top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนFood Addicts - เสพติดการกิน

รีวิว DON Japanese Attractive Tasty Club ร้านอาหารญี่ปุ่นลึกลับในซอยเอกมัย 4 ลดทุกเมนูทั้งร้าน 50% ❗

อัปเดตเมื่อ 14 มิ.ย. 2564



บนถนนเอกมัยมีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดอยู่หลายร้านเพราะถัดจากทองหล่อมาก็แค่นิดเดียว แต่ภายในซอยเอกมัย 4 ถ้ามองจากหน้าปากซอยไม่รู้เลยว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นซ่อนอยู่ด้านในชื่อว่า DON Japanese Attractive Tasty Club หน้าร้านและบรรยากาศทั้งหมดดูรวมๆแล้วเหมือนกับบ้านหรือโกดังที่นำมาจดทะเบียนเป็นบริษัทมากกว่าร้านอาหารญี่ปุ่น แต่เพื่อนผมเป็นลูกค้าประจำมักจะมากับเจ้านายคนญี่ปุ่นเพื่อสังสรรค์กันในร้านนี้อยู่บ่อยๆชวนให้มานั่งเล่นด้วยกันระหว่างรอแฟนผมเดินช๊อบปิ้งอยู่ที่ร้านดองกี้ โดยจุดเด่นของร้านนี้นอกจากอาหารจะเป็นต้นตำรับญี่ปุ่นถูกปรุงรสทุกจานด้วยเชฟชาวญี่ปุ่นฝีมือดีแล้ว ทุกโต๊ะมีฉากกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวและถ้ายิ่งมากับเหล่าเพื่อนร่วมโต๊ะจำนวนมากต้องคุยเสียงดังกันหน่อยก็มีห้องขนาดใหญ่ให้บริการอีกด้วย ใครนำรถส่วนตัวมาเองก็สามารถจอดที่ลานหน้าหากไม่พอในซอยก็ยังจอดเป็นแนวยาวได้อีก ถ้ามาด้วยบริการขนส่งสาธารณะให้ลง BTS สถานีเอกมัยแล้วเรียกวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาในซอยเอกมัย 4 ได้เลย หากเห็นป้ายหน้าร้านพื้นสีขาวมีตัวอักษรญี่ปุ่นตัวสีดำขนาดใหญ่เขียนว่า DON อยู่ขวามือเมื่อเลี้ยวเข้าซอยมาประมาณ 50 เมตรแบบนี้ แสดงว่ามาถึงร้านแล้วอย่างแน่นอนครับผม

เดินเข้ามาในหน้าร้านสิ่งที่เจอก่อนอันดับแรกคือสวนหินแบบญี่ปุ่นที่ถึงแม้ว่าทางร้านจะจัดเป็นซุ้มเล็กๆไม่ได้โดดเด่นมากนักแต่ก็ให้อารมณ์หรูหราสไตล์เหมือนโรงแรมเรียวกังแบบญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี ใครที่ซีเรียสกลัวหัวเหม็นควันบุหรี่ภายในร้านก็สบายใจได้เพราะที่นี่เขาให้ออกมาสูบที่หน้าร้านแทนพร้อมกับได้ฟังน้ำพุไม้ไผ่เคาะเป็นจังหวะ ถึงแม้หน้าร้านจะเป็นแค่มุมสำหรับนั่งเล่น-สูบบุหรี่ก็โดยรวมแล้วถือว่าตกแต่งมาดูดีมีความเป็นญี่ปุ่นอยู่เต็มเปี่ยมครับผม

