วันนี้ผมได้รับการรับเชิญจาก PR ของห้องอาหาร BlueSpice & Herbs ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 5 ห้าง Terminal 21 วิธีการเดินทางมาก็ที่นี่ง่ายๆเพียงลงสถานี BTS อโศกหรือ MRT สถานีสุขุมวิทก็มาโผล่ที่หน้าห้างทันที ให้เข้ามารีวิวบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติที่จัดขึ้นทุกวันเวลา 11.30 - 14.30 น. ราคาหัวละ 490 บาท ส่วนมื้อเย็นก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน แต่มีเงื่อนไขคือต้องจองขั้นต่ำ 50 ที่ขึ้นไปตกราคาคนละ 590 บาท (ใช้เวลาการเตรียมงานประมาณ 1 อาทิตย์) วิธีเข้ามาที่ห้องอาหารนั้นสามารถเข้าได้ 2 ช่องทางคือจากหน้าร้านกาแฟ Bake Brothers ตรงชั้น 5 ของห้าง Terminal 21 ให้เดินเข้าไปจนสุดด้านในร้านก็จะพบกับทางเชื่อมพิเศษเข้าไปห้องอาหารของโรงแรม Grande Centre Point Terminal 21 นั่นหมายความว่าเราจะเดินเข้าจากที่ล๊อบบี้ของทางโรงแรมด้านหลังห้างขึ้นมาที่ห้องอาหารนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่บุฟเฟ่ต์จะเริ่มต้นขึ้นแล้วเรารีบเข้าไปด้านในห้องอาหารกันดีกว่าครับผม
ตอนนี้เราโผล่เข้ามาอยู่ที่ห้องอาหาร BlueSpice & Herbs ของโรงแรม Grande Centre Point Terminal 21 ชั้น 5 กันแล้ว บรรยากาศภายในห้องอาหารเป็นสีเทา ตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์พวกโต๊ะ/โซฟาต่างๆสีน้ำตาลเข้ม ดูหรูหราตามแบบฉบับห้องอาหารบนโรงแรมใจกลางเมือง วางกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วเดินไปสำรวจที่ไลน์อาหารกันครับ
พื่นที่ในไลน์อาหารถือว่ากว้างขวางและมีอาหารให้เลือกเยอะเกินราคา 490 ไปมาก ถูกแบ่งออกเป็นโซนอาหาร Seafood On Ice/ซูชิและอาหารญี่ปุ่น/ปรุงร้อนพร้อมทาน/เมนูเนื้อสัตว์ย่างพร้อมข้าวเหนียวสไตล์ไทย/สลัดผัก/ผักสด-ผักลวก-ผักทอดเสิร์ฟพร้อมน้ำพริกสไตล์ไทย/เมนู Hot Dish จานร้อนที่เต็มไปด้วยอาหารไทยและอาหารฝรั่งหลากหลาย/ชาบูสไตล์ญี่ปุ่นที่สามารถเลือกวัตถุดิบต่างๆได้ด้วยตัวเอง/อาหารปรุงสดอย่างพาสต้าที่เลือกเส้นและซอสได้ตามใจ/มินิพิซซ่าที่สามารถใส่หน้าอะไรก็ได้ลงไปให้พนักงานอบร้อนๆ/ส้มตำแบบตามสั่งไว้ทานคู่กับเนื้อสัตว์ย่างสไตล์อีสาน/เครื่องดื่มร้อนและเย็นแบบจัดเต็ม/ผลไม้สดและของหวานทั้งไทยและฝรั่ง ถือว่าจัดเต็มเลยล่ะ แถมมองออกไปนอกหน้าต่างยังเห็น 4 แยกอโศกที่การจราจรติดขัดได้อย่างชัดเจน อาหารเยอะแถมได้ชมวิวสวยๆนอกหน้าต่างด้วยแบบนี้ คุ้มค่าคุ้มราคาไปแล้ว เดี๋ยวเรามาดูที่คุณภาพของอาหารกันครับว่าจะจัดเต็มเหมือนกันไหม
