top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว Juban Eatery ร้านอาหารอิตาเลียนที่ใช้วัตถุดิบชั้นดีปรุงรสแบบญี่ปุ่น อยู่ในซอยพร้อมพรรค-ทองหล่อ

อัปเดตเมื่อ 14 มิ.ย. 2564



วันนี้เงินเดือนออกเลยจัดการนัดคุณแฟนออกมาทานมื้อพิเศษด้วยกันที่ "Juban Eatery" เป็นร้านขายอาหารอิตาเลียนที่เปิดมายาวนานตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเมื่อก่อนได้ใช้ชื่อร้านว่า "The Bar Italian" จุดเด่นหลักของร้านนี้คืออาหารอิตาเลียนที่ปรุงรส-ใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและคลังไวน์ขนาดใหญ่ที่รวมรวมของดีจากทั่วโลกมารวมไว้ในร้านเดียว โดยเราได้พิกัดความอร่อยมาจากเพื่อนร่วมงานคนนึงในบริษัทที่มักจะแวะมากิน-ดื่มร้านนี้อยู่เป็นประจำตั้งแต่ก่อนจะเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ วิธีการเดินทางหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุด Google Maps แล้วขับตามมาจนถึงร้านสามารถจอดที่ลานกว้างด้านหน้าสูงสุด 15 คัน หากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีพร้อมพงศ์แล้วเรียกรถอะไรก็ได้ตามที่สะดวกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 39 เลี้ยวขวาเข้าซอยพร้อมศรีต่อไปที่ซอยพร้อมพรรคร้านจะอยู่ทางด้านขวามือ มีป้ายไฟนีออนสีเหลืองบนพื้นสีดำเขียนชื่อร้าน/รูปวาดสปาเก็ตตี้กับพิซซ่าข้างๆกันและหน้าร้านที่มีลานกว้างขนาดใหญ่กับตึกผนังอิฐสีส้ม-แดง 2 ชั้นที่มองไกลๆแล้วดูเหมือนจะเป็นบ้านคนมากกว่าร้านอาหารแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วอย่างแน่นอน ตอนนี้เราเดินเข้าไปด้านในพร้อมกันเลยดีกว่าครับ

ตัวร้านอยู่ชั้น 2 โดยชั้น 1 นั้นก็คือ "Sushi Juban Takumi" (คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกัน) แต่ก่อนจะมาเราได้หาข้อมูลและโทรถามทางร้านแล้วได้ความมาว่าเชฟและพนักงานทั้งหมดภายในร้านยังคงเป็นชุดเดิมมีการปรับเปลี่ยนแค่บางเมนูเฉยๆ นำชื่อร้านเก่าไปค้นหารีวิวได้รับคะแนนเฉลี่ยจากทุกสำนักอยู่ที่ 3.7-4.0 เต็ม 5 ถือว่าโอเคเลยทีเดียว มีเคล็ดลับอีกอย่างก่อนจะเข้ามาทานที่ร้านนี้ก็คือให้โทรมาจองก่อนเพราะที่นั่งส่วนใหญ่ในร้านจะเป็นห้องส่วนตัวหลายขนาด (ถ้าเต็มแล้วต้องมานั่งที่บาร์หน้าครัวแทน) ซึ่งแน่นอนว่าเราโทรจองไว้แล้วขึ้นไปที่ร้านกันเลยครับ

ทุกอย่างในร้านยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง (มีแค่ป้ายชื่อที่เปลี่ยนไปเท่านั้น) เพราะส่วนตัวผมก็เคยแวะมานั่งดื่มกับเพื่อนบ้างแต่ไม่ได้สั่งอาหารทานแบบจริงจังเพราะที่นี่เขามี Tapas แบบอิตาเลียนเอาไว้ทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย บรรยากาศโดยรวมมันก็คือร้าน Izakaya แบบญี่ปุ่นเก่าๆที่มีกำแพงทำเป็นชั้นวางของประดับด้วยขวดเหล้าเปล่าที่ดื่มหมดแล้วเรียงรายเต็มผนังร้านแต่เปลี่ยนจากเหล้าญี่ปุ่นหรือบรั่นดีของฝรั่งเป็นไวน์แดง-ไวน์ขาวแทน นอกจากกำแพงที่เห็นโดดเด่นที่เป็น Signature ของที่นี่แล้วยังมีครัวเป็นแบบเปิดสามารถนั่งที่หน้าบาร์เพื่อชมวิธีการปรุงอาหารได้ทุกขึ้นตอน และจุดเด่นของร้านอาหารอิตาเลียนที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือเตาถ่านไม้สำหรับใช้ในการอบพิซซ่าทรงครึ่งวงกลมพร้อมกองฟืนและโต๊ะสำหรับทำพิซซ่าโชว์ให้ดูกันสดๆ (แต่ก็ทำให้อากาศในห้องค่อนข้างอุ่นด้วยเช่นเดียวกัน) ตรวจวัดอุณหภูมิ/ใช้เจลล้างมือแอลกอฮอลล์ก่อนเดินเข้าร้านแล้วไปสำรวจส่วนอื่นในร้านกันครับ

