Food Addicts - เสพติดการกิน
รีวิว"มานีมีเฟ่ต์ปี 3"ลุยบุฟเฟ่ต์สุกี้ซอสมันปูกว่า 80เมนู ที่"มานี มี หม้อ"ตลอด 2 ชม.เริ่มเพียง399฿!
อัปเดตเมื่อ 12 ต.ค. 2564
ดีลสุดพิเศษเมื่อซื้อ Cash Voucher ใช้แทนเงินสดจากร้าน "มานีมีหม้อ" ผ่าน Klook รับส่วนลดสูงสุด 10% และเมื่อกรอกโค้ด "FOODKLK100" รับส่วนลดเพิ่มอีก 100 บาท (เมื่อซื้อ Voucher ราคา 1,000 บาทขึ้นไป) ซื้อดีลสุดพิเศษก่อนเข้าไปใช้บริการได้ที่ร้าน "มานีมีหม้อ" ทุกสาขาทั่วประเทศที่ลิงค์นี้ > https://bit.ly/2YFxeNK <
เทศกาลมานีมีเฟ่ต์ ปี3 อร่อยสุดคุ้มกับบุฟเฟ่ต์สุกี้อาบซอสมันปู (แต่มันกุ้งก็ยังมีให้บริการอยู่นะ) พร้อมเมนูอื่นๆภายในร้าน นำให้ทานกันแบบไม่อั้นมากกว่า 80 รายการ ราคาเริ่มต้นที่ 399 บาท นั่งทานยาวๆได้เต็มที่ 2 ชม. โปรโมชั่นนี้ 1 ปีมีครั้ง โดยปีนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 62 และสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.62 ใครอยากทาน อย่าลืมตรวจเช็คก่อนนะว่าสาขาที่ร่วมเทศกาลมานีมีเฟ่ต์บ้าง ? โดยปีนี้มีทั้งหมด 12 สาขาที่ร่วมรายการคือ 1.Nawamin City Avenue อยู่ตรงเกษตร-นวมินทร์ / 2. The Avenue แจ้งวัฒนะ / 3. Esplanade รัชดาภิเษก / 4.Central WestGate บางใหญ่ / 5. The Circle ราชพฤกษ์ / 7. Seacon บางแค / 8. Gateway เอกมัย / 9. Seacon Squareศรีนครินทร์ / 10. Fashion Island รามอินทรา / 11. The Market Bangkok ราชดำริ / 12. โฮมโปร จรัญสนิทวงศ์ ไม่ได้มาทานร้านนี้หลายปีแล้ว เห็นมี Signature ใหม่เป็นซอสมันปู เลยเดินทางมาที่สาขาใกล้ๆบ้านที่ HomePro พระราม 3 นี่เลยครับ มาตั้งแต่ยังไม่มีคนรอหน้าร้านแม้แต่คนเดียว เดี๋ยวเราเข้าไปด้านในกันเลยครับ
บรรยากาศและ Theme ของที่ร้านมีเป็นสีเหลืองตัดด้วยสีเขียวและลายไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่านั่งทานอยู่ในสวนสนุก โดย concept ของแต่ละสาขาก็จะไม่เหมือนกันด้วย (บางคนพูดติดตลกว่าเหมือนนั่งทานในท้องสัตว์ประหลาด) อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนนะครับ แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าร้านนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ชัดเจนไม่เหมือนใครดี คือมองมาจากไกลๆก็รู้ว่าร้านนี้แน่นอน ลูกค้าภายในร้านตอนนี้ก็ถือว่าเยอะอยู่ (หลังจากที่ผมนั่งไปสักพักก็ยังมีคนมารอทานเยอะจนต่อคิวกันเป็นแถวยาว) แปลว่ารสชาติน่าจะไม่ธรรมดา เราเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับ
