รีวิว Diwali Brunch บุฟเฟ่ต์อาหารอินเดียทุกวันอาทิตย์ ห้องอาหาร Maya โรงแรม Holiday Inn สุขุมวิท 22
- Food Addicts - เสพติดการกิน
- 7 ธ.ค. 2562
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 27 ก.ย. 2566
วันนี้ผมได้รับการรับเชิญจาก PR ของโรงแรม Holiday Inn สุขุมวิท 22 ให้เข้ามารีวิวบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดียในเทศกาล Diwali หรือวันขอบคุณพระแม่คงคาของชาวอินเดีย คล้ายๆกับเทศกาลลอยกระทงของชาวไทย โดยทางโรงแรมนั้นมีบุฟเฟ่ต์อาหารอินเดียจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์อยู่แล้ว เป็น Sunday Brunch เหมือนโรงแรมอื่น แต่ที่นี่จัดเต็มเป็นอาหารอินเดีย แต่ก็ยังมีเมนูอื่นๆให้ทานอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับเทศกาลนี้ก็ตาม ส่วนราคาบุฟเฟ่ต์นั้นคนละ 990 บาทสุทธิ นั่งทานได้ยาวๆเริ่มตั้งแต่ 12.00 จนถึง 15.00 น. (3ชม.เต็ม) ส่วนตัวนั้นเป็นคนชอบทานอาหารอินเดียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันนี้มีโอกาสพาคุณแม่มาทานด้วยกัน แกบอกว่าอยากลองทานอาหารอินเดียว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร คล้ายๆกับแกงแขกแถวภาคใต้หรือไม่ เพราะ PR ยืนยันเลยว่าที่นี่เป็นอาหารอินเดียขนานแท้ รสชาติเข้มข้น และมีแขกชาวอินเดียเข้ามาฉลองกับครอบครัวในทุกวันอาทิตย์บ่อยๆ ได้ยินแบบนี้แล้วน่าสนใจ แต่ก่อนอื่นหากหาชื่อโรงแรมนี้ใน Google จะพบกับ Holiday Inn สุขุมวิท ที่อยู่ในซอยลึกซึ่งผิดที่ ต้องค้นหาห้องอาหาร Maya Holiday Inn โดยพิกัดอยู่ปากซอยสุขุมวิท 22 ถ้าเห็นหุ่นเด็กสีขาวเรียงกันก็แปลว่ามาถูกแล้วครับ
เดินเข้ามาภายในล๊อบบี้ จากนั้นขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 29 ก็จะพบกับห้องอาหาร Maya ซึ่งวันนี้เป็นเทศกาลพิเศษคือ Diwali มีการตกแต่งไฟ และดอกไม้เรียงสีสันบนพื้นหินอ่อนสีดำอย่างสวยงาม พร้อมกับจุดเทียนมีกลิ่นเครื่องหอมแบบอินเดีย พร้อมกับ Welcome Drink ที่ดูไม่ค่อยน่าทาน และรสชาติก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ให้จินตนาการถึงต้มข่าไก่ที่นำมาละลายในน้ำเปล่า แล้วเอาไปแช่เย็นก่อนทาน รสชาติโหดร้ายกว่าที่คิดอีก แค่จิบเดียวก็ขอลาก่อนแล้วครับ
บรรยากาศภายในห้องอาหารเป็นแบบโมเดิร์น ที่ใช้สีดำเป็นสีหลัก จานสีขาว ตัดด้วยสีทองทำให้ดูหรูหรา ผสมลายที่มีความเป็นอินเดียเล็กน้อย มีทั้งโต๊ะเล็ก โต๊ะขนาดใหญ่ รวมไปถึงห้องทานอาหารแบบส่วนตัว และมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นวิวตึกสูง มองลงไปเห็นถนนสุขุมวิทได้อย่างชัดเจน เมื่อนั่งที่โต๊ะแล้วทางห้องอาหารก็ทำการเสิร์ฟ Sparkling Wine เป็นไวน์ขาวแบบซ่าแช่เย็นให้คนละ 1 แก้ว อันนี้รู้สึกดีกว่า Welcome Drink แก้วแรกซะอีกนะ
เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารก็จะพบกับขนมคบเคี้ยวสไตล์อินเดียที่ทำจากอินทพลัม และเครื่องสมุนไพรกลิ่นที่เราไม่รู้จัก ตามมาด้วยขนมหวานที่เป็นสไตล์ยุโรปทั้งบัตเตอร์เค้ก เลดี้ฟิงเกอร์ มาการอง ครีมบูเล่ ฟรุ๊ตทาร์ต และอื่นๆอีกเพียบ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ขนมอินเดียให้ทานเพียงอย่างเดียว มีขนมสไตล์ยุโรปให้ทานหลากหลายอยู่นะ
ต่อจากนี้จะเป็นขนมหวานอินเดียแบบจริงจัง เริ่มจากพายอบกรอบที่สอดไส้น้ำตาลปรุงรส พร้อมเครื่องเทศแบบอินเดีย ตามมาด้วยขนมหวานอินเดียที่คุ้นเคยอย่างกุหลาบจามุน ที่รับประกันความหวานบาดคอ ขนมในถ้วยชื่อว่า Kheer ขนมปั้นก้อนกลมๆสีเหลืองที่คล้ายกุหลาบจามุนแต่ผสมเครื่องเทศลงไปในเนื้อขนม ขนมที่เป็นหน้าเงินเคลือบมี 2 แบบ อันแรกอิทพลัมคลุกกับถั่วและเครื่องเทศ อันที่สองเป็นเหมือนนมรสหวานแบบก้อน หอมกลิ่นสมุนไพรอินเดียจางๆ (อันนี้คนไทยปกติน่าจะทานได้แต่ก็หวานไปอยู่ดี) สุดท้ายเป็นขนมชีสก้อนแช่ในน้ำนม ที่ผสมสมุนไพรแบบอินเดียลงไป มีความหอมนม/ไม่หวานเกิน/มันนิดๆ/เย็นสดชื่น เป็นขนมอินเดียอีกชนิดที่ทานง่ายครับ
ข้างๆกันเหมือนเป็นขนมปังอบแบบไม่มีไส้ที่เนื้อเหนียมนุ่ม หอมเนยและกลิ่นเครื่องเทศอินเดีย ขนมทั้งหมดมีรสชาติค่อนข้างหวาน แนะนำว่าให้ทานคู่กับ Masala Tea ที่นี่มีเป็นกระติกใหญ่ให้กดทานได้ไม่อั้น ชาที่นี่ไม่หวาน นมมีความมันและหอม และกลิ่นเครื่องเทศไม่ได้รุนแรงจนเกินไป (เติมน้ำตาลเป็นซองได้ตามใจ) นอกจากนี้ยังมีฟองดูว์ไวท์ช๊อกโกแลต ที่เราสามารถเลือกผลไม้จุ่มในไวท์ช๊อกโกแลตร้อนๆได้ตามใจ สุดท้ายเป็นไอศครีมเจลลาโต้ ที่ขอบอกเลยว่ารสชาติเข้มข้น ไม่หวานเกินไป ลงมติกันแล้วว่าของหวานในวันนี้ ไอศครีมเจลลาโต้ของที่นี่อร่อยที่สุด หากใครไม่ทานขนมอินเดียก็ตักทานเต็มที่ ท๊อปปิ้งต่างๆก็มีให้เติม วางไว้อยู่ข้างๆกับโซนช๊อกโกแลตฟองดูว์ครับผม
อีกฝั่งข้างๆกันเป็นของทานเล่นสไตล์อินเดีย มีแครกเกอร์กับสิ่งที่หน้าตาเหมือนผักทอด เอาไว้ยำผสมรวมกัน แต่ผมไม่ได้สั่งมาทาน ติดกันเป็นเหมือนข้าวพองขนาดพอคำเจาะรูใส่ได้เป็นถั่วลูกไก่ ทับทิม และดอกไม้ ก่อนทานก็ใส่น้ำสมุนไพรสีเขียว หรือสีแดงลงไป จากนั้นรีบนำเข้าปากทันทีก่อนที่ข้าวพองจะละลาย แนะนำว่าสีเขียวรสชาติดีกว่าสีแดงครับ (ถ้าอยากจะลองทานนะ) ส่วนสีแดงรสชาติเปรี้ยวแปลกๆไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ ลองดูสักคำไม่เสียหาย
ถัดมาเป็นขนมปังปิ้งสไตล์อินเดีย ขนมปังแบบหนาหั่นครึ่งตรงกลาง ย่างบนเตากับเนย จากนั้นทาซอสสีเขียวและสีแดง สอดไส้ด้านในด้วยไส้มีให้เลือก 2 แบบ เป็นไส้เนื้อแกะผัดรสเผ็ด กับไส้ถั่วแบบมังสวิรัติ แล้วเอาไปย่างอีกครั้งให้ขนมปังกรอบเกรียมทุกด้าน เป็นขนมปังปิ้งแบบอินเดียที่กรอบหอม ไส้รสชาติเข้มข้น ทานได้อร่อยดีครับ
