Food Addicts - เสพติดการกิน
รีวิวท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ไปกับทัวร์โปรไฟไหม้ ฉบับผู้เริ่มต้นเดินทาง (ตอนที่ 3 ชมวัฒนธรรม-แหล่งช็อป)
อัปเดตเมื่อ 15 มิ.ย. 2564

อ่านรีวิวตอนที่ 1 >>> https://bit.ly/2QHvHh6
อ่านรีวิวตอนที่ 2 >>> https://bit.ly/2NYhwWo
วัฒนธรรมของประเทศเกาหลีใต้ ยังมีความน่าสนใจมาก ถ้าลองมาย้อนดูเมื่อหลายปีก่อน ประเทศนี้เรียกได้ว่าไม่มีความน่าสนใจเลย แต่หลังสงครามเกาหลีเพียงแค่ 60 ปี หรือ 1 ช่วงอายุคนเท่านั้น ทำไมประเทศถึงพัฒนาแบบก้าวกระโดด มาอยู่แนวหน้าระดับโลก ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากทราบเหมือนกันครับ แล้วประวัติศาสตร์ของเกาหลีเมื่อก่อนนั้น มีความน่าสนใจแค่ไหน แล้วทำไมต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ทั้งหมด จะเล่าให้ฟังในรีวิวนี้ครับ
และเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ก็ต้องช็อปให้จุใจกันสักหน่อย จากตอนที่แล้วเราเคยบอกแล้วว่า สินค้าที่ขายกับทัวร์นั้นราคาแพงมาก วันนี้เราจะบอกร้านขายสินค้าของฝากราคาถูกให้ทุกคนได้ทราบกัน ใครจะไปทัวร์ก็เตรียมอดเปรี้ยวไว้กินหวานได้เลยครับ หวานฉ่ำแน่ๆ

เช้าวันที่ 3 โปรแกรมทัวร์วันนี้จะพาไปเที่ยวในโซล มีโปรแกรมเข้า Trick Eye Museum ชมพระราชวังเคียงบก เข้า Duty Free แล้วไป ช็อปที่เมียงดง อันสุดท้ายแนะนำว่าแลกเงินมาลงที่นี่ให้หมด ครบและคุ้มค่าที่สุดในทริปนี้แล้ว เดี๋ยวจะบอกชื่อร้านขายของฝากราคาถูกในในรีวิวนี้ครับ
วันนี้ตื่นมาทานอาหารเช้าของโรงแรม Hotel L'Art เนื่องด้วยคนจีนที่โรงแรมนี้เยอะมาก อาหารเรียกได้ว่าจืดสนิทเลย ทั้งข้าวผัด ทาโกะยากิ ผัดวุ้นเส้นจับเฉ เฟรนซ์ฟรายแห้งๆ มีแต่กิมจิ ซีเรียลอาหารเช้า ขนมปังที่พอทารได้ ถึงแม้โรงแรมวันแรกจะหรูไม่เท่า แต่อาหารเช้าดีกว่าที่นี่เยอะ คืนต่อไปก็พักที่นี่อีก ต้องวางแผนไปซื้ออาหารเช้าที่ GS25 แทนแล้วกัน
ที่แรกที่เราจะไปเที่ยววันนี้คือ Trick Eye Museum กับ Love Museum ต้องอายุ 18+ ถึงจะเข้าอย่างหลังได้นะ แต่เราไม่เข้าครับ เอาบัตรให้นักท่องเที่ยวคนอื่นไป แล้วไปเดินเล่นรอบๆดีกว่า เพราะเคยเห็นตามรีวิวอื่นๆแล้ว ก็แค่เข้าไปถ่ายรูปกับภาพ 3 มิติหลอกตา เพราะดูแล้วที่นี่อยู่กลางเมือง มีสิ่งที่น่าสนใจเยอะกว่า อีกอย่างจุดที่เราอยู่มีร้านค้าน่าสนใจเยอะมาก แต่ดูเงียบๆหน่อยนึง เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตอนรออีกสักพักถึงร้านจะเปิด
