top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว"Dong E (โดงอี)"ร้านอาหารเกาหลีสูตรต้นตำรับแดนโสมแท้รสชาติเข้มข้นใจกลาง Korean Town สุขุมวิท 12

อัปเดตเมื่อ 12 ก.ย. 2566



เมื่อดูซีรี่ย์แดนโสมทีไรท้องก็ร้องหาอาหารเกาหลีทุกทีแต่จะไปทานแต่ร้านปิ้ง-ย่างเดิมๆก็เบื่ออยากทานเมนูอื่นที่พระเอก-นางเอกทานกันดูน่าอร่อยอีกหลายๆอย่าง วันนี้ผมกับแฟนเลยพากันเดินทางมาที่ Korean Town อยู่ปากซอยสุขุมวิท 12 ภายในโครงการนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารเกาหลีสูตรต้นตำรับมีร้านดังที่เปิดโดยชาวเกาหลีแท้ๆอยู่หลายร้าน เมื่อเข้ามาถึงเดินไปที่ข้างบันไดเลื่อนขึ้นชั้น 2 จะมีตารางรวมร้านอาหารต่างๆของที่นี่เอาไว้ครบถ้วน ลานตรงกลางมีที่นั่งกดหาข้อมูลร้านที่น่าสนใจไปเรื่อยๆเพราะมีเยอะมากเลือกไม่ถูกครับ ส่วนวิธีการเดินทางมาที่นี่ก็ง่ายมากถ้ามาด้วย MRT หรือ BTS ให้ลงสถานีสุขุมวิท-อโศกลงประตูฝั่งตรงข้ามกับห้าง Terminal 21 แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆประมาณ 300 เมตรก็จะเจอกับห้างสุขุมวิทพลาซ่า หรือ Korean Town ถัดจากปากซอยสุขุมวิท 12 แค่นิดเดียว หากเดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวภายในโครงการมีที่จอดรถคิดค่าจอดรถชั่วโมงละ 30 บาท หากประทับตราร้านอาหารภายในโครงการสามารถจอดฟรีได้ 2 ชั่วโมง อยากนั่งทานนานๆแบบไม่ต้องคิดมากแนะนำว่ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะดีที่สุดครับ ตอนนี้มีอยู่ร้านนึงน่าสนใจภายในโครงการนี้เดี๋ยวเราเดินไปดูหน้าร้านกันครับผม

ร้านที่เราจะพามารีวิวในวันนี้ก็คือร้าน "Dong E (โดง อี)" ที่เลือกมาเพราะคะแนนรีวิวบนเว็บไซต์ต่างๆค่อนข้างสูงและไม่ทิ้งห่างกันมากนักอยู่ที่ 4.2-4.3 คะแนน ภายในโครงการนี้มีหลายร้านอาหารเกาหลีหน้าตาโดยรวมคล้ายกันหน่อยโดยร้านนี้อยู่ชั้น 1 หากเดินเข้ามาจากประตูหน้าโครงการให้เดินผ่านบันไดเลื่อนมาทางขวาตรงจนเกือบสุดทางเดินร้านจะอยู่ด้านขวาของลิฟต์มีที่นั่งรอคิวหน้าร้าน ถึงแม้ว่าเราจะมากันในช่วงบ่ายภายในร้านก็ยังมีลูกค้าเยอะเดินเข้า-ออกร้านกันอย่างคึกคัก จะมีเมนูไหนที่อร่อยและน่าสนใจบ้างเดี๋ยวเรามาดูที่เล่มเมนูหน้าร้านกันเลยครับผม

