top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว Baan Sup-Pa-Rod บ้านสับปะรด รีสอร์ทบรรยากาศสุดชิลล์ติดริมทะเลในรูปแบบของบ้านสวนใจกลางเกาะเสม็ด

อัปเดตเมื่อ 23 ก.ย. 2566



วันนี้เป็นการรีวิวโรงแรมที่ 2 ในเครือของ Samed Resorts โดยคืนแรกเราก็ได้เข้าพักกันที่ Baan Ploy Sea บ้านพลอยสี เข้าไปอ่านรีวิวได้เลยที่นี่ bit.ly/2B54It2 รีสอร์ทที่เรามาเข้าพักวันนี้นั่นก็คือ Baan Sup-Pa-Rod บ้านสับปะรด จุดเด่นของที่พักตรงนี้คือเงียบสงบและถัดจากจุดท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างหาดทรายแก้วเพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายแต่ยังคงความเป็นส่วนตัวอยู่ด้วย เพราะห้องพักของที่นี่เป็นแบบบ้านแยกหลังอิสระเว้นระยะห่างออกจากกัน แถมยังอยู่ติดกับริมทะเลถึงแม้ว่าจะไม่สามารถลงเล่นได้แต่เดินไปรีสอร์ทข้างๆเพื่อเล่นสระน้ำและทะเลได้(มีประตูพิเศษที่เชื่อมถึงกัน) อีกทั้งไม่โดนแดดร้อนเพราะถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่บรรยากาศแบบบ้านสวน ทางเข้ารีสอร์ทนี้ก็สังเกตง่ายๆจะพบกับกำแพงสีเหลืองสว่างสะดุดตาเป็นแนวยาวตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงลานจอดรถด้านใน จะสวยงามแค่ไหนเราเข้าไปด้านในและ Check In กันเลยครับ ~

เมื่อจอดรถแล้วก็เดินเข้าไปในประตูที่อยู่ติดกับกำแพงสีเหลืองจะพบกับแผนที่รีสอร์ทขนาดใหญ่ ตรงเข้าไปอีกนิดจะเป็นอาคาร Reception สำหรับ Check In โดยใช้บัตรประชาชนเพียง 1 ใบเช่นเคย นอกจากนี้ก็ยังเป็นศูนย์รวมในการนั่งพักชิลล์ๆ/รับประทานอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย โดยสามารถมานั่งเล่นได้ตลอดทั้งคืนเลยตรงจุดนี้

จุดต่อมาเป็นระเบียงไม้ขนาดใหญ่สำหรับรับประทานอาหารชมวิวและรับลมทะเลไปด้วยในตัว ก่อนที่เราจะเดินไปยังห้องพักทางรีสอร์ทเสิร์ฟ Welcome Drink เป็นน้ำกระเจี๊ยบรสชาติหวานอมเปรี้ยวหอมสดชื่นกำลังดีเลยครับ

ระหว่างทางเดินไปที่ห้องพักเพิ่งสังเกตว่าที่นี่มีการทำห้องใหม่เกือบทั้งหมด ทุกห้องหันออกไปในทะเลโดยมีการสลับกันและยังมีที่ให้นั่งพักสำหรับชมสวน/รับลมทะเลตามทางเป็นระยะๆ ถึงแม้ว่าห้องพักติดทะเลก็จริงแต่เป็นโขดหินเกือบทั้งหมซึ่งไม่เหมาะกับการลงไปเล่นน้ำแต่เมื่อน้ำทะเลกระทบกับหินแล้วก็สวยงามมองเพลินไปอีกแบบ เดี๋ยวเรารีบไปเก็บของเข้าที่พักแล้วค่อยเดินไปดูสระว่ายน้ำรวมถึงจุดให้เล่นน้ำทะเลที่รีสอร์ทในเครือที่อยู่ข้างๆกันครับผม