เดินเข้ามาในร้านเสียงน้องๆพนักงานตะโกนต้อนรับเสียงดังเป็นภาษาญี่ปุ่นฟังดูอบอุ่น โดยมุมแรกที่เจอก่อนนั้นคือหน้าบาร์ซูชิสำหรับรับชมเชฟเตรียมอาหารเพื่ออรรถรสในการทานที่ดียิ่งขึ้น ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องส่วนตัวขนาดเล็กที่ทุกด้านปิดมิดชิดถูกปูด้วยเสื่อทาทามิสไตล์ญี่ปุ่นแท้แต่สามารถนั่งห้อยขาได้ไม่ต้องกลัวเมื่อย 3 ห้องนั่งได้สูงสุด 4 คน ถ้าหากเล็กเกินไปยังมีอีกห้องที่สามารถนั่งทานได้ 6-8 คน การตกแต่งภายในอาจจะไม่ค่อยเป็นญี่ปุ่นสักเท่าไหร่แต่ได้ขนาดห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้น เดินเข้าไปด้านในจะมีห้องพื้นไม้แบบญี่ปุ่นขัดมันเงาพร้อมโต๊ะขนาดใหญ่ให้นั่งแบบห้อยขานั่งได้ 6-8 คน ที่ทุกโต๊ะถูกกั้นด้วยฉากไม้สไตล์ญี่ปุ่นนั่งสบายๆ หากคุณอยากเอนหลังห้อยขาก็มีโต๊ะสำหรับ 4 คนพร้อมห้องฉากพับได้ให้บริการอีก เห็นว่าห้องที่ใหญ่สุดอยู่หลังร้านสามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 30 คน แต่วันนี้มีบริษัทนึงเข้ามาใช้งานทางผมเลยเดินเข้าไปถ่ายรูปไม่ได้ครับ อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าทุกโต๊ะของร้านนี้เขาเน้นความเป็นส่วนตัวจึงมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดอยากใช้บริการจุดไหนโทรจองก่อนดีที่สุดครับ เหมือนวันนี้เพื่อนผมชวนมาเพราะโดนลูกค้าเทแต่โทรมาจองโต๊ะแล้ว ผมอยู่ใกล้เลยแวะมาทานเป็นเพื่อนพร้อมถ่ายรีวิวไปในตัวด้วยครับ

ความน่าสนใจที่ต้องมาทานอาหารร้านนี้ก็คือทุกเมนูในร้านลด 50% ทุกรายการ (ยกเว้นเมนู Special Course สุกี้ยากี้-ชาบูชาบูและเครื่องดื่ม) หน้าแรกเป็นชุด Special Course ราคา 1,500-3,000 บาท หน้าต่อมาสุกี้และชาบูชาบูชุดหมูคุโรบูตะ 1,200 บาท ชุดเนื้อวากิว 1,800 บาท (เพิ่มวัตถุดิบได้เริ่มต้นที่ 220 บาท 100g) ซูชิโอมากาเสะ 600-1,400 บาท ข้าวหน้าปลาดิบ 460-580 บาท ซูชิโรล 180-280 บาท ซูชิมี 4 ราคาตามวัตถุดิบที่ใช้คือ 99-120-180 และ 280 บาท ซาชิมิจัดชุดรวม 580-1,400 บาท ซาชิมิราคาก็ตามวัตถุดิบ 320-420 บาท กับแกล้มสไตล์ญี่ปุ่น 100-280 บาท สลัดสไตล์ญี่ปุ่น 140-380 บาท เมนูย่าง/นึ่ง/ตุ๋น 120-680 บาท เมนูของทอด 120-320 บาท เมนูข้าวหน้าและเส้น 100-420 บาท เมนูของหวาน 80-140 บาท สุดท้ายคือเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมี Special Menu คือวัตถุดิบพิเศษที่ทางร้านนำมาปรุงเป็นเมนูใหม่ไม่เหมือนกันในแต่ละวัน (ไม่ร่วมรายการลด 50%) ราคาปกติก็ถือว่ารับได้ยิ่งลดอีกก็ยิ่งคุ้มแบบนี้ ทำให้ตัดสินใจมาทานได้ไม่ยากเลยครับ