เปิดดูเมนูหน้าแรกเดาว่าน่าจะเป็นเนื้อวัวส่วนต่างๆหมักเตรียมย่าง-ปรุงพร้อมทานราคาเริ่มต้นที่ 380-1,600 บาท หน้าต่อไปก็ถูกหน่อยเพราะเป็นเนื้อหมูราคาเริ่มต้นที่ 280-480 บาท เมนูเนื้อไก่และซีฟู๊ดทั้งแบบสดๆและปรุงพร้อมทาน 280-450 บาท เมนูต้มเสิร์ฟบนหม้อหินร้อนสไตล์เกาหลี 220-420 บาท เมนูซุปซดร้อนๆ 220-280 บาท หม้อไฟบูเดจิเก 250-580 บาท ปลาย่างสไตล์เกาหลี 250 บาท บะหมี่ร้อนเย็นสไตล์เกาหลี 220-300 บาท ข้าวหน้าบิบิมบับ 220-380 บาท เมนูผัดสไตล์เกาหลี 350-450 บาท แพนเค้กและพิซซ่าเกาหลี 250-380 บาท เมนูยอดนิยมในเกาหลีหรือ Street Food ราคา 200-580 บาท เครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 20 บาท หน้าสุดท้ายเป็นเมนูพิเศษราคา 220-350 บาท และปลาดิบสไตล์เกาหลีจานละ 1,800-2,500 บาท ราคาถือว่าไม่ถูกไม่แพงเดี๋ยวเราต้องมาดูเรื่องรสชาติกับปริมาณอีกทีว่าจะสมกับราคาที่ตั้งหรือไม่ เบื้องต้นถือว่ามีเมนูน่าสนใจหลากหลายรายการดี

เข้ามาแล้วเห็นลูกค้าเต็มที่ชั้น 1 เกือบทุกโต๊ะบรรยากาศค่อนข้างวุ่นวายนิดนึง เห็นว่าที่ร้านมีบันไดขึ้นไปที่ชั้น 2 เลยเดินขึ้นมาก็มีที่นั่งให้บริการอีก 2 ตัวรวมถึงห้องนั่งเล่นสไตล์เกาหลีแท้ๆที่ใครเคยเห็นในบ้านเกาหลีโบราณก็เป็นแบบเดียวกันเลย ส่วนชั้น 3 เหมือนเอาไว้รับลูกค้ากลุ่มใหญ่หรือกรุ๊ปทัวร์นั่งกันได้สูงสุดถึง 60 คนพร้อมครัวพิเศษที่มีให้บริการแยกต่างหาก ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปสามารถนั่งทานได้แค่ชั้น 1 กับชั้น 2 บริเวณโต๊ะด้านนอก หากต้องการใช้บริการห้องพิเศษหรือห้องใหญ่สำหรับจัดเลี้ยงต้องโทรมาจองก่อนเท่านั้น ส่วนเงื่อนไขการจองแต่ละห้องยังไงโทรมาสอบถามกับทางร้านเองนะครับทางผมไม่มีข้อมูลมาให้เพราะเห็นว่าร้านเขาวุ่นวายกันอยู่ ไม่อยากรบกวนมากนัก อีกอย่างที่ลืมบอกคือบรรยากาศและการตกแต่งภายในร้านมีความเป็นบ้านสไตล์เกาหลีแบบโบราณโดยเฉพาะที่ชั้น 1 ถูกตกแต่งด้วยกระจก-ชุดฮันบกส่วนรอบๆมีลายเซ็นต์ทั้งดาราชาวไทยและเกาหลีการันตีความอร่อยอยู่รอบร้าน สังเกตมาหลายที่แล้วส่วนใหญ่ร้านอาหารเกาหลีที่เปิดมานานมีชื่อเสียงในไทยมักจะมีลายเซนต์ดาราแบบนี้หมด ช่วยให้คลายความกังลวเรื่องความอร่อยไปได้หน่อยนึง ตอนนี้เรากลับมานั่งที่โต๊ะแล้วก็เริ่มสั่งอาหารมาทานกันเลยครับ

