top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว ERR Urban Rustic Thai ร้านอาหารไทยรสชาติเข้มข้นอร่อยระดับมิชลินบิบกูร์มองด์ ในซอยสุขุมวิท 53 ~

อัปเดตเมื่อ 5 มี.ค.



หากคุณอยากทานอาหารไทยสูตรต้นตำรับแท้ปรุงรสชาติมาเข้มข้นกระแทกปาก จัดเสิร์ฟสไตล์อาหารไทยแบบสตรีทฟู้ดเป็นกับแกล้มผสมผสานกับความสนุกสนานต้องมาที่"ERR Urban Rustic Thai"ร้านนี้ได้รับการแนะนำจากเจ้านายผมที่มักพาลูกค้าชาวต่างชาติมาทานบ่อยๆและการันตีเลยว่าอร่อยมาก ส่วนราคาอาจจะสูงสักหน่อยแต่คุ้มค่าที่จะมาทาน โดยมีคะแนนรวมโดยเฉลี่ยจากทุกเว็บไซต์ประมาณ 3.9-4.0 เต็ม 5 คะแนน ที่พิเศษกว่านั้นก็คือถูกบรรจุในมิชลินไกด์ปี 2020 ในระดับบิบกูร์มองด์อีกด้วย ได้ยินแบบนี้แล้วแปลว่าร้านนี้ต้องอร่อยแบบไม่ธรรมดาก็ต้องมากันรีวิวสักหน่อย วิธีการเดินทางมาที่ร้านหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวภายในร้านมีที่จอดรถได้ประมาณ 6-7 คัน แต่ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลงสถานีทองหล่อแล้วเดินย้อนกลับมาทางซอยสุขุมวิท 53 เดินไปด้านในประมาณ 150 เมตร มองขึ้นไปขวามือบนจะพบกับป้ายร้านสีขาวเขียนว่า "เออ" หรือสังเกตจั่วหลังคาสีเขียวที่เขียนว่า "โบลาน" แสดงว่ามาถึงประตูหน้าร้านแล้ว ป้ายและประตูหน้าร้านเล็กไปหน่อยต้องสังเกตดีๆไม่งั้นก็เลยนะครับ

มาถึงประตูทางเข้าก็พบกับป้ายชุดโปรโมชั่นอาหารกลางวันเริ่มต้นที่ 220 บาท (ตอนที่เราเขียนรีวิวโปรโมชั่นนี้หมดไปแล้วหากสนใจลองส่งข้อความไปสอบถามทางร้านก่อนนะครับ) แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่านั้นก็คือซุ้มประตูทางเข้าเป็นโครงไม้ไผ่แซมด้วยพืชไม้เลื้อยทอดยาวไปจนถึงลานจอดรถเหมาะกับสาวๆแวะมาถ่ายรูปลง IG อวดเพื่อนสุดๆ เดินเข้ามาอีกหน่อยก็จะพบกับตัวร้านอาหารที่ดูเหมือนบ้านสวนร่มรื่นน่านั่งสูดอากาศบริสุทธิ์นานๆ โดยร้านเอออยู่ในห้องกระจกด้านหน้าส่วนร้านโบลานอยูถัดไปด้านหลัง ถ้าเดินเข้าไม่ถูกสามารถถามพี่ยามตรงลานจอดรถได้ครับ

ตอนนี้เราเข้ามาในร้าน "ERR" แล้ว ใครคิดว่าที่นี่เป็นแค่ร้านอาหารไทยเท่านั้นบอกเลยว่าผิดเพราะเขามีบริการหลากหลายไม่ว่าจะเป็นบาร์นั่งดื่ม/ตู้ขายสบู่สมุนไพร-เครื่องหอมสไตล์ไทย/ของที่ระลึกแบบไทยๆ/เครื่องปรุงต่างๆให้หยิบติดไม้ติดมือซื้อกลับบ้าน ส่วนบรรยากาศภายในห้องอาหารมีการตกแต่งให้คล้ายกับเรือนไทยโบราณ เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างตู้กับข้าวสมัยโบราณ/ผ้าสามสี/อุปกรณ์จักสาน/เก้าอี้ไม้โบราณ/จอฉายหนังและรูปภาพวาดที่สะท้อนถึงความเป็นไทยในทุกๆมุม เรียกได้ว่าเป็นการตกแต่งร้านที่มีสะท้อนความเป็นไทยอย่างเต็มเปี่ยมแต่มีสิ่งที่ต้องระวังคือพื้นปูด้วยไม้ทั้งหมดทำให้ต้องเดินเบาๆหน่อยไม่งั้นจะเป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่นพอสมควรเลยครับผม

