Food Addicts - เสพติดการกิน
รีวิวท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ไปกับทัวร์โปรไฟไหม้ ฉบับผู้เริ่มต้นเดินทาง (ตอนที่ 2 สวนสนุก Ever-Land)
อัปเดตเมื่อ 15 มิ.ย. 2564

อ่านรีวิวตอนที่ 1 >>> https://bit.ly/2QHvHh6
สวนสนุกดินแดนในฝันของหลายๆคนที่อยากเข้าไปสักครั้ง อย่าง Disneyland ถือว่าเป็นอันดับแรกๆ แต่คุณก็รู้ ที่นี่ประเทศเกาหลี การจะเห็นตราสินค้าต่างชาติเป็นเรื่องที่เห็นได้ยาก แม้กระทั่งสวนสนุกของที่นี่ ยังสร้างมาสคอต และทำเรื่องราวของของตัวเองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ยังมีความสวยงามน่ารัก ในแบบฉบับของเขาอยู่ วันนี้เป็นวันที่ 2 ของทริปเกาหลีใต้ Highlight ของวันนี้ที่รอคอยคือ สวนสนุก Ever-Land เราจะลงรูปและบรรยากาศลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมีเวลาเดินแค่ 2 ชม. เองเรียกได้ว่าเดินปั่นจนขาหนีบไหม้เลยทีเดียว จะเป็นยังไง ไปอ่านและชมในรีวิวนี้กันได้เลย
เช้าวันที่ 2 ที่ประเทศเกาหลีใต้ลงมาทานอาหารเช้าที่ชั้น B1 คือใต้ดินของทางโรงแรม เป็นอาหารเช้าสไตล์เกาหลี มีข้าวผัด ทานกับกิมจิ ไส้กรอก สาหร่ายแผ่นกรอบ และซุปสาหร่ายหรือใครไม่สันทัดอาหารเกาหลี ที่นี่ยังมีขนมปังปิ้งกับแยมแบบซองใช้งานง่าย ขนมปังกระเทียม นมเปรี้ยว น้ำส้ม และซุปข้าวให้ทานด้วย อาหารรสชาติโดยรวมพวกน้ำอย่างนมเปรี้ยวหรือน้ำส้ม รู้สึกได้เลยว่าเป็นน้ำสังเคราะห์ ปรุงรสมาไม่ใช่ของแท้ แต่รสชาติไม่แย่นะ ไส้กรอกแป้งเยอะไปหน่อย แต่ก็ถือว่าปกติของที่นี่เท่าที่อ่านรีวิวต่างๆมา จะรสชาติประมาณนี้ วิธีการกินให้อร่อยต้องมีการดัดแปลง นำสาหร่ายกรอบมาวางบนมือ ตัดข้าวลงไป ตามด้วยไส้กรอก กิมจิ และราดโคชูจัง เอาเข้าปาก อร่อยแล้ว ได้รสแบบเกาหลีทั้งสาหร่ายกรอบ ข้าวหนึบ รสโคชูจัง ไส้กรอกหนังกรอบ รสชาติดีกว่าที่คิด
ยังไม่จุใจ ออกมาหาอะไรทานต่อ เจอร้านนึงเปิดแต่เช้า ดูจากป้ายหน้าร้านแล้ว น่าจะขายต๊อกโปกีกับคิมบับ เลยสั่งมา 1 ชิ้น ราคา 2,000 วอน เป็นข้าวปรุงรสใส่เกลือ ห่อด้วยสาหร่ายเคลือบน้ำมันงา ด้านในข้าวสอดไส้ด้วยผักดอง แครอท สแปม ปูอัดเล็กน้อย รสเค็มหอมน้ำมันงา หวานผักดอง มีกลิ่นแฮมเล็กน้อย รสชาติใช้ได้ครับ เหมือนเป็นอาหารทานช่วงเร่งด่วนง่ายๆของที่นี่ คล้ายแซนวิช หรือข้าวปั้นของญี่ปุ่น
ออกเดินทางไปยังสวนสนุก EverLand ต้องนั่งรถทัวร์เข้าไป เรียกได้เป็นสวนสนุกที่อยู่กลางหุบเขาเลย วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น มีฝนตกเล็กน้อย ใครจะมาเที่ยวช่วงเดือนกันยา-ตุลาที่เกาหลีใต้นี้ อย่าลืมพกร่มมาด้วยนะครับ
