Food Addicts - เสพติดการกิน
รีวิว Sushi Oku สุดยอดบุฟเฟ่ต์โอโทโร่ อร่อยได้เต็มที่ตลอด 1.30 ชม. กินหมดทั้งร้านก็จ่ายแค่ 1199++!!!
อัปเดตเมื่อ 15 มิ.ย. 2564
วันก่อนมาเที่ยวเล่นแถว K-Village สุขุมวิท 26 ก็เจอเข้ากับร้านนี้ Sushi Oku นี่มันร้านดังที่เขาแชร์กันเยอะๆนี่นา... เมื่อก่อนขายเป็นแบบ A la Carte แล้วขยับมาทำเป็นบุฟเฟ่ต์ Otoro ดูจากป้ายหน้าร้านแล้วไม่มีเมนูบุฟเฟ่ต์แปะหน้าร้าน ยังเป็นเมนูชุดอาหารอยู่เลย สอบถามน้องพนักงานที่ร้านว่าบุฟเฟ่ต์จริงหรอ ? ทำไมไม่มีป้ายเมนูหน้าร้าน ? จริงค่ะ คุณลูกค้าสามารถดูเมนูได้ที่เพจของร้าน ถ้าดีที่สุดคือจองมาก่อน หาก Walk In หน้าร้านมาก็ได้แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ทานอีกทีตอนไหนนะคะ ? เลยจัดการจองล่วงหน้าเอาไว้ขี้เกียจไปยืนรอนานๆแบบไร้จุดหมาย และวันนี้ก็ถึงคิวของเราแล้ว (ทางร้านมีการโทรมาคอนเฟิร์มก่อนด้วย) หลายเสียงว่าบุฟเฟ่ต์ที่นี่ดี ต้องมาลองซะละ
ภายในร้านถือว่าเล็กเลย การตกแต่งภายในร้านเป็นแบบญี่ปุ่นจริงๆ ค่อนข้างมืด ตกแต่งด้วยไฟสีส้มสลัวๆ มีโต๊ะให้นั่งทานอยู่ไม่กี่โต๊ะ มีโต๊ะโซนนอก/โซนใน ต้องเบียดตัวเองเข้าไปนั่งด้านใน สำหรับคนตัวใหญ่อย่างผมค่อนข้างลำบากไปหน่อยครับ แต่ถ้าไม่อยากเบียดกับใครก็นั่งตรงหน้าบาร์ได้เช่นเดียวกัน เดี๋ยวสั่งอาหารกันเลยครับผม
เมนูที่ร้านมี 2 ราคา คือบุฟเฟ่ต์ที่มีปลาแซลมอนเป็นหลัก ราคา 899++ (อันนี้ถือว่าแพงนะ ถ้าเทียบกับบุฟเฟ่ต์ปลาแซลมอนร้านอื่นๆ ถูกกว่านี้เกือบครึ่งได้มั้ง) และบุฟเฟ่ต์โอโทโร่ พร้อมวัตถุดิบแบบพรีเมี่ยมจัดเต็มราคาเพียง 1199++ อันนี้ถือว่าไม่แพง เพราะหลายๆร้านที่ทานมาก่อนหน้านี้ก็จัดบุฟเฟต์ราคานี้ ยังไม่กล้าเอาโอโทโร่มาเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์เลย แอบถามน้องที่ร้านว่า Blue Fin ใช้ไหม ไม่ใช่เอา Yellow Fin มาทำบุฟเฟ่ต์ ทางร้านยืนยันว่าใช้ Blue Fin Tuna 100% แต่ไม่ได้บอกว่าจับมาจากน่านน้ำไหน เดี๋ยวลองทานดูก็รู้ครับ ว่าใช้ของแพงจริง หรือจกตากันแน่ อยากทานเมนูไหนบ้าง กี่ชิ้น ก็เขียนจำนวนลงในใบสั่งของที่วางอยู่บนโต๊ะได้เลย แล้วอย่าลืมเขียนเลขที่โต๊ะด้วยล่ะ ส่วนเครื่องดื่มที่ร้านมีชาเขียวร้อน/เย็นให้ทานฟรี รวมถึงวาซาบิ/ขิงดอง/ซุปสาหร่าย ก็ขอเติมได้ไม่อั้นอีกด้วยครับ
