top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว"Chan & Yupa Tearoom"คาเฟ่บรรยากาศเหมือนอยู่ในเทพนิยายพร้อมอาหารหลากหลายเมนู ภายในซอยสุขุมวิท10

อัปเดตเมื่อ 13 ก.ค. 2566



ภายในสุขุมวิทซอย 10 ที่ดูบรรยากาศเงียบสงบแบบนี้มีร้านอาหาร-คาเฟ่อยู่หนึ่งร้านที่สวยงามเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายคือ Chan & Yupa Tearoom เป็นร้านค่อนข้างลับเพราะไม่มีป้ายบอกบริเวณหน้าปากซอยว่าอยู่จุดนี้และก็ไม่เหมือนร้านอาหารแต่คล้ายกับบ้านขนาดใหญ่มากกว่า โดยร้านนี้แฟนผมชอบมานั่งทานกับเพื่อนบ่อยๆเพราะข้างๆกันเป็น Chan & Yupa Wellness Spa ที่มักจะจัดโปรโมชั่นนวดและสปาในแอป GoWabi บ่อยๆ แต่วันที่เรามาส่วนของสปาปิดให้บริการอยู่เลยแวะมาทานอาหารให้หายคิดถึงและถ่ายรีวิวไปด้วยในตัว วิธีการเดินทางมาก็ง่ายๆหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดได้ที่ลานขนาดใหญ่ฝั่งร้านสปาได้เลย ถ้าหากมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีอโศกหรือนานาก็ได้แล้วเรียกรถหรือเดินมาประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงร้านที่เหมือนบ้านรั้วสีขาวหรูหราใหญ่โตทางด้านขวามืออยู่ห่างจากหน้าปากซอยสุขุมวิท 10 เพียง 80 เมตร ป้ายชื่อหน้าร้านทำขนาดค่อนข้างเล็กต้องสังเกตดีๆหน่อยถึงจะทราบว่าตรงนี้คือร้านอาหาร ทางเข้าประตูร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่แผ่ใบคลุมพร้อมกับซุ้มไม้เลื้อยสีขาวสไตล์ยุโรปดูสวยงามสะอาดตาเชิญชวนให้เราเข้าไปดื่มด่ำกับอาหารและบรรยากาศที่เงียบสงบภายในร้าน นับจากจุดนี้แนะนำว่าสาวๆควรพกกล้องดีๆหรือพาแฟนหนุ่มมาด้วยเพราะร้านนี้สวยงามทุกมุมครับผม

เดินเข้ามาด้านขวามือเป็นบ้านกระจกที่ทางร้านทำแยกออกมาจากตัวอาคารหลักเพื่อเอาไว้จัดงานต่างๆ เช่นงานเลี้ยง/งานแต่ง/งานเลี้ยงพระหรือใครต้องการห้องที่เป็นส่วนตัวสามารถสอบถามราคาค่าเช่ากับทางร้านได้โดยตรง เดินทะลุมาที่หลังบ้านกระจกเป็นสวนขนาดใหญ่เหมือนอยู่ในเทพนิยายกรีก/รถฟักทองไม้เลื้อยสีขาวทำจากเหล็กขึ้นรูป/มุมสำหรับนั่งทานน้ำชายามบ่ายพร้อมกับฟังเสียงน้ำพุชิลล์ๆ เรียกได้ว่าแต่งตัวมาในธีมผู้ดีชาวอังกฤษ/เจ้าหญิงหรือถ่าย Pre Wedding ที่นี่ถือว่าสวยงามตรงตาม Concept อย่างแน่นอน ส่วนร้านอาหารที่แท้จริงนั้นอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางพื้นที่ ก่อนเข้าไปมีซุ้มฉีดสารทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อโรค/เจลแอลกอฮอลล์และเครื่องวัดอุณหภูมิให้ใช้บริการเพื่อความสะอาด-ปลอดภัยสูงสุดก่อนเข้าร้าน ดูเอาใจใส่ดีมากครับ

