top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว"เจริญรสชาบู"(สาขาปิ่นเกล้า)บุฟเฟ่ต์ชาบูและหมาล่าเสียบไม้รวมกว่า 50 เมนู เริ่มต้นแค่คนละ 199 บ.

อัปเดตเมื่อ 9 ก.ค. 2566



วันนี้แวะมาทำธุระแถวปิ่นเกล้าเสร็จแล้วกะว่าจะไปหาอะไรอร่อยๆทานต่อภายในห้างเซ็นทรัล น้องที่ทำงานบ้านอยู่แถวนี้แนะนำมาว่ามีร้านชาบูเปิดใหม่ชื่อว่า"เจริญรสชาบู"เคยจัดโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ชาบูราคาพิเศษเพียงคนละ 99 บาท เฉพาะ 100 คนแรกเมื่อวันที่ 30 และ 31 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา จึงใช้ความได้เปรียบด้านการเดินทางมาต่อคิวลองชิมดูแล้วถือว่ารสชาติและวัตถุดิบคุณภาพดีเกินคาด ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลือเลยตัดสินใจทานมื้อกลางวันที่นี่ก่อนจะกลับไปทำงานกันต่อ เปิดดูรีวิวเก่าๆของร้านนี้ถือว่ามีข้อมูลค่อนข้างน้อยและเปิดสาขาแรกอยู่ในซอยรัชดา 18 (ปัจจุบันปิดชั่วคราวแบบไม่มีกำหนด) แต่คะแนนรีวิวโดยรวมอยู่ที่ 4.6 เต็ม 5 ดาวแสดงว่าต้องไม่ธรรมดา การเดินทางหากนำรถยนต์ส่วนตัวมาให้ปักหมุดตามแผนที่บนมือถือมีลานจอดรถขนาดใหญ่ให้บริการที่หน้าร้าน ถ้าเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลงสถานี MRT บางยี่ขันแล้วเรียกรถจากหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 มาที่ร้านอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร เห็นป้ายชื่อร้านพื้นสีเขียวตัวอักษรสีขาวขนาดใหญ่ติดริมถนนแบบนี้แสดงว่ามาถูกต้องแล้วครับ ตัวร้านเป็นตึก 2 ชั้นล้อมรอบด้วยกระจกบานใหญ่แตกต่างจากอาคารอื่นๆโดยรอบช่วยให้สังเกตง่ายยิ่งขึ้น ขณะนี้เป็นเวลา 12.00 น. ร้านเพิ่งเปิดพอดีและพวกเราก็หิวมากแล้วรีบเดินเข้าไปด้านในร้านกันเลยครับผม

บรรยากาศภายในอย่างที่กล่าวไปเบื้องต้นแล้วว่าตัวร้านเป็นอาคารล้อมรอบด้วยกระจกขนาดใหญ่สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาได้มากกว่า เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งโดยรวมเป็นสไตล์โมเดิร์นดูสวยงาม-ทันสมัยประกอบกับพื้นที่กว้างและปลอดโปร่งเป็นพิเศษจึงทำให้รู้สึงโล่งสบายเหมาะสำหรับมานั่งทานกันเป็นครอบครัว โต๊ะทุกตัวเป็นพื้นหินอ่อนสีขาวสลับดำส่วนเก้าอี้หนังบุนวมไม่นุ่มยวบหรือแข็งทื่อจนเกินไปทำให้คนตัวใหญ่ๆอย่างผมนั่งแล้วรู้สึกแข็งแรง-มั่นคงดี เรามาทานกันตั้งแต่เพิ่งเปิดร้านยังไม่มีลูกค้าคนอื่นจะนั่งตรงไหนก็เลือกได้ตามใจเลยครับ