พื้นที่นั่งภายในร้านส่วนใหญ่อย่างที่บอกไปแล้วเบื้องต้นคือเป็นห้องส่วนตัวเกือบทั้งหมด โดยแต่ละห้องสามารถนั่งได้ตั้งแต่ 4 จนถึง 10 คน มีทั้งแบบโต๊ะเล็ก/โต๊ะโซฟายาวไปจนถึงโต๊ะขนาดใหญ่พิเศษ Theme ของทุกห้องก็จะคล้ายๆกันคือเรียงไปด้วยขวดไวน์เปล่าสลับกับกำแพงอิฐแดงพื้นโต๊ะเป็นกระจกใสมองเห็นขวดไวน์ บางห้องมีความพิเศษหน่อยตรงโคมไฟห้อยทำจากขวดไวน์เปล่าเรียงเต็มแน่นเพดาน ห้องส่วนตัวขนาดเล็กติดกับทางเข้ามุมนึงเป็นบานกระจกขนาดใหญ่สามารถมองลงไปเห็นร้าน "Sushi Juban Takumi" ที่เต็มไปด้วยขวดเหล้าญี่ปุ่นสาเกสไตล์ Izakaya แบบดั้งเดิม บนโต๊ะที่เราจองไว้ทางร้านได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆทั้งจาน/ส้อมมีด/ผ้าคลุมตัก/แก้วไวน์ขาว/แก้วไวน์แดงและแก้วน้ำเปล่าเรียงอย่างสวยงามแบบร้าน Fine Dinning จากนั้นเรามาเริ่มสั่งอาหารกันเลยครับผม

เล่มเมนูของที่ร้านนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 หมวดใหญ่ๆคืออาหารเล่มสีน้ำเงินกับเครื่องดื่มเล่มสีเขียว เปิดดูเล่มเมนูอาหารหน้าแรกเป็น Appetizer หรืออาหารเรียกน้ำย่อยถูกเขียนเอาไว้เป็น 2 ภาษาคือญี่ปุ่นกับอังกฤษ (บ่งบอกถึงกลุ่มลูกค้าร้านนี้ได้เป็นอย่างดี) ส่วนใหญ่จะเป็น Cold Cut จับคู่กับผลไม้ต่างๆไว้ทานกับไวน์มีทั้งแบบจานเดี่ยวและเป็นชุดราคาเริ่มต้นที่ 190-750 บาท หน้าต่อไปเป็น Tapas หรือของว่างเล็กน้อยๆหยิบทานง่ายมีให้เลือกทั้งหมด 12 เมนูสั่งผสมกันได้เริ่มต้นที่จานละ 60 บาท สั่ง 4 อย่างจ่าย 200 (ปกติ 240 บาท)และสั่ง 6 อย่างจ่ายแค่ 300 (ปกติ 360 บาท) เหมาะสำหรับคนที่อยากได้กับแกล้มคู่ไวน์ราคาเบาๆมากกว่านั่งทานอาหารแบบจริงจัง ต่อกันด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยจานร้อนอย่างผักโขมอบ/มันบด/ไข่เจียวออมเล็ต/หอยแมลงภู่อบ/มะเขือม่วงสับ-อบกราแตงราคาเริ่มต้นที่ 180-320 บาท ต่อกันด้วยหมวด Ajillo ซึ่งเป็นอาหารสเปนชนิดหนึ่งที่ใช้กระเทียมสับผัดในน้ำมันมะกอกรวมกับวัตถุดิบต่างๆทานคู่กับขนมปังกรอบเสิร์ฟมาในกระทะร้อนราคาเริ่มต้นที่ 200-300 บาท ต่อไปด้วย Deep Fired หรือเมนูของทอดที่ต้องใช้น้ำมันจำนวนมากราคาเริ่มต้นที่ 180-250 บาท ตามมาด้วย Salad ราคาเริ่มต้นที่ 190-260 บาท ส่วน Carpaccio นั้นก็คือสลัดของดิบราดน้ำมันมะกอกสไตล์อิตาเลียนราคาเริ่มต้นที่ 390-450 บาท และ Prociutto Salami หรือแฮมรสเปรี้ยวสไลด์สไตล์อิตาลีราคาเริ่มต้นที่ 390-450 บาท (ถ้าต้องการชีส Burrata มาทานคู่กันเพื่อให้ตัดรสชาติให้เค็ม-เปรี้ยวนวลกลมกล่อมยิ่งขึ้นทางร้านคิดราคาก้อนละ 220 บาทครับ)