โดยบุฟเฟ่ต์ปีนี้ถ้าสั่งราคาเริ่มต้นที่ 399 บาทจะสามารถเลือกได้ทั้งหมด 55 รายการ แต่ถ้าเพิ่มเงินอีก 100 บาทจะสามารถสั่งอาหารได้มากถึง 80 รายการ (ซีฟู้ดและเนื้อพรีเมี่ยมต่างๆก็รวมอยู่ในราคานี้ด้วย) ที่สำคัญทั้ง2 ราคารวมเครื่องดื่มแล้วอีกด้วย พูดถึงว่าต่างกันแค่ร้อยเดียว แถมปีหนึ่งจัดบุฟเฟ่ต์เพียง 1 ครั้งจัดเต็มเลยดีกว่า วันนี้พวกผม 2 คนลุยกันเป็นชุด 499 บาทครับ วิธีการสั่งอาหารคือ เขียนจำนวนที่ต้องการลงในใบเมนูที่วางไว้บนโต๊ะ ด้านล่างสุดมีเขียนเงื่อนไข/กติกา การทานบุฟเฟ่ต์มื้อนี้ไว้ด้วย อย่าลืมอ่านเงื่อนไขก่อนการทานทุกครั้งด้วยนะครับ
โดยเครื่องดื่มของที่ร้านนี้ก็ถือว่าเป็น Signature เหมือนกัน เพราะว่าใช้ชื่อที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร มีให้เลือกละลานตากันทั้งหมด 10 อย่างคือ ชามะลิเตยหอม/น้ำดื่มธรรมดา/วอชิงตันแอปเปิ้ลกับลาเวนเดอร์/ทับทิมแดงเจ้าพระยา/เก๊กฮวยน้ำตาลอ้อยกับดอกคำฝอย/มะนาวน้ำหอมทูลเกล้ากับคลอโรฟิลล์สกัดจากสมุนไพรโขลก/ มะขามงานเกษตรแฟร์กับเกสรบัวหลวง/มะพร้าวบ้านแพ้วกับกลีบดอกอัญชันและน้ำอัดลมเป็นโคล่ากับมะนาว โดยทางร้านจะให้แก้วกระดาษที่มีรูปการ์ตูนและคำปริศนามาให้ทายด้วย (เอาจริงๆนะนั่งทานไปคิดไป 2 คนยังนึกไม่ออกเลยว่าคำที่อยู่ข้างแก้วคืออะไรกันแน่) โดยจากการชิม 10 น้ำทั้งหมด (กดชิมหน้าตู้อย่างละนืดหน่อย) ผมขอแนะนำน้ำมะพร้าวบ้านแพ้วกับกลีบดอกอัญชัน อันนี้หอมอร่อยเหมือนดื่มน้ำมะพร้าวจริงๆแต่มีความเป็นสีม่วงของอัญชันเล็กน้อย ทานแล้วสดชื่นดีครับ ใครที่เคยทานมานีมีหม้อมาก่อนก็จะรู้ว่าน้ำจิ้มที่นี่เป็นแบบ 2 ชนิด นำมาผสมกัน เป็นน้ำจิ้มสูตรหวาน/เค็มคล้ายกับซอสฮอยซินของเวียดนาม นำมาผสมกับน้ำจิ้มพริกตำรสเปรี้ยว/เผ็ด ผสมกันเองจนกว่าจะลงตัว เพิ่มความแซ่บด้วยพริกสดและกระเทียมสับ (แต่รู้สึกว่าตอนนี้ซอสสูตรต้นตำรับนั้นค่อนข้างหวานไปหน่อยสำหรับผม) แต่ตอนนี้เขามีซอสใหม่มาเพิ่มเป็นซอสสุกี้ยากี้ที่สีดูหม่นๆ แต่รสชาติดีคล้ายน้ำจิ้มสุกี้ MK ใส่แค่พริกกระเทียมเพิ่มอีกเล็กน้อยก็อร่อยแซ่บแล้วครับ (ชอบน้ำจิ้มตัวใหม่มากกว่า หอมซอสพริก/หวานกำลังดี)
