top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว "Dookki Topokki" บุฟเฟ่ต์ต๊อกโปกีหม้อไฟและอาหารเกาหลีเปิดรวมกว่า 13 สาขา ราคาเพียงคนละ 299 บาท

อัปเดตเมื่อ 21 มิ.ย. 2566



หนึ่งในร้านประจำซึ่งส่วนตัวทานค่อนข้างบ่อยเพราะมีสาขากระจายอยู่เยอะและราคาต่อหัวก็ไม่แพงมากนักเมื่ออยากอาหารเกาหลีหลังชมซีรีย์จบทุกครั้งนั่นก็คือ "Dookki Topokki" เป็นแฟรนไชส์ชื่อดังแห่งดินแดนโสมขาวเข้ามาเปิดในประเทศไทยได้สักพัก โดยเมนูหลักคือต๊อกโปกีหม้อไฟที่สามารถตักวัตถุดิบลงหม้อเองตามใจพร้อมอาหารปรุงสำเร็จครบตั้งแต่ของคาว,เครื่องดื่มไปจนถึงขนมหวานในร้านเดียว ราคาเริ่มต้นเพียงคนละ 299 บาทสุทธิ (ไม่มี Vat./Service Charge เพิ่ม) นั่งกินได้ 1.30 ชม. เด็กส่วนสูงต่ำกว่า 110 ซม.กินฟรี ส่วนสูงตั้งแต่ 110,130 ซม. คิดราคาคนละ 199 บาท ปัจจุบันเปิดให้บริการรวมกว่า 13 สาขา (รวบรวมสถานที่ตั้งของแต่ละสาขาไว้ด้านล่างสุดของบทความรีวิวนี้) ซึ่งวันนี้เราเลือกร้านใกล้บ้านและเดินทางสะดวกสุดๆนั่นก็คือห้างสรรพสินค้าซีคอนบางแคชั้น 4 ฝั่งเดียวกับฟู้ดคอร์ทขนาดใหญ่ชื่อว่า Street Gourmet (สตรีทกูร์เมต์) ติดประตูทางเข้าห้องน้ำสาธารณะ สำหรับวิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพียงปักหมุดขับตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดฟรีใช้ได้ตั้งแต่ 06.00-21.30 น. ถ้าเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีภาษีเจริญมีสะพานเชื่อมพิเศษถึงข้างในห้างทันที โดยวันนี้เราตั้งใจมาตั้งแต่เพิ่งเปิดใหม่ๆเพื่อถ่ายรูปไลน์อย่างสวยงามจะมีอะไรให้เราตักบ้างนั้นรีบเข้าไปด้านในพร้อมกันเลยครับ

บรรยากาศภายในเน้นความปลอดโปร่งโล่งสบายสามารถมองทะลุได้ยาวๆตั้งแต่ประตูทางเข้าหลักไปจนถึงข้างหลังร้าน โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเพื่อติดตั้งเคาน์เตอร์บุฟเฟ่ต์ขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้เนื้อแข็งสีสว่างรองรับลูกค้าได้ตั้งแต่ 4-6 คนกระจายทั่วบริเวณ พร้อมตกแต่งแบบเรียบหรูด้วยสไตล์มินิมอลผสมลอฟต์ดูทันสมัยเพื่อตอบโจทย์วัยรุ่นยุคใหม่ที่ชื่นชอบอาหารเกาหลีได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวันนี้เราเดินทางมาถึงห้างตั้งแต่เพิ่งเปิดจึงสามารถเลือกพื้นที่อยากนั่งได้ตามใจ อีกทั้งจุดประสงค์หลักของธุรกิจนี้เน้นบริการตัวเองเป็นหลักกว่า 90% สำหรับลูกค้าใหม่อาจจะรู้สึกว่าทำตัวไม่ค่อยถูกซึ่งภายในบทความนี้จะค่อยๆอธิบายแต่ละขั้นตอนเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ด้านความอร่อยฉบับเกาหลีแท้ๆอย่างสูงสุด ขั้นตอนแรกเพียงแจ้งจำนวนสมาชิกกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าแล้วเลือกโต๊ะให้เรียบร้อยเสร็จแล้วก่อนจะเริ่มนับเวลาเราขอเดินสำรวจพร้อมถ่ายรูปไลน์บุฟเฟ่ต์ทุกๆอย่างเป็นอันดับแรกครับผม