มาต่อกันที่เมนู Rissot หรือริซอตโต้ที่เราคุ้นชื่อราคาเริ่มต้นที่ 260-490 บาท กับ Meet Dish หรือจานหลักที่ปรุงจากเนื้อสัตว์ (ไม่แน่ใจว่าทางร้านสะกดผิดหรือตั้งใจ) ราคาเริ่มต้นที่ 290-690 บาท ต่อกันที่เมนู Pasta รวมกว่า 18 รายการความยาว 3 หน้ากระดาษมีทั้งจานที่ปรุงแบบอิตาลีแท้และดัดแปลงเอาวัตถุดิบของญี่ปุ่นมาทำเป็นจานใหม่ราคาเริ่มต้นที่ 290-720 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในแต่ละจาน) ตามมาด้วยเมนู Pizza แบบ Napolitana ความยาว 3 หน้ากระดาษรวม 18 รายการเช่นกัน เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบสไตล์อิตาลีอบในเตาถ่านส่วนหน้าก็ยังคงความเป็นอาหารอิตาเลียนแท้ๆไว้ดังเดิมไม่มีการดัดแปลงสูตรขายราคาเริ่มต้นถาดละ 220-1,000 บาท (ขึ้นอยู่กับหน้าที่เลือกกับวัตถุดิบที่ใส่ลงไปเป็นตัวกำหนดราคา) ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่แปลกหน่อยคงเป็นพิซซ่าหน้าแอปเปิ้ล+น้ำผึ้งทานกับไอศครีมวนิลานอกนั้นก็เป็นขนมสไตล์ยุโรปราคาเริ่มต้นที่ 120-200 บาทครับผม

ต่อมาเป็นเล่มเมนูเครื่องดื่มที่เน้นไปทางไวน์เป็นหลักโดยหน้าแรกกับหน้าที่ 2 เป็นการขายแบบแก้วทั้งไวน์ขาว/ไวน์แดงจากแหล่งต่างๆทั้งแอฟริกาใต้/ฝรั่งเศส/อิตาลีและอาร์เจนติน่าราคาเริ่มต้นแก้วละ 150-380 บาท หรือยกทั้งขวดราคาเริ่มต้นที่ 1,100-2,600 บาท ตามมาด้วย Sparkling Wine และ Champagne ขายแบบยกทั้งขวดราคา 1,200-3,000 บาท ต่อกันด้วยไวน์ขาวแบบขายเป็นขวดจากหลายแหล่งผลิตราคาเริ่มต้นที่ขวดละ 1,300-2,600 บาท ส่วนไวน์แดงนั้นก็ราคาเริ่มต้นที่ขวดละ 1,100-3,500 บาท ดูราคาก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนผมถึงมาที่ร้านนี้ได้บ่อยเพราะราคาไม่สูงมากนักและดื่มไม่หมดสามารถฝากแล้วติดชื่อไว้แบบร้านอิซากายะได้อีกด้วยครับ