กลับมานั่งที่โต๊ะก็ยังคงมีความเป็นไทยตั้งแต่กระดาษรองจานสีสันต่างๆไม่ซ้ำกันก็ใช้ลายไทย/จานเป็นสังกะสีสีขาววาดลาดแบบโบราณ แต่ยังคงความสมัยใหม่ด้วยแก้วไวน์และแก้วใส่น้ำเปล่าตามมาตรฐานร้าน Fine Dinning เอาไว้เช่นเดิม ส่วนปิ่นโตสีขาวตรงกลางโต๊ะเป็นที่ใส่กระดาษทิชชู่พับเอาไว้อย่างสวยงามพร้อมใช้งาน เครื่องดื่มหากคุณไม่สั่งก็ไม่ต้องกลัวเหือดแห้งเพราะเขามีบริการน้ำดื่มให้ฟรีแต่มันมีจุดให้ตื่นเต้นคือเลือกได้ว่าจะทานเป็นน้ำเปล่าหรือ Sparkling Water เพราะถ้าไปซื้อที่ร้านหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตขวดนึงราคาแพงมากแต่ที่นี่ดื่มได้ไม่อั้น มันก็คือน้ำเปล่าที่เพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปให้ความซ่าสดชื่นแต่ไม่มีรสชาติเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ ก็พอทราบแล้วว่ากลุ่มลูกค้าหลักของที่นี่เป็นใคร แต่รสชาติอาหารจะเข้มข้นแบบไทยหรือไม่เรามาเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับผม

เล่มเมนูของที่ร้านนี้ไม่ซับซ้อนมีแค่ 2 หน้าใหญ่ เริ่มจากเมนูของดองต่างๆถูกแยกออกมาเป็นหมวดแรก (แสดงว่ามีดี) ราคาของดองทุกเมนูแค่ 65 บาท เมนูปิ้งย่างราคาเริ่มต้นที่ 35 บาทคือข้าวเหนียวหรือข้าวจี่ เมนูแพงสุดคือสะเต๊ะไก่บ้าน 350 บาท เมนูทอดกรอบราคาเริ่มต้นที่ 95 บาทเป็นเม็ดแตงโมอบใบมะกรูด แพงที่สุดคือคากิพะโล้ทอดกรอบ 260 บาท เมนูที่ผ่านการถนอมอาหารเริ่มต้นที่ 135 บาทคือเนื้อหมูแดดเดียว แพงสุดคือไส้กรอกอีสานราคา 250 บาท หน้าที่สองเป็นเมนูผัดไฟแดงเริ่มต้นที่ 240 บาทคือผัดผักบุ้งไทยกะปิชั้นดี แพงสุดก็คือผัดกะเพราเนื้อราคา 380 บาท เมนูซุปร้อนๆราคาเดียว 195 บาท เมนูต้ม-อบราคาเริ่มต้นที่ 240 บาทคือหมูสับกับมะเขือยาวแบบจีนราดไข่ตุ๋น แพงสุดคือหอยแมลงภู่ดำอบวุ้นเส้นใส่เต้าซี่ 380 บาท เมนูสดชื่นเผ็ดๆราคาเริ่มต้นที่ 120 บาทก็คือตำถั่วน้ำปลาร้ากับยำกึ๋นไก่ย่าง แพงสุดคือยำผลไม้ราคา 180 บาท เมนูแกงร้อนราคาเมนูละ 395 บาท ข้าวสวยถ้วยละ 35 บาท มีทั้งเมนูราคาถูกและแพงปนกันไปขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เลือกแต่เรามาร้านนี้ครั้งแรกก็หาข้อมูลมากับถามน้องพนักงานว่าควรจะสั่งอะไรมาชิมบ้าง เสร็จเรียบร้อยแล้วไปถ่ายรูปตามมุมต่างๆรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะครับ

เมนูจานแรกมาเสิร์ฟก่อนถือว่าเป็นการเรียกน้ำย่อยก็คือ "ผักกาดดองรวมเสียบไม้" เสิร์ฟ 5 ไม้ ราคา 65 บาท เป็นผักกาดดองเกี่ยมฉ่ายเสียบไม้ตรงปลายเป็นกระเทียมดองท๊อบปิ้งด้วยพริกขี้หนูสดและหอมแดงมาแบบแช่เย็นๆ ได้รสชาติทั้งความกรอบ/หวาน/เผ็ดร้อน/ฉุนกระเทียมดองและหอมแดงขึ้นจมูกสดชื่น ถือเป็นจานเรียกน้ำย่อยแบบไทยๆที่ลงตัวสุดๆ จานต่อมาดูหน้าตาเฉยๆแต่น้องพนักงานบอกว่าต้องสั่งนั่นคือ "หมูปิ้งหายเมา" เสิร์ฟ 3 ไม้ ราคา 125 บาท เป็นหมูย่างเสียบไม้ผ่าซีกแบบโบราณเสิร์ฟพร้อมมะนาวสดและน้ำจิ้มแจ่วโรยด้วยข้าวคั่ว วิธีการทานก็แค่บีบมะนาวลงบนหมูย่างแล้วใช้ส้มรูดเนื้อออกจากไม้ทานได้ทันที ทานเข้าไปคำแรกได้ความนุ่มของเนื้อหมูหมักกับน้ำจิ้มแจ่วมะขามเปรียกรสชาติเปรี้ยว-หวานเข้มข้นสไตล์อีสานเข้าเนื้อสุดๆ ทานเปล่าๆไม่ต้องจิ้มก็อร่อยแล้วถ้ายิ่งทานคู่กับแจ่วรสชาติกลายเป็นเข้มข้น X2 แต่ไม่ทำให้รู้สึกเปรี้ยว-หวานแสบลิ้นจนทานไม่ได้แบบหลายๆร้าน ส่วนรสเผ็ดกลายเป็นการเสริมให้จานนี้กลมกล่อมมากขึ้น รสชาติเข้มข้นระดับนี้ทานกับข้าวเหนียวได้อีกหลายห่อหรือจะแค่ทานเปล่าๆก็รับรองว่าอร่อยตาตื่นหายเมาสมกับชื่อที่ตั้งจริงๆ ใครเป็นสายนั่งดื่มสั่งจานนี้มาแกล้มรับรองว่าเด็ดเลยครับ

จานต่อมาก็เป็นอาหารไทยธรรมดาๆอย่าง "ตำถั่วน้ำปลาร้า" ราคา 120 บาท ตรงตามชื่อเลยคือตำถั่วฝักยาวใส่น้ำปลาร้าแต่จุดเด่นของจานนี้พอทานจริงๆมีความละเอียดอ่อนกว่าหน้าตาที่เห็นเริ่มจากถั่วฝักยาวร้านนี้ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวขึ้นจมูกเลยแม้แต่น้อยทำให้ทานได้ง่ายๆ น้ำปลาร้าข้นมีเนื้อปลาผสมชิ้นเล็กละเอียดจึงทำให้นัวเป็นพิเศษ พริกถ้าสั่งแบบเผ็ดปกติเขาใส่ให้เลย 15 เผ็ด เผ็ดแบบหูดับตับไหม้ร้อนท้องแต่อร่อยสะใจสุดๆแน่นอนว่าถ้าคุณไม่ทานเผ็ดก็สามารถบอกให้เขาลดลงได้ตามสั่ง มีเมนูสุดเผ็ดก็ต้องตามด้วยของทอดกรอบๆที่เสิร์ฟมาไม่ธรรมดาคือ "หนังไก่ทอดน้ำปลาชั้น 1 และศรีราชาทำเอง" ลืมภาพลักษณ์ของหนังไก่ทอดที่คุณเคยทานที่ตลาดแล้วมาดูที่ร้านนี้เพราะเขาเสิร์ฟหนังไก่แบบเลาะทั้งตัว ทอดกับน้ำปลาให้ความหอม-เค็มละมุนบางกรอบราวกับโรตีกระดาษ ก่อนจะทานราดด้วยซอสพริกศรีราชารสหวานหอมกลิ่นพริกสุดละมุน (ไม่เผ็ดอย่างที่คิด) หรือจะหักเป็นชิ้นเล็กแล้วค่อยมาทานคู่กับเมนูอื่นๆก็ช่วยเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบๆได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นมิติใหม่แห่งวงการหนังไก่ทอดกรอบที่แท้จริง