เดินผ่านประตูรั้วเข้ามาเขตรอบตัวบ้านก็ยังคงมีมุมที่จัดไว้อย่างสวยงามให้สาวๆได้ถ่ายรูปกันอีกหลายจุด ส่วนทางเข้าไปในตัวร้านมีอยู่ 2 ช่องทาง(ประตูที่มีทางลาดขึ้นเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนที่มาด้วยรถเข็น) เปิดเข้ามาในตัวบ้านเป็นห้องแอร์เย็นชุ่มฉ่ำแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักคือ 1 โซนกลางบ้านพื้นไม้ให้แสงสว่างด้วยหลอดไฟสีขาวสว่างตาและ 2 ส่วนของชายคาบ้านล้อมด้วยบานกระจกขนาดใหญ่สามารถมองเห็นสวนรอบๆบ้านได้ถึง 180 องศาพื้นเป็นกระเบื้องธรรมดาๆดูแล้วผ่อนคลาย เพราะว่าบ้านหลังนี้เมื่อก่อนเป็นที่อยู่อาศัยแต่เจ้าของร้านได้นำมาดัดแปลงเป็นร้านอาหารจึงมีสภาพออกมาอย่างที่เห็น แต่ก็ดูสวยงามลงตัวมากๆมากี่รอบก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งครับผม

ภายในนี้เป็นร้านอาหารกับคาเฟ่โดยมีการจำลองบรรยากาศร่มรื่นเหมือนอยู่ในเทพนิยาย แต่ละมุมมีการตกแต่งด้วยต้นไม้ให้ดูมีสีเขียวตามจุดต่างๆสลับกับของตกแต่งบ้านสไตล์ยุโรปให้อยู่ในบ้านทรงไทยสมัยก่อนได้อย่างลงตัว โดยอาหารของที่ร้านนอกจากโซนคาเฟ่ที่เห็นแล้วยังมีอาหารไทยโบราณ/ยุโรปให้เลือกสั่งอีกหลายเมนู ใครเป็นสายดื่มเขาก็มีตู้แช่ไวน์ขนาดใหญ่ให้เลือกสรรค์มากมาย ถือว่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานอย่างผมมากครับเพราะทำงานเหนื่อยก็ซื้อแพ็คเกจนวดที่ร้านข้างๆจนหิวก็เดินมาทานอาหารที่นี่ต่อ แต่ถ้าเด็กมาด้วยคงเบื่อที่นี่น่าดูเลยครับ

มาถึงก็นั่งที่โต๊ะน้องพนักงานก็หยิบเมนูออกมาให้คนละ 2 เล่ม เปิดมาหน้าแรกเป็นเมนูแนะนำของที่ร้านซึ่งก็ไม่เชิงว่าเป็นเมนูแนะนำเพราะมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆเดือนราคาเริ่มต้นที่ 220-320 บาท ตามมาด้วยชุดเดลิเวอรี่ที่ร้านจัดถึงแค่วันที่ 31 มี.ค. 64 ราคาเริ่มต้นที่ 299-499 บาท หมวดต่อมาคือ Brunch เริ่มเวลา 10.00-14.00 น. ราคาเริ่มต้นที่ 350-1,200 บาท หน้าต่อไปคืออาหารเรียกน้ำย่อยหลากหลายสัญชาติทั้งไทย/ญี่ปุ่น/อิตาลีและเม็กซิโก ราคาเริ่มต้นที่ 150-200 บาท ซุปของทางร้านเป็นสูตรอิตาเลียนราคาเริ่มต้นที่ 200-250 บาท สลัดก็มีทั้งแบบเป็นชามเล็ก-ใหญ่และม้วนโรลทานง่ายๆราคาเริ่มต้นที่ 230-350 บาท แซนด์วิชและเบอร์เกอร์แบบอาหารจานเดียวราคาเริ่มต้นที่ 250-350 บาท พิซซ่ามีทั้งแบบอิตาเลียนแท้และฟิวชั่นราคาเริ่มต้นที่ 320-380 บาทครับ