หมดหมวดของไวน์ชนิดต่างๆแล้วก็มาเป็นวิสกี้เสิร์ฟเป็นแก้วมีให้เลือกทั้งหมด 5 ยี่ห้อราคาเริ่มต้นที่ 150-280 บาท เบียร์ราคาขวดละ 150 บาท ใครที่ไม่ใช่สายแอลกอฮอล์ที่ร้านก็ยังมีกาแฟสดราคาเริ่มต้นที่ 90-120 บาท น้ำผลไม้/น้ำอัดลม/ชา/น้ำเปล่าและน้ำแร่ซ่าราคาเริ่มต้นที่ 80-250 บาท และสุดท้ายคือชุดอาหารกลางวันปริมาณสุดคุ้มในราคา 450++ บาท ในชุดประกอบด้วยพาสต้าเลือกได้ 1 จากทั้งหมด 7 รายการ ซีซ่าร์สลัด 1 ชาม ขนมหวานเป็นทีรามิสุและกาแฟสดเมนูใดก็ได้อีก 1 แก้ว (หากไม่ดื่มกาแฟสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าได้) ถือว่าคุ้มเลยครับผม

สั่งอาหารไปหลายอย่างแต่ที่มาเสิร์ฟก่อนเป็นจานง่ายๆอย่าง "Seafood Salad" ราคา 260 บาท เป็นผักสดกับซีฟู๊ดต้มสุกทั้งกุ้ง/ปลาหมึกและหอยแมลงภู่ (แต่วันนี้หอยแมลงภู่หมดเชฟเลยเปลี่ยนเป็นหอยเชลล์ญี่ปุ่นให้แทนคำขอโทษ) คลุกกับเดรสซิ่งน้ำมันมะกอกปรุงรสผสมกับมะเขือเทศสับและเมล็ดเคเปอร์ดองให้ความเค็ม-เปรี้ยวอมหวานหอมสดชื่นเข้ากับซีฟู๊ดเนื้อเด้งๆตัวใหญ่และผักสดกรอบเย็นฉ่ำได้เป็นอย่างดีครับผม เมนูต่อไปนั้นอยู่ในหมวด Deep Fired แต่ไม่ใช่แค่ของทอดธรรมดาๆเพราะมันคือ "Fired Burrata" ราคา 250 บาท เป็นชีสอีกชนิดเรียกว่าบูราต้าถิ่นกำเนดมาจากประเทศอิตาลีมีลักษณะเหมือนถุงที่ส่วนด้านนอกแข็งเพราะมอสซาเรลล่าส่วนด้านในเป็นสตรัชชาเตลลาและครีมเนื้อนวลเนียนละเอียด ทางร้านนำไปชุบแป้งทอดจนกรอบจนเป็นสีทองผ่าออกมาตรงกลางเป็นครีมทานคู่กับซอสมะเขือเทศปรุงรสเค็มอมเปรี้ยวเข้มข้นเข้ากับชีสและครีมกับแป้งกรอบๆได้เป็นอย่างดีเลยครับ

เมนูต่อไปอยู่ในหมวดของอาหารเรียกน้ำย่อยและเป็นจาน Signature ของร้านนี้นั่นก็คือ "Omelette Juban Eatery" ราคา 190 บาท เป็นไข่เจียวเนื้อเนียนสไตล์ญี่ปุ่นหอมกลิ่นเนยผสมซุปปลาด้านในไม่สุกเป็นครีมรอบๆนั้นราดด้วยเดมิกลาสซอสรสเค็มอมเปรี้ยวสุดเข้มข้นผสมมายองเนสวาดเป็นริ้วสวยงาม ก่อนจะโรยด้วยพาสลี่ย์กับพาเมซานชีสก่อนเสิร์ฟ รสชาติโดยรวมแล้วเหมือนออมไรซ์ของญี่ปุ่นที่ตัดข้าวผัดซอสมะเขือเทศออกเหลือแต่ไข่เท่านั้น ส่วนตัวว่าทานเปล่าๆรสชาติออกจะเข้มข้นเกินไปหน่อยถ้าทานกับข้าวน่าจะดี แต่ร้านนี้ไม่มีข้าวสวยให้สั่งก็เลยจัดมาเป็น "4 Kinds Of Cheese Risotto" ราคา 350 บาท เป็นข้าวผัดเมล็ดอ้วนใหญ่ที่ข้นไปด้วยครีมและชีส 4 ชนิดสไตล์อิตาลี ในเล่มเมนูไม่ได้บอกว่าใส่ชีสอะไรลงไปบ้างแต่ได้ทั้งความเค็ม/มัน/หอมและฉุนขึ้นจมูกนิดๆไม่มีท๊อบปิ้งใดๆนอกจากชีสที่น่าจะละลายไปหมดแล้ว (เหลือแต่พาสลี่ย์สับตัดสีเขียวนิดๆ) ทานเปล่าๆค่อนข้างเลี่ยนเลยจับคู่มาทานกับออมเล็ตถือว่าเข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งเราแนะนำน้องพนักงานไปว่าควรมีข้าวมาทานคู่กับเมนูไข่ได้คำตอบมาว่า "สั่งข้าวสวยมาจากร้านอาหารญี่ปุ่นด้านล่างได้" ทุกเมนูของทั้ง 2 ร้านสามารถสั่งมาทานข้ามกันไปมาได้ทั้งหมด นั่นก็แสดงว่าถ้ามาด้วยกันหลายๆคนแล้วอยากทานอาหารอิตาลีกับญี่ปุ่นพร้อมกันที่นี่ถือว่าตอบโจทย์ได้เลยครับผม