บุฟเฟ่ต์ของที่ร้านเป็นชาบู-หมาล่าเสียบไม้ย่างสั่งได้ไม่อั้นตลอด 90 นาทีเริ่มต้นคนละ 199 บาท หากอยากดื่มน้ำรีฟีลและทานขนมหวานเพิ่มเงินอีก 39 บาท รวมเป็นคนละ 238 บาท (ไม่รวม Vat.7%) สำหรับเล็กเด็กที่ส่วนสูงไม่ถึง 90 ซม. ทานฟรี/ส่วนสูงตั้งแต่ 91-120 ซม. คิดราคา 99 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม-ขนมหวานและ Vat. 7%) มีอาหารและวัตถุดิบต่างๆให้เลือกสั่ง-ตักเองรวมกว่า 50 เมนู ถ้าใครดื่มน้ำไม่เยอะทางร้านมีขายเป็นขวดราคา 20 บาท ส่วนมอสซาเรลล่าชีสขายแยกถ้วยละ 29 บาท สำหรับใครที่มาทานแค่คนเดียวทางร้านก็เปิดให้บริการบุฟเฟ่ต์ตามปกติ (เพราะน้องที่ทำงานผมก็เคยมาทานคนเดียว) อยากทานวัตถุดิบ-เมนูอะไรก็เขียนจำนวนตัวเลขลงในใบสั่งอาหารวางอยู่บนโต๊ะแล้วยื่นให้กับพนักงานได้เลยทันทีระหว่างนี้เราเดินไปสำรวจไลน์อาหารบริเวณกลางร้านกันครับ

เมนูอื่นๆนอกเหนือจากในใบสั่งอาหารบนโต๊ะก็ต้องมาตักเองที่ไลน์บุฟเฟ่ต์กลางร้าน เริ่มจากผักสดและเห็ดชนิดต่างๆทั้ง เห็ดชิเมจิขาว/เห็ดเข็มทอง/เห็ดนางรมหลวง (เห็ดออเร็นจิ)/ฟักทอง/ข้าวโพด/แครอท/เผือก/ผักกาดขาว/ผักบุ้งจีน/กระหล่ำปลี/กวางตุ้งฮ่องกง ตามมาด้วยลูกชิ้นและเส้นชนิดต่างๆทั้งลูกชิ้นหมู/เต้าหู้ปลา/ลูกชิ้นกุ้งทอด/ชิกุวะ (ปลาหมึกหลอด)/ลูกชิ้นเนื้อวัว/ลูกชิ้นฮือก๊วย/ไก่ห่อสาหร่าย/ปลาหมึกบั้ง/วุ้นเส้นและเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เรียงเอาไว้ภายในถาดสแตนเลสรักษาอุณหภูมิด้วยน้ำแข็งด้านล่างให้เย็นเพื่อคงซึ่งความสดใหม่อยู่ตลอดเวลา มีฝาเอาไว้ให้ดึงปิดมิดชิดช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมดูสะอาดดี อยากทานอะไรหยิบคีบใส่จานไปวางที่โต๊ะได้เลยครับผม

มาต่อกันด้วยมุมอาหารทานเล่นมีให้ตักด้วยตัวเองรวม 4 เมนูนั่นคือ 1. บะหมี่หยกลวกมาสุกกำลังดีพร้อมทานคลุกกับน้ำมันและกระเทียมเจียวให้โรยเพิ่มได้ตามใจ 2. ข้าวผัดกระเทียมถาดใหญ่โรยต้นหอมพร้อมทาน 3. ลูกชิ้นปลารักบี้นึ่งเนื้อแน่นเด้งแนะนำให้โรยด้วยกระเทียมเจียวทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดของทางร้าน 4. เฟรนซ์ฟรายส์แท่งใหญ่มีพนักงานยืนประจำคอยทอดใหม่ให้เรื่อยๆทานคู่กับซอสมะเชือเทศเข้มข้น ส่วนน้ำจิ้มของที่ร้านมีให้ตักเองทั้งหมด 4 สูตรนั่นก็คือ 1. น้ำจิ้มสุกี้สูตร Original 2. น้ำจิ้มแจ่วสไตล์อีสาน 3. น้ำจิ้มซีฟู๊ดพริกสีเขียวดูแซ่บ 4. โชยุกับวาซาบิไว้ทานกับปูอัดซาชิมิของทางร้าน และน้ำจิ้มสูตรพิเศษที่ทางร้านไม่มีแต่เราแนะนำให้ผสมเองคือโชยุผสมน้ำมะนาวสดจะกลายเป็น "น้ำจิ้มพอนสึ" ใส่พริกกับกระเทียมสับเพิ่มความจี๊ดจ๊าด ตักใส่ถ้วยจิ๋วที่วางอยู่ข้างๆบาร์ได้เลยครับ