ร้านค้ายังไม่ค่อยเปิด แต่เจอร้านกาแฟนี้เปิดอยู่ ชื่อร้านว่า Coffee Lab ร้านรูปเมล็ดกาแฟติดดาว เคยได้ยินว่ากาแฟที่เกาหลีนั้นรสชาติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่มาถึงแล้วจะได้ยินอย่างเดียวแต่ไม่ได้เข้าปาก ต้องลองให้รู้สักหน่อย สั่ง Vanilla cafe Latte เย็น ราคา 4,500 วอน รสชาตินั้นคล้ายโกปิโก้บ้านเราเลย อร่อยกลมกล่อม หอมกาแฟผสมไซรัปวนิลาอ่อนๆ ไม่หวานจนเกินไป อร่อยดีครับ ไม่ได้แย่อย่างที่คนอื่นบอก ในทริปนี้ยังไม่เคยเจอกาแฟรสชาติไม่อร่อยเลย ใครรักการดื่มกาแฟที่เกาหลีมีร้านให้เลือกเยอะมาก ลองดูสักร้านแล้วประเมินรสชาติด้วยตัวคุณเอง อย่างน้อยก็ดีกว่าเชื่อคำพูดที่ใครบอกต่อกันมาแน่นอน
เดินเข้ามาในซอยย่านนี้เรียกว่าย่าน Seogyo-dong มีร้านค้าเยอะแยะมากมาย แต่ยังเปิดไม่กี่ร้าน ก็มาเจอกับร้านเครื่องสำอางแบรนด์ The Saem เห็นราคามาส์กหน้าถูกมาก 10 แผ่น 7,500 วอน ลองเข้าไปดูพนักงานน่ารักมาก พยายามสอบถามว่าเราต้องการอะไร ผมต้องการลบเลือนริ้วรอยดำบนใบหน้า เขาเลยแนะนำมาสก์ O2 สำหรับผู้ชายให้ เอามาเทสหลังมือ พอทาแล้วจะมีฟอง เช็ดออกด้วยกระดาษเปียก แล้วเอามือ 2 ข้างมาเทียบกัน ขาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำยังไงล่ะ ซื้อสิ 30,000 วอนได้ Tax Refund ด้วย ทั้งถุงนี้ 30,000 กว่าวอน ได้มาส์กหน้าแบบขวด แบบแผ่น 10 แผ่น โฟมล้างหน้าสมุนไพร โฟมล้างหน้าสครับเปลือกไข่ มีของแถมให้อีกเพียบทั้ง อายแชโดว์ มาส์กหน้าหอยทองคำ และเทสเตอร์อีกหลายตัว น่ารักจริงๆเลย ใครมาแถวนี้ ร้านนี้แนะนำครับ สินค้าไม่แพง ทดลองแล้วเห็นผลทันที พนักงานเป็นมิตรมาก ถ้าเทียบกับที่ไกด์พาไปแล้ว คนละเรื่องเลย
มื้อเที่ยววันนี้ไกด์พามาทานที่ร้านชื่ออะไรไม่ทราบเป็นภาษาเกาหลี แต่เมนูหน้าร้านมีภาษาไทยกำกับด้วย แปลว่าน่าจะมีทัวร์มาบ่อยๆ มื้อนี้เราทานจิมทัก มันคือไก่ตุ๋นในซอสซีอิ๊วรสหวานหอม คล้ายพะโล้ ใส่วุ้นเส้นเกาหลีเส้นหนาๆ ทานกับข้าวสวยเคียงด้วยกิมจิและซุปสาหร่าย ทำรสชาติเข้มข้นมีรสเผ็ดอ่อนๆ อร่อยมากครับ ไหนๆก็มาร้านอาหารที่มีเมนูหลากหลายแบบนี้ สั่งเมนูขึ้นชื่อของประเทศนี้ที่มักจะเห็นในซีรี่ย์หลายเรื่อง