราคาตัวละ 90-100 บาท หรือสั่ง 10 ฝาย่างสไตล์ชาวประมงญี่ปุ่นเพียง 600 บาท หน้าถัดไปเป็นรายการกับแกล้มมักจะเสิร์ฟในร้านอิซากายะปกติรวมกว่า 14 อย่าง (บางรายการถูกตัดออกชั่วคราวเพราะวัตถุดิบหาได้เฉพาะฤดูกาล) ราคา 120-280 บาท สำหรับเมนูย่างและลนไฟยังคงรวมของดีจากฮอกไกโดเอาไว้เหมือนเดิมราคา 90-480 บาท หอยตลับ-หอยรวมหลายๆอย่างต้มสาเกราคา 150-400 บาท / อาหารจานทอดราคา 160-380 บาท สายปลาสีส้มห้ามพลาดกับสารพัดแซลมอนปรุงออกมาเป็นเมนูสุดพรีเมี่ยมต่างๆทั้ง นิกิริปั้นคำ/ซูชิโรลขนาดใหญ่/ข้าวหน้าดงบุริใส่ถ้วย/ท้องย่างบนเตาถ่านสไตล์โบราณแท้ๆและหั่นชิ้นลนไฟกลิ่นหอมๆก่อนเสิร์ฟราคา 220-500 บาทครับผม
สำหรับสายปลาดิบตัวจริงทางร้านจัดเต็มนำเข้าวัตถุดิบทุกอย่างจากเกาะฮอกไกโดกับตลาดสึคิจิอันโด่งดังของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นมาส่งตรงยังครัวด้านหลังพร้อมแล่ทันทีเมื่อได้รับออเดอร์ เริ่มต้นด้วย "ชุดซาชิมิตามใจเชฟแบบโอมากาเสะ" เลือกได้ตั้งแต่ 3-8 ชนิดปลา (ถ้าไม่ทานหรือแพ้วัตถุดิบตัวไหนเป็นพิเศษรบกวนแจ้งพนักงานก่อนสั่ง) ราคา 380-900 บาท แบบ A La Carte ตัดเสิร์ฟรายการละ 3 ชิ้น มีให้เลือกรวมกว่า 15 รายการ ราคา 100 ไปจนถึงตามแต่ละฤดูกาล หน้าต่อมาคือซูชิทั้ง "Hisomaki" ห่อสาหร่ายสอดไส้ต่างๆราคา 180-200 บาท / ชุดรวมนิกิริซูชิตั้งแต่ 4-7 คำราคา 320-500 บาท หรือจะสั่งเองแบบเป็นคำเลือกได้ตามใจราคาตั้งแต่ 60 บาท ไปจนถึงขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล คนเคยเที่ยวเกาะฮอกไกโดคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่านอกจากอาหารทะเลสดๆสินค้าทางการเกษตรของเขาก็ยืนหนึ่งไม่แพ้กันร้าน "Hokkaido Genshiyaki" จึงได้แยกไว้เป็นหมวดหมู่พิเศษเอาให้สั่งกันหลายอย่างทั้งมันฝรั่ง/มันเทศจีน/สลัดผักสดต่างๆราคา 120-280 บาท Signature อย่าง "เก็นชิยากิ" (Genshiyaki) หรือปลาย่างบนเตาถ่านฮอกไกโดโบราณโดยคัดเลือกเฉพาะที่อร่อยสุดในช่วงนั้นๆมาราคา 150-890 บาทครับผม