เมื่อถึงแล้วรับบัตรจากทางทัวร์แล้ว สามารถเข้าไปด้านในได้เลย ก่อนเข้าไปก็จะมีการแจกตั๋วสำหรับเข้าชม และคู่มือเป็นภาษาไทยสำหรับท่องเที่ยวในจุดต่างๆ มีเวลาแค่ 2 ชม. ต้องรีบเดิน และถ่ายรูปให้มากที่สุด เพราะคนมาเที่ยวเยอะมาก เดี๋ยวได้รูปไม่ค่อยสวย พอเปิดแผนที่ออกมาเท่านั้นแหละคุณเอ้ย เดินยังไงให้ครบ เอาเป็นว่าเดินกิน ถ่ายรูปเฉพาะจุด Highlight ของที่นี่เลยแล้วกัน เป้าหมายคือต้องไปถ่ายรูปรถไฟเหาะที่่หวาดเสียวที่สุดของที่นี่กัน
สวนสนุกที่นี่เป็นการทำมาสคอสเป็นของตัวเองทั้งการตกแต่งสวนสนุกที่ดูสดใส ต้นไม้สวยงาม มีมุมถ่ายรูปให้เยอะแยะมากมาย อีกทั้งข้างทางยังมีของขายทั้งของใช้ที่เป็นมาสคอตของที่นี่ และอาหารและเครื่องดื่มอีกมากมาย สาวๆ เด็กๆ มาเที่ยวน่าจะชอบบรรยากาศของที่นี่อย่างแน่นอน เพราะดูมีชีวิตชีวาไปซะทุกอย่าง

ทางเดินในสวนสนุกนี้ ไม่เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุมาก เพราะทางลาดชันสุดๆ ล้มทีมีกลิ้งลงไปเป็นลูกขนุนแน่นอน แนะนำว่าจะมาเที่ยวที่เกาหลีใต้นั้น ให้เตรียมรองเท้าผ้าใบที่คิดว่าใส่แล้วสบายที่สุดมาเดินที่นี่ เพราะเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของที่นี่มีความลาดชัดทุกที่ เป็นเพราะการสร้างเมืองกลางภูเขา หากใครขี้เกียจเดินที่สวนสนุกก็มีกระเช้าขึ้นลงให้บริการด้วย แต่เปิดบริการเวลา 11.00 อีกด้วย ถ้ามากับทัวร์เที่ยวไม่ทันแน่นอน เพราะมาถึงตั้งแต่ 10.00 เสียเวลาเที่ยวไป 1 ชม. แล้ว ต้องรีบเดินอย่างเดียว เท้านี่จิกพื้นสุดฤทธิ์ คนตัวใหญ่อย่างเราต้องค่อยๆจับราวเดินไป น่ากลัวมาก
เดินผ่านโซนแรก อย่างโซนสวนสัตว์ สัตว์ที่นี่น่ารักมาก เสือตัวใหญ่ นกเพนกวิ้น สิงโตทะเล ว่ายน้ำกันสนุกสนาน รวมถึงหมีขาวตัวเป็นๆ ตอนแรกนึกว่าของปลอม แต่น้องขยับตัวด้วย อ้าวของจริงนี่หว่า น่ารักมาก
เดินชมสัตว์ต่างๆในสวนสนุกไปสักพัก กระเช้าก็เปิดให้บริการแล้ว เป็นกระเช้าแบบนั่งบนม้านั่ง มีที่กั้นนิดหน่อย เอาเป็นว่าขึ้นไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศสวยๆด้านบนกันดีกว่า เพราะเครื่องเล่นอื่นมีคนต่อคิวยาวมากอันนี้น้อยสุดแล้ว ได้เก็บรูปรถไฟเหาะที่น่ากลัวที่สุดของที่นี่จากมุมที่สวยที่สุด เท่านี้ก็พอใจละ นั่งขึ้นไปแล้วก็นั่งลงมาที่เดิม จากนั้นไปหาอะไรทานดีกว่า เห็นของกินที่นี่น่าทานหลายอย่างเลย