ตักอาหารทานเล่นและน้ำจิ้มมาวางไว้บนโต๊ะระหว่างรอน้ำซุปมาเสิร์ฟ เริ่มชิมจากเฟรนซ์ฟรายทอดใหม่ด้านนอกกรอบๆด้านในเป็นเนื้อครีมตัดเลี่ยนด้วยซอสมะเขือเทศเข้มข้นเปรี้ยวหวานทานเพลิน บะหมี่หยกลวกมาสุกกำลังดีไม่เละเคี้ยวหนึบๆหอมน้ำมันกระเทียมเจียวทานเปล่าๆหรือราดน้ำจิ้มสุกี้ลงไปหน่อยก็อร่อย ส่วนข้าวผัดกระเทียมถือว่าโอเคเพราะปรุงมารสอ่อนๆหอมเนยกับกระเทียมไม่โดดเด่นมากนัก ลูกชิ้นต่างๆเท่าที่มองดูด้วยสายตาถือว่าคุณภาพระดับกลางๆ (ผสมแป้งเยอะหรือน้อยต้องลองชิมหลังต้มอีกที) ส่วนเครื่องดื่มรีฟีลที่จ่ายเพิ่มขึ้นมาในราคา 39 บาท มีให้เลือกเติมได้ทั้งน้ำอัดลม (โค้ก/น้ำส้ม/น้ำเขียว/น้ำแดง/สไปร์ทของ EST) ชามะนาว/พั้นซ์/เก็กฮวย/ลิ้นจี่และน้ำเปล่าพร้อมตู้น้ำแข็งขนาดใหญ่ให้ตักข้างๆ ที่ร้านมีให้แก้วบนโต๊ะมาคนละใบอยากเปลี่ยนน้ำก็ดื่มให้หมดก่อนเติมใหม่

จาน/ถ้วย/ช้อน/ตะเกียบต่างๆทางร้านไม่วางไว้บนโต๊ะแต่จะไปหยิบให้ใหม่จากด้านหลังร้าน ส่วนน้ำซุป 1 หม้อสามารถเลือกได้ 2 จากทั้งหมด 4 สูตรก็คือ 1. น้ำซุปต้นตำรับเป็นน้ำซุปไก่ผสมผักสีเหลืองทองสูตรเฉพาะของทางร้าน 2. น้ำซุปดำสไตล์ญี่ปุ่นใส่โชยุกับปลาโอ 3. น้ำซุปหมาล่ารสเผ็ดร้อนชาลิ้นนิดๆหอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรขึ้นจมูกเป็น 1 ในซุป Signature ของทางร้านที่เราสั่งมา (ถ้าอยากทานแบบเผ็ดๆสามารถบอกทางร้านได้ไม่คิดเงินเพิ่ม) 4. น้ำซุปต้มยำน้ำใสเบสพื้นฐานเป็นน้ำซุปไก่สูตรต้นตำรับใส่สมุนไพรไทยลงไปแน่นหม้อทั้งข่า/ตะไคร้/ใบมะกรูด/พริกสดรสเปรี้ยวมะนาวอ่อนๆซดร้อนๆได้คล่องคอ ที่สำคัญคือเตาไฟฟ้าของร้านนี้ร้อนเร็ว-ไวเพราะกำลังวัตต์มากสูงสุดถึง 2,200(ร้านชาบูทั่วไปกำลังไฟอยู่ที่ 1,500-2,000 วัตต์) แปปเดียวก็เดือดพล่านไม่ต้องรอนานจนโมโหหิวครับ