ถึงแม่ว่าร้านนี้จะไม่ใช่ Izakaya แต่ก็มีโอเด้งให้สั่งทานได้ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 30-80 บาท มีให้เลือกทานถึง 11 รายการ เสิร์ฟในน้ำซุปที่เชฟบอกว่าใช้เวลาต้มนานถึง 3 วันเต็ม จะมานั่งทานที่หน้าหม้อหรือสั่งให้พนักงานนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะแบบหม้อไฟร้อนๆก็ได้เช่นเดียวกัน ส่วนตัวชอบทานโอเด้งมากแต่วันนี้พนักงานที่ร้านเขาแนะนำชุดอาหารพิเศษลดจัดหนักถึง 50% เห็นว่าคุ้มกว่าสั่งแบบปกติเพราะใช้เนื้อปลาทูน่าครีบสีน้ำเงินราคาแพง เดี๋ยวรอชิมกันครับ

มาถึงที่ร้านนั่งโต๊ะจองเอาไว้แล้วพนักงานก็จะมาเสิร์ฟผ้าเย็นให้เช็ดตามเนื้อตัวจนรู้สึกสดชื่น ส่วนเครื่องดื่มก็มีแบบรีฟีลเป็นชาเขียวราคาแก้วละ 30 บาทเติมได้ไม่อั้น มีตะเกียบ/ผ้ารองตัก/ถ้วยโชยุ/จานรอง/ผ้ารองแก้วและที่วางตะเกียบวางไว้บนผ้าปูโต๊ะอย่างดี มีการใส่ใจทุกรายละเอียดแถมน้ำชาเขียวก็เติมให้ตลอดไม่รู้สึกเหือดแห้งครับ

อาหารชุดที่เราสั่งไปมาแล้วมีชื่อว่าชุด"Special Course Maguro" ปกติ 1,999 บาทราคาพิเศษ 50% เหลือเพียง 950 บาท มีให้เลือก 2 ชุด แต่ละชุดเสิร์ฟอาหารทั้งหมด 5 รายการพร้อมซุปมิโสะและผลไม้สดแช่เย็น มีจุดที่ต่างกันมีแค่จานหลัก 2 รายการเท่านั้น เริ่มจากออเดิร์ฟรวม 4 อย่างคือ "ยูเกะทูน่า" หรือมากุโร่ส่วน Akami นำมาหั่นเป็นเส้นเล็กๆยำแบบเกาหลีหอมโคชูจังและน้ำมันงาคล้ายกับยำเนื้อดิบเกาหลีแต่ไม่ได้ใส่ไข่แดงกับเนื้อสาลี่หวานผสมลงไป ทานกับผักกาดเขียวและต้นหอมอร่อยกลมกล่อมสไตล์เกาหลี ช่องต่อมาคือ "ทูน่าสลัด" เป็นเนื้อมากุโร่ต้มคลุกน้ำสลัดรสชาติหวาน-มันวางบนผักกาดแก้วเคี้ยวกรุบกรอบ ถัดไปคือ "ทูน่าต้มซีอิ๊ว" เนื้อมากุโร่เนื้อแน่นๆสู้ฟันกลิ่นไขมันหอมๆ ต้มซีอิ๊วรสหวานหอมกลิ่นขิงอ่อนๆเหมาะกับทานคู่ข้าวสวยสุดๆ สุดท้ายเป็นเมนูที่พีคสุดๆอย่าง "หนังปลาทูน่าต้มจิ้มซอสมิโสะ" เป็นหนังปลามากุโร่เคี้ยวกรุบๆติดชั้นไขมันมีรสชาติแบบเดียวกับโอโทโร่ทานคู่กับมิโสะรสชาติหวานมันๆและตัดเลี่ยนด้วยต้นหอมต้มแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ส่วนตัวไม่เคยทานหนังปลามากุโร่มาก่อนเมื่อมาเจอที่ร้านนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ประทับใจมากๆครับ เมนูต่อไปนึกว่าเนื้อวัวแต่ไม่ใช่นี่คือ "Hoho Tataki" หรือยำเนื้อแก้มปลามากุโร่ครีบน้ำเงินสไตล์ญี่ปุ่น เป็นเนื้อส่วนแก้มที่แทรกไขมันเนื้อเด้งสู้ฟันคล้ายกันกับเนื้อวัวย่างลนไฟและสไลด์บางวางบนหอมหัวใหญ่หั่นบางๆ เสิร์ฟพร้อมกับซอสพอนสึราดลงไปบนเนื้อคลุกทานแบบสลัดได้ทั้งความเหนียวหนึบแทรกไขมันหอมๆของแก้มปลา/ความหวานของผักสดและพอนสึรสเปรี้ยวอร่อยสดชื่นดีมากๆครับ