นั่นคือ จาจังมยอน หรือ จาจังเหมี่ยน บะหมี่ซอสดำสไตล์เกาหลี จานนี้เราสั่งเองจ่ายเงินเอง เป็นรายการที่นอกเหนือจากอาหารในทัวร์นะ อาหารจานนี้เป็นอาหารจีน แค่ได้รับความนิยมที่นี่เฉยๆ รสชาติคือจืด แต่เส้นเหนียวนุ่ม ซอสถั่วดำหมักหอมๆ รสชาติอาหารจีนนี่แหละ อย่าคาดหวังว่ามันจะอร่อยมาก แต่อย่างน้อยก็เคยได้ลองแล้ว นอกจาก 2 เมนูที่กินแล้ว ที่ร้านมีหลากหลายเมนูมาก แต่อิ่มกินไม่ไหวแล้ว ค่อยโอกาสรอบหน้าแล้วกันนะ
กินข้าวอิ่มแล้วโปรแกรมทัวร์วันนี้พาเราไปที่ พิพิธพันธ์ คนเกาหลี เป็นศูนย์ให้ความรู้เกี่ยวกับชีวิตและความเป็นอยู่ของคนเกาหลีในสมัยก่อน ทั้งความเป็นอยู่ ความเชื่อ การแต่งกาย พิธีกรรมแต่งงาน งานศพ การบูชาเทพ การรักษาด้วยแพทย์แผนโบราณสมัยก่อน ที่จริงยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ได้เข้าไปชม เพราะเวลาแต่ละจุดค่อนข้างจำกัด ถ้าใครอยากมาชมแบบเต็มๆ แนะนำว่าให้เวลาที่นี่ทั้งวัน ถึงจะเดินชมได้ครบทั้งหมดจริงๆ
เดินทะลุมาด้านหลัง ก็จะเข้าสู่ทางเข้าพระราชวังเคียงบก เป็นประตูด้านหลังพระราชวัง มีการบอกเวลาเปิดปิด ค่าเข้าชม ยิ่งมาหลายคนราคายิ่งลดลงไปอีก แต่เรามากับทัวร์ก็เดินเข้าตัวปลิวได้เลยครับ ภายในพระราชวังก็จะมีการจัดแสดงพระตำหนักในสมัยก่อน ด้วยความที่เกาหลีเป็นเมืองขึ้นของจีนมาก่อน การสร้างพระราชวังไม่สามารถสร้างให้ใหญ่เทียบเท่าที่จีนได้ เนื่องจากมีข้อตกลงกัน จึงเน้นสร้างเล็กแต่เยอะแทน ทำให้มีพื้นที่กว้างและมีตำหนักกระจายอยู่ทั่วไป การก่อสร้างนั้นมีความเชื่อคล้ายกับจีน คือตามหลักฮวงจุ้ย มีเทพประจำราชวงศ์เป็นมังกร ส่วนที่เป็นจุดพีคมีอยู่ 2 จุด คือพระตำหนักกลางน้ำที่สวยงาม น้ำใสมาก และพื้นที่ลานหน้าพระราชวังที่ใหญ่โตอลังการ มีการจัดชุดเวรยามคอยเปลี่ยนเหมือนสมัยก่อน ซึ่งพระราชวังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ตามประวัติศาสตร์และพิมพ์เขียวที่เป็นผังเมืองในสมัยนั้น
ทำไมต้องสร้างใหม่??? ต้องเรียกได้ว่าเกาหลีสมัยก่อนนั้น เป็นเมืองขึ้นทั้งจีน และญี่ปุ่น โดนทำลายจนหมดสิ้นในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครอง เป็นเมืองที่เพิ่งผ่านประวัติศาสตร์อันโหดร้ายมาก่อน คนที่เคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาบางคนยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ ทำให้มีแรงผลักดันในการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาหมด ในเวลาเพียงแค่ 1 ช่วงอายุคน เปรียบได้ดั่งนกฟินิกส์ที่ตายไปกี่ครั้งก็ยังฟื้นกลับมาได้ ส่วนประวัติศาสตร์เชิงลึกนั้นลองไปค้นหาจากแหล่งอื่นๆดูครับ เพราะถ้าให้เขียนจะเหมือนเป็นการสร้างความเกลียดชังกันมากเกินไป เอาเป็นว่ามองให้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกแล้วกัน

ชมพระราชวังเคียกบกเสร็จแล้ว ต่อมาทัวร์ก็พาเราช๊อปอีกแล้วกับ Dongwha Duty Free เป็นร้านค้าขายสินค้าแบรนด์เนมปลอดภาษี คล้ายๆ King Power บ้านเราแต่เล็กกว่า โดยมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้น 1 - 4 ใครอยากได้อะไรซื้อเลยครับ ราคาพอๆกับ Duty Free ที่สนามบิน แต่ชั้น 5 จะเป็นสินค้าแบรนด์เกาหลี ที่ราคาแพงกว่าด้านนอก โดยจะมีเซลล์คนไทยเยอะเป็นพิเศษ โดยไกด์จะพยายามนำลูกทัวร์ขึ้นไปส่งด้านบน ราคาเครื่องสำอางอย่าง The Saem ด้านบนแพงกว่าที่ไปซื้อมา มาสก์ O2 ตัวเดียวกัน ขาย 20,000 วอนแล้ว มาสก์ขายแพ็ค 10 แผ่น 15,000 วอน วางไว้ที่เดิมเลยจ้า ที่เราซื้อมาถูกกว่าเยอะของแถมเพียบ อุปกรณ์อื่นๆ อย่าง Samsung Gear ราคาพอๆกับใน Lazada ส่วนกระทะ Happy Call ชุดกระทะ 2 ใบ คิดเป็นเงินไทย 3,000 กว่าบาท ราคาพอกับตัวแทนขายที่ไทย แต่ถ้าช่วงโปรโมชั่นราคาที่ไทยถูกกว่าแน่นอนครับ
ต่อมาเป็นจุดที่อยากนำเสนอมากที่สุด ปลดปล่อยวิญญาณนักช็อปของคุณออกมาให้เต็มที่ เพราะที่นี่คือย่านเมียงดง พงป่าเขาลำเนาไพร (ใช่ที่ไหนล่ะ) มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร Street Food เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ของฝาก ราคาไม่แพง ให้เอาเงินมาลงที่นี่ให้หมด เพราะราคาถูกจริงๆ เพริ่มอย่างสำรวจของกินก่อน เพราะมีเวลาเดินตั้ง 2 ชม. ของกินที่นี่จะเป็น Street Food แบบเกาหลี ที่คล้ายๆกันเช่น ไก่ทอด คิมบับ ของเสียบไม้ทอด ย่าง ต๊อกโปกี กุ้งลอปเตอร์ หอยย่าง ผลไม้ มีของหวานแปลกๆบ้างเวียนวนมานิดหน่อย แต่ส่วนมากจะขายของคล้ายๆกัน เลยรวยรวมรูปภาพความน่ากินของร้านค้าในย่านนี้มาให้ชมกันครับ เพราะทานเยอะไม่ได้ มื้อเย็นเป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแบบจัดเต็ม ไกด์เตือนเราไว้ก่อนแล้ว ไปลุยตลาดกันครับ น่าเสียดายฝนตกปรอยๆนิดหน่อย ร้านค้าเปิดไม่เต็มที่ ถ้าฟ้าเปิด น่าจะมีร้านค้าและสิ่งที่น่าสนใจมากกว่านี้แน่นอน