ใกล้กับทางเข้าประตูห้องโถงหลักก็จะพบกับซุ้มเมนูไข่ แต่เป็นเมนูไข่สไตล์อินเดีย มีทั้งไข่เจียว/ไข่ผัดเครื่องเทศสไตล์อินเดีย/แกงไข่ต้มที่กลิ่นเครื่องเทศหอมน่าทานสุดๆ เป็นซุ้มที่เปิดประสบการณ์เมนูไข่จากอินเดียได้เป็นอย่างดี
เข้าสู่โซน Hot Food ที่เต็มไปด้วยแกงร้อนๆ อัดเครื่องเทศมาแบบแน่นๆสไตล์อินเดีย เริ่มจากอันแรกเป็นแกงไก่ผัดพริกแกงรสชาติเผ็ดร้อน ตามมาด้วยข้าวหมกไก่แบบอินเดีย รสชาติเข้มข้น ข้าวเมล็ดสวยงาม ใส่ชิ้นไก่เอาไว้แน่นเต็มข้าวไปหมด แกงเผ็ดใส่เนื้อแพะรสชาติเผ็ดร้อน เนื้อแกะแทบไม่มีกลิ่น เพราะกลิ่นเครื่องเทศกลบจนเกือบหมด อร่อยติดใจมากครับเมนูนี้ เมนูที่เผ็ดที่สุดในมื้อนี้เป็นซีฟู๊ดรวมผัดพริกสไตล์อินเดีย กุ้งและปลาหมึกหั่นผัดกับพริกแกง ใส่ทั้งพริกไทย และพริกแห้งลงไปเพิ่มความเผ็ดร้อนขึ้นหู ใครที่ชอบทานเผ็ดรับรองสะใจครับ และยังมีพายอบอีก 2 เมนู ประกอบด้วยไส้ชีสอินเดียและผักดอง อีกอันเป็นไส้แซลมอนผักโขม รสชาติค่อนข้างจืดทั้งคู่เลยครับ
ถัดมาก็ยังคงเป็นแกง แต่เป็นเมนูมังสวิรัติทั้งหมด เริ่มจากผักต้มกะทิ รสชาติหวานเค็มมันมีความคล้ายกับเมนูต้มกะทิของไทย ตามมาด้วยแกงถั่วเหลืองรสชาติเผ็ดมันหอมเครื่องเทศเข้มข้น แกงมันฝรั่งที่อัดพริกและเครื่องเทศมาแน่นเต็มหม้อ ข้าวอบผักใส่สมุนไพรลงไปคล้ายข้าวหมก อย่างสุดท้ายเป็นแกงถั่วลูกไก่และเม็ดบัวรสเผ็ด ทุกเมนูมีความเผ็ด หอมเครื่องเทศเข้มข้นทุกเมนู แตกต่างจากอาหารอินเดียที่เคยทานมาก่อนหน้านี้แบบสิ้นเชิงเลยครับผม
ซุ้มต่อมาเป็นอาหารอินเดียใต้ชื่อว่า Dosa เป็นแป้งรสหวานหอมกล่นกะทิ แผ่เป็นแผ่นบางราดด้วยน้ำมันหอมเจียว สอดไส้ด้วยมันฝรั่งผัดเครื่องเทศตรงกลาง จากนั้นม้วนให้เป็นโรลขนาดใหญ่ เสิร์ฟพร้อมกับซอสทั้งหมด 6 แบบ และแกงมะรุมอินเดีย จะทานเป็นของคาวหรือของหวานก็ได้ตามรสชาติของซอส ที่รู้เพราะเคยทานมาก่อนครับ
อีกเมนูเป็น Appam แต่ที่นี่ใช้แป้งสีเขียวที่ผสมผักโขม โรยหน้าด้วยผักและเครื่องเทศก่อนเสิร์ฟ แป้งมีความหอมกลิ่นกะทิและผักโขม เป็นแพนเค้กสีเขียวสไตล์อินเดีย เป็นอาหารที่ทานง่ายๆ คนไทยไม่น่าจะเข้าถึงยากนะครับ
ใกล้กับ Dosa Station เป็น Rumali Roti หรือโรตีย่างสดบนกระทะคว่ำ ทานกับซอสดิปสไตล์อินเดียรสเข้มข้น นอกจานนี้ยังมี Naan ให้ทานกับแกงรสเข้มข้นเผ็ดร้อนอีกด้วย มีวิธีการตีแป้ง ทำเป็นแผ่นกลมแล้วลอยขึ้นฟ้า แล้วย่างจนสีเหลืองสุกทั้ง 2 ด้าน ก็พร้อมนำไปทานกับแกงอร่อยๆ ที่เรียงรายอยู่เต็มห้องอาหาร Maya นี้แล้วครับ