ของในตู้แลดูจะล้นๆไปหน่อย (ระหว่างนั่งทานหันไปอีกที ของในตู้หมดเร็วมาก พอจะเข้าใจเหตุผลที่ต้องหั่นปลาทิ้งไว้ ใส่ของจนแน่นตู้แล้วแหละ) ดูแล้ววัตถุดิบต่างๆก็ใช้ของพรีเมี่ยมอยู่ ที่เห็นชัดที่สุดคงจะเป็นโฮตาเตะ ตัวใหญ่เตะตามาก มากุโร่ก็มีทั้งส่วนโอโทโร่ Akami ปลาแซลมอน มีมันปูกระป๋องจากญี่ปุ่นด้วย น่าสนใจมากๆครับ
ระหว่างรออาหารที่สั่งไป ขอไปนั่งดูตรงข้างๆเชฟกำลังหั่นโอโทโร่ชิ้นโตๆ ไขมันสวยมาก (ถ่ายไปกลืนน้ำลายไป) ฟัวกราวางไว้เป็นกอง เบิร์นไฟด้านหลัง กลิ่นหอมเต็มทั้งร้าน ปั้นข้าวเอาไว้ทีละเยอะๆแล้วห่อพร้อมกันทีเดียว เท่าที่สังเกตเสิร์ฟก้อนข้าวเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ให้ฟัวกราชิ้นใหญ่ดูเต็มคำไม่จกตา เอนกาวะลนไฟหอมๆ กลิ่นไหม้นิดๆ น่าทานสุดๆ ส่วนไข่ปลาแซลมอนที่ร้านใช้ ลูกโตอะไรขนาดนั้นอ่ะ ? ดูใช้ของเกรดไม่ธรรมดา กลับไปชิมที่โต๊ะกันครับ
เมนูแรกซูชิ Hotate Mantai Black Truffle รอบนี้เราเลือกสั่งแต่เมนูในช่อง Recommend ก่อน แล้วเดี๋ยวถ้าทานไหว ค่อยขยับขยายไปเมนูอื่นกัน เป็นซูชิหน้าหอยเชลล์ยักษ์ตัวโตที่อยู่ในตู้เมื้อกี้ โรยหน้าด้วยซอสเมนไทโกะ ราดมายองเนส ลนด้วยไฟ แต่งหน้าด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสีดำ และไข่ปลาแซลมอน อร่อยเกิ๊น!!! ปกติซูชิโฮตาเตะจะเนื้อหวานเนียนเบาๆ แต่อันนี้มีทั้งกลิ่นทรัฟเฟิล มันตัวซอส เค็มไข่ปลา และไข่ปลาแซลมอนแตกในปาก ได้หลายสัมผัสในคำเดียว หากคุณเป็นแฟนหอยเชลล์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แนะนำให้ลองสั่งเมนูนี้ครับ เปิดโลกใหม่เลย อร่อยเข้ากันสุดๆ
ต่อกันด้วยซาชิมิปลาแซลมอน เท่าที่ดูไม่ใช่ปลาแซลมอนเกรดบุฟเฟ่ต์ทั่วไปที่ซื้อมาจากห้างแมคโครมาแน่ๆ นอกจากริ้วไขมันใหญ่สวยงามแล้ว ยังมีริ้วไขมันเล็กๆแทรกลงไปอีกทั่วทั้งชิ้น คงไม่ต้องบอกนะครับว่ารสชาติดีแค่ไหน แค่มองด้วยตาก็รู้สึกอร่อยแล้วครับ ตามมาด้วยซูชิเอนกาวะ ให้มาชิ้นค่อนข้างใหญ่ มีการเบิร์นไฟมา มีกลิ่นหอมไหม้นิดๆ แค่เคี้ยวเบาๆก็ละลายหายไปวับในปาก ยอมรับว่าใช้ของดีจริง แต่ทานเยอะไม่ไหวไขมันจะจุกอกเอา