วัตถุดิบสดต่างๆสำหรับลงหม้อชาบูที่เราสั่งไปทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ไล่เรียงรายการจากในใบสั่งอาหารบนโต๊ะ 1. หมูสไลด์ส่วนสันคอแทรกไขมันนุ่มๆ 2. หมูสไลด์ส่วนสันนอกไขมันน้อย 3. หมูสไลด์ส่วนสามชั้นลอกหนังแข็งๆออก 4. หมูไม้ไผ่เนื้อเด้งหอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆ 5. หมูลาวาก็คือหมูเด้งผสมไข่ก่อนเทลงหม้อ 6. ไก่ลาวาเป็นไก่บดผสมรากผักชี-กระเทียม-พริกไทยคลุกกับไข่ไก่ก่อนลงหม้อ 7. เนื้อสันคอสไลด์ไขมันน้อยมีกลิ่นหอมตามสไตล์วัวไทย 8. เนื้อสามชั้นของวัวสไลด์บางเนื้อนุ่มทานง่าย สีสันและคุณภาพของเนื้อหมูกับเนื้อวัวที่นำมาเสิร์ฟถือว่าดีใช้ได้เลยครับ

9. อกไก่สไลด์เป็นแบบหมักนุ่มทานง่ายเดี้ยวเด้งสู้ฟัน 10. ตับหมูก็เป็นแบบหมักนุ่มต้มแล้วเนื้อเด้งไม่แห้งสากๆ 11. กุ้งสดตัวขนาดกลางๆแต่ถือว่าใหญ่กว่าร้านคู่แข่งเล็กน้อย 12. หอยแมลงภู่ดูจากขนาดตัวน่าจะเป็นของชิลีเนื้อแน่นเต็มฝาอร่อยมันกว่านิวซีแลนด์ 13. ขนมจีบหมูก่อนทานต้องเอาไปต้มซึ่งเป็นเมนู Signature ของทางร้าน 14. ปลาหมึกกล้วยสดตัวใหญ่ต้มแล้วเนื้อไม่หดมากจนน่าเกลียด 15. ปลาหมึกกรอบเนื้อหนาเด้งกรอบเคี้ยวสู้ฟันดีสุดๆ 16. แมงกระพรุนสีขาวสวยงามแต่หั่นมาชิ้นค่อนข้างเล็กไปหน่อยต้มแล้วแทบสลายหายกลืนลงไปในหม้อน้ำซุปครับ

17. ปลาดอลลี่ร้านอื่นจะเนื้อมันๆเละๆแต่ร้านนี้ถือว่าเนื้อแน่นดีไม่มีกลิ่นคาวเฉพาะตัวติดมา 18. ปูอัดของร้านนี้ใช้เกรดทานเป็นซาชิมิทานคู่กับโชยุ-วาซาบิหรือจะใส่ลงไปต้มในหม้อก็ไม่ลอยบวมอืดน้ำขึ้นมาเพราะไม่ได้ผสมแป้งจำนวนมาก 19. สาหร่ายวากาเมะเคี้ยวกรุบกรอบมีกลิ่นหอมและที่สำคัญคือถาดนึงให้เยอะมาก 19. เต้าหู้ไข่ไก่ของทางร้านก็เลือกใช้แบบเหนียวนุ่มคีบด้วยตะเกียบแล้วไม่แตกหลุดง่าย 20. ซาลาเปาชีสบอกเลยว่าต้องสั่งเพราะหอมมันชีสและเนื้อปลาด้านนอกรสชาติดีเมื่อเทียบกับหลายๆร้านในเรทราคาเดียวกัน (บางร้านใช้ยี่ห้อถูกๆไส้ด้านในเป็นเหมือนน้ำนมผสมแป้งใส่กลิ่นชีสอันนี้ไม่ปลื้ม) ส่วนหมาล่าเสียบไม่ที่ร้านมีให้สั่ง 4 เมนูก็คือ 1. หมูย่าง 2.เนื้อย่าง 3. อกไก่ย่าง และ 4. กุ้งย่าง โดยเนื้อสัตว์แต่ละชนิดหมักนุ่ม-ย่างโดยใช้ไฟแตกต่างกันเพื่อให้ได้ความอร่อยสูงสุดแถมยังสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ดั่งใจอีก อยากได้เผ็ดน้อยหรือระดับแง้มประตูนรกบอกน้องพนักงานได้เลยครับ