ระหว่างเดินเล่น เห็นคนเกาหลี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นิยมทานชูโรสกันมาก มีร้านขายกระจายไปทั่วสวนสนุก เราเลยมองหาร้านที่น่าจะอร่อยที่สุด จนมาพบกับร้านนี้ ชูโรสไส้ครีมชีส กับช๊อกโกแลต ราคาชิ้นละ 3,800 วอน แพงนะ แต่ราคาในสวนสนุกอ่ะ เข้าใจอยู่ แต่ไม่ธรรมดาตรงสอดไส้นี่แหละ สั่งมา 1 ชิ้น เอาแบบครีมชีส พอสั่งปุ๊บ พนักงานก็จะคิดเงินแล้วให้รอ 3 นาที โดยจะทอดให้ใหม่ๆ แล้วสอดไส้ให้เห็นตรงนั้นเลย ด้านนอกกรอบเคลือบด้วยน้ำตาลและอบเชย ด้านในสอดไส้ครีมชีสแบบเต็มๆ ทานคู่กัน หวาน มัน เค็ม กรอบ ลงตัวมาก ใครมาเที่ยว Ever-Land เมนูนี้แนะนำเลยครับ อร่อยมาก ที่ไทยไม่มีขายอย่างแน่นอน
เดินผ่านร้านอาหารของที่สวนสนุก เท่าที่สังเกตุส่วนใหญ่ร้านที่ขายเมนูเส้นจะขายดีมาก อย่างเช่นร้านนี้ เป็นบะหมี่รสเผ็ดพร้อมข้าวสวยอีก 1 ถ้วย ขายชามละ 8,800 วอน ซึ่งราคาไม่แพงมาก และดูแล้วน่าจะชามใหญ่ให้ปริมาณเยอะ คนเลยมารอทานกันเยอะ แต่เราข้ามไปจ้า ไม่มีเวลามาต่อคิว ไปหาร้านใหม่คนน้อยๆ ทานกันดีกว่า
เดินมาเรื่อยๆจนเจอร้านขายของหวานร้านนึงเห็นขนมหวานแบบในรูป ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่น่ากินมาก ราคาก็ไม่แรงไป ประมาณ 9,000 กว่าวอน จำราคาที่แน่ๆไม่ได้ แต่จำรสชาติได้แม่นเลย แป้งกรอบบาง มีรสหวาน สอดไส้ด้วยวิิปครีมแบบแน่นๆ โรยหน้าด้วยโกโก้ให้รสขมนิดๆในปาก อร่อยมาก ไม่รู้เรียกว่าขนมอะไร แต่ใครมาเที่ยวนี่นี่ แล้วเจอขนมนี้ ทานเถอะครับ อร่อยจริง บรรยากาศร้านสวยงามด้วยมีทั้งโซน Indoor และ Outdoor มองออกไปเจอบรรยากาศสวนดอกไม้สวยงาม ต้องบอกก่อนครับว่าการทานอาหารที่ี่เกาหลีใต้ทุกร้าน เมื่อทานเสร็จแล้ว ต้องเอาจานชามไปเก็บที่จุดด้วยนะครับ จะเดินตัวปลิวแบบบ้านเราไม่ได้นะ พนักงานเรียกให้เก็บเลยล่ะ เข้าเมืองก็ต้องตาหลิ่วตามคนอื่น แต่รู้สึกดีครับต่างคนต่างรับผิดชอบเอง ไม่ต้องมาตามเก็บกัน เพราะคนที่ทำงานด้านบริการที่เกาหลีนั้นมีน้อยมากครับ ทุกร้านเลยมีมาตรการแบบนี้กันหมด
เดินออกมาอีกหน่อย ก็เห็นเด็กนักเรียนเกาหลีที่มาทัศนศึกษาเดินกินไก่ทอดไม้โตอยู่ น่าสนใจมาก ไม้ละ 5,000 วอน มีรสกระเทียม กับรสเผ็ด คนไทยแบบเราก็ต้องรสเผ็ด เอามา 1 ไม้ มาเทียบกับไก่ทอดร้าน GS25 ที่ทานไปวันก่อนซะหน่อย เนื้อไก่แน่น แป้งบาง มีความกรอบนิดๆ ซอสหนืดข้นกว่า แต่รสชาติพอกันเลย ไม่เลวนะ สอบถามไกด์คนไทยว่ามีที่อร่อยกว่านี้ไหม ก็ได้ทำตอบว่าพอกันเกือบทุกร้าน แต่ทอดใหม่ๆจะอร่อยกว่า
ขากลับขี้เกียจเดินแล้ว ทางชันมาก นอกจากกระเช้าที่เรานั่งเมื่อเช้าแล้ว ยังมีกระเช้าด่วนสำหรับขึ้น และลงเขาจากที่นี่ด้วย วิ่งตรงจากด้านล่างขึ้นบนสุดใกล้ประตูทางออกเลย ใช้บริการซะหน่อย คนไม่เยอะมาก แต่ต้องรีบกันหน่อย เพราะใกล้ถึงเวลาไกด์นัดแล้ว ยังเดินไม่จุใจเลย.... รอบหน้าจะมาเอง แล้วเที่ยวให้จุใจทั้งวันเลย !!!
มื้อกลางวันก็มาถึง เป็นหนึ่งในสิ่งที่รอคอย นั่นก็คือ หมูย่างเกาหลี ไม่ใช่ร้านหมูกระทะที่ไทยนะ หมูย่างเกาหลีที่เกาหลีจริงๆ เป็นร้านที่มีชื่อนะแต่อ่านไม่ออก เหมือนจะขายเป็นบุฟเฟ่ต์ มื้อนี้สามารถเติมทุกอย่างได้ตามปกติ หมูที่เกาหลีนั้นจะชิ้นใหญ่และหนามาก วิธีการกินคือ ย่างให้เกรียมสุกทั้ง 2 ด้าน แล้วค่อยใช้กรรไกรตัดเป็นขนาดพอคำ นำผักสดมา 1 ใบ นำเนื้อหมูจิ้มซอสเต้าเจี้ยววางบนผัก โดยอาจจะเพิ่มกิมจะ หรือข้าวสวยตามใจชอบ แล้วเอาเข้าปากคำใหญ่ๆในคำเดียว จะได้ความนุ่มและหอมของหมูที่หมักมาอย่างดี ความเย็นสดกรอบของผักและเครื่องเคียง รสหวานเปรี้ยวลงตัว ทานเท่าไหร่ไม่มีคำว่าเลี่ยน มื้อนี้เป็นอาหารมื้อแรกของทัวร์ที่รู้สึกประทับใจครับ
เมื่อทานเสร็จแล้วที่ร้านอาหารจะมีร้านขายของฝากด้วย ด้านในมีทั้งพวงกุญแจ ช๊อกโกแลตจากเกาะเจจู ส้มตากแห้ง ส้มเคลือบไวท์ช๊อกโกแลต ราคาไม่ค่อยแพง แต่มีที่ซื้อที่ถูกกว่านี้ เราจะแนะนำที่ซื้อในตอนที่ 3 ครับ

จากนั้นเราจะไปที่โรงเรียนสอนทำกิมจิ Korea House ระหว่างทางบรรยากาศฟ้าสลัวมีลมเย็นอ่อนๆ ทั้งวัน เหมาะแก่การออกไปเดินสูดบรรยากาศมากกว่า ก่อนจะถึงที่หมาย ขอเตือนไว้ก่อนว่า ราคาสินค้าที่ขายในรายการทัวร์ทั้งหมด ให้หาร 2 จะได้ราคาปกติที่ขายด้านนอก เพราะฉะนั้น ไปถึงอย่ารีบซื้อ วันต่อไปทางทัวร์จะพาไปตลาดเมียงดง เดี๋ยวเราค่อยไปซื้อที่นั่นกันครับถูกกว่ามาก ตอนนี้เราเก็บบรรยากาศบางส่วนมาให้ก่อน เพราะด้านในถ่ายรูปมากไม่ได้ครับ ค่อนข้าง Hard Sale กันเลยทีเดียว 1 ห้อง ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1 ภาษา แยกคนละห้อง หากสนใจก็ซื้อ ถ้าไม่สนใจก็ค่อยไปปลดปล่อยการช๊อปที่อื่น ด้านนอกแทนไม่ต้องเสียดายครับ ด้านนอกถูกกว่าด้วยแหละ ขอบอก
โดยด้านล่างนั้นจะเป็นพิพิธพันธ์สาหร่าย มีการเล่าความเป็นมาของสาหร่ายเกาหลี วิธีการทำ มีให้ชิม พอเข้าสู่ชั้น 2 ก็จะเป็นห้องสอนทำกิมจิ บอกส่วนประกอบ (ดูแล้วเหมือนจะไม่ทั้งหมด เพราะเคยทำเองแล้ว ยังไงก็ไม่ได้ซอสแบบนี้) แล้วทา จับม้วน จากนั้นพนักงานบอกว่าจะเอาไปให้คนแก่ คนยากไร้ (ไม่รู้จริงไหม) แล้วก็ทำการขายเลย มีทั้งให้ชิมสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสาหร่าย กิมจิ โดยมีการโฆษณาว่าตัวเองเกรดสูง ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล มีการให้ลองชิม แต่ส่วนตัวเราไม่ชอบกิมจิที่นี่มันเปรี้ยวซ่าที่ลิ้น ร้านขาหมูวันแรกที่ทานได้กิมจิที่นั่นถูกจริตกว่า มีของแถมและราคาพิเศษ ราคาต่อ 1 ชิ้น หลักหมื่นวอน ข้างนอกราคาเท่าไหร่ ติดตามอ่านกันต่อนะจ๊ะ เมื่อออกมาจกห้องแล้วก็จะพาไปชั้น 3 พาไปใส่ชุดฮันบกถ่ายรูป เราไม่ใส่จ้า เพราะเขาจะให้เราใส่ จากนั้นให้ไกด์เกาหลีมาถ่ายให้ แล้วมาขายรูปทีหลัง ผมไม่ใส่เดินเล่นถ่ายรูปวนไปจ้า......
หลังจากจบการชมโรงเรียนทำกิมจิแล้ว ทางทัวร์ก็พาเราไปยังศูนย์เครื่องสำอางที่ชื่อว่า Jin Sun Mi โดยได้รับคำโฆษณาว่า เครื่องสำอางถูก คุณภาพดี โดยพยายามจะเชียร์ยี่ห้อ De..... (ไม่บอกเต็มนะกลัวโดนฟ้อง) ราคาค่อนข้างสูงกว่ายี่ห้อดังในท้องตลาดที่หาข้อมูลมาก่อนหน้านี้ มีการให้ทดลองทาครีมที่หลังมือ แล้วดูประสิทธิภาพ ส่วนตัวลองแล้ว แสบที่หลังมือ และครีมไม่เข้าสู่ผิวแบบที่คนขายว่า ส่วนมาสก์หน้าเหมือนจะราคาถูกสุดในร้านแล้ว 10 แผ่น 10,000 วอน แต่ร้านนอกถูกกว่า นี่ซื้อมา 1 แพ็ค ที่เหลือเก็บเงินไว้ไปลงที่อื่นแบบจุก ๆ ดีกว่า
จากนั้นทัวร์ก็จะพาเราจะไปชมโชว์การแสดงที่ชื่อว่า Fanta Stick เป็นเรื่องรายเกี่ยวกับช่างซ่อมรถและนางฟ้า ที่มีการแสดงตลก ปนดราม่า เคล้าจังหวะเสียงกลองคึกคัก มีการเล่นจังหวะที่เหมาะสม ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยมุกตลกส่วนใหญ่จะเป็นมุกง่ายๆ ไม่ซับซ้อน สนุกสนานสมราคาทัวร์เลยครับ เพราะถ้ามาดูเอง เดินทางมาที่สถานีรถไฟใต้ดิน Seodaemun ชั้นใต้ดินมีโรงละครอยู่ ค่าตั๋วค่อนข้างแพง เริ่ม 40,000-60,000 วอน แต่วันนี้มาดูกับทัวร์ ถือว่าคุ้มค่ามากครับ
เนื่องจากเราดูโชว์จนเวลาล่วงเลยไปหน่อยแล้ว ไกด์กลัวว่าพวกเราจะหิวเลยซื้อขนมช๊อกโก้พายของเกาหลีมาให้ทานครับ รสชาติไม่ได้อร่อยมาก ตรงกลางไม่ใช่ครีมแต่เป็นมาร์ชเมลลโล ธรรมดาครับ ไม่ได้อร่อยจนอยากแนะนำ