ยังไม่ทันจะเริ่มสั่งอาหารชุดผักสดน้ำจิ้มและเครื่องเคียงต่างๆถูกยกออกมาให้ทานฟรีก่อนตามสไตล์ร้านอาหารเกาหลี มีทั้งผักกาดหอม/ใบงา/พริกสด/ซอสซัมจังสูตรพิเศษของที่ร้าน/น้ำมันงา+เกลือ+พริกไทย/ซอสบูลโกกิ/ยำต้นหอมซอยสไตล์เกาหลีรสชาติเปรี้ยวหอมพริกป่น+น้ำมันงา/พริกชี้ฟ้าเขียวสดและกระเทียมสด ตามมาด้วยเครื่องเคียงทั้งกิมจิหมัก/กิมจิสด/แพนเค้กต้นหอม/กิมจิแตงกวา/เห็ดผัดน้ำมันงา/กิมจิมะละกอ/ไข่ตุ๋นหั่นชิ้นสไตล์เกาหลีและถั่วดำต้มเคลือบน้ำตาล โดยทั้ง 2 ชุดนี้ถ้าหมดสามารถขอเติมได้เรื่อยๆไม่คิดเงินเพิ่มแต่อย่างใด โดยรวมอาหารเคียงต่างๆค่อนข้างจืดส่วนกิมจิไม่ได้หมักมาเปรี้ยว-เค็มเข้าเนื้อแบบร้านอื่น แต่จุดเด่นจริงๆของที่ร้านคือน้ำจิ้มซัมจังที่ร้านเขาปรุงรสมาเค็ม-หวานหอมเต้าเจี้ยวไม่รุนแรงมากแต่เอาไว้ทานกับเนื้อสัตว์ผักสดได้เรื่อยๆ ถ้าใครไม่ทานเค็มแนะนำว่าซอสบูลโกกิรสหวานหอมน้ำมันงาและสาลี่เกาหลีอ่อนๆเป็นตัวเลือกที่ดี ตอนนี้ของเริ่มมาเสิร์ฟแล้วครับผม

เมนูแรกที่มาเสิร์ฟก่อนเลยคือปิ้งย่างที่ตอนแรกเรากะว่าจะไม่สั่งแต่เจ้าของร้านชาวเกาหลี (พูดไทยได้) แนะนำว่าให้สั่งมาทานคู่กับเมนูอาหารเกาหลีอื่นๆภายในร้านจะทำให้อร่อยเพลินมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องห่วงว่าต้องกินอาหารพร้อมกับแยกประสาทสัมผัสส่วนนึงมาย่างวัตถุดิบเพราะพนักงานจะจัดการให้เอง โดยเตาของที่นี่เป็นเตาถ่านที่ฟืนร้อนๆอยู่เฉพาะตรงกลางส่วนด้านข้างสามารถคีบเนื้อมาพักได้ไม่ต้องกลัวไหม้แต่จะได้ทานเนื้อที่อุ่นร้อนอยู่ตลอดๆ โดยเนื้อสัตว์ย่างวันนี้เราสั่งมา 3 จานได้แก่ 1. Hanjungsal หรือเนื้อหมูส่วนสะโพกราคา 320 บาท เป็นเนื้อหมูสีชมพูอ่อนแทรกไขมันละเอียดเคี้ยวหนึบคล้ายกับส่วนคอหมูย่างรสชาติไขมันอร่อยกำลังดีเวลาทานก็ห่อกับผักสดๆช่วยลดความเลี่ยนได้ดีเลยครับ 2.Daeji Galbi หรือเนื้อหมูส่วนซี่โครงราคา 320 บาท ที่ร้านเขาเลาะเอาแต่เนื้อมาเสิร์ฟให้เต็มๆจานหมักมากับซอสรสหวานอ่อนๆ เนื่องจากเป็นเนื้อที่ถูกทำเป็นแผ่นบางจึงทำให้ย่างสุกง่ายกว่าไม่เสียเวลาเยอะ 3. Gochujang Samgyupsal หรือหมูสามชั้นหมักโคชูจัง ราคา 320 บาท เป็นหมูสามชั้นหมักรสหวานหอมพริกโคชูจังอ่อนๆสีแดงสวยแต่ไม่เผ็ดร้อนอย่างที่คิดทานได้ง่ายๆทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อย่างที่บอกไปตอนแรกแล้วว่าร้านนี้เขามีพนักงานย่างให้เสร็จแล้ววางไว้รอบเตาสำหรับทานคู่กับเมนูอาหารเกาหลีอื่นๆจึงไม่ต้องมาพะวงกลัวว่าหมูจะไหม้หรือคีบทานได้ไม่ทัน เรียกได้ว่ามื้อนี้วัตถุดิบปิ้งย่างกลายเป็นแค่เมนูเสริมไม่ใช่เมนูหลักแต่อย่างใดครับผม