มาถึงห้องพักกันแล้วโดยทุกห้องที่นี่จะถูกแยกเป็นบ้านหลังเล็กๆ มีทั้งหมด 32 หลัง ประกอบไปด้วย Garden View Cottage (พักได้ 2 คน) จำนวน 20 หลัง ห้อง Garden View Cottage Triple (พักได้ 3 คน) จำนวน 3 หลัง Sea Side Cottage (พักได้ 2 คน) จำนวน 6 หลัง บ้าน Family Room (พักได้ 6 คน) จำนวน 1 หลัง และ Resident Room (พักได้ 2 คน) อีกจำนวน 2 หลัง แต่วันนี้ห้องพักส่วนใหญ่ถูกปรับปรุงอยู่วันนี้เราเลยได้พักเป็นห้อง Garden View Cottage ถัดมาจากหลังที่ติดทะเลเล็กน้อยโดยบรรยากาศรอบๆถูกล้อมด้วยสวน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆถือว่ามีครบไม่ว่าจะเป็นเตียงแบบ 3 ฟุตนุ่มๆที่สามารถนอนชิดหรือแยกกันก็ได้ ทีวี/ตู้เย็นเล็ก/ผ้าขนหนู/ร่ม/ชั้นวางของและแขวนเสื้อผ้า ในส่วนของโซนเปียกถูกแยกไว้ด้านหลังสุดกั้นด้วยประตูไม้สไลด์ขนาดใหญ่มีสบู่/แชมพู/ชุดชงกาแฟ/น้ำดื่ม/กระดาษชำระ/ไดร์เป่าผมให้ครบ เบื่อก็ออกมานั่งรับลมที่หน้าบ้านได้เพลินๆดีครับ

ต่อไปเราจะพาไปดูสระว่ายน้ำที่เราต้องเดินไปใช้งานที่ Saikaew Beach Resort (ทรายแก้วบีชรีสอร์ท) โดยมีประตูพิเศษรั้วติดกันให้เดินตามป้าย To The Beach หรือ Swimming Pool ก็จะพบกับประตูสีเทาที่เปิดตั้งแต่ 08.00 - 22.30 น. แต่ถ้าคุณกลับมาไม่ทันเวลาสามารถเดินอ้อมไปที่ถนนใหญ่กลับมาได้แต่ไกลมากๆ ถึงแม้ว่าที่ทรายแก้วบีชรีสอร์ทจะมีสระว่ายน้ำให้เลือกหลายสระแต่ลูกค้าบ้านสับปะรดสามารถใช้ได้แค่สระเดียว คือสระที่อยู่ด้านในสุดติดกับประตูรั้วเท่านั้น และตลอดที่อยู่ที่นี่ต้องใส่กำไลข้อมือยางสีเหลืองของรีสอร์ทด้วย ส่วนหาดที่จะลงไปเล่นน้ำทะเลก็คือหาดเดียวกับจุดที่เราจะต้องมาพักพรุ่งนี้อยู่แล้ว เราเลยขอยกยอดไปรีวิวหน้าแทนแล้วกันนะครับ

เข้าไปที่พักนอนหลับสักงีบตื่นอีกทีก็เข้าสู่ช่วงเวลาเย็นซะแล้ว เห็นพนักงานนำโต๊ะและเก้าอี้โฟมนุ่มๆสีเหลืองมาวางไว้ตรงลานกว้างติดกับทะเล มีการเปิดเพลงเพราะๆสุดชิลล์ให้นั่งฟังคลื่นเคล้าเสียงดนตรีพร้อมกับจิบเครื่องดื่มหรือสั่งอาหารมาทานตรงลานนี้ก็ได้ ฟังเสียงคลื่นทะเลกระทบกับหินพร้อมมองไปไกลๆมีนักท่องเที่ยวมาดำน้ำในจุดใกล้ๆกับรีสอร์ทอีกด้วย แสดงว่าธรรมชาติแถวนี้อุดมสมบูรณ์อยู่ถ้าใครอยากดำน้ำก็สอบถามกับทางรีสอร์ทได้ครับ