เนื่องจากเกาะฮอกไกโดมีภูมิประเทศอันหนาวเหน็บเกือบตลอดทั้งปีทำให้การปศุสัตว์อีกอย่างเป็นของขึ้นชื่อนั่นก็คือ "ฟุราโนะวากิว" (Furano Wagyu) จุดเด่นของเนื้อวัวชนิดนี้อยู่ตรงไขมันแทรกสวยงาม,มีจุดหลอมเหลวค่อนข้างต่ำจึงเริ่มละลายทันทีเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง-นำเข้าปากอร่อยนุ่มชุ่มฉ่ำสุดๆ ตัดเสิร์ฟเป็นชิ้นสเต๊ก/ดงบุริ,ไข่หอยเม่นและข้าวปั้นลนไฟราคา 580-1,200 บาท นอกนั้นคือเนื้อสัตว์อื่นๆย่างเกลือ,ผัดซอสทานง่ายๆทั้งสะโพกไก่/ลิ้นวัว/เนื้อแพะของดีอีกอย่างจากฮอกไกโดราคา 180-480 บาท ผลิตภัณฑ์ซึ่งได้จากเหล่าแม่วัวอารมณ์ดีอีกอย่างนั่นก็คือนมสดและชีสคุณภาพสูงที่ร้านนำมาปรุงจานเมนูพิเศษอย่าง "พาสต้าครีมเบคอนคลุกกรานาปาดาโนชีส" ราคา 399 บาท รายการเส้นอื่นๆก็มีทั้งผัดยากิโซบะ/โซบะเสิร์ฟเย็น/อูด้งร้อนๆราคา 180-290 บาท ข้าวปั้นสามเหลี่ยมสอดไส้ต่างๆ/ข้าวต้มสไตล์ญี่ปุ่น/ซุปมิโสะราคา 100-250 บาท ดงบุริหรือข้าวหน้ารวมชามใหญ่เน้นอิ่มแน่นๆราคา 320-780 บาท สุดท้ายขนมหวานทั้งพุดดิ้ง/ชีสเค้กราคา 100-140 บาท นอกจากนี้ยังมีชุดพิเศษ "Dinner Set" สั่งได้ทุกวันเฉพาะมื้อเย็นตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไปเท่านั้น (ประกอบไปด้วยจานหลัก/จานรอง/มิโสะซุป/สลัดและผักดอง) รวมกว่า 15 รายการราคา 380-580 บาท ไม่รวมเครื่องดื่ม Vat. 7% / Service Charge 10% นะครับ
รายการถัดไปเป็นชุดเมนูพิเศษลดราคาสูงสุดถึง 20% เฉพาะช่วงกลางวันเวลา 11.30-14.00 น. เท่านั้นเพียงเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชั่น Line บนมือถือ >> https://lin.ee/KSBbZFs << แสดงให้กับน้องพนักงานแล้วเตรียมอร่อยกับข้าวดงบุริหน้าวัตถุดิบสดแน่นเต็มๆชามกว่า 7 รายการนำเข้าจากฮอกไกโดราคาหักส่วนลดเรียบร้อยจะอยู่ที่ 368-480 บาท++ (ไม่บวก Vat.7% / Service Charge10% เฉพาะวัน จ.-ศ. เท่านั้น) ตอนนี้ทางร้านกำลังจัด "Japanese Nabe Fair" หรือฤดูนาเบะหม้อไฟช่วงใบไม้ผลิของประเทศญี่ปุ่นกับวัตถุดิบอร่อยสุดๆในหน้านี้มาจับลงหม้อร้อนๆทั้งหอยนางรมตัวอวบอ้วนในน้ำซุปโชยุ-มิโสะและปูหิมะซุปกิมจิราคา 499 บาททั้งคู่ เพิ่มเครื่อง 180/เพิ่มผัก 100/เพิ่มเส้นอูด้ง,โซบะหรือราเมนรายการละ 100 บาท ส่วนบนโต๊ะมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆครบครันทั้งเจลล้างมือแอลกอฮอล์/กระดาษทิชชู่/เกลือ/พริกป่นเจ็ดสี/ไม้จิ้มฟัน/ขวดใส่โชยุพร้อมผ้าขนหนูเย็นเอาไว้สำหรับเช็ดหน้าเพิ่มความสดชื่นสไตล์อิซากายะช่วยฟื้นพลังกลับหลังจากการทำงานอันแสนเหนื่อยล้า-ยาวนานตลอดทั้งวัน เนื่องจากเราทั้งสองคนไม่ใช่สายดื่มมื้อนี้เลยสั่ง "ชาเขียวเย็นรีฟีล" เพียงคนละ 50 บาทเติมไม่อั้นตลอดมื้อแทนครับ