จับลูกชิ้นต่างๆที่ตักไว้ในไลน์อาหารเทลงหม้อชาบูจนสุกลองชิมดูแล้วโดยรวมถือว่าทางร้านพยายามคัดเลือกมาดีระดับนึงเพราะถึงแม้ว่าจะเป็นลูกชิ้นผสมแป้งหน่อยแต่ไม่ได้เยอะจนน่าเกลียด (บางร้านต้มนานๆแป้งที่ผสมด้านในลูกชิ้นอืดฟูจนลอยพองขึ้นมา) ส่วนเนื้อวัว-หมูและซีฟู๊ดลวกพอสุกทานกับน้ำจิ้ม 3 สูตรเริ่มชิมจาก 1. น้ำจิ้มสุกี้สูตรต้นตำรับรสหวานมีกลิ่นหอมของซอสพริกผสมน้ำมันงาและเต้าหู้ยี้บางๆพอกลมกล่อมไม่เหมือนร้านไหนที่เคยชิมมา (ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นเต้าหู้ยี้อาจจะไม่ค่อยถูกใจนัก) 2. น้ำจิ้มแจ่วอีสานผสมน้ำมะขามเปียกสัมผัสเข้มข้นเค็มนำหวานตามหอมกลิ่นข้าวคั่วและพริกป่นจะใช้จิ้มหรือเทลงหม้อก็แปลงร่างกลายเป็นซุปแจ่วฮ้อนได้เลย 3. น้ำจิ้มซีฟู๊ดพริกสีเขียวรสเปรี้ยว-เค็มอมหวานนิดๆหอมกลิ่นมะนาวเผ็ดจี๊ดจ๊าด ส่วนขนมจีบต้มเนื้อหมูอัดแน่นหอมกลิ่นน้ำมันงาที่ร้านแนะนำว่าให้ทานคู่กับน้ำจิ้มสุกี้สูตรต้นตำรับจะได้อารมณ์แบบเดียวกับการทานขนมจีบราดซอสพริกสไตล์ร้านติ่มซำแถวภาคใต้ถือว่าอร่อยจริงและสั่งมาเพิ่มอีกหลายถาด รีวิวเก่าๆส่วนใหญ่แนะนำว่าห้ามพลาดเมนูนี้เป็นอันขาดครับ

นั่งทานจนอิ่มแปล้ก็มาต่อกันด้วยขนมหวานเริ่มจากไอศครีมที่ร้านใช้ของยี่ห้อ ETE วันนี้มีให้ตักถึง 6 รสชาติก็คือ 1. ชาเขียวมัทฉะ 2. วนิลา 3. มะนาว 4. กะทิ 5. ช็อกโกแลต และ 6. สตรอเบอรี่ (รสชาติของไอศครีมอาจถูกปรับเปลี่ยนไปในแต่ละวัน) ส่วนความอร่อยก็อยู่ในระดับมาตรฐานของยี่ห้อนี้ซึ่งถือว่าดีกว่าร้านคู่แข่งหลายๆที่ ถ้าไม่อยากทานไอศครีมก็มีเฉาก๊วยเนื้อเหนียวหนึบใส่น้ำแข็ง/น้ำเชื่อมและโรยน้ำตาลทรายแดงเพิ่มเองได้ตามใจ มื้อนี้ผมมากับน้องที่ทำงาน 2 คน (ทางร้านสามารถออกบิลเงินสดเพื่อเอาไปเบิกค่าอาหารกับบริษัทได้) จ่ายไปทั้งหมด 509 บาท ราคาสุทธิของราคาบุฟเฟ่ต์ผู้ใหญ่อยู่ที่ 254.50 บาท ต่อคน ถือว่ารสชาติอร่อยและวัตถุดิบคุณภาพสูงพอฟัดเหวี่ยงกับชาบูเจ้าตลาดในระดับราคาเดียวกันได้หลายๆร้านรับคะแนนไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : เลขที่ 145 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายของรัฐบาล)

โทร. 095-950-9981

Facebook : www.facebook.com/charoenrosshabu

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 3,302 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page