นอกจากซูชิแล้วยังมีข้าวหน้าจานเล็กด้วย ชามนี้เป็นฟัวกราอูนางิด้ง มีฟัวกราลนไฟ 2 ชิ้น และปลาไหลญี่ปุ่นย่างซอส 2 ชิ้น โรยหน้าด้วยหมี่กรอบ ไข่กุ้งและไข่ปลาแซลมอน ราดซอสด้งหวานเค็มแบบฉ่ำๆ อันนี้อร่อยมากครับ (ผมทานแต่ปลาไหล ส่วนฟัวกรายกให้แฟนทานเพราะเป็นเก๊าท์ทานไม่ได้) รสชาติด้งซอสเข้มข้น ปลาไหลซอสเข้าเนื้อ มีความกรอบของตัวหมี่ทอด และความหอมของข้าว อร่อยยกนิ้วให้เลยครับ ส่วนฟัวกราสอบถามกับแฟนว่ามีความคล้ายฟัวกราร้าน Copper ใครที่เคยไปทานมาก่อน คงจะจินตนาการออกนะครับ) Signature อีกอย่างของที่ร้าน เมนูเขียนว่า Binchou Toro ดูจากหน้าตา เป็นปลาเนื้อขาว แต่รสชาติไม่ใช่ นี่มันกลิ่นมากุโร่ ใช่แล้วครับมันคือมากุโร่สีขาว ใครที่ไม่ชอบกลิ่นมากุโร่ที่รุนแรง เมนูนี้ขอแนะนำเลยครับ ทานง่ายกลิ่นน้อยไม่เหมือนร้านไหนที่เคยทาน
วัตถุดิบที่เด็ดที่สุด ที่ใครต่างมาที่ร้านนี้ก็มุ่งที่จะกินมันก็ถูกยกออกมาแล้ว ซูชิโอโทโร่ 3 ชุด (ชุดละ 3 คำ) โรยหน้าด้านบนด้วยคาร์เวีย และไข่ปลาแซลมอน ส่วนรสชาติที่เราสงสัยล่ะ ? จับจิ้มโชยุเข้าปาก.... มันคือ Blue Fin Tuna ครับ ไม่มีกลิ่นคาวเลือด มีแต่ไขมันที่หวานอร่อยเต็มปาก แต่ไม่ได้ละลายเหมือน Omakase ที่ทานมาก่อนในประเทศญี่ปุ่น น่าจะมาจากน่านน้ำอื่น ความกรุบกรอบของไข่ปลาด้านบน ทำให้โอโทโร่ละมุนมากขึ้น ข้าวรสชาติของที่ร้านนี้ปรุงรสมาเปรี้ยวหวาน เข้ากันกับซูชิทุกหน้าได้เป็นอย่างดี บอกตามตรงว่าค่อนข้างเกินความคาดหมาย ใครที่กลัวว่าจะเป็น Yellow Fin เนื้อเหม็นเลือดพังพืดเยอะๆจนทานไม่ได้ ที่นี่ไม่นำมาเสิร์ฟจริงๆครับ แต่มื้อนี้เรา 2 คนสั่งแค่ 9 คำนี้แหละครับ ทานไม่ไหว มันจุกอกสุดๆ พะอืดพะอม การกินอาหารที่มันเกินไปแบบนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยดีแฮะ
Aburi Binchou Toro หรือซูชิหน้าทูน่าขาวลนไฟ อันนี้อร่อยกว่าแบบแรกในความเห็นส่วนตัวนะครับ มีความหอมจากการลนไฟตรงขอบ เพิ่มความกรอบ/หวาน/ฉุนขึ้นจมูกนิดๆ ด้วยหัวหอมฝานบางๆ อร่อยม๊าก / Kini Miso Yaki ที่นี่ย่างมาให้พร้อมทานเสร็จสรรพ เหมือนเอามันปูไปผสมกับไวท์ซอส แล้วย่าง ให้ความหอมมันปูอ่อนๆ เข้ากับตัวไวท์ซอสที่ผสมกัน รสชาติไม่รุนแรง ทานได้เรื่อยๆ ทานไปนึกถึงเส้นสปาเก็ตตี้เหมือนกันแฮะ น่าจะเข้ากันน่าดู