โซนแรกเป็น Seafood On Ice มีอาหารทะเลวางบนน้ำแข็งให้เลือกทานถึง 4 เมนูได้แก่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ลวกที่ดูเหมือนจะตัวเล็กกว่าที่เสิร์ฟตามโรงแรมทั่วไปแต่เนื้อมัน-เยอะเต็มฝาหอยดีครับ/กุ้งขาวต้มสุกขนาดกลางๆแต่เนื้อแน่นหวานฉ่ำ/ปลาแซลมอนซาชิมิแล่มาพอดีคำเรียงตัวสวยงามในถาดเนื้อแทรกไขมันกำลังดี จะทานกับโชยุ-วาซาบิหรือน้ำจิ้มซีฟู๊ดแบบแซลมอนแช่น้ำปลาก็แซ่บโดนใจ/ปูอัดคุณภาพดีรสหวานเนื้อแน่นถือว่าคุณภาพดีเลยครับ
ซูชิมีให้เลือกทั้งหมด 4 หน้าเมนูแรกเป็นซูชิมากิโรลสอดไส้ด้วยไข่หวาน-แตงกวา-ผักดองและคลุกลงในงาขาวคั่ว/ซูชิหน้ากุ้งต้มท๊อปปิ้งด้วยไข่กุ้งปรุงรส/ซูชิหน้าพุงปลาแซลมอนท๊อปปิ้งด้วยขิงดองสีชมพูช่วยลดความเลี่ยน/ซูชิมากิโรลแบบเดียวกับเมนูแรกแต่เปลี่ยนจากคลุกงาเป็นไข่กุ้งปรุงรสแทน ข้าวที่ปรุงรสซูชิมามีความเคี้ยวหนึบ-หวานอมเปรี้ยวนิดๆเข้ากับท๊อปปิ้งได้เป็นอย่างดี ข้างกันเป็นซุปมิโสะรสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นมิโสะ เบสของซุปรสปลากลมกล่อมวางไว้คู่กับเครื่องต่างๆทั้ง เต้าหู้ขาวนิ่ม/สาหร่ายวากาเมะ/ต้นหอมญี่ปุ่นซอย นอกจากนี้ยังมียำสาหร่ายญี่ปุ่น /โชยุ/วาซาบิเรียงไว้ใกล้ๆกัน หลายๆโรงแรมมันจะเสิร์ฟเป็นสเต็กชิ้นใหญ่หั่นพร้อมทาน แต่ที่ห้องอาหารนี้เสิร์ฟเป็นไก่ย่างสับเป็นชิ้นและคอหมูย่างหั่นสไลด์เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวห่อใบตองนึ่งร้อนๆสไตล์อีสาน เป็นอีก 2 เมนูที่ชอบมากครับเพราะถ้าไปทานที่ร้านอาหารอีสานดีๆสมัยนี้ราคาแพง แถมที่นี่หมักมาอร่อยรสชาติหวานเค็มหอมถึงเครื่องสมุนไพรแบบเข้มข้น ย่างมาสุกเกรียมนอกเนื้อด้านในชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วมะขามรสชาติเปรี้ยวอมหวาน หอมกลิ่นข้าวคั่วและสมุนไพรไทย มีความดีงามไม่แพ้กับร้านด้านนอกแต่สามารถตักทานได้ไม่อั้น โดนสุดๆเลยครับ