ชามแรกถือเป็นวัตถุดิบพิเศษซึ่งอร่อยสุดเฉพาะฤดูกาลแห่งนี้นั่นก็คือ "Kani Kumuchi Nabe" หม้อไฟปูหิมะปริมาณสำหรับสองคนราคา 499 บาท ทางร้านนำเข้าปูซูไวสดหวานนึ่งใหม่เนื้อแน่นขนาดใหญ่ใส่ลงไปประมาณครึ่งตัววางลงบนหม้อดินสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งกระจายความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ภายในเต็มไปด้วยผักสดต่างๆอัดจนแทบล้นทั้งผักกาดขาว/ผักกวางตุ้งฮ่องเต้/ต้นหอมญี่ปุ่นซอยและแครอท ราดน้ำซุปใสก่อนเสิร์ฟทำจากกิมจิญี่ปุ่นบดละเอียดมีพริกผสมผักลอยคล้ายๆแกงส้มของไทยปรุงรสชาติหวานนำอมเปรี้ยวเผ็ดอ่อนๆเข้ากับเนื้อปูซูไวรสเค็มละมุนได้เป็นอย่างดี สำหรับวิธีการทานน้องพนักงานแนะนำว่าให้เปิดเตาแก๊สเร่งไฟระดับแรงสุดรอจนเดือดแล้วค่อยลดลงตุ๋นผักสดให้เปื่อยนุ่ม,ซึมซาบน้ำซุปเข้าไปเรื่อยๆ ในยกชุดมาพร้อมถ้วยซุปเล็ก-กระบวยสแตนเลสตักแบ่งออกยกซดพร้อมส้อมสำหรับแกะงัดเนื้อปูออกจากข้อต่อและก้ามต่างๆซึ่งถือว่ากินไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะทางเชฟได้เอามีดบั้งเป็นไกด์ไว้เรียบร้อยแล้ว เหมาะแก่การสั่งมาวาง,ปล่อยให้เดือดเบาๆแล้วค่อยซดปิดท้ายอุ่นสบายท้องก่อนกลับบ้านครับ
สำหรับใครที่ชื่นชอบซูชิวัตถุดิบสดใหม่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีต้องสั่ง "Chef's Choice Sushi (Omakase) 7 Kind" หรือชุดซูชิตามฤดูกาลแล้วแต่เชฟจัดให้รวม 7 คำราคา 500 บาท ประกอบไปด้วย "Tuna Akami" เนื้อแดงล้วนไร้ไขมันจากทูน่าครีบสีน้ำเงินสัมผัสเนียนละมุนในปาก / "Akagai" หอยแครงยักษ์จากเกาะฮอกไกโดกรุบกรอบเนื้อเด้งสู้ฟันไร้กลิ่นคาวต่างจากของไทยอย่างลิบลับ / "Salmon" เนื้อสีส้มสดลายไขมันสีขาวสวยงามคมชัดกลิ่นหอมคลุ้งในปากเพราะใช้เกรดแอตแลนติกคุณภาพชั้นเยี่ยม / "Ika" ปลาหมึกกล้วยสดแล่ลอกหนังแล้วบั้งเป็นลายให้สัมผัสหวานกรุบกรอบเวลาเคี้ยว / "Horse Mackerel" ปลาทูแขกสดเนื้อสีขาวอมชมพูแล่ติดหนังสีเงินช่วงฤดูนี้มีไขมันสะสมอยู่ค่อนข้างหนาทานอร่อยรสชาติเข้มข้นสุดๆ / "Soused Mackerel" ซาบะดองเองสูตรพิเศษที่คัดเฉพาะตัวอ้วนๆในช่วงฤดูหนาวสะสมไขมันเอาไว้มากที่สุดตัดรสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อมอย่างลงตัว สุดท้ายคือ "Ikura" ไข่ปลาแซลมอนห่อสาหร่ายแบบกุนกังเม็ดสีส้มขนาดเล็กแต่รสชาติเข้มข้นไม่เค็มปี๋เหมือนที่เสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์ซึ่งคุณภาพแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ข้าวปั้นโดยเชฟฝีมือดีเรียงเมล็ดอย่างสวยงามหวานเปรี้ยวกลมกล่อมไม่กลบความอร่อยตามธรรมชาติของเนื้อปลา ปิดท้ายด้วยทามาโกะยากิกับขิงดองล้างคาวในปากก่อนจะเริ่มจานถัดไปครับ
จานต่อไปเป็นเมนูสุดพิเศษซึ่งมีให้ทานไม่ค่อยบ่อยต้องหมั่นโทรจอง,สอบถามก่อนเข้าร้านด้วยตัวเองก็คือ "Big Oyster (Kaki)" เสิร์ฟเต็มถาด 5 ตัวไซส์ยักษ์แบบนี้ราคาเพียง 450 บาทเท่านั้น เป็นหอยนางรมสดนำเข้าตรงจากเกาะฮอกไกโดจับในน้ำทะเลอันแสนสะอาด,ไหลเย็นตลอดปีจึงทำให้ตัวใหญ่เนื้อเยอะสีขาวอวบแน่นเต็มฝาเกือบเท่าฝ่ามือ เสิร์ฟพร้อมซอส 2 ชนิดได้แก่ 1. พอนสึเค็มเปรี้ยวกลมกล่อมเข้ากับเลมอนหอมๆที่เชฟฝานบางวางลงบนตัวหอยดีสุดๆ 2. ซีฟู้ดสไตล์ไทยรสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดจัดจ้านกระแทกกลิ่นมะนาวสดแบบไม่เกรงใจลิ้นคนญี่ปุ่น ส่วนวิธีการกินนั้นก็ง่ายๆเพียงราดน้ำจิ้มที่ชื่นชอบลงบนตัวหอยแล้วกวาดเข้าปากไหลลื่นลงคออย่างง่ายดาย ซึ่งถือว่าคุ้มมากเพราะปกติไซส์เล็กกว่านี้ราคาตัวละ 99-109 บาท แต่จานนี้เฉลี่ยแค่เพียงตัวละ 90 บาทเท่านั้นแถมได้ซอสถึง 2 สูตรแนะนำให้รีบจองก่อนเพราะมีจำนวนจำกัดและไม่รู้ว่าจะเข้าอีกครั้งวันไหน สำหรับใครที่ไม่สะดวกเรื่องของดิบก็สามารถขอให้พนักงานย่างบนเตา "เก็นชิยากิ" (Genshiyaki) กลางร้านได้ฟรี แต่ไม่สามารถเพิ่มชีส/เบคอน/เนยกระเทียม/พริกไทยดำ/ไซเกียวมิโสะและพริกจาลาปิโนของเมนูอื่นได้ แค่นี้ก็ถือว่าเกินคุ้มเกินราคามากๆแล้วครับผม
ถ้าพูดถึงของดีจากเกาะฮอกไกโดอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือผลผลิตจากนม-ชีสอันแสนเข้มข้นถึงใจกลางร้านมี "Grana Padano" ก้อนยักษ์อายุนานกว่า 16 เดือนตั้งอยู่ เลยสั่งมาเป็นเมนู Signature ของทาง "Hokkaido Genshiyaki" อีกอย่างนั้นก็คือ "Italian Grana Padano Cheese And Bacon Cream Pasta" ราคา 399 บาท สปาเก็ตตี้เส้นหนาประมาณเบอร์ 3 ลวกพอสุกกำลังดีในระดับ Al Dente ผัดครีมซอสสีขาวกับเบคอนรมควันชิ้นใหญ่แบบฉ่ำๆ แล้วนำลงไปคลุกลงในกราน่าพาดาโน่ชีสก้อนยักษ์โดยขุดหลุมขนาดเล็กตรงกลางให้เคลือบตัวเส้นช่วยเพิ่มความเค็มนัวกลมกล่อมสไตล์อิตาลีอีกนิด