ซูชิฟัวกรา เบิร์นด้านนอกมากรอบ ด้านในเป็นครีมฉ่ำๆ ราดซอสรสหวานเค็ม แฟนผมว่าดีงามมาก ไม่แปลกใจที่โต๊ะอื่นจะสั่งแบบรัวๆ แต่เราไม่ได้ทานเลยอธิบายอะไรไม่ได้มาก และของโปรดของผม ซูชิปลาไหลย่างญี่ปุ่น อันนี้อร่อย ซอสเข้มข้น ไม่ต้องจิ้มโชยุกำลังพอดี เพิ่มความสดชื่นด้วยการแตะวาซาบิด้านบนอีกนิด อร่อยแจ่มเลยครับ
ต่อกันด้วยซูชิกุ้งโบตั๋น ตัวใหญ่ เนื้อกรุบกรับเวลาเคี้ยว ความหวานของตัวเนื้อกุ้งค่อยๆออกมา ไม่มีความเป็นเมือกเหนียวเหมือนร้านก่อนๆที่เคยทาน อร่อยดีครับ ส่วนเมนูนี้จ้องไว้ตั้งแต่ตอนทำที่เค้าท์เตอร์แล้ว ซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอน หลังจากที่ทานมาหลายๆที่ ที่นี่บอกเลยว่าเม็ดใหญ่กว่าหลายๆร้านที่เคยทานมา มีด้านในความหวานฉ่ำ เค็มนิดๆ(เป็นรสที่เค็มตามธรรมชาติ ไม่ได้ดองโชยุมาแน่นอน) ยิ่งทานกับแตงกวารสหวานกรอบ เข้ากันได้เป็นอย่างดี แฟนผมเป็นสาวก Ikura บอกเลยว่าเยี่ยมยอดครับ ไม่เค็มจนไตสั่นเหมือนบุฟเฟ่ต์ไข่ปลาแซลมอนแบบที่ร้านอื่น
เมนูในรายการ Recommend อย่างสุดท้าย Salmon Cheese Stick ตอนแรกนึกว่าจะเป็นปลาแซลมอนย่าง ใส่ชีสเค็มธรรมดาทั่วไป แต่ที่นี่อัพเกรดกว่า คือใช้ปลาที่อยู่ในตู้นั่นแหละมาย่างให้ทาน เอาปลาเกรดซาชิมิมาทำซึ่ง แน่นอนครับ หวานฉ่ำ ไขมันแตกในปาก ตัดความเค็มด้วยชีสกรุบกรอบนิดๆด้านนอก อร่อยม๊าก สมเป็นเมนูแนะนำ
ตอนนี้คือนั่งสมองตื้ออยู่บนโต๊ะ ไขมันจุกอกจนแทบทนไม่ไหว ต้องรีบสั่งเมนูเปรี้ยวเผ็ดมาชุบชีวิต เลยสั่งเป็นโฮตาเตะ ทาทากิ หรือยำหอยเชลล์ญี่ปุ่น หอยเชลล์เอามาสไลด์บาง คลุกกับน้ำยำรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ใส่หอมใหญ่ซอยเยอะๆ ทานแล้วตื่นเลยครับ เนื้อหอยหวาน เข้ากันได้ดีกับน้ำยำแซ่บๆ (คล้ายกำลังทานเมนูปูไข่ดองเหมือนกันแฮะ) เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยต่อกับเมนู Otoro Temaki หรือมากิทรงกรวยไส้โอโทโร่ พร้อมกับสาหร่ายและไข่กุ้ง ด้านในไม่ได้ปรุงรสด้วยมายองเนสใดๆเลย อันนี้เลี่ยนมาก คำใหญ่ กว่าจะเคี้ยวหมดนานอยู่เหมือนกันครับ เหนื่อยกับโอโทโร่