มาต่อกันด้วยโซนสลัดผักที่เราสามารถปรุงรสได้เอง มีให้เลือกทั้งหอมหัวใหญ่/พริกหวานสีแดง/มะเขือเทศเชอรี่/แตงกวา/ผักสลัดใบเขียว/บล๊อกโคลี่/ถั่วแดง/ลูกเดือย/แครอท/ถั่วลันเตา/มะกอกเขียว/ดอกเคเปอร์ไว้ทานคู่กับน้ำสลัดครีม/น้ำสลัดงาญี่ปุ่น/น้ำสลัดเทาซันไอแลนด์/น้ำมันมะกอก/น้ำส้มสายชูหมักจากองุ่น นำมาคลุกผสมลงในถาดไม้ได้ตามใจ ต่อกันด้วยโซนชุดผักสด/ผักต้ม/ผักชุบแป้งทอดและแคปหมูทอดกรอบๆเรียงอย่างสวยงามเอาไว้ทานคู่กับน้ำพริกสไตล์ไทยทั้ง น้ำพริกปล่าย่างแบบป่นแห้งและน้ำพริกหนุ่มตำรับภาคเหนือ หรือว่าอยากนำไปทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวร้อนๆก็ได้ รสชาติน้ำพริกก็รสเผ็ดจัดจ้านถึงเครื่องทั้ง 2 สูตร ถูกใจสายแซ่บแน่นอนครับ
มาต่อกันด้วยโซนอาหาร Hot Dish แบบปรุงร้อนๆพร้อมตักให้ทานเรียงรายกันเป็นแนวยาวหลากหลายเมนูทั้งข้าวสวย/ข้าวผัดไข่/มะเขือม่วงผัดหมูสับรสชาติเข้มข้น/ต้มข่าไก่รสชาติเปรี้ยวมะนาว หอมมันกะทิและเครื่องต้มข่า/ ยำมีให้ทานถึง 2 สูตรทั้งยำปลาหมึกบั้งลวกที่ซึมซับน้ำยำได้เป็นอย่างดีและยำปลาดุกฟูกรอบๆ เสิร์ฟมาเป็นแพใหญ่แยกน้ำยำรสเปรี้ยว/หวานพร้อมเครื่องยำแน่นๆเอาไว้เป็นถ้วยอยากได้รสชาติแซ่บแค่ไหนก็ตักราดได้ตามใจเลยครับ
ต่อกันด้วยมัสมั่นเนื้อรสชาติเข้มข้น เนื้อวัวที่ใช้ตุ๋นเป็นเนื้อน่องลายนุ่มละลายในปากทานกับน้ำแกงรสเข้มข้นมันฝรั่งสุกนุ่ม เป็นอีกเมนูที่แนะนำให้ลองครับ/ห่อหมกปลารสชาติพริกแกงเข้มข้น ตีเนื้อมาเนียนผสมกับเนื้อปลา ด้านล่างรองด้วยกระหล่ำปลีสไลด์ อันนี้ก็อร่อยดีครับ/ซุปฟักทองสัมผัสหวานตัดเค็มนิดๆหอมกลิ่นครีมที่ผสมลงไป ไว้ทานเปล่าๆหรือทานคู่กับขนมปังกระเทียมก็ใช้ได้ครับ/มันม่วงเผา-เห็ดออเร็นจิย่าง/ผักโขมอบชีส ผักโขมผัดกับเนยและครีมปรุงรสมาเค็มอ่อนๆราดชีสและอบจนเป็นสีเหลืองทอง สะใจคนชอบทานชีสสุดๆ และเมนูสุดท้ายเป็นอกไก่ย่างที่มีเนื้อค่อนข้างแห้งราดด้วยซอสมะเขือเทศปรุงรสเข้มข้น รสชาติเปรี้ยวอมหวานทานง่ายสไตล์อาหารอิตาเลียน
ตามมาด้วยโซน Highlight อย่างชาบูชไสไตล์ญี่ปุ่นแบบทำเอง สามารถเลือกได้ทั้งเนื้อสันคอหมู/เนื้อวัวสไลด์/ ปูอัด/หอยเมลงภู่นิวซีแลนด์/ลูกชิ้นนารูโตะสไลด์/กุ้งลวก/แซลมอนหั่นเต๋า/หมูแดงพร้อมผักและเส้นอีกหลากหลายที่สามารถเลือกใส่ชามได้ตามใจ จากนั้นยื่นชามให้กับน้องพนักงานเพื่อทำการลวกจนสุกดี และทำการราดซุปชาบูน้ำใสมาให้เสร็จสรรพพร้อมทาน เลือกทานพร้อมกับน้ำจิ้มได้ถึง 3 สูตรคือ น้ำจิ้มสุกี้สูตรต้นตำรับรสชาติหวานเผ็ดเค็มเปรี้ยวหอมกลิ่นเต้าหู้ยี้และน้ำมันงาอ่อนๆ รสชาติเข้มข้นลงตัว อันต่อมาเป็นน้ำจิ้มสูตรงาที่ไม่เหมือนกับร้านชาบูไหนที่เคยทานมาก่อน เพราะเป็นงาบดที่ปรุงมารสชาติเผ็ดเปรี้ยวแต่เปลี่ยนจากเบสของน้ำจิ้มที่เป็นซอสพริกเป็นซอสงาแทน