จานต่อมาถ้าสั่งแยกราคาสูงแต่น้องพนักงานบอกว่ามีจัดชุดราคาพิเศษก็คือ"ชุดของย่างรวม" ราคา 420 บาท ประกอบไปด้วยแหนมหม้อเสียบไม้ย่างรสชาติเปรี้ยว/เค็มมันหมูเยอะแต่ไม่เลี่ยนอย่างที่คิดเพราะเขาผสมกระเทียมลงไปตัดเลี่ยนเยอะมากทานคู่กับถั่วลิสงมันอบกรอบช่วยเพิ่มสัมผัสพิเศษทำให้อร่อยครบรสมากยิ่งขึ้น ไส้อั่วก็สูตรไขมันน้อยเนื้อหมูแน่นมีกลิ่นหอมเครื่องเทศดีแต่ไม่ได้ก็เผ็ดจัดจ้านอย่างที่คาดหวังเอาไว้มากนัก สุดท้ายคือไส้กรอกอีสานไส้ด้านนอกกรอบด้านในนุ่มข้าว+มันผสมเนื้อหมูเปรี้ยวหอมกระเทียมสุดจี๊ดจ๊าดถูกใจคนชอบทานแหนมรสจัดจ้าน เคียงกับกระหล่ำปลีสดกรอบหวาน/ขิงสด/ผักชี/พริดสดและหอมแดงช่วยตัดความเข้มข้นเข้ากันได้อย่างลงตัว

เมนูต่อมาก็ยังคงเป็นการถนอมอาหารแบบโบราณอย่าง "ข้าวทอดยำปลาอินทรีแม่กลองเค็ม" ราคา 165 บาท เป็นเนื้อปลาอินทรีเค็มบดผสมกับข้าวสวยพริกสดและใบมะกรูดปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปทอดด้านนอกกรุบกรอบส่วนด้านในเคี้ยวหนึบหอมกลิ่นข้าวหอมมะลิผสมปลาอินทรีเค็มอ่อนๆรสเผ็ดนิดๆหอมเครื่องสมุนไพรทานเล่นได้อร่อยดี จานต่อไปเป็นเมนูชื่อง่ายๆแต่ทางร้านมีการนำเสนอที่ไม่เหมือนใครอย่าง "หมูปิ้ง" เสิร์ฟ 2 ไม้ราคา 125 บาท ก็เป็นหมูปิ้งนมสดสลับชั้นเนื้อ-ไขมันตามแบบที่เราคุ้นเคยแต่ถ้าทานเปล่าๆอาจจะรู้สึกเลี่ยนเกินไปที่ร้านก็เลยท๊อบปิ้งด้วยใบชะพลูซอยละเอียดเรียงเป็นแนวยาวตัดความเลี่ยนด้วยมะนาวบีบลงไปก่อนทาน ทำให้ได้ความเปรี้ยว-หวานและหอมใบชะพลูในปากคล้ายกับการทานเมี่ยงในรูปแบบเสียบไม่ทานง่ายๆไม่ต้องห่อเองให้เลอะมือแปลกใหม่ดีครับผม