น้ำซุปที่ร้านก็มีให้เลือกเยอะถึง 9 แบบ(ที่สำคัญชื่อแปลกๆทั้งนั้น) เริ่มต้นจากต้มจืดสาหร่ายใส่หมูสับ / ซุปใสใส่ไข่"อาสาเรน" / หาดใหญ่บะกุ๊ดเต๋ / ต้มยำน้ำข้นมันกุ้งหก / แจ่วฮ้อนสารคาม / ซุปมะหล่าสีสันแห่งสิบสองปันนา / ตุ๋นไก่รุ่นกับกระดูกหมู / แกงเห็ดกับสมุนไพรเผาและซุปที่อยู่ในราคาบุฟเฟ่ต์ที่แพงที่สุดมีอย่างเดียวคือ ซุปน้ำแดงบรั่นดีต้นตำรับหูฉลามเยาวราช วันนี้ผมเลือกมา 2 ซุปคือ ซุปซุปมะหล่าสีสันแห่งสิบสองปันนากับหาดใหญ่บะกุ๊ดเต๋ โดยรสชาติน้ำซุปทั้ง 2 แบบขอบอกเลยว่ารสชาติเหมือนจะไม่ค่อยสุดทางสักเท่าไร มันอยู่แบบก้ำกึ่ง จะบักกุ๊ดเต๋ก็ไม่ใช่ (กลิ่นสมุนไพรบางๆ) หมาล่าก็ไม่เชิง (มีแต่กลิ่นพริก ไม่ค่อยรู้สึกเผ็ดชา) ถ้าทางร้านปรับปรุงให้รสชาติเข้มข้นชัดเจนกว่านี้อีกนิดน่าจะดีเลยครับ และของทั้งหมดที่เราสั่งไปก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะแล้ว มีอะไรให้ทานบ้างมาดูกันเลย
จานแรกเป็นเมนูชื่อแปลกลูกชิ้นเห็ดโคนป่าของหมออินเทวดากับลูกชิ้นกุ้งมหาชัย ลูกชิ้นของที่ร้านนี้เนื้อค่อนข้างแน่น รสชาติเข้มข้นแต่ที่แปลกใจคือลูกชิ้นเห็ดโคนถ้าปิดตาแล้วให้ชิมก็นึกว่าเป็นลูกชิ้นไก่ธรรมดา ไม่บอกไม่รู้เหมือนกัน เกี๊ยวปลาระยองลุงล้องห่อฮิอันนี้มีกลิ่นคล้ายกับเกี๊ยวปลาร้านอื่นอยู่แต่มีความเนื้อแน่นเคี้ยวเต็มปากเต็มคำมากกว่า ไข่ปลาหมึกถือว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่มาอย่างยาวนานนำไปต้มจนสุกแล้วเคี้ยว นุ่มหนึบหนับในปาก ต่อกันด้วยเมนูอาหารทานเล่นอย่างขนมปังหน้าหมูไข่กุ้ง เป็นขนมปังที่โปะด้านบนมาด้วยเนื้อหมูผสมกับไข่กุ้งปรุงรส (จากที่ชิมน่าจะผสมเนื้อกุ้งเอาไปด้วยเพราะมีความเด้ง) ใส่ไข่กุ้งให้ค่อนข้างน้อยกว่าเดิม(เคยทานเมื่อหลายปีก่อน) มีความอมน้ำมันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกเลี่ยนเท่าไหร่นัก น่าจะเป็นการเลือกใช้น้ำมันที่ดีกว่าน้ำมันปาล์มปกติ ทานกับอาจาดรสเปรี้ยวหวานและพริกชี้ฟ้าเขียวกรอบๆ ขนมปังร้อนๆกับซอสเย็นๆ ถือว่ารสชาติยังอยู่ในระดับใช้ได้ครับ
ต่อกันด้วย 4 เมนูในบุฟเฟ่ต์ราคาสูงที่สุดของทางร้าน 499 บาท เริ่มจากเนื้อน่องลายโคขุน ปกติเนื้อน่องลายถ้าไม่ตุ๋นมาจะค่อนข้างเหนียว แต่ที่นี่เอ็นของเนื้อวัวเคี้ยวหนึบกำลังอร่อยไปซะงั้น ไม่รู้ว่าเอาไปหมักอะไรทำไมถึงนุ่ม ไม่ได้เคี้ยวยากอย่างที่ตอนแรกพะวงไว้ ต่อกันด้วยเนื้อสันสายพันธุ์ออสซี่ถึงแม้ว่าจะมีไขมันแทรกน้อย แต่ก็ถือว่าค่อนข้างนุ่ม และมีกลิ่นหอมตามแบบฉบับเนื้อออสซี่อยู่เหมือนกัน ต่อไปด้วยเนื้อสันคอที่แทบจะเป็นเนื้อแดง 100% ตอนแรกคิดว่าต้องเหนียวแน่ๆ แต่พอได้ชิมจริงๆก็ไม่ได้เหนียวอย่างที่คิด ถือว่าพอทานได้ แต่ส่วนตัวแล้วชอบเนื้อวัวติดมันมากกว่าครับ เมนูทานเล่นที่อยู่ในชุดนี้เป็นยำกะพรุนแก้วน้ำมันพริก ที่ต้องขอบอกเลยว่า เหมือนตอนเอาแมงกะพรุนไปลวกแล้วสะบัดน้ำยังไม่หมด ทำให้น้ำยำที่คลุกลงไปกลายเป็นว่าจืดเกินไป ไม่ประทับใจเท่าไหร่ครับ
หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่เนื้อเยอะตามมาตรฐานร้านชาบูปกติ ชาชูจัมโบ้จิ๊กโก๋พร้อมพงษ์ เป็นหมูชาชูต้มสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติหวานเค็ม เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นคล้ายโชยุและขิง อันนี้อร่อยมากครับสั่งมาทานหลายถาด กุ้งเกี่ยวอวนเป็นกุ้งขาวคุณภาพกลางๆตัวใสขนาดไม่ใหญ่มาก ทานได้เพลินๆ หมึกกรอบแช่น้ำด่างฉบับภูมิปัญญาบ้านไร่ อันนี้ชื่อแปลก แต่มันก็คือหมึกกรอบธรรมดา ที่เสิร์ฟมาชิ้นใหญ่กว่าปกติ เรียงมาเต็มถาด เคี้ยวเต็มปากเต็มคำดีครับ
หมูยอโฮมเมด หมูยอเนื้อนุ่มมันน้อยหอมกลิ่นพริกไทยดำ ฟองเต้าหู้ห่อกุ้งแชงกรีลา อันนี้ตามชื่อเลยเป็นฟองเต้าหู้ห่อด้วยกุ้งปรุงรสกับมันแกวสับ อัดไส้แน่นอยู่ด้านในทานแล้วกุ้งเนื้อเด้งกรอบมันแกวผมน้ำมันงาอร่อยดี หมูส่วนสันคอเนื้อนุ่มแทรกไขมันคุณภาพดี เป็ดนาอบควันอ้อย เป็นส่วนอกเป็ดติดหนัง นำไปรมควันทานคล้ายอกเป็ดที่เสิร์ฟในโรงแรม แต่เอามาทานแบบชาบูเป็นเมนูที่ไม่เหมือนร้านไหนอีกแล้ว อร่อยแต่ทานได้ไม่เยอะ(เพราะเป็นเก๊าท์)
เนื้อหมูติดมันที่ค่อนข้างจะติดมันเยอะเกินไปหน่อย(แต่สำหรับเราไม่ซีเรียสอยู่แล้วยิ่งมันเยอะ ยิ่งนุ่ม) เต้าหู้ออแกนิคเนื้อเหนียวนุ่มหอมกลิ่นน้ำเต้าหู้เวลาเคี้ยว หมูเทวดาเป็นหมูสับ ผสมกับน้ำมันหมูกากหมูและกระเทียมเจียว เวลาใส่ลงไปในหม้อจะกระจายตัวเหมือนกับหมูสับในก๋วยเตี๋ยว เวลาซดซุปแล้วเจอเนื้อหมูชิ้นเล็กๆ ซดไปด้วยเคี้ยวไปด้วยอร่อยดีครับ และ Signature อย่างมันกุ้งก็ไม่ได้หายไปไหน สามารถสั่งเพิ่ม เติมได้เรื่อยๆเช่นเดียวกันครับ
เมนูต่อไปเป็นปลาหมึกสด ที่ค่อนข้างจะจกตาไปหน่อยเพราะดูก็รู้ว่ามันคือหมึกแช่แข็งนำมาละลายน้ำแข็งให้ทาน เมนูต่อไปหน้าตาเหมือนเนื้อไก่แต่ไม่ใช่ มันคือเห็ดปุยฝ้ายตากหลายแดง สัมผัสเคี้ยวก็เหมือนเนื้อไก่จริงๆ แต่ไม่มีกลิ่นของความเป็นไก่อร่อยดีครับคนที่ทานเจน่าจะชอบเลย ต่อกันด้วยลูกชิ้นมันกุ้งหนึ่งเดียวในใจมานี อันนี้รสชาติธรรมดาไม่ได้รู้สึกพิเศษในชามเดียวกันสีชมพูเป็นลูกชิ้นซากุระสอดไส้ชีสนมสด อันนี้ค่อนข้างผิดหวังกับมาตรฐานที่ลดลงเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าก่อนหน้านี้ใช้เป็นลูกชิ้นชีสฮอกไกโด หอมมันกว่านี้เยอะมาก และหมูมะหล่า เป็นหมูหมักเนื้อนุ่มใส่สมุนไพรหมาล่าแต่ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่มีแต่กลิ่นกับรู้สึกชาที่ลิ้นนิดๆ ค่อนข้างผิดหวังครับ