เข้าสู่ไลน์อาหารที่เป็น Main หลัก มีให้เลือกทานตั้งแต่สลัดพร้อมทานทั้งแบบปกติ และของว่างสไตล์อินเดีย ส่วนใครที่ไม่สันทัดอาหารอินเดีย ก็มาลุยกับกุ้งแชบ๊วยต้มสุกและหอยนางรมเกาหลีสด ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ด/หอมเจียว/น้ำส้มสายชูหอมแดง/เลมอน หรือซอสสไตล์อินเดียที่มีให้เลือกมากถึง 6 แบบ ผักสดต่างๆพร้อมน้ำสลัด 3 ชนิดที่เราสามารถปรุงได้เอง ชีสต่างๆทานคู่กับผลไม้แห้ง/ถั่ว/แครกเกอร์/เครื่องสมุนไพรอินเดียอีก 15 ชนิด ถัดมาเป็น Lassi หรือโยเกิร์ตปั่นสไตล์อินเดีย ที่สามารถเลือกผลไม้สดต่างๆให้บาร์เทนเดอร์ปั่นให้ตามใจเรา สุดท้ายเป็นน้ำส้มคั้นสดและน้ำฝรั่งใส่มาในขวดโหลแก้วกดเติมได้ตามใจ นอกจากนี้ในบุฟเฟ่ต์รวมน้ำเปล่าเรียบร้อยแล้วนะครับ
ส่วนตัวแล้วชอบทาน Lassi มาก ยิ่งมีแบบเลือกผลไม้ด้วยตัวเองแล้วยิ่งชอบ สั่งเป็นLassi ใส่กีวีและเสาวรสอย่างละ 1 แก้ว เชฟก็จะนำผลไม้สดผสมกับโยเกิร์ตแล้วปั่นออกมา สามารถเลือกได้ว่าจะทานหวานมากหรือน้อยตามใจ นอกจากนี้ยังมีนักร้องจากแดนภารตะชาย/หญิง คอยร้องเพลงอินเดียให้ตลอด 3 ชม. แบบไม่มีหยุดพัก เห็นแล้วก็สงสารนักร้องเหมือนกัน ร้องตลอดไม่มีหยุด ไม่เปิดเพลงบรรเลงในห้องแต่ใช้คนร้องสด ดูเอาใจไส่ดีครับผม
ตักทุกอย่างมาชิมอย่างละนิดหน่อย แกงที่นี่รสชาติเผ็ดเข้มข้นถึงเครื่องเทศแบบอินเดียสุดๆ เป็นจุดที่ผมชอบมาก แต่คุณแม่ผมบอกว่าไม่อร่อยเหมือนกำลังกินยามากกว่าอาหาร (ก็อย่างว่าอาหารอินเดียเขาใช้เครื่องเทศเยอะ) วัตถุดิบต่างๆที่ใส่ลงในแกงล้วนใช้แต่ของดี ใครที่ไม่ทานอาหารอินเดีย หรือรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกจริต สามารถไปลงมือกับกุ้งต้มและหอยนางรมเกาหลีสดได้แบบไม่ยั้ง กุ้งที่นี่ตัวใหญ่/เนื้อแน่นและหวานมาก น้ำจิ้มซีฟู๊ดก็เปรี้ยวแซ่บกำลังดี (แบบผู้สูงอายุทานได้ไม่บ่นเผ็ด) ส่วนของหวานสไตล์ตะวันตก ที่หน้าตาเหมือนจะไม่มีพิษภัย แต่ทุกจานมีการใส่สมุนไพรอินเดียลงไปผสมทุกเมนู (เจอมาการองไส้เครื่องเทศอินเดียเข้าไป 1 คำถึงกับไปไม่เป็น) สำหรับห้องอาหาร Maya นี้เหมาะกับคนที่ชอบทานอาหารอินเดียรสชาติแบบต้นตำรับเข้มข้น/เผ็ดร้อน หรือใครที่กำลังฝึกหัดลองทานอาหารอินเดีย มาที่นี่ทีเดียวได้ลองหลายอย่าง (ไปสั่งร้านข้างนอกแกง 1 ชาม 180-200 บาท) แต่มาที่นี่จ่าย 990 บาท ได้ทานหลากหลายกว่า ถ้ารู้ตัวว่าไม่ชอบอาหารอินเดียจริงๆสามารถเอากระเพาะไปลงกับซีฟู๊ดคุณภาพดีตัวใหญ่ก็ยังได้ ส่วนตัวแล้วผมชอบห้องอาหารนี้มากครับ รสชาติเข้มข้นเผ็ดร้อนกว่าหลายๆร้านที่เคยทานมาก่อน พอเทียบกับราคาและคุณภาพของที่ได้รับแล้วถือว่าคุ้มค่าสุดๆ เอาคะแนนความอร่อยไป 5 ดาวครับ🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : เลขที่ 22 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
บุฟเฟ่ต์ทุกวันอาทิตย์ 12.00 - 15.00 น. โทร. 02-683-4888
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comentarios