เมนูต่อมาได้ทานซาชิมิปลามากุโร่ทั้ง 3 ส่วนครบจบในเมนูเดียวทั้ง Otoro / Chutoro และ Akami เสิร์ฟส่วนละ 2 ชิ้น เริ่มชิมจากไขมันหนักสุดคือ Otoro เนื้อน้อยไขมันเยอะแทรกละเอียดเหมือนเนื้อวัววากิว รสชาติไขมันเข้มข้นแต่รสชาติของเนื้อและสัมผัสการได้เคี้ยวน้อยกว่า ไม่ถึงกับละลายแต่นุ่มนวลละมุนอยู่ในปาก เชฟชาวญี่ปุ่นฝีมือดีมากๆเพราะหั่นเนื้อปลามาไม่ติดส่วนเอ็นตรงท้องแบบหลายๆร้าน คุณภาพปลาก็ดีมากๆไร้กลิ่นคาวเลือดติดค้างในปาก มีแต่ความหอมสดชื่นอุดมไปด้วยรสไขมันปลาเต็มปากสะใจสุดๆ ต่อกันด้วย Chutoro คือเนื้อปลาทูน่าส่วนที่มีไขมันน้อยลงมาแต่ได้รสชาติความสมดุลระหว่างไขมันหอมหวานและรสเนื้อปลาเข้มข้นตัดกันที่จุดกึ่งกลางกำลังดี เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบไขมันมากเกินไป สุดท้ายคือ Akami เนื้อแดงไร้ไขมันได้รสชาติเข้มข้นของมากุโร่แบบเต็มคำ ถึงแม้ว่าจะเป็นเนื้อแดงลีนๆแต่ก็นุ่มละมุนเนื้อละเอียดสมกับเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินคุณภาพสูงครับ จานต่อไปที่หน้าตาดูชวนงงนิดๆนึกว่าบาร์บีคิวเนื้อวัวเสียบไม้ย่างแต่ที่จริงก็คือ "Sanzoku Yaki" หรือเนื้อปลามากุโร่ส่วนหางติดกับหนังเสียบไม้พร้อมหอมใหญ่และมะเขือเทศสดย่างราดซอสรสหวานกลมกล่อม รสชาติเหมือนเนื้อติดมันแบบไม่มีกลิ่นของไขมันเนื้อทำให้รู้สึกสดชื่นมากกว่า ใครที่ไม่ทานเนื้อวัวแล้วอยากลองสัมผัสว่าเป็นยังไงลองเมนูนี้ดูครับ ส่วนอีกชุดจะเปลี่ยนจานนี้เป็น "Negima Age" หรือเนื้อปลาทูน่าส่วนติดกระดูกเลาะเอาแต่เนื้อแทรกหอมใหญ่ชุบแป้งทอดราดด้วยซอสนัมบัง ถ้าเปลี่ยนเป็นเมนูนี้แล้วจานหลักจากซูชิจะกลายเป็นข้าวหน้าปลาทูน่าดิบแทนครับผม