จะเดินโดยที่ไม่กินอะไรเลยก็ไม่ใช่เรา วันนี้มี 1 เป้าหมายคือ ต้องทานไอศครีมโคนเล็กๆ ยอดสูงๆให้ได้ เดินมาเจอร้านนึงพอดี 2,000 วอนเอง มีหลายรสชาติด้วย ทั้งวนิลา ช๊อกโกแลต สตรอเบอรี่ มะม่วง ชาเขียว บลูเบอรี่ โยเกิร์ต สั่งเลยจ้า เอาสตรอเบอรี่ มะม่วงใน 1 โคน โคนสูงใหญ่สะใจ ส่วนรสชาตินั้นเรียกว่าใช้ได้นะ รสแบบไอศครีมโยเกิร์ตใสๆมีกลิ่นผลไม้ ส่วนตัวชอบมะม่วงมากกว่าได้รสชาติคล้ายมะม่วงบ้านเราเลยล่ะ
เดินสำรวจราคาร้านของฝากในย่านนี้ได้ทำการสรุปมาแล้วว่าจะซื้อที่ร้านนี้ ร้าน La La Mart เพราะดูแล้วราคาถูกที่สุด มีคนซื้อเยอะสุด ส่วนอีกร้าน Korean Mart แพงกว่าบางรายการ แต่ของเยอะกว่า ทั้งสองร้านสามารถทำ Vat Refund ได้อีก (ร้านเครื่องสำอางที่ไปมาวันก่อนบังคับ 90,000 วอนถึงจะทำ Vat Refund ที่สนามบินได้) ร้านค้าทั่วไปด้านนอก 30,000 ก็ทำได้แล้ว มาถลุงเงินกันเลยดีกว่า ราคาสาหร่ายที่นี่ถูกมา 12 ชิ้น 3900 วอน บ้านสาหร่ายที่เราไปหมื่นกว่า ช๊อกโกแลตเคลือบส้มตากแห้ง ถูกกว่าเกือบครึ่ง มาส์กหน้าถูกเวอร์ ถูกแค่ไหน เอาราคาตัวอย่างมาให้ชมครับ ได้ของเต็มถุง จุใจมาก มีครบทุกอย่าง ขนม สาหร่าย เครื่องสำอาง โสมแห้ง กาแฟโสม โสมสกัด กิมจิ ซุปสำเร็จรูป ไอศครีม ที่เดียวจบราคาถูกกว่าร้านที่ทัวร์พาเราไปอย่างแน่นอน
ซึ่งวันพรุ่งนี้(ตอนต่อไป) ทัวร์จะพาเราไปศูนย์โสม น้ำมันสนแดง ฮอกเก็ตนามู ใครจะซื้ออะไรรีบซื้อจากที่นี่ครับ ถูกกว่ามาก น้ำมันสนแดงสกัด ฮอกเก็ตนามู โสมสกัด มีขายที่นี่ทั้งหมด และราคาถูกกว่า 1 เท่าจากราคาที่เสนอขายให้เราแน่นอนครับ แต่ไม่มีขายที่ร้านนี้นะ แต่ย่านนี้มีร้านยาที่ขายสมุนไพรสกัดอย่างที่ว่าหลายร้านเลยล่ะ สังเกตป้ายรูปโสมสีแดงด้านบน มักจะเป็นร้านสมุนไฟรของเกาหลี อยากได้อะไรรีบซื้อซะที่นี่ครับ พยายามรีบเดินหากันหน่อยล่ะ
ย่านเมียงดงเรียกได้ว่า กว้างมาก แต่ในที่สุดเราก็ได้ของฝากครบทั้งหมดแล้ว หมดไปแค่ 60,000 วอน ได้ของมา 2 ถุงใหญ่ๆ ช็อปปิ้งเหนื่อยแล้ว มานั่งพัก ซื้อคิมบับมารองท้อง ที่นี่แปลกดีคือมีหลายไส้ทั้งบูลโกกิ บูลโกกิรสเผ็ด กิมจิ ทูน่า แฮมเกาหลี ผักดอง 6 ชิ้น 2,000 วอน รสชาติพอทานได้นะ หอมน้ำมันงาด้านนอกข้าวไม่ได้ปรุงรส ไส้แต่ละตัวให้รสชาติแตกต่างกันไป