ตามมาด้วยพาสต้าหลากหลายเมนูราคาเริ่มต้นที่ 280-350 บาท สเต็กต่างๆมีให้เลือกทั้งเนื้อวัว/เนื้อแกะ/หมูหรือปลาราคาเริมต้นที่ 390-750 บาท หน้าต่อไปเป็นเมนูไทยแบบอาหารจานเดียวราคาเริ่มต้นที่ 200-350 บาท ข้าวสวยที่ร้านนี้ขายเป็นจานมีข้าวสวยหอมมะลิสีเขียวใบเตยกับฟ้าอัญชันและไรซ์เบอรี่ราคาจานละ 25 บาท เมื่อกี้บอกว่าร้านนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับเด็กเล็กมากนักแต่ก็มีเมนูอาหารสำหรับเด็กราคาเมนูละ 150 บาท หน้าต่อมาคือเมนู Signature ไทยโบราณของทางร้านราคาเริ่มต้นที่ 200-250 บาท ตามมาด้วยของหวานกับไอศครีมราคาเริ่มต้นที่ 65-150 บาท เครื่องดื่มและกาแฟของที่ร้านนี้เป็นสูตรเฉพาะที่ทำขึ้นเองไม่เหมือนใครราคาเริ่มต้นที่ 120-140 บาท น้ำเปล่าและเครื่องดื่มทั่วไปราคาเริ่มต้นที่ 22-150 บาท เมนูกาแฟ-ช็อกโกแลต-ชาชงสูตรต่างๆมีให้สั่งทั้งแบบร้อน/เย็น/ปั่นราคาเริ่มต้นที่ 95-150 บาท หน้าสุดท้ายเป็นชุดน้ำชาสั่งได้ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. มีให้สั่งเริ่มตั้งแต่ชุด 1 คน 450 บาท 2 คน 850 บาท และสูงสุด 3 คน 1,100 บาท ไม่รวมชาที่มีให้เลือกถึง 12 รายการราคาเหยือกละ 150 บาท แนะนำว่าสั่งแล้วไปนั่งทานสวยๆตรงโซนน้ำพุด้านนอกรับรองได้รูปสวยสมใจแน่นอนครับ หน้าสุดท้ายเป็นโปรโมชั่นสั่งพิซซ่า 1 ถาดฟรีพาสต้า 1 จาน ถึงวันที่ 15 ก.พ. 64 นี้เท่านั้น ใครสนใจก็ลองสั่งดูครับ

ส่วนอีกเล่มเป็นเมนูอาหารไทยโบราณที่บอกความเป็นมาของทางร้านเพราะที่นี่คือบ้านของคุณฉันท์และคุณยุพา ลายเลิศ โดยอาหารที่ปรุงจากร้านนี้ทำจากบันทึกของทั้งสองท่านนี้ประวัติโดยย่อและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเมนูอาหารค่อนข้างเยอะหากใครอยากทราบแนะนำให้ซูมที่รูปเพื่ออ่านอย่างละเอียดได้เลยนะครับ เปิดมาอีกหน้ามาพบกับหมูสะเต๊ะราคา 200 บาท ประทัดลมราคา 200 บาท ไก่กุหลาบราคา 200 บาท ทุกหน้ามีทั้งรูปและลายมือของคุณยุพาที่เขียนสูตรด้วยมือของตัวเองจึงมั่นใจได้เลยว่าอาหารโบราณที่มาจากครัวของร้านนี้เป็นของแท้แน่นอนครับ