เสิร์ฟลงบนกระทะเหล็กสีดำร้อนๆ,โรยเมล็ดพริกไทยดำบดใหม่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจเตะขึ้นจมูก ซึ่งน้องพนักงานกำชับมาว่าต้องรีบทานทันทีไม่เช่นนั้นเส้นและซอสก็จะเริ่มจับตัวเป็นก้อน,มีรสชาติเค็มหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมเลยรีบกินอร่อยแบบตาตั้งจนลืมถ่ายรูป เพิ่มความสดชื่นด้วยสลัดชามโตสไตล์ฮอกไกโดหลังเมนูพาสต้าหนักชีสชวนเลี่ยนคือ "Ramen Salad" ราคา 180 บาท เส้นราเมนเย็นไซส์กลางสไตล์ซารุลวกแล้วน็อกน้ำแข็งทันทีจึงเด้งกระชับเหนียวสู้ฟันคลุกน้ำสลัดงาแบบเข้มข้นเคลือบทุกอณูจัดเสิร์ฟลงในชาม ล้อมรอบด้วยผักสดต่างๆทั้งกรีนโอ๊ก/เรดโอ๊ก/แตงกวาญี่ปุ่น/มะเขือเทศเชอร์รี่แดง/หัวหอมซอยบางๆ/ต้นหอมซอยและเมล็ดงาขาวคั่ว วิธีการทานให้คีบเส้นกับผักแบ่งเป็นคำๆได้ทั้งความเหนียวนุ่ม,กรุบกรอบ,เย็นสดชื่นจนหมดถ้วยครับ
ตัดภาพมาที่เตา "เก็นชิยากิ" (Genshiyaki) หรือการย่างแบบค่อยๆผิงไฟให้สุกสไตล์ดั้งเดิมของชาวฮอกไกโดตรงหน้าประตูทางเข้าร้านซึ่งจุดนี้จะพบคุณแม่พนักงานผู้เชี่ยวชาญคอยควบคุมอยู่เพียงท่านเดียว เมื่อรับออเดอร์ไปแล้วทั้งปลาและหอยสดๆก็จะถูกเสียบด้วยแท่งเหล็กอย่างรวดเร็วพร้อมวางลงใกล้ๆถ่านก้อนสีแดงสุดร้อนระอุทันที สังเกตโต๊ะอื่นๆเขาสั่งกันเยอะดูน่าทานหลายอย่างดีเลยเพิ่มเป็น "Hotate Butter Soy Sauce" หรือหอยเชลล์นำเข้าจากเกาะฮอกไดโดย่างเนยราดโชยุสไตล์ญี่ปุ่น 5 ตัว 450 บาท (เฉลี่ยราคาตัวละ 90 บาท) ขนาดใหญ่คัดพิเศษเนื้อสดเด้งเต็มฝาผสานเนยจืดคุณภาพสูงกลิ่นหอม-เข้มข้นกับโชยุชนิดเค็มละมุนๆช่วยดึงความหวานตามธรรมชาติของโฮตาเตะออกมาได้อย่างสูงสุด ซึ่งถือว่าเป็นแค่ออเดิร์ฟเฉยๆเพราะจานหลักที่เรากำลังรอต้องใช้เวลาเตรียมการค่อนข้างนานกว่าจะสุกพร้อมกิน เพราะฉะนั้นใครที่กำลังหิวจัดแนะนำว่าให้สั่งจานอื่นรองท้องก่อนเลยขณะคอยครับ
จานสุดท้ายใช้เวลารอนานมากแต่บอกเลยว่าคุ้มค่าสุดๆคือ "Hokke Grilled Atka Mackerel" ไซส์ใหญ่เต็มถาดไม้แบบนี้ดูด้วยสายตาน้ำหนักประมาณ 600-800 กรัม ราคา 890 บาท ขนาดเกือบเท่าแขนซึ่งผมกับแฟนเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก มันคือปลาชิมะฮอกเกะสามารถจับได้เยอะสุดๆในทะเลแถบเกาะฮอกไกโดช่วงที่เนื้ออร่อยสุดคือต้นฤดูร้อนเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปีผสานเทคนิคการย่างสไตล์ "เก็นชิยากิ" (Genshiyaki) รีดน้ำและไขมันส่วนเกินออกเหลือแต่ความกรอบนอกนุ่มในเคี้ยวเด้งกระชับสู้ฟัน โดยปรุงใส่แค่เกลือสมุทรอย่างเดียวให้รสชาติเค็มละมุนกลมกล่อม สำหรับวิธีการทานน้องพนักงานได้แนะนำกว่า 3 รูปแบบคือ 1. ใช้ตะเกียบตักคีบเพื่อรับรสชาติอันแท้จริงของเนื้อปลา 2. บีบมะนาวสดลงไปเล็กน้อยเพื่อตัดความเปรี้ยวช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสลิ้นให้กินได้เรื่อยๆ 3. ข้างๆจานมีไชเท้าขูดละเอียดผสมพอนสึไว้ทานคู่กับเนื้อปลาเพิ่มความเค็มอมเปรี้ยวสดชื่นฉ่ำน้ำหัวไชเท้าประสานกับไขมันปลาแสนอร่อยได้ดีสุดๆ 4. กินคู่ข้าวสวยญี่ปุ่นราคาถ้วยละ 50 บาทก็สั่งเพิ่มมาอีกคนละ 2 ถ้วย ส่วนซุปมิโสะนั้นมีอยู่ในชุด "Chef's Choice Sushi (Omakase)" อยู่แล้วแต่คนเสิร์ฟลืมเลยยกตามมาให้ทีหลังรสชาติเค็มหอมคัตสึโอะผสมคอมบุใส่เต้าหู้ขาวชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มคำสะใจดี ตอนนี้อิ่มมากๆแล้วเรียกพนักงานคิดเงินกันเลยครับ
มื้อนี้ผมกับแฟนมาดินเนอร์ด้วยกันสองคน ได้สั่งอาหาร-เครื่องดื่มต่างๆมากมายรวมกว่า 17 รายการ ทั้งหมด 3,668 บาท บวก Vat. 7% และมี Service Charge อีก 10% เรียบร้อย 4,317 บาทก็ถือว่าเป็นราคาที่ยอมรับได้ เพราะวัตถุดิบทุกๆอย่างตัวใหญ่สดใหม่คุณภาพสุดพรีเมี่ยมนำเข้าจากฮอกไกโดของจริงแท้แน่นอนไม่จกตาราวกับตั้งใจยกของดีทุกอย่างจากบนเกาะมารวมกันภายในร้านกลางสีลม ประสานการปรุงรสจากผู้เชี่ยวชาญพิเศษพร้อมคัดเลือกปลาชนิดต่างๆตามฤดูกาลมานำเสนอเพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์ความอร่อยขั้นสูงสุด เหมาะสำหรับช่วงเดินทางออกนอกประเทศไม่ค่อยสะดวกนัก ช่วยผ่อนคลายความคิดถึงญี่ปุ่นได้อย่างดีตอบโจทย์สายเที่ยวและกินทุกคน ร้าน "Hokkaido Genshiyaki" ยังมีให้บริการอีกสาขาตรงสุขุมวิท 26 สะดวกตรงไหนไปได้เลยเพราะได้ควบคุมความอร่อยมาตรฐานเดียวกัน รับคะแนนไป 5 ดาวเต็มๆครับผม🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 10-13 ซอยธนิยะ-สีลมซอย 7 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาก็คือ 11.30-14.00 น. และ 17.00-22.30 น.
(อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล) โทร. 02-235-1216
Facebook : https://www.facebook.com/genshiyaki.silom
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
コメント