แต่ชอบสุดคือบูลโกกิรสเผ็ด อร่อยแซ่บดี อีก 1 สิ่งที่คนไม่แนะนำแต่เราอยากลอง คือไส้กรอกปลาของที่เกาหลี ที่เขาว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าอภิรมย์นัก ซื้อรสชีสกุ้งมาลอง 1 ชิ้น 1,000 วอน ถูกกว่าที่ GS25 500 วอน รสชาติเหมือนแป้งกลิ่นกุ้งและชีส นุ่มๆ เหมือนข้าวเกรียบกุ้งที่สัมผัสนุ่มๆ ถ้าเลือกได้ก็อย่าทานเลย ก็ทานได้แหละแต่ไม่แนะนำ ถ้าเอาไปต้มกับต๊อกโปกีน่าจะอร่อยนะ เหมือนแป้งต๊อกรสปลาประมาณนั้น
มื้อเย็นนี้ปิดท้ายด้วยบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างมื้อเย็น สไตล์เกาหลีมีทั้งแฮม ไส้กรอก เนื้อวัว เนื้อหมู ทั้งสดและหมัก อาหารเกาหลีพร้อมทาน ซุป และของหวาน เรียกได้ว่าครบครัน มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่ได้ทานเนื้อวัวที่เกาหลีสักที รสชาติน้ำจิ้มเหมือนร้านอื่น แต่ข้าวคลุกสาหร่ายร้านนี้อร่อยมาก สาหร่ายหอม ข้าวเหนียวหนึบ กิมจิอร่อย ทานกับเนื้อยิ่งเข้ากัน เนื้อวัวที่นี่ก็ไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ กลิ่น ความนุ่ม เหมือนร้านบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างบ้านเราไม่มีผิด แต่การย่างแปลกหน่อยคือย่างบนกระดาษไข แบบเดียวกับที่ใช้อบเบเกอรี่ ไม่มีอันตรายใดๆ ใช้เสร็จ ไหม้ก็เปลี่ยนมีกระดาษให้เปลี่ยนอยู่บนโต๊ะ ทุกอย่างบริการตัวเอง ถือว่าร้านนี้ได้ในเรื่องความหลากหลายครับ ถ้ารสชาตินั้นให้ปิ้งย่างร้านแรกดีกว่า ทั้งความนุ่มของหมู รสชาติ และอุปกรณ์การย่าง ดีกว่าร้านนี้ แต่ที่นี่เครื่องเคียงอร่อยกว่า ดีคนละแบบครับ
วันนี้เหนื่อยมาก หมดแรงไปกับที่เมียงดงเยอะมากในการเดินหาร้านที่ราคาดีที่สุดในการซื้อของฝากกลับไทย เรียกว่าขึ้นรถหลับเป็นตาย คืนนี้พักที่โรงแรมเดิม ไม่ได้ออกไปไหนครับ จัดเอาของที่ซื้อมาเยอะแยะใส่กระเป๋ารัวๆ พรุ่งนี้ไกด์บอกว่าจะโทรมาปลุกเวลา 6.00 รีบนอนแล้วกันครับ เพราะเป็นวันสุดท้าย รายการทัวร์มีแต่เข้าแหล่งช็อปปิ้งทั้งนั้นเลย ทำให้รายการเที่ยวโดนเบียดเวลาน้อยลงไปอีก ต้องรีบตื่นแต่เช้า แล้วพบกันตอนหน้าครับ
อ่านรีวิวตอนสุดท้าย >>>> https://bit.ly/2DmwS33
อ่านแล้วสนุก รบกวนกดไลค์เราที่เพจ FB ของเราด้วย> www.facebook.com/FoodAddictsThai <
จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