เมนูจานหลักที่มาเสิร์ฟในชุดนี้คือ "Maguro Nigiri + Negitoro Maki" ที่เลือกชุดนี้มาเพราะได้ทานเนื้อปลาทูน่าครีบน้ำเงินทั้ง 3 ส่วนเพิ่มอีกอย่างละ 2 ชิ้นในรูปแบบซูชิ (ถ้าเลือกชุดข้าวหน้ามีเพียงแค่ Akami กับ Toro สับ) เนื้อปลาคุณภาพระดับเดียวกับ Sashimi ที่เสิร์ฟในชุดแต่ข้าวที่ปรุงมารสชาติหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม รสชาติไม่จัดเกินไปจนรบกวนเนื้อปลาแบบร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำรสชาติเอาใจคนไทย ใส่วาซาบิมาให้เรียบร้อยแล้วเรามีหน้าที่แค่เอาด้านเนื้อปลาจิ้มโชยุเล็กน้อยก็อร่อยได้เลย ปริมาณวาซาบิที่ใส่มาให้ก็กำลังดีฉุนสดชื่นขึ้นจมูกนิดๆ ส่วนโทโร่สับใส่หอมใหญ่+ต้นหอมหนักเครื่องสมุนไพรมีรสหวานทานกับข้าวปั้นมากิม้วนแน่นๆเคี้ยวหนึบๆลงตัวดี ในชุดเสิร์ฟมาพร้อมกับขิงดองรสหวานเอาไว้ทานตัดรสชาติเพื่อเตรียมลิ้นให้พร้อมสำหรับซูชิคำถัดไปอร่อยและฝีมือดีมากครับ

ซุปที่เสิร์ฟเป็นมิโสะรสชาติเค็มหอมกลิ่นสาหร่าย โดยสาหร่ายที่ทางร้านใช้เป็นสาหร่ายแห้งไม่ใช่วากาเมะสดจึงทำให้ได้รสชาติเข้มข้นกว่าซุปมิโสะร้านอื่นๆ หอมกลิ่นคัตสึโอะเข้มข้นมิโสะรสเค็มสนิทตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ ก็เชื่อแล้วว่าเชฟคนญี่ปุ่นเขาลงมือทำเองในทุกขั้นตอนจริงๆเพราะรสชาติเหมือนไปทานที่ญี่ปุ่นเลยครับ ตบท้ายด้วยผลไม้สดหวานๆทั้งสับปะรดและแตงโม สับปะรดเนื้อหนึ่งหวานฉ่ำไม่เปรี้ยวแสบลิ้น ส่วนแตงโมก็เนื้อแน่นหวานฉ่ำไม่มีเนื้อทรายแทรกเข้ามาในปาก ดีงามตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้ายไม่แปลกใจเลยว่าคะแนนรีวิวสูงทุกสำนักเลยสำหรับที่นี่

มื้อนี้ก็มาทานแค่ชุดเดียวเพราะคุณแฟนผมเรียกแล้ว จ่ายไป 1,189 บาท มี Vat. 7% และ Service Charge อีก 10% ชุดอาหารที่สั่งมาไม่ได้บังคับทานเพียงแค่คนเดียวเลยแบ่งกับเพื่อนผม 2 คนชาเขียวรีฟีลคนละแก้วก็อิ่มกำลังดีและถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะ ได้ทานเมนูจากเนื้อปลามากุโร่ครีบน้ำเงินสุดแพงและได้เปิดประสบการณ์รสชาติใหม่ๆจากทูน่าส่วนที่หาไม่ได้จากร้านอื่นปรุงโดยเชฟชาวญี่ปุ่นฝีมือดีในราคาลด 50%เกือบทั้งร้าน ได้รับคะแนนความอร่อยและความคุ้มค่าไปเลย 5 ดาวเต็มครับผม 🌟🌟🌟🌟🌟


พิกัด : เลขที่ 8 ซอยเอกมัย 4 ถนนเอกมัย แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

ร้านเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 17.00-23.15 น.

โทรจองโต๊ะได้ตั้งแต่เวลา 15.30 น.เป็นต้นไป ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-714-3003

ส่วน 096-884-2584 และ 091-892-9964 สามารถโทรจองโต๊ะได้ตลอด 24 ชม.

Facebook : https://www.facebook.com/Don.Sushi.Restaurant.Bangkok

อ่านรีวิวแล้วชอบรบกวนช่วยกด Share ให้เพื่อนๆอ่าน

แล้วตามไปกดถูกใจเพจของเราที่นี่ > https://www.facebook.com/FoodAddictsThai/ <

และอย่าลืมกด See First เพื่อที่จะได้ไม่พลาดรีวิวใหม่ๆของเรานะ 😘😘😘



ดู 1,967 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page