หมดเมนูของทานเล่นต่างๆมาที่จานหลักเอาไว้ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆอย่าง"ยำไข่ดาวอินทรีย์" ราคา 145 บาท แค่หน้าตาของไข่ดาวก็ไม่เหมือนร้านอื่นแล้ว เหมือนตอกไข่ไก่ลงไปทอดในน้ำมันเดือกๆที่ถูกคนจนเป็นทรงกลมสวย ได้สัมผัสทั้งความกรุบกรอบด้านนอกและตรงกลางชุ่มฉ่ำไข่แดงสุกเนื้อละเอียดซึมซับน้ำยำรสชาติเปรี้ยวหวานและหอมกลิ่นใบสะระแหน่ได้เป็นอย่างดี ใส่หอมแดง/ข้าวคั่วและพริกสดผสมลงไปในน้ำยำเห็นว่าพริกน้อยแค่นี้แต่บอกเลยว่าเผ็ดถึงเครื่องยำสไตล์ไทยสุดๆเลยครับ จานสุดท้ายเป็นเมนูแกงง่ายๆอย่าง "แกงแดงใส่ฟักเขียว" ราคา 395 บาท เสิร์ฟใส่หม้อโบราณมาวางไว้บนโต๊ะให้ปริมาณทั้งเนื้อไก่ฟักเขียวและเครื่องสมุนไพรอย่างเต็มเปี่ยม เครื่องแกงแดงของที่ร้านนี้สีเข้มแต่ไม่ค่อยเผ็ดหอมละมุนกลมกล่อมกะทิทานง่ายๆ ส่วนข้าวสวยที่ร้านนี้เสิร์ฟเป็นชามราคาชามละ 35 บาทแต่ให้ปริมาณเยอะแน่นเพราะถ้วยก้นลึกมากทานคู่กับยำและแกงได้อิ่มพอดี หากใครอยากประหยัดเราขอแนะนำว่าสั่งอาหารมาสัก 2-3 อย่างเป็นกับข้าวแล้วทานกับข้าวสวยที่ร้านรับรองว่าอิ่ม เพราะทุกจานรสชาติเข้มข้นถึงใจทานกับข้าวสวยได้เยอะอย่างแน่นอน ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องราคาแบบผมก็สั่งเต็มที่อร่อยเข้มโดนใจทุกๆจาน

ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยของหวานเบาๆรสชาติสบายลิ้นหลังจากการทำงานอย่างหนักหน่วงเป็น "ไอศครีมกะทิสดทรงเครื่อง" ราคา 145 บาทคนละถ้วย เป็นไอศครีมกะทิทรงเครื่องที่เนื้อเนียนละเอียดหอมกลิ่นมะพร้าว ใส่เครื่องผสมทั้งขนุน/ลอดช่องชิ้นเล็กๆทานคู่กับมันเชื่อม/ถั่วลิสงคั่วและวุ้นน้ำมะพร้าวที่ทางร้านทำเองให้สัมผัสความอร่อยที่ไม่เหมือนใคร ของหวานภายในร้านมีเพียงแค่เมนูนี้อย่างเดียวแต่ก็เพียงพอเพราะอร่อยลงตัวครบทุกมิติดีงามมากครับ วันนี้เรานั่งเกินเวลาช่วงเช้า 11.30-15.00 น. แต่ทางร้านมีการแจ้งก่อนเลยสั่งอาหารล่วงหน้ามาทานที่โต๊ะได้จนอิ่ม ไม่ปิดแอร์ไล่ลูกค้าแบบหลายๆร้าน การบริการก็ถือว่าดียิ้มแย้มแจ่มใสแต่พูดเบาไปหน่อยนอกนั้นไม่มีข้อติเตียนครับ

มื้อนี้มาทานกัน 2 คนราคาอาหารปกติ 2,140 บาท เมื่อรวมกับ Vat. 7% และ Service Charge 10% แล้วอยู่ที่ 2,518.78 บาท อาหารรวม 13 เมนูก็ถือว่าราคาสมน้ำสมเนื้อเพราะอย่างแรกที่สัมผัสได้เลยก็คือวัตถุดิบทุกอย่างดีกว่าร้านอาหารไทยทั่วๆไป การปรุงรสเข้มข้นโดนใจแต่ไม่แสบลิ้นหรือรู้สึกว่ามันมากเกินไปแต่มันคมชัดเจนทุกรสชาติแบบที่ร้านอื่นๆทำไม่ได้ก็สมควรแก่มิชลินบิบกูร์มองด์ที่ได้การการันตีมา วันนี้ ERR Urban Rustic Thai ก็รับคะแนนความอร่อยและคุ้มไป 5 ดาวครับ🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 56/10 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

เปิดบริการวันส./อา./จ.ตั้งแต่เวลา 11:00-23:00น. และ อ./พฤ./ศ. 17:00-23:00 น. (ปิดทุกวันพุธ)

เบอร์โทรศัพท์ 02-622-2292

Facebook : https://www.facebook.com/ERRBANGKOK

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 869 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page