เริ่มต้นจากข้างหน้าสุดติดประตูทางเข้าร้านด้วยเหล่าของทานเล่นสไตล์ Street Food จากประเทศเกาหลีทอดใหม่ๆรักษาอุณหภูมิให้อุ่นพร้อมกินอยู่เสมอด้วยโคมไฟดวงสีเหลืองเรียงกันหลากหลายเมนูมีทั้ง 1. คาลามารีหรือว่าปลาหมึกหั่นชิ้นวงกลมชุบแป้งทอดกรอบหนา,ฟูรสชาติเค็มกลมกล่อมให้สัมผัสเคี้ยวหนึบหนับชวนสนุกอย่างเพลินๆ 2. ยากี้มันดูหรือเกี๊ยวซ่ายักษ์สไตล์เกาหลีสอดไส้หมูสับผสมกุยช่ายปรุงรสพอกลมกล่อมห่อแป้งหนาทอดจนเหลืองจิ้มซอสคันจังหรือน้ำซุปต๊อกโปกีก็อร่อย 3. คิมมารีหรือวุ้นเส้นเกาหลีห่อสาหร่ายชุบแป้งทอดกรอบนอกเคี้ยวนหนึบข้างในเป็นที่โปรดปรานของหลายๆคน 4. มันเทศญี่ปุ่นฟังจากชื่อกับหน้าตาก็ดูธรรมดาแต่มันคือมันหวานนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นราคาสูงนำมาชุบแป้งทอดรสชาติเค็มๆตัดกันได้ดี 5. เฟรนซ์ฟรายส์แท่งเล็กทอดกรอบโรยเกลือให้ทั่วๆเน้นความกรอบเค็มแต่ไม่สามารถหยุดมือให้หยิบเข้าปากได้เรื่อยๆ 6. ไก่ทอดเคลือบซอสด้วยเกาหลีสีแดงฉ่ำรสชาติหวานนำเผ็ดกลมกล่อมแป้งกรอบนอกนุ่มในชิ้นใหญ่เต็มคำ สุดท้าย 7. ไก่ทอดกรอบสูตรต้นตำรับใช้ส่วนสะโพกติดหนังคลุกแป้งแบบพิเศษจนเข้าเนื้อสไตล์เกาหลีแท้ๆแถมยังไร้กระดูกกวนใจจึงกินง่ายๆทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยครับผม

สำหรับสายเด็กเส้นตัวจริงทางร้าน "Dookki Topokki" ได้รวบรวมมาทั้งไทยกับเกาหลีรวมกันกว่า 4 รูปแบบนั่นก็คือ 1. เส้นรามยอนหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาดอ้วนใหญ่ที่เรามักจะเจอกันบ่อยๆในซีรีย์ชื่อดังมากมายซึ่งมีซองสีเหลืองสดใสเป็นเอกลักษณ์แต่ไม่มีซองเครื่องปรุงบรรจุอยู่ภายในมักใช้ในร้านอาหารประเภทหม้อไฟเป็นปกติเพียงแกะแล้วเทในซุปเดือดๆก็รับความอร่อยเหนียวนุ่มสู้ฟันได้ทันที 2. วุ้นเส้นไทยทำจากแป้งถั่วเขียวผ่านการแช่น้ำให้นุ่มพร้อมต้มในซอสต๊อกโปกีเดือดๆซึ่งจะอืดขึ้นเล็กน้อยและเหนียวนุ่มกำลังดีแบบที่เรามักจะคุ้นเคยในอาหารไทยหลายเมนู 3. เส้นอัลตึงหรือวุ้นเส้นนำเข้าจากประเทศเกาหลีเหมือนที่ใส่ในผัดจับแชมีคุณสมบัติพิเศษซึ่งเหนือกว่าของไทยคือความเหนียวนุ่มขาดยากเคี้ยวสนุกหนึบๆช่วยซึมซับรสชาติเข้มข้นของอาหารได้ดีกว่าเดิมแต่ไม่ค่อยเหมาะสำหรับลูกค้าที่มีปัญหาสุขภาพฟันเท่าไหร่นัก 4. เส้นนัมจักหรือเส้นเล็กของประเทศเกาหลีใต้ซึ่งมีความยาวแบนคล้ายๆเส้นมันเทศหรือมันฝรั่งอันผ่านความร้อนสูงๆแล้วโปร่งใสแต่ไม่ลดสัมผัสเหนียวนุ่มสู้ฟันลงของจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งถ้าใครเป็นหม้อไฟลุยสายหม่าล่าอยู่แล้วน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะคุณสมบัติคล้ายกันแต่ชื่อเรียกต่างกันเท่านั้นเองครับ