จานต่อไปถือว่าเป็นเมนูพาสต้าที่ราคาสูงที่สุดในร้านนี้แต่อยากลองเลยสั่งมาแบ่งกันชิมก็คือ "Pasta Truffle Cream" ราคา 720 บาท เป็นพาสต้าครีมทรัฟเฟิลหนักทั้งครีม-ชีสและเห็ดทรัฟเฟิลทั้งแบบเพสและฝานลงไปสดๆ รสชาติเค็ม-มันหอมกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลแบบบริสุทธิ์โดยแท้ไม่มีเนื้อสัตวใดๆมาแทรกแซงแต่อร่อยโดนใจมากๆเลยครับ เมนูถัดไปเป็นพิซซ่าถาดใหญ่ราคาสุดคุ้มคือ "Margherita Extra" ราคา 490 บาท เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอบหน้ามาการิต้าหรือซอสมะเขือเทศเข้มข้น+ชีสและใบโหระพาแบบอิตาลีที่ีตรงกลางใส่บูราต้าชีสก้อนโตราดน้ำมันมะกอกแล้วโรยด้วยพาเมซาชีสก่อนเสิร์ฟ จุดเด่นของจานนี้คือแป้งบางแต่ฟูมีฟองอากาศแทรกอยู่ด้านในทำให้ไม่เหนียวหรือแน่นจนเกินไปแบบอิตาลีแท้ๆ ซอสมะเขือเทศเปรี้ยวอมหวานเข้ากับมอสซาเรลล่าชีสเบาๆหอมกลิ่นใบโหระพาเพิ่มรสมันเข้มข้นขึ้นไปอีกขั้นด้วยบูราต้าตัดแบ่งทานคู่กับพิซซ่าทั้ง 8 ชิ้นในถาดแบบ Extra Cheese สะใจสุดๆไปเลยครับ

จานสุดท้ายเป็นเมนูเนื้อสั่งมาเพื่อลองทานคู่กับไวน์ขาวและไวน์แดงนั่นก็คือ "Beef Fillet Saute Red Wine Sauce With Truffle" ราคา 690 บาท เป็นเนื้อวัวส่วนสันในที่ไขมันน้อยย่างมาสุกแบบ Rare อมชมพูตรงกลางเหมือนสีกลีบดอกกุหลาบหอมกลิ่นกระเทียมกับโรสแมรี่สดทานกับมันบดหอมเนยเนื้อเนียน-ผักโขมผัดเนยและเห็ดทรัฟเฟิลสดฝานบางๆ เสิร์ฟมาคู่กับซอสไวน์แดงรสหวานอมเปรี้ยวหอมกลิ่นไวน์แดงเข้มข้นและซอสที่วาดมาเป็นริ้วข้างจานมีความคล้ายกับซอสเทริยากิเข้มข้นเปลี่ยนรสชาติไปได้ 2 แบบ ส่วนเนื้อคาดว่าน่าจะเป็นออสเตรเลียวากิวเพราะกลิ่นหอมค่อนข้างชัดเจนเข้ากับส่วนประกอบทุกอย่างภายในจานนี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ มีเนื้อดีแล้วก็ต้องสั่งไวน์มาทานด้วยกันเพื่ออรรถรสสูงสุดเริ่มจากไวน์ขาวคือ "La Carraia Albeo Grechetto Chardonnay" ราคาแก้วละ 230 บาท เป็นไวน์ผลิตจากองุ่นขาวสายพันธุ์ชาร์ดอนเนย์ในประเทศอิตาลีรสหวานอ่อนเฝื่อนลิ้นนิดๆมีกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่รุนแรงเหมาะทานกับจานซีฟู๊ดหรือจานผักมากกว่าเนื้อ และไวน์แดงนั่นก็่คือ "2017 Tenuta Sette Ponti Chiati Vigna Di Pallino ราคาแก้วละ 240 บาท ไวน์สัมผัสเบารสขมหอมกลิ่นองุ่นแดงกลิ่นแอลกอฮอล์ค่อนข้างชัดส่วนตัวว่าดื่มยากกว่าไวน์ขาวแก้วที่แล้วอยู่เล็กน้อยแต่เข้ากับเนื้อวัวย่างรสเข้มข้นได้ดีกว่ามากๆเลยครับ