รสชาติเข้มข้นไม่เหมือนใครดีครับ สุดท้ายคือน้ำจิ้มพอนสึรสเปรี้ยว/เค็มอมหวานนิดๆ ทานแล้วแก้เลี่ยนเนื้อที่มีไขมันเยอะๆได้ดีทีเดียว เพิ่มต้นหอมซอย/กระเทียมสับหรือพริกสดลงไปในน้ำจิ้มได้ตามใจ ถ้าใครอยากทานชาบูเนื้อล้วนๆแบบไม่อยากกินผักเลยก็สามารถตักเอาแต่เนื้อและขอน้ำซุปน้อยๆเหมือนกับที่ทานร้านชาบูตามใจเราก็ได้ครับ
ตามมาด้วยโซนอาหารยุโรปอย่างพาสต้าผัดร้อนๆที่เลือกซอสได้ทั้งซอสพริกกระเทียมไส้อั่ว/ซอสคาโบนาร่าไข่กุ้งและกุ้งสดและซอสมะเขือเทศปลาแซลมอน ส่วนเส้นนั้นก็เลือกได้ 3 แบบคือสปาเก็ตตี้เส้นกลมปกติ/สปาเก็ตตี้เส้นกลมแบบหมึกดำและเส้นแพนเน่ ข้างๆกันเป็นมินิพิซซ่าโดยใช้แป้งกลมเล็กๆทาซอสมะเขือเทศเข้มข้นบางๆเอาไว้ จากนั้นเราสามารถคีบท๊อปปิ้งต่างๆทั้งสับปะรด/มะเขือเทศ/ปูอัด/กะเพราไก่/ปลาหมึก/กุ้ง/แฮม/ไส้กรอก จากนั้นยื่นให้น้องพนักงานอบให้ ใช้เวลาอบประมาณ 10 นาทีจนได้พิซซ่าแป้งกรอบสีเหลืองทอง ราดชีสมาเยอะจนแทบไม่เห็นเครื่อง ปรุงรสด้วยซอสพริก/ซอสมะเขือเทศ/ซอสพริกทาบาสโก้/ออริกาโน่และชีสพาเมซานผงโรยเพิ่มได้แบบกระหน่ำจนกว่าจะพอใจ ใครที่ชอบทานพิซซ่าแบบอบสดใส่ชีสลงไปเยอะๆต้องถูกใจสิ่งนี้มากๆแน่นอนเลยครับผม
ตรงโซนข้างๆกันมีเมนู HotDish อยู่ 2 เมนูคือซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิวที่ดูภายนอกเหมือนจะย่างมาแห้งไปหน่อยเลยทำให้รสชาติค่อนข้างเค็มนำแต่เนื้อซี่โครงลุ่ยเอ็นต่างๆหลุดออกจากกระดูกได้อย่างง่ายดาย ข้างๆกันเป็นผักย่างไว้ทานเคียงกันทั้งมะเขือเทศย่าง/ข้าวโพดย่าง/เฟตูชินีย่าง เมื่อมีไก่ย่าง/คอหมูย่าง/ข้าวเหนียวนึ่งห่อในใบตองร้อนๆแล้วก็ต้องมีส้มตำ ที่มีให้ทานเพียงแค่ 2 เมนูคือตำไทยและตำไทยไข่เค็ม แต่เราสามารถนำเนื้อสัตว์ในไลน์อาหารมาให้เชฟปรุงให้เราใหม่ได้ อย่างเช่นผมเอาซาชิมิปลาแซลมอนมาเรียงในจานแล้วราดด้วยส้มตำไทย กลายเป็นตำไทยปลาแซลมอน โดยเชฟจะทำรสชาติเผ็ดกลางๆให้ ถ้าหากอยากทานรสเปรี้ยว/หวานเพิ่มเติมยังไงก็สั่งตรงได้เลยครับ
บุฟเฟ่ต์บนโรงแรมส่วนใหญ่มักจะมีให้ทานแค่น้ำเปล่า หรือว่าถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็มีน้ำอัดลม/ชา-กาแฟร้อนให้กดฟรีๆ แต่ที่นี่กลับมีน้ำชาและสมุนไพรชงในเครื่องทำความเย็นให้หลากหลายเมนูทั้ง น้ำเปล่า/ชาไทยเย็น/ชาเขียวเย็น/กาแฟเย็น/น้ำตะไคร้/น้ำมะตูม/น้ำเก็กฮวย/น้ำกระเจี๊ยบ/กาแฟร้อนจากเครื่องกดอัตโนมัติและชาถุงยี่ห้อ Dilmah ชงทานได้เรื่อยๆ ถือว่าเป็นโซนเครื่องดื่มในไลน์บุฟเฟ่ต์ที่มีให้เลือกแบบจัดเต็มสุดในบรรดาหลายโรงแรมที่เคยรีวิวมา