สถานีถัดไปถือว่าค่อนข้างสนุกและได้ท้าทายความสามารถเพราะเหมือนเป็นการสวมบทบาท,รับบทซังกุงสูงสุดแห่งห้องเครื่องของวังหลวงของเมืองฮันกางเหมือนในเรื่องแดจังกึมด้วยเครื่องปรุงกับวัตถุดิบหลายๆอย่าง เริ่มต้นที่มุมข้าวผัดเกาหลีสำหรับปรุง-กินปิดท้ายหลังจากลุยต๊อกโปกีหม้อไฟซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวสวยญี่ปุ่นอุ่นในหม้อหุงไฟฟ้า/ไข่ต้ม/น้ำมันงาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆทั้ง กรรไกร/ตะหลิวผัดข้าว/ทัพพีเมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็นำมาแช่น้ำคืนจุดเดิม ข้างๆกันเป็นเครื่องปรุงพร้อมซอสสูตรต่างๆรวมกันกว่า 12 อย่างประกอบไปด้วย ข้าวโพด/ไส้กรอกหั่นเต๋าชิ้นเล็ก/หัวไชเท้าดอง (แต่วันนี้หมดเลยใส่เป็นกิมจิธรรมดาแทน) /กิมจิผักกาดขาว/สาหร่ายแห้งสับ/ครีมซอสเข้มข้นหวานละมุน/ซอสกุงจุงซีอิ๊วเกาหลีแบบบาร์บีคิว/ซอสพุลกชเผ็ดระดับสูงสุด/ซอสดุ๊กกี้สูตรต้นตำรับของทางร้าน/ซอสจาจังถั่วดำหมักรสหวานมัน/ซอสโรเซ่ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น/ซอสต๊อกโมกลมกล่อมเผ็ดระดับกลาง หากใครผสมซอสเองไม่เป็นก็ไม่ต้องตกใจเพราะข้างบนมีป้าย Dookki's Recipes ให้จับรวมผสมตามใจอีกหลายสูตรปรับความเผ็ดหรือเข้มข้นได้ด้วยตนเองแต่ควรปรุงทีละน้อยเพราะถ้าผิดคือแก้ใหม่ไม่ได้นะครับ

เมื่อมีซอสต๊อกโปกีสุดอร่อยแล้วก็ต้องเลือกท็อปปิ้งต่างๆตามลงไปในหม้อซึ่งจุดนี้จะรวมวัตถุดิบสดทั้งหมดเอาไว้มากมายทั้ง ต๊อกออมจี/ต๊อกชีส/ต๊อกฮูรูลุก/ต๊อกหัวใจ/ต๊อกมันเทศ/ต๊อกคอร์นชีส/ต๊อกรู/ต๊อกธรรมดา/ผักกาดขาว/เห็ดออเร็นจิ/เห็ดเข็มทอง/ต้นหอมญี่ปุ่น/กะหล่ำปลี/ผักกวางตุ้ง/เต้าหู้ปลา/หอมหัวใหญ่/แครอท/ออมุก (ปลาแผ่นเกาหลี) /ลูกชิ้นปู/ไส้กรอกไก่/ออมุกแบบเส้น/อกไก่หมัก/อกไก่หมักรสเผ็ด/ปลาหมึกบั้ง/หมูสไลด์/หมูสามชั้นสไลด์และหอยแมลงภู่ชิลีรวมกันกว่า 27 รายการให้ตักได้ไม่อั้นตลอด 90 นาที สำหรับมือใหม่แนะนำว่าค่อยๆคีบไปลองชิมอย่างละนิดหน่อยถ้าชอบแล้วก็กลับมาหยิบเพิ่มเพราะแป้งต๊อกค่อนข้างหนักท้องชวนอิ่มได้ไวมากหรือจะเน้นเฉพาะเนื้อสัตว์หรือรักสุขภาพโดยใส่ผักเยอะๆก็ปรับเพิ่ม-ลดเองตามใจ ซึ่งถ้าของทั้งหมดไม่ต้องกลัวหมดเพราะเขาเดินมาเติมใหม่ให้ดูแน่นและสวยงามตลอดเวลา สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อต้องเดินมายังไลน์อาหารพร้อมสวมถุงมือพลาสติกที่ทางร้านจัดให้รวมถึงตักไปแค่หมดพออิ่มเพราะถ้าเหลือเยอะคิดค่าปรับอีกโต๊ะละ 100 บาทนะครับ