สลับกันทานอาหารต่างๆคู่กับไวน์คนละแก้วจนอิ่ม (ดื่มมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวผมต้องกลับไปบ้านเคลียร์งานต่อ) ส่วนแก้วเล็กที่ไม่มีก้านสำหรับใส่น้ำเปล่าที่นี่ขายราคาขวดละ 60 บาท หากต้องการอะไรสามารถสั่นกระดิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อเรียกหาพนักงานได้ทันทีเลยขอวานให้ช่วยเคลียร์จาน-โต๊ะให้สะอาดแล้วสั่งของหวานมาทานกันเลยครับ

ปิดท้ายด้วยของหวานสั่งมา 2 รายการได้แก่ "Tilamis" ราคา 200 บาท หรือทีรามิสุของอิตาลีทำจากเลดี้ฟิงเกอร์ชุบกาแฟวางเป็นชั้นปาดด้วยครีมผสมชีสคาโปเนผสมวิปปิ้งครีมซ้อนกันให้เป็นชั้นก่อนจะโรยหน้าด้วยผงโกโก้ สูตรของที่ร้านนี้ทำมารสหวานละมุนไม่มีกลิ่นเหล้าทานง่ายๆสไตล์ญี่ปุ่นเด็กๆก็ทานได้ตกแต่งจานด้วยองุ่นสีแดงและซอสช๊อกโกแลตเพิ่มความสวยงาม ส่วนอีกจานที่สั่งมาก็เป็น "Panna Cotta" ราคา 160 บาท หรือแพนนาคอตต้าทำจากนมผสมครีมกับน้ำตาลและกลิ่นวนิลาต้มใส่เจลลาตินแล้วนำไปแช่เย็นจนคงตัวเป็นเยลลี่เนื้อครีมหวานมันนุ่มนวล ตัดรสชาติด้วยซอสสตรอเบอรี่เปรี้ยวอมหวานได้อย่างลงตัวสุดๆ หวานอ่อนๆทานแล้วสดชื่นทั้ง 2 เมนูเลยครับ

มื้อนี้เรามาทานกัน 2 คน สั่งอาหารไปมากถึง 16 รายการรวมทั้งหมด 4,020 บาท รวม Vat.7% และ Service Charge 10% แล้วราคารวมที่ 4,731.54 บาท สำหรับร้านอาหารอิลาเลียนแบบนี้ก็ถือว่าราคารับได้เพราะใช้วัตถุดิบดีและสั่งจัดหนักไปทั้งไวน์/เมนูเห็ดทรัฟเฟิลและเนื้อคุณภาพดี ปรุงรสชาติแต่ละจานค่อนข้างกลมกล่อมกว่าสูตรอิตาเลียนแท้และปรับให้มีการเข้ากับลิ้นชาวเอเชียมากยิ่งขึ้นทำให้ทานได้ง่ายๆ กลุ่มลูกค้าของร้านนี้เท่าที่สังเกตนั่นก็คือเป็นคนญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ อาหารอร่อยดีขายในราคาสมเหตุสมผลแบบนี้เอาคะแนนไป 5 ดาวเลยจ้า🌟🌟🌟🌟🌟

พิกัด : เลขที่ 36/1 ชั้น 2 ซอยพร้อมพรรค แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด 2 ช่วงเวลาคือ 11.30-15.00 น. และ 17.00-22.00 น.

โทร. 081-414-0982

Facebook : https://www.facebook.com/Jubaneaterythonglor

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 999 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page