สุดท้ายคือโซนของหวานที่มีให้เลือกตั้งแต่ผลไม้สดทั้งแคนตาลูป/แก้วมังกร/แตงโม/มะละกอ ต่อกันด้วยเครื่องทำแพนเค้กอัตโนมัติที่กดปุ่นเดียวก็ได้แพนเค้กร้อนๆไว้ทานกับน้ำผึ้งและเมเปิ้ลไซรัปและไอศครีมทั้งหมด 2 รสชาติคือวนิลาและมะพร้าวกะทิเป็นแบบ Homemade ที่ถึงแม้ว่าเนื้อจะไม่ได้เนียนแต่รสชาติเข้มข้น/หวานกำลังดี อีกทั้งยังมีท๊อปปิ้งไว้ทานคู่กันอีก 6 อย่าง ดูเหมือนจะเป็นผลไม้แห้งและน้ำเชื่อมเอาไว้เพิ่มรสชาติของแพนเค้กกับไอศครีม
นอกจากนี้ยังมีขนมยุโรปและไทยให้เลือกทานอีกหลากหลายเมนูทั้งแพนนาคอตต้าแยมส้ม/แพนนาคอตต้าแยมบลูเบอรี่/คัพเค้กครีมช๊อกโกแลตชิพ/เค้กโรลครีมสดแน่นๆ/ช๊อกโกแลตเค้กหน้านิ่มโรยหน้าด้วยแอลมอนด์บด/เค้กโรลครีมสดรสส้ม/บัตเตอร์เค้กหน้าช๊อกโกแลต/เต้าส่วนร้อนๆ/ทองหยิบ/ขนมกล้วย/ขนมทองเอก/ขนมใส่ไส้/ขนมชั้นอัญชัน/ลูกชุบ/ฝอยทองและข้าวต้มมัด มีให้เลือกทานเรียงไว้อย่างละนิดหน่อยรสชาติโดยรวมของขนมหวานที่นี่คือทำรสชาติไม่ค่อยหวานนัก ทานได้เรื่อยๆและหลายๆอย่าง โดยรวมแล้วรสชาติอาหารของที่นี่ถือว่ากลางๆทานได้ทุกเพศทุกวัย(ไม่รสชาติจัดจ้านหรือมีความโดดเด่นไปที่อาหารประเภทใดประเภทหนึงหนึ่ง) คุณภาพวัตถุดิบที่ใช้นั้นถือว่าควรสมแก่ราคาที่ตั้งแต่ถ้าเทียบกับจำนวนเมนูอาหารที่นำมาเสิร์ฟในไลน์แล้วก็ถือว่าคุ้มเกินราคา 490 บาทไปเยอะ ใครที่ Office อยู่แถวนี้กำลังหาบุฟเฟ่ต์มื้อเที่ยงราคาเป็นมิตร หรือโรงแรมสำหรับจัดเลี้ยงแบบยกทั้งบริษัท ที่ห้องอาหาร BlueSpice & Herbs โรงแรม Grande Centre Point Terminal 21 ถือว่าเป็นอีก 1 ตัวเลือกของบุฟเฟ่ต์โรงแรมที่คุ้มค่ามากครับ รับเอาคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไป 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : ห้าง Terminal 21 ชั้น 5 เลขที่ 88 ซอย ถ.สุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110
เปิดทุกวัน 11.00 - 22.00 น. (เป็น A La Carte) บริการบุฟเฟ่ต์เริ่มทุกวันตั้งแต่ 11.30 - 14.30 น.
สำรองที่นั่ง/จองบริการบุฟเฟ่ต์มื้อเย็น(50คนขึ้นไป) โทร.02-108-0947
Facebook : https://www.facebook.com/BlueSpicePage/
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘
Comments