ถ้านึกถึงสตีทฟู้ดของประเทศเกาหลีนอกจากต๊อกโปกี/ไก่ทอดต่างๆแล้วเมนูหน้าหนาวอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ "ออมุก" หรือโอเด้งของดินแดนโสมขาวซึ่งจะไม่ได้มีวัตถุดิบต้มหลากหลายอย่างเท่าของญี่ปุ่น แต่เมื่อได้ชมผ่านซีรีย์ก็ชวนให้อยากลองทุกครั้งที่ "Dookki Topokki" มีให้ทานไม่อั้นถึง 2 สูตรนั่นคือ 1. ต้นตำรับเบสพื้นฐานน้ำซุปใสทำจากปลาแองโชวี่ตากแห้งดึงเครื่องในออกผสมสาหร่ายคอมบุกับคันจังโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยรสชาติเค็ม,นัวกลมกล่อมซดร้อนๆลื่นไหลลงคอ ส่วนออมุกเป็นปลาเนื้อขาวล้วนบดขึ้นรูปแบบแผ่นบางๆขนาดใหญ่แล้วทอดคล้ายลูกชิ้นปลาฮือก้วยของไทยโดยน้องพนักงานจะเสียบไม้เป็นรูปตัว S แล้วแช่ในน้ำซุปจนความอร่อยค่อยๆซึมเข้าเนื้อทีละน้อยจึงควรต้มนานๆจะยิ่งอร่อยสุดๆ 2. สูตรเผ็ดซึ่งตอนแรกคิดว่ารสชาติจะต่างจากอันก่อนแต่เหมือนกันแค่เพิ่มพริกป่นลงไปให้ความแซ่บ-เผ็ดร้อนเหมือนไฟนิดๆตอนน้ำซุปไหลผ่านเข้าคอ ซึ่งส่วนตัวชอบแบบสีแดงฉานมากกว่าหรือถ้าใครกลัวว่าซอสต๊อกโปกีที่ตักมาจะเผ็ดมากเกินไปสามารถยกซดน้ำซุปออมุกตามก็ถือว่าช่วยได้ดีเลยครับผม