นอกจากนี้ยังมีเมนูชื่อแปลกอีกมากมายทั้ง ขนมจีนน้ำพริกราคา 230 บาท(อันนี้หาทานยาก) กะปิคั่วเสิร์ฟแบบน้ำพริกราคา 230 บาท แกงมัสมั่นไก่เสิร์ฟพร้อมแพนครัวซองต์ราคา 250 บาท แกงกระหรี่ไก่-อาจาดเสิร์ฟคู่แพนครัวซองต์ราคา 250 บาท เมนูที่ชื่อว่าเนื้ออร่อยราคา 290 บาท ต้มเค็มสิงคโปร์ราคา 250 บาท ไข่พะโล้กับหมูฮ้องราคา 250 บาท ตะโก้แห้วน้ำใบเตยหอมบ้านสาทรราคา 180 บาท นอกจากนี้ยังมีชุดอาหารไทยสำรับคุณฉันท์และสำรับคุณยุพาราคาชุดละ 650 บาท โดยเสิร์ฟอาหารให้ชุดละ 5 เมนู (สำหรับชุดคุณฉันท์นั้นมีเมนูพิเศษเป็นต้มส้มปลาตามฤดูกาล) ข้าวสวยและขนมหวานเป็นตะโก้แห้วน้ำใบเตยหอมบ้านสาทรอีกคนละ 1 ถ้วยถือว่าคุ้มราคาดีครับ

สั่งอาหารไปแล้วนั่งถ่ายรูปคุยกันไปเรื่อยๆจนพนักงานก็เดินมาเสิร์ฟเมนูต่างๆเริ่มจาก "ผัดไทยซอย 10" ราคา 350 บาท เป็นจาน Signature ของที่ร้านมันคือผัดไทยเส้นจันทร์เหนียวหนึบรสชาติเปรี้ยวอมหวานใส่กุ้งตัวใหญ่มีเครื่องต่างๆมากมายทั้งหอมเจียวที่ช่วยเพิ่มความกรอบ-หอม/มะม่วงดิบขูดเป็นเส้นสั้นเพิ่มความเปรี้ยวจี๊ดไม่เหมือนใคร/ต้นอ่อนทานตะวันเพิ่มความกรุบกรอบสดชื่น/ไข่เจียวเส้นให้ความนุ่มนวลเวลาเคี้ยว/พริกชี้ฟ้าแดงซอยเป็นเส้นเล็กม้วนเกลียวเพิ่มสีสัน-ความเผ็ดอ่อนๆและเม็ดมะม่วงหิมพานต์เม็ดใหญ่คั่วช่วยเพิ่มความกรอบ-หอมมัน ทำให้มีรสชาติและสัมผัสแตกต่างไม่เหมือนกับผัดไทยที่ร้านอื่น ส่วนตัวถือว่าจานนี้ราคาค่อนข้างสูงแต่ก็หาทานไม่ได้จากที่ร้านอื่นจึงถือยอมได้ครับผม จานต่อมายังคงเป็นเมนูอาหารไทยโบราณสูตรของคุณยุพาก็คือ "แกงมัสมั่นไก่เสิร์ฟมาพร้อมแพนครัวซองต์" ราคา 250 บาท เป็นแกงมัสมั่นที่ใช้ส่วนสะโพกไก่ติดกระดูกตุ๋นเป็นเวลานานจนมีรสชาติของน้ำแกงแทรกเข้าไปในเนื้อไก่/มันฝรั่งและหัวหอมใหญ่ น้ำแกงเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรปรุงรสชาติมาหวานอมเปรี้ยวอ่อนๆ ทานคู่กับแพนครัวซองต์โดยจุ่มลงไปให้น้ำแกงแทรกระหว่างช่องอากาศที่เป็นโพรงแทนโรตีแบบร้านอื่น ได้ความกรุบกรอบหอมเนยได้รสชาติของมัสมั่นสูตรโบราณในทุกๆคำ หรือจะทานคู่กับข้าวสวยก็อร่อยไม่แพ้กันครับ