จากนั้นมื้อเย็นวันนี้ไกด์เราพาไปกินไก่ตุ๋นโสม ร้าน Seoul เป็นร้านที่ขายเพียงเมนูเดียว เสิร์ฟไก่ 1 ตัวในหม้อเหล็กร้อนแบบเกาหลี ในตัวไก่ยัดด้วยข้าว พุทราจีน และโสม ตุ๋นจนเปื่อย แค่คีบเบาๆเนื้อก็หลุดติดตะเกียบมาแล้ว ก่อนเริ่มทานทางร้านมีเหล้าโสม รสชาติหวานคล้ายโซจู มีกลิ่นโสมก่อนๆให้ทานระหว่างรอหม้อเย็นตัวลง เริ่มชิมจากแท่งโสมในตัวไก่ไม่มีรสขมเลย ทานได้ พุทราจีนทำให้รสข้าวหวานอ่อนๆ ทานรวมกับไก่แล้วรสชาติเหมือนข้าวต้มไก่ที่มียางข้าวเยอะๆ หอมอร่อย ซดร้อนๆ แกล้มด้วยกิมจิ และไชเท้าดอง หรือจะเปลี่ยนจากข้าวเป็นเส้นโซเม็งได้อารมณ์แบบก๋วยจั๊บญวน ก็อร่อยไปอีกแบบ มื้อนี้เป็นอีกมื้อที่ประทับใจครับ อ่านป้ายหน้าร้านไม่ออก แต่พอเดาได้ว่าน่าจะขายตัวละ 12,000 วอนนะ แนะนำครับร้านนี้
แค่ไก่ตัวเดียว ทำอะไรเราไม่ได้หรอก ระหว่างเดินทางไปพักอีกโรงแรมที่ทัวร์เคลมมาว่าพักในโซล ก็โซลจริงๆนะ แต่แบบเหมือนไปพักแถวดอนเมืองบ้านเราอ่ะ อีกนิดเดียวออกต่างจังหวัดแล้ว ใครหวังว่าได้พักโซลแล้วจะออกมาเดินเล่นซื้อของตอนกลางคืน ฝันจ้า เอาจริงๆเราค่อนข้างหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ทำยังไงได้ กัมโปก็ยังอยู่ในโซลนี่นา ระหว่างทางทานมันฝรั่งทอดรสฮันนี่บัตเตอร์ของขึ้นชื่อที่นี่หน่อยแล้วกัน ใช้เวลาตั้ง 40 นาที มันฝรั่งทอดกรอบหอมกลิ่นเนยและน้ำผึ้ง รสหอมหวานตัดด้วยรสเค็มนิดๆ อร่อยดีนะ ถุงละ 1,500 วอน สมกับที่เขาแนะนำกันมา
คืนนี้เราพักที่นี่ โรงแรมHotel L'Art เป็นโรงแรมค่อนข้างหรูหราของที่นี่เลย แต่ลูกค้าเท่าที่เห็น ไม่มีคนเกาหลีเลย ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนซะมากกว่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส้วมที่โรงแรมเป็นแบบอัตโนมัติ เตียงนุ่มดีทุกอย่าง ยกเว้นไฟแอร์ที่จะแรงไปไหน แยงตาทั้งคืน ไฟเปิดปิดอัตโนมัติตินเดินไปหน้าห้องน้ำ ไม่ต้องคอยควานหาปุ่ม แต่รอบนอกแทบไม่มีอะไรเลย เป็นย่านที่เงียบมาก แต่เรามีเป้าหมายที่จะหาของกินเพิ่มอีก ออกไปลุยกัน!!!