เห็นว่ามันปูเมื่อกี้อร่อยดี และดูแล้วที่นี่ใช้มันปูนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นกระป๋อง เลยสั่งเป็นซูชิมันปูมา 1 ชุด บอกเลยว่ารสชาติเข้มข้นกว่าที่ทานไปรอบแรก 3 ถึง 4 เท่า ถ้าใครชอบก็อร่อยครับ แต่ถ้าไม่ชอบบอกเลยว่ากลิ่นและรสชาติรุนแรงมาก ขอเตือนไว้ก่อน แต่ส่วนตัวผมชอบครับ ติดใจข้าวหน้าฟัวกราปลาไหลจานเมื่อกี้ แต่เราไม่ทานฟัวกราเลยสั่งเป็นข้าวหน้าปลาไหลแทน อันนี้ไม่ค่อยประทับใจ เหมือนเอาปลาไหลหน้าซูชิมาวางให้เยอะๆ ใส่ไข่หวานให้นิดหน่อย ไม่ได้ปรุงรสด้วยซอสสูตรพิเศษ หรือหมี่กรอบแบบจานแรก โดยรวมพอทานได้ แต่ชอบอันแรกมากกว่า
ตอนแรกกะว่าจะปิดท้ายด้วย Unagi Temaki แล้วก็พอละไม่ไหวแล้ว (เป็นซูชิแบบกรวยสอดไส้ด้วยปลาไหลญี่ปุ่นย่างและไข่หวาน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแตงกวาเย็นๆ อร่อยดี) แต่น้องพนักงานเดินมาที่โต๊ะ บอกว่าวันนี้มีวัตถุดิบพิเศษ ไม่มีในเมนูบุฟเฟ่ต์ เป็นทูน่าส่วนเนื้อแดงล้วน หรือ Akami สนใจไหมคะ ? นานๆวัตถุดิบชิ้นนี้จะเข้าที อ่ะเอามาลองสักชุด ถึงจะเป็น Akami แต่ก็มีความแทรกมันบางๆ กลิ่นและรสมากุโร่เต็มเปี่ยม แต่ไม่ได้รู้สึกเลี่ยนจนจุกอกทานแต่เมนูอื่นไม่ไหวแบบ Otoro ใครอยากทาน ตอนจองสอบถามน้องที่ร้านได้นะครับ ว่าของเข้าวันไหน?

ข้อเสียของที่ร้านนี้เจอแล้ว ไม่มีของหวานปิดท้ายให้ ตอนนี้ไขมันปลาจุกอกมาก เดี๋ยวรีบวิ่งเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อไอศครีมรสเปรี้ยวๆสักถ้วยดีกว่า มื้อนี้ถ้าเราไม่ทานเป็นบุฟเฟ่ต์ ราคาจะอยู่ที่ 11,405 บาท แต่มื้อนี้เราจ่ายแค่ 2,694 บาท ราคานี้รวมค่า Vat. และ Service Charge อีก 12% แล้ว ตกจ่ายคนละ 1,347 บาท ถ้าเอาความคุ้มและดีอ่ะ ร้านนี้ได้คะแนนไปเต็มๆ แต่ส่วนตัวแล้วอยากให้เพิ่มเมนูแก้เลี่ยนมากกว่าแค่ยำอีกหน่อย ขอหวานสักที่นึงจะ Perfect มาก แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว สำหรับบุฟเฟ่ต์ร้าน Sushi Oku เอาไป5 ดาวจ้า 🌟🌟🌟🌟🌟
พิกัด : 93,95 โครงการเควิลเลจ ห้อง B103 ซอย สุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กทม. 10110
ร้านปิดทุกวันจันทร์ เปิดวันละ 2 เวลา 11.00 - 14.00น. และ 17.00 - 22.00 น.
โทร. 02-661-5228
Facebook : https://www.facebook.com/sushioku/
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