โซนต่อไปคืออาหารเกาหลีพร้อมทานต่างๆอีกมากมายเริ่มต้นด้วย 1. รามยอนหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มสดใหม่พร้อมทานตรงเคาน์เตอร์ด้านหลังส่งตรงให้ถึงโต๊ะทั้ง ซัมยังซองสีดำรสเผ็ดสุดๆแบบแห้ง/นงชิมรสเนื้อวัวน้ำซุปเผ็ดร้อน/กิมจิรสชาติเปรี้ยว,เผ็ดกลมกล่อม/จาจังมยอนซอสถั่วดำแบบแห้ง/จินรามยอนรสดั้งเดิมน้ำซุปเนื้อแบบไม่เผ็ด 2. คิมบับหรือข้าวปั้นห่อสาหร่ายสอดไส้ทูน่าไส้กรอกไก่พร้อมไข่เจียวและผักต่างๆได้สารอาหารครบถ้วนถือเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงเวลาเร่งรีบของชาวเกาหลี 3. โชต๊อกหรือแป้งต๊อกเสียบไม้ย่างสลับกับไส้กรอกไก่เคลือบด้วยซอสสีแดงฉ่ำวาวรสชาติเผ็ดหวานเหมือนไก่ทอดหน้าร้านไว้กินเพลินๆระหว่างรอต๊อกโปกีหม้อไฟเดือดได้ที่ 4. ผลไม้สดให้หยิบเองสองอย่างคือสับปะรดกับแตงโมหวานฉ่ำ 5. จับแชหรือผัดวุ้นเส้นแบบเกาหลีเหนียวนุ่มหนึบหนับรสชาติเค็มหวานกลมกล่อมกรุบกรอบผักหอมน้ำมันงา 6. หมูผัดซอสเกาหลีทำจากสันคอสไลด์บางๆผัดซอสบูลโกกิสูตรพิเศษใส่กะหล่ำปลีและหอมหัวใหญ่ซอยลงไปเหมาะสำหรับราดบนข้าวสวยเป็นที่สุด 7. มันหวานเชื่อมทอดในน้ำมันเพื่อไล่ความชื้นส่วนเกินออกเหลือแต่ความหวานอร่อยเคี้ยวหนึบ จัดการตักใส่ถาดมาลองชิมอย่างละนิดเดี๋ยวค่อยเติมครับ

กลับมานั่งตรงโต๊ะที่จองไว้อุปกรณ์รูปร่างแปลกตาถูกวางเตรียมเอาไว้ให้กับลูกค้าเพื่อบริการตัวเองมากมายทั้ง 1. ชามสเตนเลสขนาดใหญ่ปากกว้างแต่ก้นแคบทรงลึกสำหรับใส่วัตถุดิบสดแป้งต๊อกเกาหลีเติมได้เรื่อยๆ 2. ถ้วยสเตนเลสทรงลึกมีขนาดรองลงมาพร้อมด้ามจับยาวสำหรับกันความร้อนน้องพนักงานแนะนำว่าใช้เป็นถ้วยพักก่อนคีบเข้าปากหรือเอาไว้ใส่ของทอดตามสะดวก 3. ถ้วยสเตนเลสมีด้ามจับเหมือนกันแต่ขนาดเล็กที่สุดนี้เอาไว้สำหรับผสมซอสต่างๆก่อนเทลงในหม้อ (ถ้ารู้สึกว่าเข้มข้นไม่พอก็เดินไปเติมได้เรื่อยๆ) 4. ถาดสเตนเลสขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อยเอาไว้ตักอาหารเกาหลีปรุงสำเร็จมาทานครั้งละเล็กน้อย เริ่มต้นน้องพนักงานก็จะเทซุปใสสีทองทำจากแองโชวี่ผสมสาหร่ายลงไปโดยจะติดคำแนะนำเพื่อปรับความแรงของเตาไฟฟ้าแค่ P1-P3 เวลาทานต๊อกโปกีกับ P1 เท่านั้นเมื่อผัดข้าวปิดท้ายมื้อ (หากแรงกว่านั้นจะไหม้ก้นหม้อ) ส่วนอีกฝั่งเป็นการอธิบายขั้นตอนการกินอย่างละเอียดจะได้สนุก,อร่อยสไตล์เกาหลีแท้ๆกันอย่างถูกต้อง ถ้าอุปกรณ์พื้นฐานบนโต๊ะยังใช้ไม่พอข้างหม้อออมุกวางที่คีบ/กรรไกร/ถ้วยน้ำจิ้ม/ตะเกียบแบนและช้อนยาวเอาไว้ แนะนำให้หยิบแต่พอใช้เพราะพนักงานไม่มาเก็บจานใช้แล้วที่โต๊ะนะครับ