กำลังเดินเล่น หาร้านอาหารทานเพลินๆ ร้านนี้มีคุณป้าวิ่งออกมา เอากล่องไก่ทอดให้คนส่ง เหมือน Line Man ประเทศเกาหลี แล้วมีกลิ่นลอดประตูออกมา กลิ่นหอมมาก ชื่อร้านว่า Chicken Mania อยู่ซอยถัดจากโรงแรมของเรามาซอยเดียว ตรงกลางซอย ในร้านมีทั้งเด็กวัยรุ่นและคุณลุงกำลังสังสรรค์กันอยู่ เปิดเมนูดูในเล่มมีเมนูไก่ทอดอันนึงที่ดูแล้วจะเผ็ดสุดในร้านแล้ว มีพริก 4 เม็ดกำกับอยู่ เอาอันนี้แหละ สั่งคุณป้าเจ้าของร้าน คุณป้าก็ทำหน้างงๆ เหมือนว่าจะเอาจริงหรือ? เผ็ดมากนะ เรายืนยันว่าเอาครับ สักพักก็ได้บิสกิตชามโตที่มีสาหร่ายเคลือบน้ำตาล และบิสกิตปกติให้เราทาฟรี คุณลุงโต๊ะข้างๆไม่ทานไก่ทอด ก็สั่งเบียร์กินกับบิสกิตนี่และ เพราะไก่ทอดจานนึงแพงอยู่นะ 16,000 - 18,000 วอน เบียร์ที่นี่ราคาถูกมาก ขวดใหญ่ๆ 1,500-2,000 วอนเอง รอสักพักไก่ทอดสูตรเผ็ดพิเศษก็มาแล้ว ไก่ทอดใหม่ร้อนๆ ทานกับไชเท้าดองและบิสกิต จานใหญ่มาก นี่สั่งขนาดเล็กสุดนะเนี่ย ขนาดกลางและใหญ่ไม่อยากนึกว่าจะใหญ่โตขนาดไหน รสชาติหวานเผ็ด เผ็นประมาณส้มตำใส่พริก 5 เม็ดบ้านเราเลย แถมยังมีพริกสดเกาหลีใส่มาเป็นท่อนอีกต่างหาก พริกเกาหลีเผ็ดมาก แต่กลิ่นเหม็นเขียว ไม่ค่อยอร่อย แต่ไก่กับซอส หวานอร่อยกรอบนอกนุ่มใน ไก่เนื้อฉ่ำ ดีกว่าที่เคยกินมา 2 เจ้าก่อนแบบสิ้นเชิง ไชเท้าดองรสมาตรฐานครับ เผ็ดแซ่บดี กินหมดจนวัยรุ่นโต๊ะข้างๆมอง เหมือนเป็นเมนูที่สั่งไว้แกล้งกันมากกว่าที่จะสั่งทานปกติ สำหรับเราสบายมากครับ
เดินเข้ามาในซอยอีกหน่อยจากร้านไก่ทอด มีร้านขนมปังชื่อดังอย่าง Paris Baguette ที่ไกด์ชาวไทยแนะนำบอกว่าอร่อยมาก เป็นร้านดังที่มีสาขาอยู่ทั่วเกาหลีใต้ ส่วนที่ไทยไม่มีจำหน่าย แต่ว่าเราเริ่มอิ่มแล้ว ลองชิมนิดหน่อยแล้วกัน เอแคลร์ 1 ลูก กับโดนัทไส้ครีมของที่ร้าน เลือกมาแบบงงๆ เอากลับมาชิมที่โรงแรม แอแคลร์ไส้ครีมรสเข้มข้นมาก ครีมมันแป้งบางอร่อยมาก ส่วนโดนัทเป็นสอดไส้บราวาเรียน แป้งนุ่ม โรยไอซิ่งเย็นๆ อร่อยดี ราคากลางๆสมเหตุสมผล มาเกาหลีแล้วลองเดินเข้ามาเลือกซื้อดูครับ มีให้เลือกอีกหลายอย่างเลย น่ากินทั้งนั้น แต่ตอนนี้อิ่มแล้ว เอาไว้มาครั้งหน้าจะมาลองเพิ่มนะ...
ระหว่างทางกลับ ผ่านร้าน GS25 สำรวจราคาสาหร่ายวันนี้เทียบกับ Korean House ราคาที่นี่ถูกกว่าเยอะครับ กิมจิแช่เย็นที่นี่ก็ราคาถูกกว่า จะซื้อของฝากกับไปประเทศไทยร้านสะดวกซื้อที่นี่ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ ใครคิดจะซื้อกิมจิกลับบ้านแนะนำว่าให้เอาถุงเก็บความเย็นมาด้วย เพราะกว่าจะถึงประเทศไทยตั้ง 5 ชม. เดี๋ยวจะไม่ได้กินซะก่อน
รีวิวตอนหน้า เราจะบอกแหล่งซื้อของฝากที่ตลาดเมียงดงกัน รับรองว่าราคาถูกกว่านี้ ได้ของครบสมดั่งใจแน่นอน วันนี้อิ่มมาก แทบกลิ้งได้แล้ว ขอกลับไปพักผ่อนก่อน เจอกันตอนต่อไปครับ
อ่านรีวิวตอนที่ 3 >>> https://bit.ly/2ptPeVL
อ่านแล้วสนุก รบกวนกดไลค์เราที่เพจ FB ของเราด้วย
> www.facebook.com/FoodAddictsThai <
จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