จานต่อมาเป็นเมนูสเต็กที่มีการจัดเสิร์ฟไม่เหมือนใครก็คือ "สเต็กปลากระพงแดงทอดซอสไวน์ขาว" ราคา 390 บาท จุดเด่นของจานนี้คือปลากระพงที่ทางร้านแล่ติดหนังไม่ขอดเกล็ดแล้วนำมาทอดด้วยการราดน้ำมันร้อนๆลงไปเรื่อยๆทำให้เกล็ดของปลาฟูราวกับกลีบดอกไม้แต่ยังคงความฉ่ำของเนื้อปลาได้ดีกว่าการนำไป Deep Fired เสิร์ฟคู่กับผักโขมลวกราดไวท์ซอส/ซอสครีมไวน์ขาว/มะเขือเทศย่าง/ซอสซัลซ่าใส่ส้มรสชาติเปรี้ยวหวานๆหอมมันอโวคาโดและท๊อบปิ้งด้วยฟองนุ่มทำจากไข่ขาวเพื่อความสวยงาม ได้ความหลากหลายรสชาติและสนุกในจานเดียวกัน เมนูต่อไปเป็นอาหารเม็กซิกันคือ "เกซาติญ่าผักโขม" ราคา 200 บาท เป็นแป้งตอร์ติย่ายัดไส้ด้วยผักโขมต้มกับมอสซาเรลล่าชีสย่างจนมีรอยไหม้สีสวยเพิ่มสีสันด้วยปาปริก้า ทานคู่กับซอสเปรี้ยวซาวน์ครีมและซัลซ่าสลัดอโวคาโดแบบที่ไม่ใส่ส้มให้ความเปรี้ยว-หวาน-มันช่วยตัดเลี่ยนจากชีสหอมมันและทำให้อร่อยสดชื่นมากยิ่งขึ้นจนถึงคำสุดท้ายครับ

เมนูจานสุดท้ายก็เป็น Signature ของทางร้านที่เสิร์ฟมาขนาดใหญ่คุ้มราคาก็คือ "พิซซ่าต้มยำทะเลสเปเชียล" 380 บาท ถาดขนาดใหญ่ตัดแบ่งได้ 8 ชิ้นแป้งบางกรอบสไตล์อิตาลีแน่นไปด้วยปลาหมึก-กุ้งผัดซอสต้มยำโรยชีสอบจนละลายท๊อบปิ้งด้วยเครื่องสมุนไพรไทยทั้งกระเทียม/หอมแดง/พริกสดจินดา/ผักชีฝรั่งและเนื้อปลาแซลมอนรมควัน ก่อนทานแค่บีบมะนาวสดลงไปช่วยเพิ่มความเปรี้ยวและครบรสแบบต้มยำมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นพิซซ่าที่เผ็ดแซ่บถึงเครื่องต้มยำนัวด้วยชีสเคี้ยวเพลินด้วยเครื่องซีฟู๊ดที่ทางร้านใส่ลงไปให้เคี้ยวอย่างจุใจ แต่ถ้าใครไม่ทานเผ็ดไม่เก่งแนะนำว่าให้เขี่ยพริกออกก่อนทานนะครับ (เผ็ดมากๆ) ตามมาด้วยเครื่องดื่มอย่าง "กาแฟส้ม" ราคา 130 บาทก็ตามชื่อเลยแต่ความพิเศษของร้านนี้คือใช้น้ำส้มสดปั่นกับน้ำแข็งเป็นเกล็ดหิมะเย็นชื่นใจ เมล็ดกาแฟก็ขมแต่ไม่บาดลิ้นและไม่มีกลิ่นเบอรี่หรือโกโก้ทำให้ได้รับกลิ่นหอมจากส้มเต็มๆใครที่ชอบกาแฟส้มหอมๆมาร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน

ตามมาด้วยเมนูที่ช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิดที่สาวๆหลายคนชื่นชอบแต่หลายร้านมักทำไม่ค่อยอร่อยก็คือ "Red Diamond" ราคา 120 บาท ภายในแก้วประกอบด้วยนำแครนเบอรี่/น้ำทับทิม/น้ำสตรอเบอรี่และเลมอนให้ความเปรี้ยวอมหวานหอมกลิ่นผลไม้ตระกูลเบอรี่สดชื่นถึงใจ เป็นเมนูที่แฟนผมแวะมาทานข้าวที่ร้านนี้ไรก็ต้องสั่งดื่มทุกครั้งครับ เมนูต่อมาเป็น Signature ที่ทางร้านบอกว่าปรับปรุงมาจากสูตรเก่านั่นคือ "ชาออเร้นจ์มินต์อโลเวร่า" เป็นชาดำรสส้มหวานเย็นๆเพิ่มสัมผัสในการเคี้ยวด้วยเนื้อว่านหางจระเข้และวุ้นมิ้นต์เย็นสดชื่นชุ่มฉ่ำไปถึงปอด แต่ก็ยังท๊อบปิ้งด้วยไอศครีมรสส้มยูสุสไตล์ญี่ปุ่น (สูตรเก่าใช้ไอศครีมซอร์เบตรสส้มธรรมดา) ทำให้เย็นและหอมขึ้นไปอีกหลายขั้น เสิร์ฟมาใส่ในเหยือกขนาดใหญ่พิเศษแบบนี้ราคาเพียงแค่ 140 บาท ถือว่าคุ้มและสดชื่นได้นานเลยครับผม

เมนูสุดท้ายเป็นกาแฟที่สั่งมาแล้วไม่ต้องรีบดื่มคือ "กาแฟเย็นสไตล์ยุพา" ราคา 130 บาทเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่แช่แข็งก้อนเล็กๆอัดแน่นเต็มแก้วเสิร์ฟมาคู่กับนมตีฟองร้อนๆและน้ำเชื่อม วิธีการทานดื่มก็คือเทนมร้อนลงไปในแก้วแล้วเพิ่มความหวานด้วยไซรัปหรือน้ำเชื่อมได้ตามใจจากนั้นก็แค่ผสมให้เข้ากันก่อนดื่ม แนะนำว่าให้ค่อยๆดื่มจนก้อนกาแฟละลายไปพร้อมกับนมด้วยกันจะดีที่สุด ส่วนเมล็ดกาแฟที่ทางร้านใช้นั้นเป็นสายพันธุ์ไทยมาจากทางภาคเหนือที่มีกลิ่นหอม-รสขมไม่บาดคอและไม่มีกลิ่นเบอรี่/โกโก้แบบที่คนไทยชอบ เป็นกาแฟที่ดื่มง่ายๆพร้อมกับชมวิวเพลินๆ

มื้อนี้เรามาทานกัน 4 คนสั่งอาหารไปทั้งหมด 10 รายการ รวม 2,134 บาท ไม่มี Vat. หรือ Service Charge มากวนใจ ถือว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับที่ร้านตั้งอยู่เพราะดัดแปลงจากบ้านสวนมาทำเป็นร้านอาหารทำให้ไม่มีเรื่องค่าเช่า ส่วนรสชาติมาทานกี่ครั้งยังคงอร่อยถึงเครื่องทุกจาน เมนูภายในร้านมีให้เลือกมากมายหลากหลายเชื้อชาติแถมมีมนูพิเศษทุกเดือน แถมยังได้เสพติดกับบรรยากาศสวยงามร่มรื่นราวอยู่ในเทพนิยายใจกลางสุขุมวิทแบบนี้ ก็รับคะแนนความอร่อยและคุ้มค่าไป 5 ดาวเลยจ้า 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : บ้านเลขที่ 12 ซอยสุขุมวิท 10 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. โทร. 02-252-6601

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 4,365 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page