จัดการผสมซอสรสชาติต่างๆตามสูตรเด็ดแนะนำของ Dookki's Recipes เริ่มต้นที่ 1. สูตรเด็ดดุ๊กกี้ (ดุ๊กกี้ 2 + ต๊อกโม 1 กระบวย) 2. สูตรเผ็ดร้อน (พุลกช 2 + ต๊อกโม 1 กระบวย) 3. สูตรต้นตำรับ (ใส่ดุ๊กกี้ 1 + ต๊อกโม 1 + กุงจุงอย่างละ 1 กระบวย) 4. สูตรเผ็ดจาจัง (ใส่จาจัง1 + ดุ๊กกี้ 1 + ต๊อกโมอย่างละ 1 กระบวย) 5. สูตรเผ็ดละมุน (โรเซ่ 2 + พุลกช 2 กระบวย) ถ้าต้องการความหอมมันนัวอาจจะเพิ่มครีมซอสสีขาวลงไปอีกหน่อยหรือยังเผ็ดไม่พอก็ให้สังเกตตรงป้ายชื่อของซอสแต่ละสูตรจะมีระดับความเผ็ดบอกอยู่จับเทใส่หม้อกลางโต๊ะ จากนั้นลงวัตถุดิบสดที่ตักมาจากไลน์อาหารตามไปแล้วรอให้น้ำซุปเดือดๆพร้อมกิน ช่วงระหว่างนี้ก็ตักเหล่าของทอดและเมนูเกาหลีมาทานแต่ไม่มีซอสให้กินคู่กันเนื่องจากชาวโสมขาวส่วนใหญ่มักจะจิ้มลงในซุปต๊อกโปกีที่ถูกเคี่ยวจนเหนียวเข้มข้นแทน นั่นก็แปลว่าความอร่อยขึ้นอยู่กับซอสที่ได้ปรุงเองในครั้งแรกเพราะทางร้านไม่มีน้ำจิ้มอื่นๆรวมถึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรสชาติได้อีกยกเว้นว่าจะมาลุยอีกรอบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสนุกเพราะแต่ละครั้งจะได้ลองใหม่ไปเรื่อยไม่ชวนเบื่อดีครับ

อยากซดน้ำซุปใสร้อนๆให้คล่องคอระหว่างรอต๊อกโปกีหม้อไฟกำลังจะเดือดกับวัตถุดิบสุกก็เดินมาตักเมนู "ออมุก" หรือโอเด้งแบบฉบับเกาหลีโดยข้างๆกันมีชามสเตนเลสขนาดใหญ่ให้ใส่พร้อมราดน้ำซุปสูตรต้นตำรับ-เผ็ดแบบฉ่ำๆแล้วโรยต้นหอมญี่ปุ่นตามความชอบ สำหรับวีธีการทานสามารถสนุกได้หลากหลายรูปแบบทั้ง 1. กัดแผ่นออมุกพร้อมซดน้ำซุปร้อนๆตามแบบต้นตำรับ 2. หยิบถ้วยน้ำจิ้มเทคันจังหรือซีอิ๊วเกาหลีลองไปจิ้ม,ผสมลงในน้ำซุปอีกเล็กน้อยช่วยเพิ่มรสชาติเค็มหอมกลมกล่อมยิ่งขึ้น 3. หยิบเฉพาะเนื้อออมุกลงไปต้มในหม้อต๊อกโปกีแบบทั้งไม้แทนท็อปปิ้งตรงไลน์ของสดได้ความอร่อยไปอีกแบบ ส่วนรามยอนปรุงสำเร็จพร้อมกินอย่างที่เคยบอกไปเบื้องต้นว่ามีทั้งหมด 5 รสชาติแต่ถ้าสั่งมาชิมทั้งหมดมีหวังอิ่มจนลุยรายการอื่นๆต่อไม่ไหวจึงออเดอร์มาแค่ "จาจังมยอนแบบแห้ง" ซึ่งมักจะเคยเห็นในซีรีย์แดนโสมขาวค่อนข้างบ่อยโดยนิยมในโอกาสขึ้นบ้านใหม่-งานมงคลไปจนถึงวันสำคัญด้านความรักเพื่อแสดงว่าตัวเองเป็นคนโสดหลังเทศกาลวาเลนไทน์อย่าง Black Day ต้มเส้น,เคล้าเครื่องปรุงใส่หม้ออะลูมิเนียมวางเสิร์ฟถึงโต๊ะเหมือนไปนั่งทานร้านอาจุมม่า ตัวแป้งเหนียวนุ่มสู้ฟันคลุกซอสหวานเค็มๆกลมกล่อมอร่อยดีครับผม