ระหว่างรอก็สั่งซุปมาซดเล่นก่อนกับเมนู"Sundubu Jjigae"หรือซุปเผ็ดเต้าหู้ใส่ไข่ราคา 200 บาทเบสพื้นฐานเป็นซุปปลาที่ปรุงรสเผ็ดอ่อนๆหวานด้วยต้นหอมญี่ปุ่นใส่หอยลาย ทานคู่กับเต้าหู้อ่อนรสชาติเข้มข้นนุ่มละมุนและไข่ดิบที่ช่วยเพิ่มความนัวให้กับซุปเผ็ดกลมกล่อมยิ่งขึ้นซดร้อนๆอร่อยสดชื่นรสชาติง่ายๆไม่ซับซ้อนครับ จานต่อมาเป็นเมนูจานหลักอย่าง"Dolsot Bibimbab" หรือข้าวยำเกาหลีหม้อหินร้อนราคา 250 บาทเสิร์ฟพร้อมกับซุปเต้าเจี้ยวใส่ผักรสเค็มสไตล์เกาหลี ภายในชามประกอบด้วยเนื้อหมูสับ/แตงกวาญี่ปุ่น/ถั่วงอก/กิมจิมะละกอ/เห็ดหอม/ปวยเล้งน้ำมันงา/แครอทและไข่ดิบ วิธีการทานก็ง่ายๆที่ร้านเขามีซอสให้ใส่ได้เองอยากทานเข้มข้นขนาดไหนก็บีบลงไปได้ตามใจ จากนั้นคลุกทุกอย่างให้เข้ากันก็จะได้ข้าวยำเกาหลีร้อนๆหอมข้าวไหม้กรุบกรอบรสเผ็ดมีกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆคล้ายกับข้าวผัดทานได้เพลินๆถ้าเนื้อไม่พอก็ตักคีบจากบนเตาที่ย่างพร้อมทานมาใส่ ทานเคียงคู่กับผักดองไปเรื่อยๆเปลี่ยนรสชาติไปได้ไม่มีเบื่อขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกเนื้อสัตว์หรือเครื่องเคียงอะไรมาใส่ลงไป ถือว่าสนุกและอร่อยดีครับ

เมนูต่อไปเป็นซุปร้อนๆที่แฟนผมสั่งมาคือ "Gamjatang" หรือซุปกระดูกหมูตุ๋นใส่มันฝรั่งราคา 280 บาท เป็นจานที่สั่งมาตามซีรี่ย์ที่นางเคยดู เป็นซุปกระดูกหมูชิ้นใหญ่ตุ๋นจนเนื้อเปื่อยดี(คาดว่าน่าจะทำให้เปื่อยด้วยหม้อแรงดัน) ใส่ต้นหอม+พริกและมันฝรั่งชิ้นใหญ่รสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกไทยดำผสมกับพริกเกาหลีซดแล้วสดชื่น ถ้าแฮงค์มาให้สั่งชามนี้มาทานรับรองว่าสร่างเมาเพราะรสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อมอูมามิกระดูกหมูแทะได้เพลินๆดีครับ เมนูต่อไปก็เป็นจานที่เราเห็นในละครเกาหลีหลายเรื่องแต่ไม่เคยลองทานคือ "Bibim Naengmyeon" ราคา 250 บาท มันคือบะหมี่เย็นรสเผ็ดสไตล์เกาหลี เริ่มจากเส้นที่ใช้คล้ายกับเส้นหมี่ขาวไทยแต่มวลเบากว่าคล้ายกับเส้นหมี่ที่ผ่านการถูกทอดมาแล้วคลุกกับซอสโคชูจังปรุงรสมาหวาน/เปรี้ยวหอมกลิ่นน้ำมันงาเพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาญี่ปุ่นและไชเท้าดองมีโปรตีนเป็นไข่ต้มครึ่งซีก คลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันและใช้กรรไกรลงไปตัดเพื่อให้เป็นคำเล็กทานได้ง่ายๆไม่เลอะเสื้อถ้าต้องการความเผ็ดสามารถเพิ่มซอสขิง ถ้าหากรู้สึกว่าเนื้อสัตว์น้อยเกินไปแน่นอนว่าหมูย่างร้อนๆเข้ากันได้ดีกับเส้นหมี่ยำรสเปรี้ยว-หวาน-เผ็ดนิดๆและเย็นฉ่ำได้อย่างลงตัว เป็นการทานที่อร่อยแปลกใหม่ดีครับผม