โดยวิธีการทานหมูเทวดาของผมนั้นจะค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น ก็คือนำมันกุ้งเทผสมลงไปกับหมูเทวดาและผสมไข่ไก่อีกขั้น จากนั้นตีให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว แล้วค่อยเทลงไปในหม้อ จากนั้นก็นำวัตถุดิบ/ของสดต่างๆลงไปต้มรวมกัน จะทานอะไรก็ตักขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มทานทีละเล็กทีละน้อย เครื่องชาบูบางอย่างก็มีรสชาติอยู่แล้วพอกินเข้ากับน้ำจิ้มตัว Original ของทางร้านรู้สึกว่าหวานเกินไป แต่พอจิ้มกับน้ำจิ้มสุกี้แล้วหวานกำลังดี อร่อยขึ้นเยอะเลยครับ
นั่งทานไปสักพักหม้อมีกลิ่นไหม้... เหมือนว่าตอนที่เราเทหมูเทวดาปรุงรสพิเศษของเราลงไปไม่ได้คนอย่างทั่วถึง ทำให้ก้นหม้อตอนนี้ไหม้ บอกกับพนักงานของที่ร้าน ก็ยินดีเปลี่ยนหม้อให้ใหม่ โดยรอบนี้เลือกเป็นซุปต้มยำ ซึ่งถือว่าเป็นซุปต้มยำที่รสชาติค่อนข้างจืดไปหน่อยแต่ก็ยังรู้สึกว่าดีกว่าซุปหม้อที่แล้ว และซุปไข่ที่ไข่ลอยมาเป็นแพ ก่อนจะทานนั้นต้องตีไข่ที่เป็นแพนั้นให้กลายเป็นซี่เล็กๆก่อน รอบนี้เมื่อเราใส่หมูเทวดามันกุ้งและเครื่องทุกอย่างลงไปแล้วพยายามคนให้เข้ากันก่อนที่จะเริ่มทาน รอบนี้ผมสั่งมันปูมาเพิ่มด้วยใส่ลงไปในน้ำซุปต้มยำ บอกเลยว่าเหมือนทานซุปทะเลที่ใส่กุ้งและปูลงไป ยิ่งใส่เยอะยิ่งหอมเยอะ สำหรับใครที่ชอบกลิ่นปูเป็นพิเศษอย่าลืมสั่งมันปูของที่นี่นะครับ
ดูในวีดีโอในเพจ Facebook ของทางร้านมีวิธีการกินซอสมันปูอยู่ด้วย โดยวิธีการคือนำซอสมันปูราดลงบนวัตถุดิบที่เราต้องการทาน จากนั้นคลุกให้เข้ากันอย่างทั่วถึง และเทลงไปในหม้อซุป รอจนวัตถุดิบนั้นสุก ก็นำขึ้นมารับประทานได้เลย ส่วนตัวแล้วคิดว่าวิธีนี้ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายซอสมันปูก็ละลายรวมกันในน้ำซุปอยู่ดี (กลิ่นปูติดอยู่บนวัตถุดิบน้อยมาก) ถ้าให้แนะนำคือ ทานวัตถุดิบต่างๆแล้วค่อยซดซุปตามจะอร่อยสดชื่นที่สุดครับ
ทำการใส่วัตถุดิบต่างๆลงไปในหม้อ รวมถึงหมูเทวดา/มันกุ้งและซอสมันปู จะใส่ลงไปกี่ถ้วยก็อัดลงไปในหม้อเลย เมื่อน้ำงวดได้ที่ก็จะกลายเป็นน้ำซุปสูตรเข้มข้น ต่อจากนี้จะทานกับข้าวสวย หรือซดเปล่าๆก็ได้(แต่ซดเปล่าๆก็รู้สึกว่าเค็มไปหน่อย) ส่วนตัวคิดว่าร้านมานีมีหม้อเหมาะกับการทานเป็น A La Carte มากกว่า สั่งอาหารมา 1 ชุด ใส่วัตถุดิบต่างๆลงไป แล้วรสชาติความเข้มข้นจากวัตถุดิบต่างๆก็จะไปรวมอยู่ที่น้ำซุปทั้งหมด ปิดท้ายด้วยการสั่งข้าวสวยมากินด้วยกันล้างหม้อ แค่นั้นก็รู้สึกว่าอิ่มอร่อยกำลังดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานบุฟเฟ่ต์ก็ได้ แต่ถ้าใครที่คิดว่า1 ปีมี 1 ครั้งต้องทานให้คุ้ม ก็จะขอแนะนำว่าอย่าใส่มันกุ้งหรือมันปูเยอะเกินไป เพราะค่อนข้างเค็มอยู่เหมือนกัน