ตอนนี้ก็หิวแล้วทางรีสอร์ทก็ได้เตรียมเมนูเด็ดเอาไว้ให้เราถึง 5 อย่างได้แก่ "ไข่เจียวฟูปูทะเล" ราคา 255 บาท เป็นไข่เจียวฟูกรอบนอกนุ่มในเต็มไปด้วยเนื้อปูและท๊อบปิ้งเนื้อปูก้อนไว้ด้านบนอีกชั้น รสชาติเค็มกลมกล่อมกำลังดีเพิ่มรสชาติด้วยซอสพริกศรีราชาอีกหน่อยทานกับข้าวสวยร้อนๆคือเด็ด จานต่อมาคือ"หมูสามชั้นทอดน้ำปลา"ราคา 175 บาท เป็นหมูสามชั้นหั่นชิ้นบางหมักด้วยน้ำปลาหอมๆก่อนจะนำไปชุบแป้งทอดจนสีเหลืองกรอบทั้งชิ้น ทานกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสชาติเปรี้ยว/เผ็ดโดนใจ จะทานกับข้าวสวยหรือจะสั่งเป็นกับแกล้มไว้ทานระหว่างนั่งจิบริมทะเลก็ดีครับ

เมนูต่อมาเป็นอาหารที่ธรรมดาแต่ติดจานแนะนำของที่นี่คือ "แกงเขียวหวานเนื้อ" ราคา 255 บาท แกงมาแบบข้นๆใส่ทั้งมะเขือและมะเขือพวงครบสูตรแต่สูตรเด็ดของที่ห้องอาหารนี้คือเชฟนำเนื้อไปตุ๋นในกะทิจนนิ่มเข้าเนื้อแล้วนำมันของกะทิที่แตกแล้วมาผัดกับเครื่องแกงเขียวหวานที่ตำขึ้นเอง จึงได้ทานแกงเขียวหวานเนื้อวัวสุดนุ่มหอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรเตะจมูก ยิ่งน้ำแกงข้นๆแบบนี้ทำให้ทานกับข้าวสวยได้หลายชามเลยครับ จานต่อมานั่นก็คือ "กุ้งแช่น้ำปลา" ราคา 285 บาท เป็นกุ้งกุลาดำผ่าหลังตัวใหญ่พิเศษเนื้อเด้งๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดสูตรเด็ดกัดเจอพริกสดและกระเทียมเม็ดโดดเผ็ดสะดุ้งโดนใจ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทานกุ้งเนื้อเด้งหรือกำลังมองหากับแกล้มดีๆมากครับ สุดท้าย "ผัดกระเพราปลาหมึก" ราคา 255 บาท เป็นปลาหมึกตัวขนาดกลางหั่นเป็นวงๆปรุงรสมาหวาน/เค็มกำลังดีที่โดนใจสุดคือเราสั่งแบบเผ็ดๆมาได้ดั่งใจมากๆ โดยรวมแล้วอร่อยทุกๆจานแปลว่าฝีมือเชฟที่นี่ไม่ธรรมดาเลยครับ

ทานข้าวเสร็จแล้วพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าไปเรื่อยๆ แต่ตรงจุดที่รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่ไม่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือลงได้ ใครคาดหวังที่จะเห็นพระอาทิตย์สีแดงลับขอบฟ้าแนะนำว่าคุณจะต้องไปพักที่ทรายแก้วบีชแทนนะครับ (รีสอร์ทในเครือที่ติดๆกันนี่เอง) เมื่อรีสอร์ทเข้าสู่สภาวะมืดสนิทสีสันสดใสของไฟตามจุดต่างๆก็ได้เวลาเปิดเผยโฉมเป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ โดยเฉพาะตรงลานนั่งดื่มเมื่อกี้มีการเปิดไฟกลมสีส้มเชื้อเชิญให้เรานั่งชิลล์ตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ ใครไม่ชอบร้านนั่งดื่มที่มีบรรยากาศวุ่นวายแถวหาดทรายแก้วมาพักที่นี่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ

เข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว และก็อย่างที่เราบอกไปเบื้องต้นแล้วว่าหากคุณคาดหวังจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น-ลงทะเลที่นี่ไม่ตอบโจทย์ แต่ถือว่าดีกับคนที่ชอบตื่นสายหน่อยเพราะพระอาทิตย์ไม่แยงตาตอนเช้าแน่นอน อาหารเช้าของที่นี่ถูกเสิร์ฟเป็นชุดมีตั้งแต่ A/B/C/D/E/F/G/H เลย แต่นอกเหนือจากอาหารชุดแล้วก็ยังมีโซนขนมปังปิ้ง/ผลไม้สด/สลัดผักและกาแฟสดให้เติมทานได้ไม่อั้น ก่อนอื่นเราหาที่นั่งกันก่อนเดี๋ยวโรงแรมจะยกมาทุกชุดให้เรารีวิวเลยครับ ~

ชุดอาหาร A-D จะคล้ายๆกันนั่นก็คือเป็นอเมริกันเบรคฟาสต์มีเบเกอรี่ให้ 2 ชิ้น นมสด+น้ำส้มอย่างละ 1 แก้ว ไข่ดาว/ไข่ต้ม/ออมเล็ต/ไข่คน เสิร์ฟคู่กันกับไส้กรอกไก่/เบคอนทอด/แฮม/มันฝรั่งอบ ยกเว้นชุด C จะเป็นแพนเค้กเสิร์ฟกับเมเปิ้ลไซรับและผลไม้แทน ส่วนชุด E-H เป็นอาหารเช้าไตล์ไทยทั้งข้าวต้ม/ข้าวผัด/ผัดซีอิ๊ว ที่เลือกเปลี่ยนเนื้อสัตว์ต่างๆได้ตามใจ (หมู/ไก่/กุ้ง/ปลาหมึก/ปู-เฉพาะข้าวผัดเท่านั้น/ปลา-เฉพาะข้าวต้มเท่านั้น) ยกเว้นชุด G ที่เป็นไข่เจียวเปล่าๆไม่สามารถใส่เนื้อสัตว์เพิ่มเติมได้ ส่วนรสชาติอาหารนั้นก็ดีงามตามมาตรฐานของอาหารไทยที่เราได้ทานเมื่อคืน ทานข้าวพร้อมกับชมหาดตอนมีแสงพระอาทิตย์และลมทะเลสาดอ่อนๆแบบนี้ทำให้อาหารอร่อยขึ้นไปอีกหลายเท่า อิ่มแล้วตอนนี้เราเก็บของพร้อม Check Out เพื่อจะเข้าพักที่ทรายแก้วบีชรีสอร์ทเป็นที่ต่อไปแล้วครับ

หากถามว่าทำไมต้องมาพักที่ Baan Sup-Pa-Rod บ้านสับปะรด บนเกาะเสม็ดแห่งนี้ สิ่งที่ได้อย่างแรกเลยก็คือความสงบและความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ตัวที่พักไปจนถึงร้านนั่งริมทะเลที่ไม่ต้องไปวุ่นวายกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆตามหาดยอดนิยม ที่ชอบอีกอย่างคืออาหารอร่อยไม่ต้องออกไปที่ไหนก็สามารถปล่อยชีวิตให้กิน-ดื่มที่นี่แล้วเสพเอาบรรยากาศได้ในราคาที่ไม่โหดร้ายเกินไป อีกทั้งราคาอาหารที่เห็นในเมนูนั้นไม่มีการบวกเพิ่มใดๆทั้งสินแล้ว ส่วนราคาห้องพักสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/31E2YQd หรือที่เว็บไซต์รับจองห้องพักชั้นนำทั่วไปได้เลย ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบเล่นน้ำ/ไม่ชอบแดดแต่อยากสัมผัสลมทะเลล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นที่นี่ถือว่าตอบโจทย์ครับ


พิกัด : เลขที่ 8 เกาะเสม็ด ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง 21160

เบอร์โทรศัพท์ : 02-438-9771

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/TravelAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 677 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page