จานต่อมาเป็นอาหารจีนที่ได้รับความนิยมในเกาหลีมักทานกันในวันขึ้นบ้านใหม่ได้แก่ "Jiajang Myeon" ราคา 250 บาท ตอนแรกกะว่าจะไม่สั่งเพราะเคยทานที่เกาหลีแล้วจืดมากแต่เจ้าของร้านชาวเกาหลีบอกว่าร้านนี้แตกต่างก็เลยสั่งมาชิมดู ปกติร้านอื่นๆเขาจะตักราดแต่ที่ร้านนี้เขานำเส้นบะหมี่เหนียวนุ่มลงไปคลุกในน้ำซอสจาจังใส่เครื่องซีฟู๊ดทั้งกุ้งและปลาหมึก รสชาติของที่ร้านนี้มีความกลมกล่อมหอมกลิ่นซอสถั่วดำหมักขึ้นจมูกรสหวานอ่อนๆทานกับแตงกวาสดกรอบเคียงกิมจิหรือหมูย่างก็อร่อยเข้ากันสุดๆ ข้อควรระวังอย่างเดียวของจานนี้คือเขาเสิร์ฟมาร้อนมากถ้ารีบทานรับรองลวกลิ้นต้องทิ้งเอาไว้สักพักนึงแล้วค่อยทานจะอุ่นกำลังดีครับผม เมนูจานสุดท้ายส่วนตัวเคยทานที่เกาหลีแล้วติดใจเห็นร้านนี้มีขายก็เลยสั่งมาด้วยคือ "Nakji-Bokkeum" ราคา 380 บาท เป็นหนวดปลาหมึกยักษ์ผัดเผ็ดสไตล์เกาหลี หนวดปลาหมึกสดเด้งกรุบกรอบผักกับซอสเผ็ดใส่หัวหอมและกระหล่ำปลีเพิ่มความหวานกรุบกรอบ ตอนแรกที่คีบเข้าปากเฉยๆคิดว่าไม่ค่อยเผ็ดแต่ชุดนี้เขาเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยเลยจัดการเทลงไปในชามแล้วคลุกเหมือนกับที่ทานในเกาหลีอย่างไม่ลังเล สรุปคือเผ็ดมากๆเพราะน้ำซอสไหลไปอยู่ที่ด้านล่างหมดพอคลุกกับข้าวก็ได้ความเผ็ด-หวานกรอบผักและเนื้อปลาหมึกอย่างเต็มที่ อารมณ์เหมือนประมาณมาไทยแล้วได้ทานผักกะเพราที่เผ็ดสุดๆหลังจากการเดินทางไปต่างประเทศจานนี้ก็ได้ความเผ็ดสะใจประมาณความรู้สึกนั้น หากรู้สึกว่าเผ็ดเกินไปก็ทานคู่กับเนื้อที่เหลือหรือจะสั่งข้าวสวยมาเจือจางความเผ็ดอีกสักถ้วยรับรองว่าอิ่มอร่อยพร้อมนอนที่บ้านแล้วครับ

มื้อนี้มาทานกัน 2 คนสั่งน้ำไปเพิ่มอีก 4 ขวดจ่ายไป 2,650 บาทไม่มี Vat.กับ Service Charge มาเพิ่ม ส่วนตัวแล้วราคานี้ถือว่ารับได้เพราะอาหารเขาก็อร่อยรสชาติเข้มข้นถึงใจสไตล์เกาหลีแท้เหมือนที่เคยทานมาก่อน ถ้าหากจะทานแบบประหยัดหน่อยให้สั่งเป็นกับข้าวแล้วทานข้าวสวยเพิ่มแทนก็จะถูกลงไปอีก โดยรวมแล้วก็รสชาติดีสมควรกับลายเซ็นต์ดารารอบร้านและคะแนนรีวิวจากสำนักต่างๆ สำหรับวันนี้ร้าน "Dong E (โดง อี)" รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 212/20 ชั้น 1 โครงการ สุขุมวิทพลาซ่า (Korean Town) ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กทม. 10110

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 02-252-5301

Facebook : https://www.facebook.com/dongebkk

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 10,179 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page