กลับมาที่โต๊ะตอนนี้วัตถุดิบสดต่างๆที่เทลงไปในหม้อต๊อกโปกีกับซอสตรงกลางก็เดือดสุกพร้อมทานได้แล้ว แต่เห็นรูปถ่ายซึ่งใส่กรอบแขวนตกแต่งอยู่บนฝาผนังร้านดูน่ากินบวกกับโฆษณาบนแผ่นรองจานราคาชวนให้อยากลองเลยสั่งน้องพนักงานมาเพิ่มอีกนั่นก็คือ "สโนวชีส" ราคาที่ละ 60 บาท ทำจากมอสซาเรลล่าชีสนำเข้าคุณภาพสูงไม่มีส่วนผสมของไขมันปาล์มแบบร้านบุฟเฟ่ต์ราคาถูกทั่วไปขูดเป็นฝอยๆวางบนตะแกรงเหล็กสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่พร้อมถาดรองกันหก สำหรับวิธีการปรุงก็เหมือนชื่อที่ตั้งเลยคือโรยลงในหม้อผ่านรูตะแกรงเพื่อให้กระจายตัวราวกับเกล็ดหิมะและเมื่อชีสถูกความร้อนก็จะละลายพร้อมกินช่วยเพิ่มความฟินอีกหลายเท่า อีกรายการก็คือ "ฟองดูวชีส" ราคาถาดละ 120 บาททำจากมอสซาเรลล่าลนไฟจนกรอบ-ยืดเคี้ยวหนึบวางครอบด้วยถาดทรงหลุมลึกแบบพิเศษครอบขอบหม้อต๊อกโปกีอีกขั้น ส่วนวิธีการกินให้อร่อยแนะนำว่าเมื่อถูกยกมาเสิร์ฟให้รีบกินทันทีเพราะความร้อนจากเตาไฟฟ้าส่งไปไม่ถึงหรือคีบชีสบางส่วนลงไปละลายในหม้อ แต่มีข้อควรระวังนิดหน่อยนั่นก็คืออย่าใส่ทีละมากๆเกินไปเพราะอาจตกตะกอนตรงก้นจึงไหม้ได้ง่ายยิ่งขึ้นควรลดไฟระดับเบาสุดแล้วค่อยๆรอจนสุกโดยไม่ต้องรีบร้อนครับ

นั่งฟินกับต๊อกโปกีหม้อไฟร้อนๆพร้อมอาหารเกาหลีพร้อมทานอีกหลากหลายเมนูไปเรื่อยๆแต่อย่าลืมเหลือพื้นที่ในกระเพาะเอาไว้รองรับความอร่อยอีกอย่างนั่นก็คือ "ข้าวผัดเกาหลี" โดยเดินไปตักข้าวสวยญี่ปุ่น/ไส้กรอกหั่นเต๋า/กิมจิ/หัวไชเท้าดอง/ข้าวโพดหวานและสาหร่ายเส้นมาเตรียมรอไว้ อย่าลืมเหลือซอสไว้อีกนิดหน่อยสำหรับคลุกผสมทุกอย่างให้เข้ากันซึ่งรวมความอร่อยกับรสชาติอูมามิของวัตถุดิบทั้งหมดที่ทานมาเคล้าในข้าวพร้อมผัดให้แห้งจนเข้มข้นเคลือบทั้งเมล็ด ถ้าในหม้อยังคงเหลือเนื้อสัตว์หรือผักชิ้นใหญ่สามารถใช้กรรไกรช่วยตัดเป็นชิ้นเล็กๆก่อนผัดข้าวจะเข้ากันได้ดีมากกว่า อิ่มแล้วก็ปิดท้ายด้วยขนมหวานซึ่งมีให้หยิบฟรีในไลน์ทั้ง 1. แตงโมสีแดงเนื้อแน่นฉ่ำหวานเม็ดน้อยกินง่าย 2. สับปะรดเนื้อหวานกรอบผสมฉ่ำหวานอมเปรี้ยวกำลังดีกัดแล้วไม่แสบปาก 3. มันหวานเชื่อมหั่นทรงลูกเต๋าขนาดเล็กทอดแล้วเชื่อมด้วยคอร์นไซรัปหรือน้ำเชื่อมข้าวโพดเกาหลีรสหวานมันเคี้ยวหนึบสู้ฟันให้ตักอีกไม่อั้น ซึ่งตลอด 90 นาทีที่ผ่านมาเราได้รับประสบการณ์ความฟินตามแบบฉบับเกาหลีอย่างเต็มที่แล้ว ส่วนสุดท้ายอย่าลืมเครื่องดื่มรีฟิลต่างๆซึ่งรวมอยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์คนละ 299 บาทเรียบร้อยแล้วจะมีอะไรให้กดบ้างไปรับชมกันเลยครับ