ทานของคาวกันจนอิ่มสะใจก็มาต่อกันด้วยของหวาน โดยของหวานของที่นี่มีทั้งหมด 2 เมนูนั่นก็คือไอศครีมชาชักปักษ์ใต้ซันเด เป็นไอศกรีมชาไทยรสเข้มข้นเนื้อไม่เนียนแบบโฮมเมด มีความหวานปานกลาง ใครชอบทานชารสเข้มเข้มต้องถูกใจอย่างแน่นอน และขนมไข่ใบเตยเมืองเพชรกะทิสด อันนี้เป็นเมนูของหวานพิเศษเฉพาะคนที่ทานบุฟเฟ่ต์ราคา 499 บาทเท่านั้น เป็นไอศครีมกะทิสดรสเข้มข้นใส่เครื่องด้านล่างเป็นขนมไข่สอดไส้ด้วยใบเตยเวลาทานจะทานพร้อมกันหรือรอให้ไอศครีมละลายลงไปเคลือบขนมไข่ด้านล่างก็อร่อยแปลกใหม่ดีครับ นอกจากนี้ยังมีเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มอื่นๆที่ไม่รวมร้านบุฟเฟ่ต์ สามารถสั่งเพิ่มได้ส่วนราคานั้นมีเขียนไว้ในใบสั่งบนโต๊ะแล้ว
มื้อนี้ทานกันสองคนสั่งกันค่อนข้างกระหน่ำเลยทีเดียว (สังเกตได้จากใบสร็จยาวเฟื้อยอยู่เหมือนกัน) แต่จ่ายเบาๆแค่ 998 บาท ราคานี้รวม Vat. และ Service Chargeแล้ว ที่สำคัญน้ำดื่มที่ร้าน ที่เห็นว่าให้แก้วกระดาษนั้น สามารถนำมากดน้ำเพิ่มและปิดฝา เพื่อนำไปทานต่อนอกร้านได้อีกด้วย(สดชื่นกันยาวๆ) สำหรับร้านมานี มี หม้อกับเทศกาล มานีมีเฟ่ต์ปี 3 วัตถุดิบหลายอย่างค่อนข้างลดเกรดลงมาหน่อย น้ำจิ้มหวานเกินไปไม่กลมกล่อมเหมือนเคย แต่ก็ยังดีที่มีน้ำจิ้มสุกี้รสชาติคล้ายๆ MK มาเพิ่มให้(อันนี้ดี) การบริการต่างๆก็ถือว่าค่อนข้างดีทำได้รวดเร็ว (อาจจะเป็นเฉพาะสาขานี้) ส่วนความคุ้มค่านั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าให้เทียบกับราคาที่ต้องจ่ายเต็มในมื้อนี้แล้วถือว่าคุ้มค่าสุดๆ ถ้ารสชาติความอร่อยผมแค่ให้ 3 ดาว แต่บวกกับความคุ้มค่าไปด้วยให้เพิ่มเป็น 4 ดาวเลยครับ 🌟🌟🌟🌟

พิกัด : HomePro สาขาถนนพระราม 3 ชั้น 1 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร 10120
เปิดทุกวัน 10.00 - 21.15 น. โทร. 063-343-7766 (บริการบุฟเฟ่ต์วันสุดท้าย 31 ต.ค. 62)
Facebook : https://www.facebook.com/maneememore/
อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน
แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <
และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