สำหรับเครื่องดื่มรีฟิลของ "Dookki Topokki" ถูกจัดไว้เป็นมุมสำหรับบริการตัวเองขนาดใหญ่ด้านหลังสุดติดประตูหลังร้านซึ่งประกอบไปด้วยแก้วพลาสติกสีดำ/เครื่องทำน้ำแข็งอัตโนมัติพร้อมที่ตัก/หลอดดูดน้ำสีน้ำตาลเข้ม/เครื่องกรองน้ำดื่มสะอาดปรับอุณหภูมิได้ทั้งธรรมดาและเย็นนำเข้าจากประเทศเกาหลี/เครื่องกดน้ำอัดลมขนาดใหญ่ทั้งเป๊บซี่,เซเว่นอัพ,ชามะนาวลิปตัน,มิรินด้าน้ำแดง,มิรินด้าน้ำส้ม,เป๊บซี่แมกซ์ สามารถเดินมากดได้เรื่อยๆหรือจะเอาไปที่ละหลายๆแก้วก็ได้ไม่ผิดกฎกติกาแต่อย่างใด สุดท้ายนั่นก็คือไอศครีมหลากหลายรูปแบบนำเข้าจากดินแดนโสมขาวมีกว่า 8 รายการ ทั้งสตรอว์เบอร์รี่/เมลอน/โมจิวานิลลา/แตงโม/สตรอว์เบอร์รี่แอบเปิ้ล/สตรอว์เบอร์รี่โยเกิร์ต/ช็อกโกแลตและผลไม้รวมจำหน่ายราคาเดียว 39 บาทไม่ต้องออกเดินลงไปซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตให้เสียเวลา มื้อนี้มาลุยกับแฟนสองคนหลังจากเพิ่งปิดปรับปรุงใหม่ไป 1 เดือนจึงได้โปรโมชั่นจ่ายเพียง 500 บาท รวมค่าชีส 2 รายการแล้วอยู่ที่ 680 บาทถ้วน ถือว่าคุ้มสมราคาแต่อาจจะงงกับขั้นตอนบริการตัวเองในครั้งแรกหน่อยซึ่งน้องพนักงานนั้นก็ยินดีตอบคำถามอย่างเต็มที่ อร่อยสไตล์เกาหลีดีแบบนี้ก็รับคะแนนความฟินไป 5 ดาวแลยครับ🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : ห้างซีคอนบางแค ชั้น 4 เลขที่ 607 ถนนเพชรเกษมสายเก่า แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. 10160

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 11.00-21.30 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 063-886-3270


ปัจจุบันร้าน "Dookki Topokki" เปิดให้บริการรวมทั้งหมด 13 สาขาทั่วกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดได้แก่

1. เอสพลานาดรัชดา (ชั้น2) 2. เดอะมาร์เก็ตแบงคอก (ชั้น3) 3. ซีคอนบางแค (ชั้น 4) 4. ยูเนี่ยนมอลล์ (ชั้น 4)

5. พาราไดซ์พาร์ค (ชั้น 3) 6. สยามสแควร์-อาคารสยามกิตติ์ (ชั้น G) 7. อโศก-อาคารไทมส์สแควร์ (ชั้น 2)

8. เซ็นทรัลพระราม 3 (ชั้น G) 9. แพชชั่นช้อปปิ้งเดสติเนชั่นระยอง (ชั้น 1) 10. อิมพีเรียลเวิลด์สำโรง (ชั้น B)

11. ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต โซนโรบินสัน (ชั้น G) 12. เซ็นจูรี่อนุสาวรีย์ฯ (ชั้น 1) 13. เดอะพรอมานาด (ชั้น 3)

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share อวดเพื่อนๆของคุณ

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 115,679 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page